กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess 65 พบกันอีกครั้ง 2

Now you are reading กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess Chapter 65 พบกันอีกครั้ง 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess

 

ตอนที่ 65 พบกันอีกครั้ง 2

 

หลินเสี่ยวเฟยเงียบไปครู่หนึ่ง ในตอนแรกเธออยากจะพบเขาและพูดคุยกับเขา แต่นั่นเป็นเพียงแค่ความคิดของเธอเท่านั้น ด้วยการปรากฏตัวของเขาข้างหลังเธอ ทำให้เธอรู้ว่าชายผู้นี้ไม่ใช่ชายหนุ่มที่ธรรมดาและนั่นทำให้เธอรู้สึกประหม่า

 

มันจะดีหรือไม่ หากเธอได้พบกับเขาในตอนนี้?

 

“ทำไมตอนนี้ท่านถึงลังเล” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังกล่าวและหัวเราะเยาะเธอ

 

“ข้าไม่เห็นความลังเลใดๆจากท่านเลย ตอนที่ท่านสั่งให้คนไประเบิดที่ถ้ำ สนุกไหมที่ได้เห็นจักรพรรดิผู้เฒ่าสะดุ้งจนกางเกงของพวกเขาบิดเบี้ยว?”

 

คำพูดของเขาดูไม่เหมาะสมและตรงไปตรงมา หากผู้คนที่ได้ยินเขาเรียกจักรพรรดิ

 

ว่า “คนแก่” หลินเสี่ยวเฟยมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่หัวเราะด้วยและไม่มีใครสามารถพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูดกับจักรพรรดิและต่อหน้าผู้อื่นได้ แต่ชายหนุ่มผู้นี้กับไม่สนใจแม้แต่น้อย

 

เธอยังแปลกใจที่ได้ยินเขาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับถ้ำ ทหารที่เข้ามาในห้องโถงไม่ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในถ้ำเลยด้วยซ้ำ แต่ชายผู้นี้สามารถรับข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เธอสงสัยว่าเขาอาจจะส่งคนของเขามาแอบฟังเรื่องราวภายในวังเหมือนที่เขาเคยทำกับเธอ

 

การที่จะส่งพวกของเขาเข้ามาในวังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากราชวงศ์เป็นคนขี้ขลาดและเป็นคนที่กังวลเป็นอย่างมาก หากได้ยินเสียงใดที่ผิดที่ปกติ พวกเขาก็พร้อมที่จะวิ่งหนี และหากจับได้พวกเขาจะกำจัดบุคคลใดก็ตามที่พวกเขาถือว่าเป็นผู้ที่น่าสงสัย

 

หลินสี่ยวเฟย มองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอและเห็นว่าเขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีใครบางคนอยู่ข้างหลังเธอ แม้จะเป็นชายหนุ่มที่มีการฝึกฝนในด้านศิลปะการต่อสู้

 

“เป็นเพราะเขาเหรอ?” น้ำเสียงของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอกล่าวขึ้นอย่างเฉียบแหลม และเธอสามารถเดาได้ว่าดวงตาของเขาเริ่มหลง

 

ฉ่เซียวซู โกรธที่คิดว่าหญิงผู้นี้เขาลังเลเพราะชายหนุ่มที่โง่เขลาผู้นั้น และเขายังแสดงทีท่ากระโดดไปรอบๆ ราวกับเด็กที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาตลอดชีวิต แม้จะไม่ได้หันหน้ามาทางเธอและหันหลังให้กับต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังเธอ เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องมองไปที่ทิศทางของชายหนุ่มผู้นั้น

 

ฉ่เซียวซูอยากจะพาหลินเฉินยูออกไปจากตรงนั้น เพื่อที่เขาจะได้รับความสนใจจากเธอเพียงผู้เดียว

 

“ไม่” เป็นคำตอบสั้นๆ จากเธอ

 

