[WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา 2

Now you are reading [WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา Chapter 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1 ตอนที่ 2 นักล่ามัมมี่กลายเป็นมัมมี่

 

 

เพราะไม่อยากโดนบังคับให้มาดูตัว ผมก็เลยตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้ ทว่ากลับกลายเป็นว่าเพื่อนร่วมชั้นสุดสวยกลับปรากฏตัวขึ้นมาซะงั้น

 

ไอ้เรื่องงี่เง่าแบบนี้มันมีจริงด้วยเหรอฟะ

ยูสุรุถอนหายใจ

 

(ไอ้เราก็ไม่คิดว่ายูกิชิโระ อาริสะจะอยู่ในเครือข่ายส่วนตัวของปู่ด้วย เสียท่าซะแล้ว ไม่น่าไปดูถูกเครือข่ายของตาแก่นั่นเลยแฮะ)

 

หรือว่าตาแก่นี่จะไร้เทียมทานสุดๆ ในญี่ปุ่น

เป็นอีกครั้งที่ผมชื่นชมในความสุดยอดและดื้อรันของตาแก่ …จากนั้นผมก็มองไปยังอาริสะที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง

                

มองยังไงก็งานศิลปะชัดๆ

 

“ส่วนทางนี้ก็คือทาคาเซกาวะ ยูสุรุครับ …ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”

 

ยูสุรุคุกเข่า วางมือไว้บนตัก จากนั้นก็ทักทายกลับ

ไหนๆ ก็มาซะขนาดนี้แล้ว ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาทางปฏิเสธออกไปแบบไม่ให้หยาบคายเท่านั้น

 

ยูสุรุกับอาริสะนั้นไม่ได้สนใจการแต่งงานแบบคลุมถุงชน ทว่าเหล่าผู้ปกครอง (กรณีของยูสุรุคือพ่อและปู่ ส่วนในกรณีของอาริสะก็คือพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรม) กลับตื่นเต้นและเริ่มพูดออกมากันเอง “ตกใจหมดเลยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแบบนี้” “บางทีแล้วนี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะครับ” ฯลฯ

 

ยูสุรุกับอาริสะได้แต่ยิ้มราวกับมีกาวแปะไว้และตอบกลับไปอย่างเหมาะสม เช่น “ครับ ตกใจหมดเลยล่ะครับ” “ประหลาดใจสุดๆ ไปเลยค่ะ” ฯลฯ

 

และเมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง…

เหล่าผู้ปกครองของแต่ละฝั่งก็ได้เสนอออกมาว่า “ทำไมทั้งสองคนไม่ลองไปทำความรู้จักกันให้ดีกว่านี้พร้อมกับชมวิวของสวนในร้านอาหารไปด้วยล่ะ”

ยูสุรุจะพูดออกไปว่า ‘ไม่ล่ะครับ’ ก็คงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปที่สวนกับอาริสะ

 

ผมออกไปที่สวนพร้อมกับคอยเดินนำอาริสะ

เพราะว่าเป็นสวนที่มีไว้สำหรับจัดงานดูตัว ทำให้ที่นี่เป็นที่ที่สวยงามมาก

“เอาแล้วสิ… จะบอกไปยังไงดีล่ะ”

 

แบบแซมเปิ้ลก็คือพูดออกไป “ฉันไม่คิดว่าเราจะเข้ากันได้” แล้วก็ปฏิเสธการจับคู่ซะ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนกับเป็นการพูดใส่อีกฝ่ายอ้อมๆ ว่า “เธอไม่น่าสนใจ” ด้วย

การที่เธอมางานดูตัวนั่นก็แสดงว่าเธอมีความสนใจบางอย่างในตัวยูสุรุ… และถ้าเกิดพูดออกไปไม่ดีเขาก็จะไปทำร้ายเธอ

ถึงจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกันมาตั้งแต่แรก แต่ว่าก็เรียนอยู่ในชั้นเดียวกัน

ผมไม่อยากรู้สึกกระอักกระอ่วนในอนาคตกับเหตุการณ์นี้

                

“คุณทาคาเซกาวะคะ…”

“ยูกิชิโระ?”

 

ในขณะที่ยูสุรุกำลังลังเล อาริสะที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ได้เปล่งเสียงออกมา

เธอจับผ้ากิโมโนแน่นแล้วก็ก้มศีรษะลง

 

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คือว่าการนัดดูตัวครั้งนี้… ฉันโดนคุณพ่อบังคับให้ยอมรับมาน่ะค่ะ คือว่าฉัน… เดิมทีแล้วไม่ได้คิดที่จะหมั้นเลยค่ะ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ยูสุรุก็รู้สึกได้ว่าราวกับมีอะไรบางอย่างที่อุดตันหลุดออกมาจากอก

คงเพราะแบบนั้นเอง ตัวเขาจึงเผลอถอนหายใจและเปล่งเสียงแห่งความโล่งใจออกมา

 

“…อะไรกัน เธอเองก็ด้วยเหรอเนี่ย”

“…เธอเองก็ด้วย?”

“ฉันเองก็ถูกลากให้มาที่นี่ด้วยเหมือนกับเธอนั่นแหละ… ก็คิดว่าพอตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้อย่าง ‘ถ้าเกิดอยากให้ผมไปดูตัวละก็ จงไปพาสาวผมทองตาฟ้ามาให้ซะ!’ แล้วแกจะยอมถอยน่ะ… ไม่คิดว่าแกจะไปพามาได้จริงๆ”

                

หลังจากยูสุรุพูดพร้อมกับถอนหายใจ อาริสะก็ได้พูดว่า “อย่างนี้นี่เอง” พร้อมกับปรบมือ

 

“เป็นแบบนี้นี่เองสินะคะ”

“เป็นแบบนี้?”

