กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess 67 สร้างพันธมิตร

Now you are reading กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess Chapter 67 สร้างพันธมิตร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess

 

ตอนที่ 67 สร้างพันธมิตร

 

หลินเสียวเฟยก้าวออกมาจากมุมด้านในของสวน เธอไม่ได้รีบกลับไปที่หลินเฉินยู แต่ทันทีที่เธอเหลือบไปมองพื้นตรงที่พวกเขายืนคุยกัน กลับพบว่าชายผู้นั้นไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

 

ในเวลาไม่นาน หลินเฉินยูที่ดูเป็นกังวลก็เดินเข้ามาในสายตาของเธอเขาวิ่ง ไปหาเธอและบ่นว่า “ทำไมลูกพี่ลูกน้องถึงทิ้งข้าไว้ที่นี่เพียงผู้เดียว เจ้ารู้ไหมว่าข้าเขินอายแค่ไหนเมื่อมีหญิงสาวเดิน ผ่านมาและเห็นว่าข้าพูดคนเดียว!”

 

หลินเสี่ยวเฟยเหลือบมองด้านข้าง “ข้าสนใจส่วนนี้ของสวนจึงเดินไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น” โดยไม่รอให้เขาบ่นอีก เธอกล่าวต่อ “เราควรกลับไปที่ห้องโถง เพราะจะทำให้ท่านตาของเราเป็นห่วง”

 

หลินเฉินยู พบว่าข้อแก้ตัวของเธอดูแปลก เพราะไม่มีอะไรในสวนนั้นของส่วนที่ดูเหมือนจะดึงดูดสายตาของใครก็ตาม เมื่อสลัดความคิดออกจากหัว เขาจึงตัดสินใจไปกับลูกพี่ลูกน้องและกลับไปที่งานเลี้ยง

 

เมื่อพวกเขากลับมาที่ห้องโถงที่จัดงานเลี้ยง แต่ยังมีคนอีกสองสามคนที่ยังไม่กลับมา

 

พวกเขาคงหมกมุ่นอยู่กับการเที่ยวชมหรืออาจถูกเรียกโดยใครบางคนจากในวังหลัง

 

การถูกใครบางคนเรียกจากวังหลังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหรือหายากเลย หญิงที่อาศัยอยู่ในวังเป็นญาติของราชวงศ์ที่มาเยี่ยมหรือนางสนมที่นับได้ไม่ถ้วน

 

ขณะที่หลินเสี่ยวเฟยกลับไปที่นั่งของเธอ หางตาของเธอเหลือบไปเห็นสาวใช้คนหนึ่งเดินมาข้างๆซ่งหลิน และกระซิบที่หูของเธอ

 

ซ่งหลินรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรก ที่สาวใช้ขัดจังหวะการสนทนากับสหายของเธอ แต่เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่สาวใช้พูดเธอก็เริ่มสนใจและตั้งใจฟังอย่างกระตือรือร้น

 

สาวใช้หยิบจดหมายในมือของเธอและซ่งหลินใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการดูและอ่านสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้น 

 

ผู้เขียนจดหมาย ต้องการเชิญเธอให้ไปยังหลังเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาวก่อน ที่งานเลี้ยงจะสิ้น

 

สุดลงและแขกจะตัดสินใจแยกย้ายกันกลับที่พักของตน

 

ไม่มีชื่อที่ลงนามไว้ในจดหมาย เธอแปลกใจและสงสัยว่าใครเป็นคนส่ง จึงหันไปถามสาวใช้ว่า “ใครเป็นผู้ให้สิ่งนี้แก่เจ้า”

 

“นี่…” สาวใช้ลังเลเพราะเธอไม่แน่ใจว่าจะบอกซ่งหลินได้อย่างไร ว่ามีขั้นที่ในวังมาหาเธอและมอบจดหมายนี้ให้แก่เธอ โดยไม่ได้เปิดเผยว่าใครเป็นเจ้านายของเขา

 

ขณะที่สาวใช้ยังคงลังเลอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมองทันเวลาและเห็นขันที่เดินมาตรงที่นั่งของราชสำนักและกระซิบกับองค์ชายท่านหนึ่ง

 