หลนเสี่ยวเฟยไม่เพียงแต่ลังเล เพราะหลินเฉินยูอาจเห็นเธอกับเขาและตั้งข้อสงสัยบางอย่างระหว่างทาง อาจทำให้แผนการของเธอนั่นยากลำบากขึ้นสำหรับเธอที่จะตระหนัก

 

แต่เพราะชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหลังเธอ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นพันธมิตรหรือศัตรูที่เธอต้องการจะกำจัด

 

“งั้นก็มาทางนี้ส” เธอได้ยินเขาพูด เสียงของเขาฟังดูลึกลับราวกับมีเวทย์มนตร์แฝงอยู่ในนั้น มันอาจทำให้คนๆหนึ่งหลงใหลและตามเขาไปอย่างดาย

 

แต่เมื่อเธอได้ยิน กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีมารกำลังเชื้อเชิญเธอให้เดินทางไปยังส่วนลึกของนรก

 

เธอจึงขจัดความลังเล หลินเสี่ยวเฟยจึงก้าวไปด้านข้างและเดินไปรอบๆต้นไม้ ที่นั่นเธอพบว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ขณะที่เขาเอนหลังพิงอยู่บนลำต้นของต้นไม้อย่างเกียจคร้าน

 

ชายหนุ่มผู้นี้มีผมสีดำสนิทและรวบทรงผมอย่างสมบูรณ์แบบ ไหล่และหลังกว้างที่ของเขา ทำให้เขาดูน่าเกรงขามและเป็นลูกผู้ชายมากกว่าชายคนไหนๆที่เธอเคยพบ

 

ราวกับว่าลมหายใจของเธอถูกพรากไป หลินเสี่ยวเฟยเกือบลืมหายใจเมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาของชายผู้นี้ ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบ เธอเคยเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาต่างๆในอดีต และรู้สึกว่าพวกเขาดูน่าเบื่อเพราะเธอตาบอดจากความเมตตาของหยูเฟิงซู นั่นเป็นเหตุผลที่หลินเสี่ยวเฟยสามารถบอกได้เลยว่าชายผู้นี้ดูเหนือกว่าชายคนอื่นๆเป็นอย่างมาก

 

หลินเสี่ยวเฟย คุกเข่าลงเพื่อโค้งคำนับเขา “ข้ายินดีที่ได้พบกับท่าน ท่านดยุคฉ่เซียวซู”

 

ฉ่เซียวซูขบขันและพยักหน้าให้กับเธอ รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นเมื่อเขามองดูใบหน้าที่สวยงามและจ้องไปที่ดวงตาของเธอ ราวกับพึ่งเคยเห็นเธอเป็นครั้งแรก ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อได้สบตาทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

 

“อย่าทำเหมือนข้าเป็นคนแปลกหน้าเลย และเรียกข้าว่าฉ่เซียวซู”

 

“ข้ามิกล้าทำเช่นนั้น” เธอกล่าวตอบปฏิเสธที่จะเรียกชื่อเขาตามปกติ “มันคงจะหยาบคายสำหรับข้า ที่จะเรียกโดยไม่มีชื่อตำแหน่งที่น่านับถือของท่าน”

 

นอกจากนี้ การเรียกเขาด้วยชื่อที่ปกติและไม่ใช้ชื่อตามยศศักดิ์ของเขา จะทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่ดูเหมือนเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน

 

หลินเสี่ยวเฟยยังลังเลที่จะใช้ชื่อของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอต้องการให้เขาเป็นพันธมิตรเท่านั้นไม่ใช่คนรักของเธอ

 

” แต่ข้าขอยืนยัน” ฉ่เซียวซูเดินเข้ามาใกล้เธอ ทำให้เธอก้าวถอยหลัง ” ข้าอยากจะเรียกท่านด้วยชื่อของท่าน”

 

คิ้วของหลินเสี่ยวเฟยย่นมากยิ่งขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาและเห็นว่าเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะให้เธอเห็นด้วยกับเขาและเรียกชื่อของเขา “ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ ข้าก็จะขอทำตามท่านด้วย”