“คือได้ยินมาว่าคุณทาคาเซกาวะเป็นคนเสนอชื่อฉันมาด้วยตัวเองน่ะค่ะ …เขาก็เลยรับมา”

“…ขอโทษนะที่สร้างปัญหาให้”

“อันนั้นก็ทั้งคู่นั่นแหละค่ะ พูดกันชัดๆ แล้ว… คนสร้างปัญหาก็คือคุณพ่อต่างหาก เหมือนว่าพอคุณทาคาเซกาวะจะมาคุย เขาก็เอาแต่ตื่นเต้นอยู่คนเดียว”

                

เมื่อเห็นได้ชัดว่าต่างฝ่ายก็ไม่ได้อยากมาเอี่ยวด้วย ในบางแห่งของพวกเขาก็ได้มีความรู้สึกสนิทสนมเกิดขึ้น

ยูสุรุหัวเราะเบาๆ ในใจ และคิดว่ามันแปลกที่คนไม่ได้ชอบพอกันกลับมาสนิทสนมกันด้วยหัวข้อที่ธรรมดาๆ

 

“คุณทาคาเซกาวะคะ คือว่าฉันมีข้อเสนอให้คุณหนึ่งข้อค่ะ”

“ข้อเสนอ?”

“พวกเรามาโกหกด้วยการ… ‘หมั้น’ หลอกๆ ด้วยกันไหมคะ”

 “…อา”

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งนั่นก็คือ ข้อเสนอให้มีการ “หมั้น” แบบหลอกๆ เพื่อโกหกผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย

ในขณะที่ยูสุรุกับอาริสะกำลัง “หมั้น” กันอยู่นั้น แต่ละฝ่ายก็ไม่ต้องไปเข้ารับการดูตัวที่น่ารำคาญ

ใช้การ “หมั้น” เป็นเกราะป้องกันการแต่งงานแบบไม่ได้สมัครใจ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายต่างไปมีความรักได้ในแบบที่ตนเองต้องการ

และเมื่อพวกเราเติบโตจนสามารถต่อต้านพ่อแม่ได้เมื่อไหร่ ก็ค่อยล้มเลิกการ “หมั้น” ลง

แบบนี้นี่เอง

 

“อืม… ฉันคงตอบกลับว่า ‘เอาสิ’ ตอนนี้เลยไม่ได้หรอก มันดูท่าจะยุ่งยากน่ะ”

 

ยังเป็นที่ต้องสงสัยอยู่ ว่าการที่ต้องปิดบังเรื่อง “หมั้น” เป็นเวลานานๆ นั้นจะคุ้มค่าพอกับการพยายามปฏิเสธเรื่องการดูตัวหรือเปล่า

การที่ต้องแสดงละครมันเป็นเรื่องที่ปวดหัวใช้ได้

คงจะให้คำตอบออกไปไม่ได้ง่ายๆ

 

“อย่างนั้นเองเหรอคะ… ฉันจะรอคอยคำตอบดีๆ นะคะ”

                

อาริสะดูหดหู่ไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็กลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนในทันที

มันเป็นท่าทางอันอ่อนหวานที่ทำให้เหล่าเด็กผู้ชายทั้งหลายในโรงเรียนตื่นเต้นและเข้าใจผิดได้

แต่สำหรับยูสุรุแล้ว… มันเป็นแค่รอยยิ้มที่เสแสร้งเท่านั้น

 

เมี้ยว ผมได้ยินเสียงแมวเหมียว

 

“คุณทาคาเซกาวะคะ! คุณทาคาเซกาวะคะ! ตรงนั้น!”

“นั่นมัน… แมวนี่นา”

 

ยูสุรุไม่รู้ว่าแมวตัวนั้นอายุเท่าไหร่ แต่ดูแล้วมันน่าจะอายุน้อยกว่า 1 ขวบ

เจ้าแมวน้อยตัวนั้นกำลังร้องเมี้ยวๆ อยู่บนต้นไม้

 

“เจ้าเซ่อเอ๊ย คงปีนขึ้นไปเองแล้วลงไม่ได้สินะ”

“ทำไมถึงปีนขึ้นไปทั้งที่ลงไม่ได้กันคะ… ว่าแต่เราจะทำยังไงดีคะ ขืนทิ้งเอาไว้แบบนี้น้องอาจจะร่วงลงมาก็ได้นะคะ”

 

อาริสะพูดด้วยเสียงเป็นห่วง

เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นพวกทาสแมว

ในทุกครั้งที่แมวขยับตัวบนกิ่งไม้ อาริสะก็จะลนลานตามทันที

 

“ให้เรียกพนักกงานโรงเตี๊ยมมาดีมั้ย”

“ตะ แต่ว่า จะไม่ตกลงมาก่อนเหรอคะ”

“…นั่นสิ”

 

การเคลื่อนไหวของเจ้าแมวตัวนั้นดูอันตรายมาได้สักพักแล้ว

แม้แต่ยูสุรุที่ไม่ได้ชอบแมวเป็นพิเศษก็ยังรู้สึกหวาดเสียวเล็กๆ

 

“ทำไงดีล่ะ… ฉันเองก็ไม่เคยปีนต้นไม้ด้วยสิ… คือว่า… แล้วคุณทาคาเซกาวะล่ะคะ”

 

เธอถามเป็นนัยๆ กับยูสุรุว่า “คุณช่วยแมวได้มั้ย”

ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยแมวเป็นพิเศษ และไม่ได้มีภาระหน้าที่ที่จะต้องฟังคำขอของไอริสา แต่…

การที่เห็นแมวตกลงมาจากต้นไม้ตายต่อหน้ามันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจนิดหน่อย

                

“ถึงฉันจะเป็นพวกชอบหมาก็เถอะ แต่ว่า… ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

ยูสุรุบ่นพร้อมกับแก้โอบิและเริ่มถอดเสื้อผ้าออก

ผิวขาวน้ำนมของอาริสะถูกย้อมเป็นสีกุหลาบ และมองออกไปข้างๆ อย่างตื่นตระหนก 

 

ผิวขาวราวน้ำนมของอาริสะเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบและเบือนหน้าหนีด้วยความตื่นตระหนก

“ดะ เดี๋ยวสิคะ จู่ๆ อย่ามาแก้ผ้ากะทันหันสิคะ”

“อ๊ะ โทษที ข้างในนี้มีเสื้อยืดกับกางเกงอยู่น่ะ เพราะงั้นไม่เป็นไรเหรอก”

“งะ งั้นก็บอกกันก่อนสิคะ”

                

ดูเหมือนว่าเรื่องที่เธอไม่ได้คบกับใครมันจะเป็นเรื่องจริง เพราะดูเธอจะไม่ชินกับผู้ชาย

เพียงแค่ถอดเสื้อผ้าออกเล็กน้อยก็ทำให้เธอหน้าแดงได้แล้ว แสดงว่าภูมิต้านทานของเธอมีน้อยมาก

 

ยูสุรุพับกิโมโนที่เพิ่งถอดแล้วก็ยื่นให้กับอาริสะ

 

“ยูกิชิโระ… เธอเล่นกีฬาเก่งใช่มั้ย”           

“เอ๊ะ อ๊ะ ค่ะ”

“ถ้าเกิดแมวตกลงมาก่อนที่ฉันจะปีนขึ้นไปถึง ก็ช่วยเป็นเบาะรับไว้หน่อยล่ะ”

 

หลังจากพูดเสร็จแล้วผมก็วางมือลงบนต้นไม้

ก็ไม่ได้ปีนต้นไม้มานานแล้วล่ะนะ… แต่โชคดีที่ต้นนี้ดูจะปีนง่ายหน่อย (ที่แมวปีนขึ้นไปก็คงเป็นเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง) เพราะงั้นก็น่าจะสำเร็จแหละ

 

ยูซุรุรีบปีนขึ้นไปข้างบนต้นไม้

โชคดีหน่อยที่แมวไม่แสดงทีท่าว่าจะหนี

 

“เอาละ… ได้ตัวแล้ว”

                

การช่วยแมวสำเร็จได้โดยไม่ยากเย็น

ฟู่ และในขณะที่ผมกำลังผ่อนคลายอยู่นั้น…

 

…แย่แล้ว

 

“เมี้ยว!!”

“เฮ้ย! นี่ฉันเป็นคนช่วยชีวิตแกไว้นะ… อย่ารุนแรงสิฟะ อ๊ะ…”

 

สมดุลร่างกายของเขาถูกรบกวนอย่างหนัก

เขาค่อยๆ เข้าใกล้พื้นลงเรื่อยๆ

ตัวแมวยังคงอยู่ในอ้อมแขน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถยกมือไปยันที่พื้นได้

ยูสุรุตื่นตระหนกและรีบปรับท่าทางของตัวเอง แต่…

 

“แง๊ววว!!”

“เอ๊ะ!? คุณทาคาเซกาวะ!?”

 

ข้อเท้าขวาของเขาพลิกอย่างรุนแรง

 

——————————

ระดับความชอบในปัจจุบัน : 0%→1% (เพราะช่วยแมว)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา 2

Now you are reading [WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา Chapter 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1 ตอนที่ 2 นักล่ามัมมี่กลายเป็นมัมมี่

 

 

เพราะไม่อยากโดนบังคับให้มาดูตัว ผมก็เลยตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้ ทว่ากลับกลายเป็นว่าเพื่อนร่วมชั้นสุดสวยกลับปรากฏตัวขึ้นมาซะงั้น

 

ไอ้เรื่องงี่เง่าแบบนี้มันมีจริงด้วยเหรอฟะ

ยูสุรุถอนหายใจ

 

(ไอ้เราก็ไม่คิดว่ายูกิชิโระ อาริสะจะอยู่ในเครือข่ายส่วนตัวของปู่ด้วย เสียท่าซะแล้ว ไม่น่าไปดูถูกเครือข่ายของตาแก่นั่นเลยแฮะ)

 

หรือว่าตาแก่นี่จะไร้เทียมทานสุดๆ ในญี่ปุ่น

เป็นอีกครั้งที่ผมชื่นชมในความสุดยอดและดื้อรันของตาแก่ …จากนั้นผมก็มองไปยังอาริสะที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง

                

มองยังไงก็งานศิลปะชัดๆ

 

“ส่วนทางนี้ก็คือทาคาเซกาวะ ยูสุรุครับ …ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”

 

ยูสุรุคุกเข่า วางมือไว้บนตัก จากนั้นก็ทักทายกลับ

ไหนๆ ก็มาซะขนาดนี้แล้ว ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาทางปฏิเสธออกไปแบบไม่ให้หยาบคายเท่านั้น

 

ยูสุรุกับอาริสะนั้นไม่ได้สนใจการแต่งงานแบบคลุมถุงชน ทว่าเหล่าผู้ปกครอง (กรณีของยูสุรุคือพ่อและปู่ ส่วนในกรณีของอาริสะก็คือพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรม) กลับตื่นเต้นและเริ่มพูดออกมากันเอง “ตกใจหมดเลยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแบบนี้” “บางทีแล้วนี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะครับ” ฯลฯ