เธอชี้ไปทางขันที แล้วกล่าวกับซ่งหลินว่า “ท่านผู้นั้นเจ้าค่ะคุณหญิง” 

 

ซ่งหลินหันตามทิศทางที่เธอใช้นิ้วชี้ไป และเห็นขันที่ยืนอยู่ข้างองค์ชายสี่หยูเฟิงซู และกำลังพูดกับเขาเกี่ยวกับบางสิ่ง

 

เมื่อเธอตกใจกับเหตุนี้ เธอจึงดุสาวใช้ว่า “นี่ นางสาวใช้ผู้ต่ำต้อย เจ้าพูดอะไรของเจ้า! เจ้าเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ ขันทีผู้นั้นจะส่งจดหมายมาให้ข้าทำไม”

 

“แต่ข้าไม่ได้โกหกคุณหญิง!” สาวใช้ร้องไห้ “เป็นท่านจริงๆเจ้าค่ะ!”

 

“เงียบ และลืมสิ่งที่เห็นและได้ยินไปซะ” ซึ่งหลินตำหนิสาวใช้ เธอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่สาวใช้พูด เธอคิดว่าอาจมีคนอื่นส่งจดหมายฉบับนี้ถึงเธอเพื่อหลอกล่อเธอ

 

และในเวลานั้น หยูเฟิงซูก็ลืมตาขึ้นหลังจากที่ขันที่พูดกับเขาเสร็จ ราวกับว่าโชคเข้าวิ่งเข้าใส่ซ่งหลิน พวกเขาทั้งคู่ได้สบตากันและเธอเห็นว่าเขาพยักหน้าให้กับเธอ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อหยูเฟิงซูยังคงฟังรายงานของขันที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของถ้ำ เขาได้จ้องมองไปที่ร่างของเธอและกำลังสบตากับหญิงสาวที่ดูดีพอจะเรียกได้ว่าเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ 

 

เมื่อสบตากับเธอแล้ว หยูเฟิงซูก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าให้กับเธอเป็นการทักทายและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ก่อนจะหันไปมองทันที

 

หลังจากสบตาเขา ซึ่งหลินพยักหน้าและมองลงอย่างเขินอาย หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น

 

ใบหน้าและหูของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที

 

เป็นไปได้อย่างไร? นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่? เธอคิดในใจเพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าองค์ชายที่เธอจินตนาการจะเชิญเธอ ไปพบในวัง หลายคนจะได้เห็นเขาก็ต่อเมื่อมีข้อผิดพลาดหรือเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในตอนแรกเธอจะสงสัยที่มาของจดหมาย แต่เมื่อเธอเห็นหยูเฟิงซูพยักหน้าให้กับเธอ จิตใจของซ่งหลินก็สับสน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอในที่สุดก็สามารถบรรลุได้ และในที่สุดองค์ชายผู้นั้นก็เข้ามาหัวใจของเธอ และตกหลุมรักเธอ

 

ด้วยความคิดเหล่านี้ ซึ่งหลินกำมือแน่นพร้อมกับจดหมาย

 

หากนี่เป็นกลอุบายเพื่อหลอกล่อเธอเธอสาบานว่าเธอจะฆ่าคนเลวทรามและทำลายพวกเขา และทำให้รู้ว่ามันคือความผิดพลาดที่พวกเขาคิดจะหลอกเธอ

 

แต่ถ้าองค์ชายสี่ส่งสิ่งนี้มาให้เธอจริงๆ…

 

ซ่งหลินจะเต็มใจหรือไม่ นี่จะไม่ใช้โอกาสที่อาจเกิดขึ้นได้เพียงแค่ในฝันของเธอ?