 

ดวงตาของฉ่เซียวซูเป็นประกาย เขาไม่ได้คาดหวังให้เธอเห็นด้วยกับเขาง่ายๆ และรู้ว่าการเรียกชื่อของใครซักคน ถ้าไม่ใช่คนในตระกูลหรือคนใกล้ชิดสนิทสนมกับคนๆนั้น ผู้คนอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในฐานะคู่รัก

 

ด้วยการเกิดและตำแหน่งอันสูงส่งของเขา การเรียกชื่อเขาโดยไม่มีตำแหน่งเป็นการไม่ให้เกียรติเขาเลย แต่ฉ่เซียวซูก็ยังอยากให้หลินเสี่ยวเฟยเรียกเขาด้วยชื่อปกติของเขาอยู่ดี

 

ขณะที่เขากำลังคิด หลินเสี่ยวเฟยก็ยิ้มและขจัดความกลัวหรือความลังเลใจใดๆที่หลงเหลืออยู่ในตัวเธอ ขณะที่เธอก้าวเข้ามาหาเขาอย่างกล้าหาญ ทำให้เขามองเธอด้วยความประหลาดใจ

 

“แต่ข้าไม่ต้องการที่จะเรียกท่าน ด้วยชื่อของท่าน “ฉีเซียวซู” แต่ข้าต้องการเรียกท่านด้วยชื่อที่ข้าคุ้นเคย

 

“และนั่นคืออะไร?” อู่เชียวซู เอียงศีรษะเล็กน้อยไปด้านข้างอย่างเย่อหยิ่งและเลิกคิ้วขึ้น

 

“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก ผู้จัดการหลิว”

 

ฉ่เซียวซูเงียบไป จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหาเธอและดึงเธอไปที่อื่น เขาสังเกตเห็นว่าหลินเฉินยูกำลังจะเพิกเฉยต่อสิ่งรบกวนและมองดูทางของเธอ นั่นเป็นสาเหตุที่เขารีบออกไปจากที่นั่นและไม่มีใครขัดจังหวะพวกเขา

 

หลินเสี่ยวเฟย ตกใจกับการเคลื่อนไหวของเขาและต้องการดึงมือของเธอออกจากเขา ขณะที่สัมผัสผิวของเธอ เธอรู้สึกว่าผิวบริเวณมือของเขาเริ่มร้อนขึ้น

 

“ลูกพี่ลูกน้อง?” เธอได้ยินเสียงของหลินเฉินยูเรียกเธอ น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้ว่าฉ่เซียวซูต้องดึงเธอออกไป

 

เมื่อเขารู้สึกว่าเธอไม่ได้ขัดขืน เขายิ้มและเริ่มเดินเร็วขึ้นเพื่อซ่อนร่างของพวกเขาให้พ้นจากสายตาที่แอบมอง

 

พวกเขาเดินห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ในตอนแรกไม่กี่เมตรและพบว่าตัวเองอยู่ในสวนเล็กๆ ที่ไม่ได้รับการดูและไร้สายตาจากผู้คน

 

ไม่มีแขกคนใดมาเดินดูรอบๆ และดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมาทางด้านนี้เพราะว่าด้านนี้ของพระราชวังไม่มีอะไรให้ดูมากนัก

 

ขณะที่พวกเขาหยุดเดิน มือของหญิงสาวที่เขาจับอยู่ก็ไม่ถอยกลับ เขาคาดหวังให้เธอดึงมือออกจากเขาในทันที

 

เขาหันไปมองเธอและเห็นว่าใบหน้าของเธอเริ่มแดง ริมฝีปากของเธอก็แยกออกเล็กน้อยขณะที่เธอหอบ

 

” ท่านสบายดีหรือไหม?”