 

ยูสุรุกับอาริสะได้แต่ยิ้มราวกับมีกาวแปะไว้และตอบกลับไปอย่างเหมาะสม เช่น “ครับ ตกใจหมดเลยล่ะครับ” “ประหลาดใจสุดๆ ไปเลยค่ะ” ฯลฯ

 

และเมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง…

เหล่าผู้ปกครองของแต่ละฝั่งก็ได้เสนอออกมาว่า “ทำไมทั้งสองคนไม่ลองไปทำความรู้จักกันให้ดีกว่านี้พร้อมกับชมวิวของสวนในร้านอาหารไปด้วยล่ะ”

ยูสุรุจะพูดออกไปว่า ‘ไม่ล่ะครับ’ ก็คงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปที่สวนกับอาริสะ

 

ผมออกไปที่สวนพร้อมกับคอยเดินนำอาริสะ

เพราะว่าเป็นสวนที่มีไว้สำหรับจัดงานดูตัว ทำให้ที่นี่เป็นที่ที่สวยงามมาก

“เอาแล้วสิ… จะบอกไปยังไงดีล่ะ”

 

แบบแซมเปิ้ลก็คือพูดออกไป “ฉันไม่คิดว่าเราจะเข้ากันได้” แล้วก็ปฏิเสธการจับคู่ซะ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนกับเป็นการพูดใส่อีกฝ่ายอ้อมๆ ว่า “เธอไม่น่าสนใจ” ด้วย

การที่เธอมางานดูตัวนั่นก็แสดงว่าเธอมีความสนใจบางอย่างในตัวยูสุรุ… และถ้าเกิดพูดออกไปไม่ดีเขาก็จะไปทำร้ายเธอ

ถึงจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกันมาตั้งแต่แรก แต่ว่าก็เรียนอยู่ในชั้นเดียวกัน

ผมไม่อยากรู้สึกกระอักกระอ่วนในอนาคตกับเหตุการณ์นี้

                

“คุณทาคาเซกาวะคะ…”

“ยูกิชิโระ?”

 

ในขณะที่ยูสุรุกำลังลังเล อาริสะที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ได้เปล่งเสียงออกมา

เธอจับผ้ากิโมโนแน่นแล้วก็ก้มศีรษะลง

 

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คือว่าการนัดดูตัวครั้งนี้… ฉันโดนคุณพ่อบังคับให้ยอมรับมาน่ะค่ะ คือว่าฉัน… เดิมทีแล้วไม่ได้คิดที่จะหมั้นเลยค่ะ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ยูสุรุก็รู้สึกได้ว่าราวกับมีอะไรบางอย่างที่อุดตันหลุดออกมาจากอก

คงเพราะแบบนั้นเอง ตัวเขาจึงเผลอถอนหายใจและเปล่งเสียงแห่งความโล่งใจออกมา

 

“…อะไรกัน เธอเองก็ด้วยเหรอเนี่ย”

“…เธอเองก็ด้วย?”

“ฉันเองก็ถูกลากให้มาที่นี่ด้วยเหมือนกับเธอนั่นแหละ… ก็คิดว่าพอตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้อย่าง ‘ถ้าเกิดอยากให้ผมไปดูตัวละก็ จงไปพาสาวผมทองตาฟ้ามาให้ซะ!’ แล้วแกจะยอมถอยน่ะ… ไม่คิดว่าแกจะไปพามาได้จริงๆ”

                

หลังจากยูสุรุพูดพร้อมกับถอนหายใจ อาริสะก็ได้พูดว่า “อย่างนี้นี่เอง” พร้อมกับปรบมือ

 

“เป็นแบบนี้นี่เองสินะคะ”

“เป็นแบบนี้?”

“คือได้ยินมาว่าคุณทาคาเซกาวะเป็นคนเสนอชื่อฉันมาด้วยตัวเองน่ะค่ะ …เขาก็เลยรับมา”

“…ขอโทษนะที่สร้างปัญหาให้”

“อันนั้นก็ทั้งคู่นั่นแหละค่ะ พูดกันชัดๆ แล้ว… คนสร้างปัญหาก็คือคุณพ่อต่างหาก เหมือนว่าพอคุณทาคาเซกาวะจะมาคุย เขาก็เอาแต่ตื่นเต้นอยู่คนเดียว”

                

เมื่อเห็นได้ชัดว่าต่างฝ่ายก็ไม่ได้อยากมาเอี่ยวด้วย ในบางแห่งของพวกเขาก็ได้มีความรู้สึกสนิทสนมเกิดขึ้น

ยูสุรุหัวเราะเบาๆ ในใจ และคิดว่ามันแปลกที่คนไม่ได้ชอบพอกันกลับมาสนิทสนมกันด้วยหัวข้อที่ธรรมดาๆ

 

“คุณทาคาเซกาวะคะ คือว่าฉันมีข้อเสนอให้คุณหนึ่งข้อค่ะ”

“ข้อเสนอ?”