 

พ่อแม่ของเธอรีบเร่งหาชายหนุ่มที่เหมาะสมกับเธอ และญาติของเธอก็ชอบเปรียบเทียบเธอกับนางสนมที่ตระกูลซึ่งสร้างมา ทำให้เธอดูเหมือนคนโง่เมื่อคิดถึงสายตาที่ดูถูกและเยาะเย้ยที่นางสนมเคยมองมาที่เธอ ซ่งหลินอยากรู้ว่านางสนมและตระกูลของเธอจะแสดงสีหน้าอย่างไร หากพวกเขาพบว่าเธอได้รับคำเชิญให้ไปพบโดยหยูเฟิงซู 

 

ด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ของเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กว้างขึ้น

 

“คุณหนู…ข้าควรบอกนายท่านกับคุณหญิงเรื่องนี้ดีหรือไม่?” สาวใช้กล่าวถามอย่างระมัดระวัง

 

เมื่อมองไปที่สาวใช้ ซ่งหลินเดือนเธอว่า “อย่าพูดอะไรกับท่านพ่อหรือท่านแม่ของข้า ถ้าข้าได้ยินอะไรจากพวกเขา… ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงพร้อมสำหรับการโดนลงโทษ

 

ซ่งหลินไม่ต้องการให้พ่อแม่ของเธอรู้เรื่องนี้ หากพวกเขารู้เรื่องนี้จริงๆ ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจจะหยุดและขัดขวางเธอในการเป็นมเหสีขององค์ชายสี่? และถ้าเธอไม่ถูกลิขิตให้เป็นมเหสีของเขา การเป็นนางสนมของเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน

 

สาวใช้ตัวสั่นเมื่อรู้ว่าซ่งหลินชอบลงโทษคนรับใช้ของเธอเพื่อความบันเทิง และหากคนใช้ทำผิด การลงโทษก็น่ากลัวเกินกว่าจะรับไหว

 

เมื่อนึกถึงเนื้อที่เย็นเยือกและความเรียบเนียนของแท่งทองคำที่เธอจะได้รับจากหญิงสาวสวยที่นั่งตรงข้าม เธอจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำภารกิจนี้ให้เสร็จ ด้วยทองคำที่เธอจะได้รับ เธอจะต้องจากไป ก่อนที่คุณหนูของเธอจะพบและลงโทษเธอ

 

ในฐานะสาวใช้ที่ไม่เคยออกจากที่พักของตระกูลซ่ง เธอไม่รู้ลักษณะหน้าตาของคุณหนูสี่ ที่ล่ำลือกันในตระกูลหลินว่าเป็นอย่างไร แม้ว่าเธอจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเธอ

 

ดังนั้น เธอจึงคิดว่าเหล่าคุณหนูที่อยู่ข้างๆพวกเขา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตระกูลหลินเท่านั้น

 

เธอเงยขึ้นมองหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามพวกเขา สาวใช้พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกว่างานเสร็จสิ้นแล้ว

 

หลินเสี่ยวเฟยเพียงกวาดตามองเธอก่อนที่จะยิ้มอย่างเฉยเมย สายตาของเธอจับจ้องไปที่ที่นั่งอันทรงเกียรติ ที่มีชายหนุ่มกำลังจ้องมองเธอ

 

เมื่อเห็นสีหน้าขี้เล่นในดวงตาของเขาหลินเสี่ยวเฟยคาดว่า เขาอาจจะเพลิดเพลินกับการแสดงที่เธอคิด เธอละสายตาจากเขาและมองดูกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่ในถ้วยน้ำชาของเธอ

 

เธอไม่ชอบความจริงที่ว่า ฉู่เซียวซูมองเห็นแผนการของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะสร้างพันธมิตร

 

ไม่ว่ากรณีใด เธอดีใจที่สาวใช้ทำภารกิจของเธอได้สำเร็จ

 

เมื่อมองไปที่ซ่งหลินที่ร่าเริงและเขินอาย หลินเสี่ยวเฟยแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นสีหน้าของตระกูลซ่งว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อได้เห็นลูกสาวตกไปอยู่ในกำมือของคนผิด

 

อย่าโทษข้าที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้.. เธอคิดกับตัวเอง ถ้าเพียงตระกูลซ่งให้ความใส่ใจกับธุระกิจของตนเองมากกว่าจะไปเอะอะเรื่องการแต่งงานของเธอเธอคงจะไม่ใช้วิธีนี้ที่หลายคนในเมืองหลวงทั้งหมดใช้กัน

 

ฉ่เซียวซู ยังคงเฝ้าดูหญิงสาวที่เป็นพันธมิตรกับเขาด้วยความสนใจ มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะยกขึ้น เมื่อเขานึกถึงละครเรื่องที่เธอวางแผนจะ สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงของเขา

 

จำได้ว่าดวงตาของเธอดูเป็นประกายเมื่อเขากล่าวว่าเธอจะต่อสู้กับราชวงศ์เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความตื่นเต้นกับสิ่งที่เธอจะทำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess 67 สร้างพันธมิตร

Now you are reading กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess Chapter 67 สร้างพันธมิตร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess

 

ตอนที่ 67 สร้างพันธมิตร

 

หลินเสียวเฟยก้าวออกมาจากมุมด้านในของสวน เธอไม่ได้รีบกลับไปที่หลินเฉินยู แต่ทันทีที่เธอเหลือบไปมองพื้นตรงที่พวกเขายืนคุยกัน กลับพบว่าชายผู้นั้นไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

 

ในเวลาไม่นาน หลินเฉินยูที่ดูเป็นกังวลก็เดินเข้ามาในสายตาของเธอเขาวิ่ง ไปหาเธอและบ่นว่า “ทำไมลูกพี่ลูกน้องถึงทิ้งข้าไว้ที่นี่เพียงผู้เดียว เจ้ารู้ไหมว่าข้าเขินอายแค่ไหนเมื่อมีหญิงสาวเดิน ผ่านมาและเห็นว่าข้าพูดคนเดียว!”

 

หลินเสี่ยวเฟยเหลือบมองด้านข้าง “ข้าสนใจส่วนนี้ของสวนจึงเดินไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น” โดยไม่รอให้เขาบ่นอีก เธอกล่าวต่อ “เราควรกลับไปที่ห้องโถง เพราะจะทำให้ท่านตาของเราเป็นห่วง”

 

หลินเฉินยู พบว่าข้อแก้ตัวของเธอดูแปลก เพราะไม่มีอะไรในสวนนั้นของส่วนที่ดูเหมือนจะดึงดูดสายตาของใครก็ตาม เมื่อสลัดความคิดออกจากหัว เขาจึงตัดสินใจไปกับลูกพี่ลูกน้องและกลับไปที่งานเลี้ยง

 

เมื่อพวกเขากลับมาที่ห้องโถงที่จัดงานเลี้ยง แต่ยังมีคนอีกสองสามคนที่ยังไม่กลับมา

 

พวกเขาคงหมกมุ่นอยู่กับการเที่ยวชมหรืออาจถูกเรียกโดยใครบางคนจากในวังหลัง

 

การถูกใครบางคนเรียกจากวังหลังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหรือหายากเลย หญิงที่อาศัยอยู่ในวังเป็นญาติของราชวงศ์ที่มาเยี่ยมหรือนางสนมที่นับได้ไม่ถ้วน

 

ขณะที่หลินเสี่ยวเฟยกลับไปที่นั่งของเธอ หางตาของเธอเหลือบไปเห็นสาวใช้คนหนึ่งเดินมาข้างๆซ่งหลิน และกระซิบที่หูของเธอ

 

ซ่งหลินรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรก ที่สาวใช้ขัดจังหวะการสนทนากับสหายของเธอ แต่เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่สาวใช้พูดเธอก็เริ่มสนใจและตั้งใจฟังอย่างกระตือรือร้น

 

สาวใช้หยิบจดหมายในมือของเธอและซ่งหลินใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการดูและอ่านสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้น 

 

ผู้เขียนจดหมาย ต้องการเชิญเธอให้ไปยังหลังเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาวก่อน ที่งานเลี้ยงจะสิ้น

 

สุดลงและแขกจะตัดสินใจแยกย้ายกันกลับที่พักของตน

 

ไม่มีชื่อที่ลงนามไว้ในจดหมาย เธอแปลกใจและสงสัยว่าใครเป็นคนส่ง จึงหันไปถามสาวใช้ว่า “ใครเป็นผู้ให้สิ่งนี้แก่เจ้า”

 

“นี่…” สาวใช้ลังเลเพราะเธอไม่แน่ใจว่าจะบอกซ่งหลินได้อย่างไร ว่ามีขั้นที่ในวังมาหาเธอและมอบจดหมายนี้ให้แก่เธอ โดยไม่ได้เปิดเผยว่าใครเป็นเจ้านายของเขา