 

เมื่อจ้องมองไปที่เขา หลินเสี่ยวเฟยควบคุมการหายใจของเธอหลังจากเดินห่างจากที่อื่นไม่กี่ระยะทาง เธอไม่ควรจะหอบและรู้สึกเหนื่อยเช่นนี้ แต่เป็นเพราะเธอไม่ได้อยู่ในร่างเดิมของเธอ แต่กลับอยู่ในร่างของเด็กที่นิสัยเสีย

 

หลังจากที่เห็นเธอจ้องมาที่เขาด้วยความรำคาญ ฉีเซียวซูพบว่าการแสดงออกของเธอเป็นที่น่าสนใจ เธอมีใบหน้าที่เย็นชาเมื่อพวกเขาพบกัน และเห็นว่าปฏิกิริยานี้จากเธอเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา

 

“คราวหน้า ท่านควรไปเยี่ยมหงเปยโหลวของข้าอีกสองสามครั้งเพื่อให้ขาของท่านคุ้นเคยกับการเดินในระยะไกล” เขาล้อเธอและพูดถึงโรงเตี้ยมที่พวกเขาพบกันสองครั้งแล้ว

 

เนื่องจากหลินเสี่ยวเฟยเรียกเขาว่า “ผู้จัดการหลิว” เขาเดาว่าเธอรู้ตัวตนทั้งสองของเขาในฐานะ ดยุคเซียวและผู้จัดการของหงเปยโหลว

 

“บางที่ท่านควรจะค่อยๆพิจารณา เพราะข้าเป็นเพศที่ยุติธรรมกว่า” เธอพึมพำภายใต้ลมหายใจของเธอ

 

เธอไม่ได้รับคำตอบจากเขา และนั่นทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา

 

“อะไร?” เธอตะคอก

 

“เปล่าครับ” เขายิ้ม “ข้าแค่ไม่รู้ว่าท่านชอบเดินช้าๆ ข้าคิดว่าท่านคงอยากจะไปให้ข้าไปจากที่นี่ให้เร็วขึ้น ขอบคุณที่บอกข้าล่วงหน้า”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess 65 พบกันอีกครั้ง 2

Now you are reading กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess Chapter 65 พบกันอีกครั้ง 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess

 

ตอนที่ 65 พบกันอีกครั้ง 2

 

หลินเสี่ยวเฟยเงียบไปครู่หนึ่ง ในตอนแรกเธออยากจะพบเขาและพูดคุยกับเขา แต่นั่นเป็นเพียงแค่ความคิดของเธอเท่านั้น ด้วยการปรากฏตัวของเขาข้างหลังเธอ ทำให้เธอรู้ว่าชายผู้นี้ไม่ใช่ชายหนุ่มที่ธรรมดาและนั่นทำให้เธอรู้สึกประหม่า

 

มันจะดีหรือไม่ หากเธอได้พบกับเขาในตอนนี้?

 

“ทำไมตอนนี้ท่านถึงลังเล” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังกล่าวและหัวเราะเยาะเธอ

 

“ข้าไม่เห็นความลังเลใดๆจากท่านเลย ตอนที่ท่านสั่งให้คนไประเบิดที่ถ้ำ สนุกไหมที่ได้เห็นจักรพรรดิผู้เฒ่าสะดุ้งจนกางเกงของพวกเขาบิดเบี้ยว?”

 

คำพูดของเขาดูไม่เหมาะสมและตรงไปตรงมา หากผู้คนที่ได้ยินเขาเรียกจักรพรรดิ

 

ว่า “คนแก่” หลินเสี่ยวเฟยมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่หัวเราะด้วยและไม่มีใครสามารถพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูดกับจักรพรรดิและต่อหน้าผู้อื่นได้ แต่ชายหนุ่มผู้นี้กับไม่สนใจแม้แต่น้อย

 

เธอยังแปลกใจที่ได้ยินเขาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับถ้ำ ทหารที่เข้ามาในห้องโถงไม่ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในถ้ำเลยด้วยซ้ำ แต่ชายผู้นี้สามารถรับข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เธอสงสัยว่าเขาอาจจะส่งคนของเขามาแอบฟังเรื่องราวภายในวังเหมือนที่เขาเคยทำกับเธอ