“พวกเรามาโกหกด้วยการ… ‘หมั้น’ หลอกๆ ด้วยกันไหมคะ”

 “…อา”

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งนั่นก็คือ ข้อเสนอให้มีการ “หมั้น” แบบหลอกๆ เพื่อโกหกผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย

ในขณะที่ยูสุรุกับอาริสะกำลัง “หมั้น” กันอยู่นั้น แต่ละฝ่ายก็ไม่ต้องไปเข้ารับการดูตัวที่น่ารำคาญ

ใช้การ “หมั้น” เป็นเกราะป้องกันการแต่งงานแบบไม่ได้สมัครใจ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายต่างไปมีความรักได้ในแบบที่ตนเองต้องการ

และเมื่อพวกเราเติบโตจนสามารถต่อต้านพ่อแม่ได้เมื่อไหร่ ก็ค่อยล้มเลิกการ “หมั้น” ลง

แบบนี้นี่เอง

 

“อืม… ฉันคงตอบกลับว่า ‘เอาสิ’ ตอนนี้เลยไม่ได้หรอก มันดูท่าจะยุ่งยากน่ะ”

 

ยังเป็นที่ต้องสงสัยอยู่ ว่าการที่ต้องปิดบังเรื่อง “หมั้น” เป็นเวลานานๆ นั้นจะคุ้มค่าพอกับการพยายามปฏิเสธเรื่องการดูตัวหรือเปล่า

การที่ต้องแสดงละครมันเป็นเรื่องที่ปวดหัวใช้ได้

คงจะให้คำตอบออกไปไม่ได้ง่ายๆ

 

“อย่างนั้นเองเหรอคะ… ฉันจะรอคอยคำตอบดีๆ นะคะ”

                

อาริสะดูหดหู่ไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็กลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนในทันที

มันเป็นท่าทางอันอ่อนหวานที่ทำให้เหล่าเด็กผู้ชายทั้งหลายในโรงเรียนตื่นเต้นและเข้าใจผิดได้

แต่สำหรับยูสุรุแล้ว… มันเป็นแค่รอยยิ้มที่เสแสร้งเท่านั้น

 

เมี้ยว ผมได้ยินเสียงแมวเหมียว

 

“คุณทาคาเซกาวะคะ! คุณทาคาเซกาวะคะ! ตรงนั้น!”

“นั่นมัน… แมวนี่นา”

 

ยูสุรุไม่รู้ว่าแมวตัวนั้นอายุเท่าไหร่ แต่ดูแล้วมันน่าจะอายุน้อยกว่า 1 ขวบ

เจ้าแมวน้อยตัวนั้นกำลังร้องเมี้ยวๆ อยู่บนต้นไม้

 

“เจ้าเซ่อเอ๊ย คงปีนขึ้นไปเองแล้วลงไม่ได้สินะ”

“ทำไมถึงปีนขึ้นไปทั้งที่ลงไม่ได้กันคะ… ว่าแต่เราจะทำยังไงดีคะ ขืนทิ้งเอาไว้แบบนี้น้องอาจจะร่วงลงมาก็ได้นะคะ”

 

อาริสะพูดด้วยเสียงเป็นห่วง

เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นพวกทาสแมว

ในทุกครั้งที่แมวขยับตัวบนกิ่งไม้ อาริสะก็จะลนลานตามทันที

 

“ให้เรียกพนักกงานโรงเตี๊ยมมาดีมั้ย”

“ตะ แต่ว่า จะไม่ตกลงมาก่อนเหรอคะ”

“…นั่นสิ”

 

การเคลื่อนไหวของเจ้าแมวตัวนั้นดูอันตรายมาได้สักพักแล้ว

แม้แต่ยูสุรุที่ไม่ได้ชอบแมวเป็นพิเศษก็ยังรู้สึกหวาดเสียวเล็กๆ

 

“ทำไงดีล่ะ… ฉันเองก็ไม่เคยปีนต้นไม้ด้วยสิ… คือว่า… แล้วคุณทาคาเซกาวะล่ะคะ”

 

เธอถามเป็นนัยๆ กับยูสุรุว่า “คุณช่วยแมวได้มั้ย”

ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยแมวเป็นพิเศษ และไม่ได้มีภาระหน้าที่ที่จะต้องฟังคำขอของไอริสา แต่…

การที่เห็นแมวตกลงมาจากต้นไม้ตายต่อหน้ามันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจนิดหน่อย

                

“ถึงฉันจะเป็นพวกชอบหมาก็เถอะ แต่ว่า… ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

ยูสุรุบ่นพร้อมกับแก้โอบิและเริ่มถอดเสื้อผ้าออก

ผิวขาวน้ำนมของอาริสะถูกย้อมเป็นสีกุหลาบ และมองออกไปข้างๆ อย่างตื่นตระหนก 

 

ผิวขาวราวน้ำนมของอาริสะเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบและเบือนหน้าหนีด้วยความตื่นตระหนก

“ดะ เดี๋ยวสิคะ จู่ๆ อย่ามาแก้ผ้ากะทันหันสิคะ”

“อ๊ะ โทษที ข้างในนี้มีเสื้อยืดกับกางเกงอยู่น่ะ เพราะงั้นไม่เป็นไรเหรอก”

“งะ งั้นก็บอกกันก่อนสิคะ”

                

ดูเหมือนว่าเรื่องที่เธอไม่ได้คบกับใครมันจะเป็นเรื่องจริง เพราะดูเธอจะไม่ชินกับผู้ชาย

เพียงแค่ถอดเสื้อผ้าออกเล็กน้อยก็ทำให้เธอหน้าแดงได้แล้ว แสดงว่าภูมิต้านทานของเธอมีน้อยมาก

 

ยูสุรุพับกิโมโนที่เพิ่งถอดแล้วก็ยื่นให้กับอาริสะ

 

“ยูกิชิโระ… เธอเล่นกีฬาเก่งใช่มั้ย”           

“เอ๊ะ อ๊ะ ค่ะ”