 

ขณะที่สาวใช้ยังคงลังเลอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมองทันเวลาและเห็นขันที่เดินมาตรงที่นั่งของราชสำนักและกระซิบกับองค์ชายท่านหนึ่ง

 

เธอชี้ไปทางขันที แล้วกล่าวกับซ่งหลินว่า “ท่านผู้นั้นเจ้าค่ะคุณหญิง” 

 

ซ่งหลินหันตามทิศทางที่เธอใช้นิ้วชี้ไป และเห็นขันที่ยืนอยู่ข้างองค์ชายสี่หยูเฟิงซู และกำลังพูดกับเขาเกี่ยวกับบางสิ่ง

 

เมื่อเธอตกใจกับเหตุนี้ เธอจึงดุสาวใช้ว่า “นี่ นางสาวใช้ผู้ต่ำต้อย เจ้าพูดอะไรของเจ้า! เจ้าเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ ขันทีผู้นั้นจะส่งจดหมายมาให้ข้าทำไม”

 

“แต่ข้าไม่ได้โกหกคุณหญิง!” สาวใช้ร้องไห้ “เป็นท่านจริงๆเจ้าค่ะ!”

 

“เงียบ และลืมสิ่งที่เห็นและได้ยินไปซะ” ซึ่งหลินตำหนิสาวใช้ เธอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่สาวใช้พูด เธอคิดว่าอาจมีคนอื่นส่งจดหมายฉบับนี้ถึงเธอเพื่อหลอกล่อเธอ

 

และในเวลานั้น หยูเฟิงซูก็ลืมตาขึ้นหลังจากที่ขันที่พูดกับเขาเสร็จ ราวกับว่าโชคเข้าวิ่งเข้าใส่ซ่งหลิน พวกเขาทั้งคู่ได้สบตากันและเธอเห็นว่าเขาพยักหน้าให้กับเธอ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อหยูเฟิงซูยังคงฟังรายงานของขันที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของถ้ำ เขาได้จ้องมองไปที่ร่างของเธอและกำลังสบตากับหญิงสาวที่ดูดีพอจะเรียกได้ว่าเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ 

 

เมื่อสบตากับเธอแล้ว หยูเฟิงซูก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าให้กับเธอเป็นการทักทายและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ก่อนจะหันไปมองทันที

 

หลังจากสบตาเขา ซึ่งหลินพยักหน้าและมองลงอย่างเขินอาย หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น

 

ใบหน้าและหูของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที

 

เป็นไปได้อย่างไร? นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่? เธอคิดในใจเพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าองค์ชายที่เธอจินตนาการจะเชิญเธอ ไปพบในวัง หลายคนจะได้เห็นเขาก็ต่อเมื่อมีข้อผิดพลาดหรือเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในตอนแรกเธอจะสงสัยที่มาของจดหมาย แต่เมื่อเธอเห็นหยูเฟิงซูพยักหน้าให้กับเธอ จิตใจของซ่งหลินก็สับสน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอในที่สุดก็สามารถบรรลุได้ และในที่สุดองค์ชายผู้นั้นก็เข้ามาหัวใจของเธอ และตกหลุมรักเธอ

 

ด้วยความคิดเหล่านี้ ซึ่งหลินกำมือแน่นพร้อมกับจดหมาย

 

หากนี่เป็นกลอุบายเพื่อหลอกล่อเธอเธอสาบานว่าเธอจะฆ่าคนเลวทรามและทำลายพวกเขา และทำให้รู้ว่ามันคือความผิดพลาดที่พวกเขาคิดจะหลอกเธอ

 

แต่ถ้าองค์ชายสี่ส่งสิ่งนี้มาให้เธอจริงๆ…

 

ซ่งหลินจะเต็มใจหรือไม่ นี่จะไม่ใช้โอกาสที่อาจเกิดขึ้นได้เพียงแค่ในฝันของเธอ?