 

การที่จะส่งพวกของเขาเข้ามาในวังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากราชวงศ์เป็นคนขี้ขลาดและเป็นคนที่กังวลเป็นอย่างมาก หากได้ยินเสียงใดที่ผิดที่ปกติ พวกเขาก็พร้อมที่จะวิ่งหนี และหากจับได้พวกเขาจะกำจัดบุคคลใดก็ตามที่พวกเขาถือว่าเป็นผู้ที่น่าสงสัย

 

หลินสี่ยวเฟย มองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอและเห็นว่าเขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีใครบางคนอยู่ข้างหลังเธอ แม้จะเป็นชายหนุ่มที่มีการฝึกฝนในด้านศิลปะการต่อสู้

 

“เป็นเพราะเขาเหรอ?” น้ำเสียงของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอกล่าวขึ้นอย่างเฉียบแหลม และเธอสามารถเดาได้ว่าดวงตาของเขาเริ่มหลง

 

ฉ่เซียวซู โกรธที่คิดว่าหญิงผู้นี้เขาลังเลเพราะชายหนุ่มที่โง่เขลาผู้นั้น และเขายังแสดงทีท่ากระโดดไปรอบๆ ราวกับเด็กที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาตลอดชีวิต แม้จะไม่ได้หันหน้ามาทางเธอและหันหลังให้กับต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังเธอ เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องมองไปที่ทิศทางของชายหนุ่มผู้นั้น

 

ฉ่เซียวซูอยากจะพาหลินเฉินยูออกไปจากตรงนั้น เพื่อที่เขาจะได้รับความสนใจจากเธอเพียงผู้เดียว

 

“ไม่” เป็นคำตอบสั้นๆ จากเธอ

 

หลนเสี่ยวเฟยไม่เพียงแต่ลังเล เพราะหลินเฉินยูอาจเห็นเธอกับเขาและตั้งข้อสงสัยบางอย่างระหว่างทาง อาจทำให้แผนการของเธอนั่นยากลำบากขึ้นสำหรับเธอที่จะตระหนัก

 

แต่เพราะชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหลังเธอ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นพันธมิตรหรือศัตรูที่เธอต้องการจะกำจัด

 

“งั้นก็มาทางนี้ส” เธอได้ยินเขาพูด เสียงของเขาฟังดูลึกลับราวกับมีเวทย์มนตร์แฝงอยู่ในนั้น มันอาจทำให้คนๆหนึ่งหลงใหลและตามเขาไปอย่างดาย

 

แต่เมื่อเธอได้ยิน กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีมารกำลังเชื้อเชิญเธอให้เดินทางไปยังส่วนลึกของนรก

 

เธอจึงขจัดความลังเล หลินเสี่ยวเฟยจึงก้าวไปด้านข้างและเดินไปรอบๆต้นไม้ ที่นั่นเธอพบว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ขณะที่เขาเอนหลังพิงอยู่บนลำต้นของต้นไม้อย่างเกียจคร้าน

 

ชายหนุ่มผู้นี้มีผมสีดำสนิทและรวบทรงผมอย่างสมบูรณ์แบบ ไหล่และหลังกว้างที่ของเขา ทำให้เขาดูน่าเกรงขามและเป็นลูกผู้ชายมากกว่าชายคนไหนๆที่เธอเคยพบ

 

ราวกับว่าลมหายใจของเธอถูกพรากไป หลินเสี่ยวเฟยเกือบลืมหายใจเมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาของชายผู้นี้ ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบ เธอเคยเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาต่างๆในอดีต และรู้สึกว่าพวกเขาดูน่าเบื่อเพราะเธอตาบอดจากความเมตตาของหยูเฟิงซู นั่นเป็นเหตุผลที่หลินเสี่ยวเฟยสามารถบอกได้เลยว่าชายผู้นี้ดูเหนือกว่าชายคนอื่นๆเป็นอย่างมาก