“ถ้าเกิดแมวตกลงมาก่อนที่ฉันจะปีนขึ้นไปถึง ก็ช่วยเป็นเบาะรับไว้หน่อยล่ะ”

 

หลังจากพูดเสร็จแล้วผมก็วางมือลงบนต้นไม้

ก็ไม่ได้ปีนต้นไม้มานานแล้วล่ะนะ… แต่โชคดีที่ต้นนี้ดูจะปีนง่ายหน่อย (ที่แมวปีนขึ้นไปก็คงเป็นเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง) เพราะงั้นก็น่าจะสำเร็จแหละ

 

ยูซุรุรีบปีนขึ้นไปข้างบนต้นไม้

โชคดีหน่อยที่แมวไม่แสดงทีท่าว่าจะหนี

 

“เอาละ… ได้ตัวแล้ว”

                

การช่วยแมวสำเร็จได้โดยไม่ยากเย็น

ฟู่ และในขณะที่ผมกำลังผ่อนคลายอยู่นั้น…

 

…แย่แล้ว

 

“เมี้ยว!!”

“เฮ้ย! นี่ฉันเป็นคนช่วยชีวิตแกไว้นะ… อย่ารุนแรงสิฟะ อ๊ะ…”

 

สมดุลร่างกายของเขาถูกรบกวนอย่างหนัก

เขาค่อยๆ เข้าใกล้พื้นลงเรื่อยๆ

ตัวแมวยังคงอยู่ในอ้อมแขน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถยกมือไปยันที่พื้นได้

ยูสุรุตื่นตระหนกและรีบปรับท่าทางของตัวเอง แต่…

 

“แง๊ววว!!”

“เอ๊ะ!? คุณทาคาเซกาวะ!?”

 

ข้อเท้าขวาของเขาพลิกอย่างรุนแรง

 

——————————

ระดับความชอบในปัจจุบัน : 0%→1% (เพราะช่วยแมว)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา 2

Now you are reading [WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา Chapter 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1 ตอนที่ 2 นักล่ามัมมี่กลายเป็นมัมมี่

 

 

เพราะไม่อยากโดนบังคับให้มาดูตัว ผมก็เลยตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้ ทว่ากลับกลายเป็นว่าเพื่อนร่วมชั้นสุดสวยกลับปรากฏตัวขึ้นมาซะงั้น

 

ไอ้เรื่องงี่เง่าแบบนี้มันมีจริงด้วยเหรอฟะ

ยูสุรุถอนหายใจ

 

(ไอ้เราก็ไม่คิดว่ายูกิชิโระ อาริสะจะอยู่ในเครือข่ายส่วนตัวของปู่ด้วย เสียท่าซะแล้ว ไม่น่าไปดูถูกเครือข่ายของตาแก่นั่นเลยแฮะ)

 

หรือว่าตาแก่นี่จะไร้เทียมทานสุดๆ ในญี่ปุ่น

เป็นอีกครั้งที่ผมชื่นชมในความสุดยอดและดื้อรันของตาแก่ …จากนั้นผมก็มองไปยังอาริสะที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง

                

มองยังไงก็งานศิลปะชัดๆ

 

“ส่วนทางนี้ก็คือทาคาเซกาวะ ยูสุรุครับ …ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”

 

ยูสุรุคุกเข่า วางมือไว้บนตัก จากนั้นก็ทักทายกลับ

ไหนๆ ก็มาซะขนาดนี้แล้ว ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาทางปฏิเสธออกไปแบบไม่ให้หยาบคายเท่านั้น

 

ยูสุรุกับอาริสะนั้นไม่ได้สนใจการแต่งงานแบบคลุมถุงชน ทว่าเหล่าผู้ปกครอง (กรณีของยูสุรุคือพ่อและปู่ ส่วนในกรณีของอาริสะก็คือพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรม) กลับตื่นเต้นและเริ่มพูดออกมากันเอง “ตกใจหมดเลยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแบบนี้” “บางทีแล้วนี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะครับ” ฯลฯ

 

ยูสุรุกับอาริสะได้แต่ยิ้มราวกับมีกาวแปะไว้และตอบกลับไปอย่างเหมาะสม เช่น “ครับ ตกใจหมดเลยล่ะครับ” “ประหลาดใจสุดๆ ไปเลยค่ะ” ฯลฯ

 

และเมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง…

เหล่าผู้ปกครองของแต่ละฝั่งก็ได้เสนอออกมาว่า “ทำไมทั้งสองคนไม่ลองไปทำความรู้จักกันให้ดีกว่านี้พร้อมกับชมวิวของสวนในร้านอาหารไปด้วยล่ะ”

ยูสุรุจะพูดออกไปว่า ‘ไม่ล่ะครับ’ ก็คงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปที่สวนกับอาริสะ

 

ผมออกไปที่สวนพร้อมกับคอยเดินนำอาริสะ

เพราะว่าเป็นสวนที่มีไว้สำหรับจัดงานดูตัว ทำให้ที่นี่เป็นที่ที่สวยงามมาก

“เอาแล้วสิ… จะบอกไปยังไงดีล่ะ”

 

แบบแซมเปิ้ลก็คือพูดออกไป “ฉันไม่คิดว่าเราจะเข้ากันได้” แล้วก็ปฏิเสธการจับคู่ซะ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนกับเป็นการพูดใส่อีกฝ่ายอ้อมๆ ว่า “เธอไม่น่าสนใจ” ด้วย

การที่เธอมางานดูตัวนั่นก็แสดงว่าเธอมีความสนใจบางอย่างในตัวยูสุรุ… และถ้าเกิดพูดออกไปไม่ดีเขาก็จะไปทำร้ายเธอ

ถึงจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกันมาตั้งแต่แรก แต่ว่าก็เรียนอยู่ในชั้นเดียวกัน

ผมไม่อยากรู้สึกกระอักกระอ่วนในอนาคตกับเหตุการณ์นี้

                

“คุณทาคาเซกาวะคะ…”

“ยูกิชิโระ?”