 

หลินเสี่ยวเฟย คุกเข่าลงเพื่อโค้งคำนับเขา “ข้ายินดีที่ได้พบกับท่าน ท่านดยุคฉ่เซียวซู”

 

ฉ่เซียวซูขบขันและพยักหน้าให้กับเธอ รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นเมื่อเขามองดูใบหน้าที่สวยงามและจ้องไปที่ดวงตาของเธอ ราวกับพึ่งเคยเห็นเธอเป็นครั้งแรก ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อได้สบตาทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

 

“อย่าทำเหมือนข้าเป็นคนแปลกหน้าเลย และเรียกข้าว่าฉ่เซียวซู”

 

“ข้ามิกล้าทำเช่นนั้น” เธอกล่าวตอบปฏิเสธที่จะเรียกชื่อเขาตามปกติ “มันคงจะหยาบคายสำหรับข้า ที่จะเรียกโดยไม่มีชื่อตำแหน่งที่น่านับถือของท่าน”

 

นอกจากนี้ การเรียกเขาด้วยชื่อที่ปกติและไม่ใช้ชื่อตามยศศักดิ์ของเขา จะทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่ดูเหมือนเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน

 

หลินเสี่ยวเฟยยังลังเลที่จะใช้ชื่อของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอต้องการให้เขาเป็นพันธมิตรเท่านั้นไม่ใช่คนรักของเธอ

 

” แต่ข้าขอยืนยัน” ฉ่เซียวซูเดินเข้ามาใกล้เธอ ทำให้เธอก้าวถอยหลัง ” ข้าอยากจะเรียกท่านด้วยชื่อของท่าน”

 

คิ้วของหลินเสี่ยวเฟยย่นมากยิ่งขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาและเห็นว่าเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะให้เธอเห็นด้วยกับเขาและเรียกชื่อของเขา “ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ ข้าก็จะขอทำตามท่านด้วย”

 

ดวงตาของฉ่เซียวซูเป็นประกาย เขาไม่ได้คาดหวังให้เธอเห็นด้วยกับเขาง่ายๆ และรู้ว่าการเรียกชื่อของใครซักคน ถ้าไม่ใช่คนในตระกูลหรือคนใกล้ชิดสนิทสนมกับคนๆนั้น ผู้คนอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในฐานะคู่รัก

 

ด้วยการเกิดและตำแหน่งอันสูงส่งของเขา การเรียกชื่อเขาโดยไม่มีตำแหน่งเป็นการไม่ให้เกียรติเขาเลย แต่ฉ่เซียวซูก็ยังอยากให้หลินเสี่ยวเฟยเรียกเขาด้วยชื่อปกติของเขาอยู่ดี

 

ขณะที่เขากำลังคิด หลินเสี่ยวเฟยก็ยิ้มและขจัดความกลัวหรือความลังเลใจใดๆที่หลงเหลืออยู่ในตัวเธอ ขณะที่เธอก้าวเข้ามาหาเขาอย่างกล้าหาญ ทำให้เขามองเธอด้วยความประหลาดใจ

 

“แต่ข้าไม่ต้องการที่จะเรียกท่าน ด้วยชื่อของท่าน “ฉีเซียวซู” แต่ข้าต้องการเรียกท่านด้วยชื่อที่ข้าคุ้นเคย

 

“และนั่นคืออะไร?” อู่เชียวซู เอียงศีรษะเล็กน้อยไปด้านข้างอย่างเย่อหยิ่งและเลิกคิ้วขึ้น

 

“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก ผู้จัดการหลิว”

 

ฉ่เซียวซูเงียบไป จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหาเธอและดึงเธอไปที่อื่น เขาสังเกตเห็นว่าหลินเฉินยูกำลังจะเพิกเฉยต่อสิ่งรบกวนและมองดูทางของเธอ นั่นเป็นสาเหตุที่เขารีบออกไปจากที่นั่นและไม่มีใครขัดจังหวะพวกเขา

 

หลินเสี่ยวเฟย ตกใจกับการเคลื่อนไหวของเขาและต้องการดึงมือของเธอออกจากเขา ขณะที่สัมผัสผิวของเธอ เธอรู้สึกว่าผิวบริเวณมือของเขาเริ่มร้อนขึ้น

 

“ลูกพี่ลูกน้อง?” เธอได้ยินเสียงของหลินเฉินยูเรียกเธอ น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้ว่าฉ่เซียวซูต้องดึงเธอออกไป

 

เมื่อเขารู้สึกว่าเธอไม่ได้ขัดขืน เขายิ้มและเริ่มเดินเร็วขึ้นเพื่อซ่อนร่างของพวกเขาให้พ้นจากสายตาที่แอบมอง

 

พวกเขาเดินห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ในตอนแรกไม่กี่เมตรและพบว่าตัวเองอยู่ในสวนเล็กๆ ที่ไม่ได้รับการดูและไร้สายตาจากผู้คน

 

ไม่มีแขกคนใดมาเดินดูรอบๆ และดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมาทางด้านนี้เพราะว่าด้านนี้ของพระราชวังไม่มีอะไรให้ดูมากนัก

 

ขณะที่พวกเขาหยุดเดิน มือของหญิงสาวที่เขาจับอยู่ก็ไม่ถอยกลับ เขาคาดหวังให้เธอดึงมือออกจากเขาในทันที

 

เขาหันไปมองเธอและเห็นว่าใบหน้าของเธอเริ่มแดง ริมฝีปากของเธอก็แยกออกเล็กน้อยขณะที่เธอหอบ

 

” ท่านสบายดีหรือไหม?”

 

เมื่อจ้องมองไปที่เขา หลินเสี่ยวเฟยควบคุมการหายใจของเธอหลังจากเดินห่างจากที่อื่นไม่กี่ระยะทาง เธอไม่ควรจะหอบและรู้สึกเหนื่อยเช่นนี้ แต่เป็นเพราะเธอไม่ได้อยู่ในร่างเดิมของเธอ แต่กลับอยู่ในร่างของเด็กที่นิสัยเสีย

 

หลังจากที่เห็นเธอจ้องมาที่เขาด้วยความรำคาญ ฉีเซียวซูพบว่าการแสดงออกของเธอเป็นที่น่าสนใจ เธอมีใบหน้าที่เย็นชาเมื่อพวกเขาพบกัน และเห็นว่าปฏิกิริยานี้จากเธอเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา

 

“คราวหน้า ท่านควรไปเยี่ยมหงเปยโหลวของข้าอีกสองสามครั้งเพื่อให้ขาของท่านคุ้นเคยกับการเดินในระยะไกล” เขาล้อเธอและพูดถึงโรงเตี้ยมที่พวกเขาพบกันสองครั้งแล้ว

 

เนื่องจากหลินเสี่ยวเฟยเรียกเขาว่า “ผู้จัดการหลิว” เขาเดาว่าเธอรู้ตัวตนทั้งสองของเขาในฐานะ ดยุคเซียวและผู้จัดการของหงเปยโหลว

 

“บางที่ท่านควรจะค่อยๆพิจารณา เพราะข้าเป็นเพศที่ยุติธรรมกว่า” เธอพึมพำภายใต้ลมหายใจของเธอ

 

เธอไม่ได้รับคำตอบจากเขา และนั่นทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา

 

“อะไร?” เธอตะคอก

 

“เปล่าครับ” เขายิ้ม “ข้าแค่ไม่รู้ว่าท่านชอบเดินช้าๆ ข้าคิดว่าท่านคงอยากจะไปให้ข้าไปจากที่นี่ให้เร็วขึ้น ขอบคุณที่บอกข้าล่วงหน้า”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+