 

ในขณะที่ยูสุรุกำลังลังเล อาริสะที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ได้เปล่งเสียงออกมา

เธอจับผ้ากิโมโนแน่นแล้วก็ก้มศีรษะลง

 

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คือว่าการนัดดูตัวครั้งนี้… ฉันโดนคุณพ่อบังคับให้ยอมรับมาน่ะค่ะ คือว่าฉัน… เดิมทีแล้วไม่ได้คิดที่จะหมั้นเลยค่ะ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ยูสุรุก็รู้สึกได้ว่าราวกับมีอะไรบางอย่างที่อุดตันหลุดออกมาจากอก

คงเพราะแบบนั้นเอง ตัวเขาจึงเผลอถอนหายใจและเปล่งเสียงแห่งความโล่งใจออกมา

 

“…อะไรกัน เธอเองก็ด้วยเหรอเนี่ย”

“…เธอเองก็ด้วย?”

“ฉันเองก็ถูกลากให้มาที่นี่ด้วยเหมือนกับเธอนั่นแหละ… ก็คิดว่าพอตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้อย่าง ‘ถ้าเกิดอยากให้ผมไปดูตัวละก็ จงไปพาสาวผมทองตาฟ้ามาให้ซะ!’ แล้วแกจะยอมถอยน่ะ… ไม่คิดว่าแกจะไปพามาได้จริงๆ”

                

หลังจากยูสุรุพูดพร้อมกับถอนหายใจ อาริสะก็ได้พูดว่า “อย่างนี้นี่เอง” พร้อมกับปรบมือ

 

“เป็นแบบนี้นี่เองสินะคะ”

“เป็นแบบนี้?”

“คือได้ยินมาว่าคุณทาคาเซกาวะเป็นคนเสนอชื่อฉันมาด้วยตัวเองน่ะค่ะ …เขาก็เลยรับมา”

“…ขอโทษนะที่สร้างปัญหาให้”

“อันนั้นก็ทั้งคู่นั่นแหละค่ะ พูดกันชัดๆ แล้ว… คนสร้างปัญหาก็คือคุณพ่อต่างหาก เหมือนว่าพอคุณทาคาเซกาวะจะมาคุย เขาก็เอาแต่ตื่นเต้นอยู่คนเดียว”

                

เมื่อเห็นได้ชัดว่าต่างฝ่ายก็ไม่ได้อยากมาเอี่ยวด้วย ในบางแห่งของพวกเขาก็ได้มีความรู้สึกสนิทสนมเกิดขึ้น

ยูสุรุหัวเราะเบาๆ ในใจ และคิดว่ามันแปลกที่คนไม่ได้ชอบพอกันกลับมาสนิทสนมกันด้วยหัวข้อที่ธรรมดาๆ

 

“คุณทาคาเซกาวะคะ คือว่าฉันมีข้อเสนอให้คุณหนึ่งข้อค่ะ”

“ข้อเสนอ?”

“พวกเรามาโกหกด้วยการ… ‘หมั้น’ หลอกๆ ด้วยกันไหมคะ”

 “…อา”

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งนั่นก็คือ ข้อเสนอให้มีการ “หมั้น” แบบหลอกๆ เพื่อโกหกผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย

ในขณะที่ยูสุรุกับอาริสะกำลัง “หมั้น” กันอยู่นั้น แต่ละฝ่ายก็ไม่ต้องไปเข้ารับการดูตัวที่น่ารำคาญ

ใช้การ “หมั้น” เป็นเกราะป้องกันการแต่งงานแบบไม่ได้สมัครใจ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายต่างไปมีความรักได้ในแบบที่ตนเองต้องการ

และเมื่อพวกเราเติบโตจนสามารถต่อต้านพ่อแม่ได้เมื่อไหร่ ก็ค่อยล้มเลิกการ “หมั้น” ลง

แบบนี้นี่เอง

 

“อืม… ฉันคงตอบกลับว่า ‘เอาสิ’ ตอนนี้เลยไม่ได้หรอก มันดูท่าจะยุ่งยากน่ะ”

 

ยังเป็นที่ต้องสงสัยอยู่ ว่าการที่ต้องปิดบังเรื่อง “หมั้น” เป็นเวลานานๆ นั้นจะคุ้มค่าพอกับการพยายามปฏิเสธเรื่องการดูตัวหรือเปล่า

การที่ต้องแสดงละครมันเป็นเรื่องที่ปวดหัวใช้ได้

คงจะให้คำตอบออกไปไม่ได้ง่ายๆ

 

“อย่างนั้นเองเหรอคะ… ฉันจะรอคอยคำตอบดีๆ นะคะ”

                

อาริสะดูหดหู่ไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็กลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนในทันที

มันเป็นท่าทางอันอ่อนหวานที่ทำให้เหล่าเด็กผู้ชายทั้งหลายในโรงเรียนตื่นเต้นและเข้าใจผิดได้

แต่สำหรับยูสุรุแล้ว… มันเป็นแค่รอยยิ้มที่เสแสร้งเท่านั้น

 

เมี้ยว ผมได้ยินเสียงแมวเหมียว

 

“คุณทาคาเซกาวะคะ! คุณทาคาเซกาวะคะ! ตรงนั้น!”

“นั่นมัน… แมวนี่นา”

 

ยูสุรุไม่รู้ว่าแมวตัวนั้นอายุเท่าไหร่ แต่ดูแล้วมันน่าจะอายุน้อยกว่า 1 ขวบ

เจ้าแมวน้อยตัวนั้นกำลังร้องเมี้ยวๆ อยู่บนต้นไม้

 

“เจ้าเซ่อเอ๊ย คงปีนขึ้นไปเองแล้วลงไม่ได้สินะ”

“ทำไมถึงปีนขึ้นไปทั้งที่ลงไม่ได้กันคะ… ว่าแต่เราจะทำยังไงดีคะ ขืนทิ้งเอาไว้แบบนี้น้องอาจจะร่วงลงมาก็ได้นะคะ”

 

อาริสะพูดด้วยเสียงเป็นห่วง

เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นพวกทาสแมว

ในทุกครั้งที่แมวขยับตัวบนกิ่งไม้ อาริสะก็จะลนลานตามทันที

 

“ให้เรียกพนักกงานโรงเตี๊ยมมาดีมั้ย”

“ตะ แต่ว่า จะไม่ตกลงมาก่อนเหรอคะ”

“…นั่นสิ”

 

การเคลื่อนไหวของเจ้าแมวตัวนั้นดูอันตรายมาได้สักพักแล้ว

แม้แต่ยูสุรุที่ไม่ได้ชอบแมวเป็นพิเศษก็ยังรู้สึกหวาดเสียวเล็กๆ

 

“ทำไงดีล่ะ… ฉันเองก็ไม่เคยปีนต้นไม้ด้วยสิ… คือว่า… แล้วคุณทาคาเซกาวะล่ะคะ”

 

เธอถามเป็นนัยๆ กับยูสุรุว่า “คุณช่วยแมวได้มั้ย”

ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยแมวเป็นพิเศษ และไม่ได้มีภาระหน้าที่ที่จะต้องฟังคำขอของไอริสา แต่…

การที่เห็นแมวตกลงมาจากต้นไม้ตายต่อหน้ามันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจนิดหน่อย

                

“ถึงฉันจะเป็นพวกชอบหมาก็เถอะ แต่ว่า… ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

ยูสุรุบ่นพร้อมกับแก้โอบิและเริ่มถอดเสื้อผ้าออก

ผิวขาวน้ำนมของอาริสะถูกย้อมเป็นสีกุหลาบ และมองออกไปข้างๆ อย่างตื่นตระหนก 

 

ผิวขาวราวน้ำนมของอาริสะเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบและเบือนหน้าหนีด้วยความตื่นตระหนก

“ดะ เดี๋ยวสิคะ จู่ๆ อย่ามาแก้ผ้ากะทันหันสิคะ”

“อ๊ะ โทษที ข้างในนี้มีเสื้อยืดกับกางเกงอยู่น่ะ เพราะงั้นไม่เป็นไรเหรอก”

“งะ งั้นก็บอกกันก่อนสิคะ”

                

ดูเหมือนว่าเรื่องที่เธอไม่ได้คบกับใครมันจะเป็นเรื่องจริง เพราะดูเธอจะไม่ชินกับผู้ชาย

เพียงแค่ถอดเสื้อผ้าออกเล็กน้อยก็ทำให้เธอหน้าแดงได้แล้ว แสดงว่าภูมิต้านทานของเธอมีน้อยมาก

 

ยูสุรุพับกิโมโนที่เพิ่งถอดแล้วก็ยื่นให้กับอาริสะ

 

“ยูกิชิโระ… เธอเล่นกีฬาเก่งใช่มั้ย”           

“เอ๊ะ อ๊ะ ค่ะ”

“ถ้าเกิดแมวตกลงมาก่อนที่ฉันจะปีนขึ้นไปถึง ก็ช่วยเป็นเบาะรับไว้หน่อยล่ะ”

 

หลังจากพูดเสร็จแล้วผมก็วางมือลงบนต้นไม้

ก็ไม่ได้ปีนต้นไม้มานานแล้วล่ะนะ… แต่โชคดีที่ต้นนี้ดูจะปีนง่ายหน่อย (ที่แมวปีนขึ้นไปก็คงเป็นเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง) เพราะงั้นก็น่าจะสำเร็จแหละ

 

ยูซุรุรีบปีนขึ้นไปข้างบนต้นไม้

โชคดีหน่อยที่แมวไม่แสดงทีท่าว่าจะหนี

 

“เอาละ… ได้ตัวแล้ว”

                

การช่วยแมวสำเร็จได้โดยไม่ยากเย็น

ฟู่ และในขณะที่ผมกำลังผ่อนคลายอยู่นั้น…

 

…แย่แล้ว

 

“เมี้ยว!!”

“เฮ้ย! นี่ฉันเป็นคนช่วยชีวิตแกไว้นะ… อย่ารุนแรงสิฟะ อ๊ะ…”

 

สมดุลร่างกายของเขาถูกรบกวนอย่างหนัก

เขาค่อยๆ เข้าใกล้พื้นลงเรื่อยๆ

ตัวแมวยังคงอยู่ในอ้อมแขน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถยกมือไปยันที่พื้นได้

ยูสุรุตื่นตระหนกและรีบปรับท่าทางของตัวเอง แต่…

 

“แง๊ววว!!”

“เอ๊ะ!? คุณทาคาเซกาวะ!?”

 

ข้อเท้าขวาของเขาพลิกอย่างรุนแรง

 

——————————

ระดับความชอบในปัจจุบัน : 0%→1% (เพราะช่วยแมว)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+