 

พ่อแม่ของเธอรีบเร่งหาชายหนุ่มที่เหมาะสมกับเธอ และญาติของเธอก็ชอบเปรียบเทียบเธอกับนางสนมที่ตระกูลซึ่งสร้างมา ทำให้เธอดูเหมือนคนโง่เมื่อคิดถึงสายตาที่ดูถูกและเยาะเย้ยที่นางสนมเคยมองมาที่เธอ ซ่งหลินอยากรู้ว่านางสนมและตระกูลของเธอจะแสดงสีหน้าอย่างไร หากพวกเขาพบว่าเธอได้รับคำเชิญให้ไปพบโดยหยูเฟิงซู 

 

ด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ของเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กว้างขึ้น

 

“คุณหนู…ข้าควรบอกนายท่านกับคุณหญิงเรื่องนี้ดีหรือไม่?” สาวใช้กล่าวถามอย่างระมัดระวัง

 

เมื่อมองไปที่สาวใช้ ซ่งหลินเดือนเธอว่า “อย่าพูดอะไรกับท่านพ่อหรือท่านแม่ของข้า ถ้าข้าได้ยินอะไรจากพวกเขา… ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงพร้อมสำหรับการโดนลงโทษ

 

ซ่งหลินไม่ต้องการให้พ่อแม่ของเธอรู้เรื่องนี้ หากพวกเขารู้เรื่องนี้จริงๆ ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจจะหยุดและขัดขวางเธอในการเป็นมเหสีขององค์ชายสี่? และถ้าเธอไม่ถูกลิขิตให้เป็นมเหสีของเขา การเป็นนางสนมของเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน

 

สาวใช้ตัวสั่นเมื่อรู้ว่าซ่งหลินชอบลงโทษคนรับใช้ของเธอเพื่อความบันเทิง และหากคนใช้ทำผิด การลงโทษก็น่ากลัวเกินกว่าจะรับไหว

 

เมื่อนึกถึงเนื้อที่เย็นเยือกและความเรียบเนียนของแท่งทองคำที่เธอจะได้รับจากหญิงสาวสวยที่นั่งตรงข้าม เธอจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำภารกิจนี้ให้เสร็จ ด้วยทองคำที่เธอจะได้รับ เธอจะต้องจากไป ก่อนที่คุณหนูของเธอจะพบและลงโทษเธอ

 

ในฐานะสาวใช้ที่ไม่เคยออกจากที่พักของตระกูลซ่ง เธอไม่รู้ลักษณะหน้าตาของคุณหนูสี่ ที่ล่ำลือกันในตระกูลหลินว่าเป็นอย่างไร แม้ว่าเธอจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเธอ

 

ดังนั้น เธอจึงคิดว่าเหล่าคุณหนูที่อยู่ข้างๆพวกเขา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตระกูลหลินเท่านั้น

 

เธอเงยขึ้นมองหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามพวกเขา สาวใช้พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกว่างานเสร็จสิ้นแล้ว

 

หลินเสี่ยวเฟยเพียงกวาดตามองเธอก่อนที่จะยิ้มอย่างเฉยเมย สายตาของเธอจับจ้องไปที่ที่นั่งอันทรงเกียรติ ที่มีชายหนุ่มกำลังจ้องมองเธอ

 

เมื่อเห็นสีหน้าขี้เล่นในดวงตาของเขาหลินเสี่ยวเฟยคาดว่า เขาอาจจะเพลิดเพลินกับการแสดงที่เธอคิด เธอละสายตาจากเขาและมองดูกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่ในถ้วยน้ำชาของเธอ

 

เธอไม่ชอบความจริงที่ว่า ฉู่เซียวซูมองเห็นแผนการของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะสร้างพันธมิตร

 

ไม่ว่ากรณีใด เธอดีใจที่สาวใช้ทำภารกิจของเธอได้สำเร็จ

 

เมื่อมองไปที่ซ่งหลินที่ร่าเริงและเขินอาย หลินเสี่ยวเฟยแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นสีหน้าของตระกูลซ่งว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อได้เห็นลูกสาวตกไปอยู่ในกำมือของคนผิด

 

อย่าโทษข้าที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้.. เธอคิดกับตัวเอง ถ้าเพียงตระกูลซ่งให้ความใส่ใจกับธุระกิจของตนเองมากกว่าจะไปเอะอะเรื่องการแต่งงานของเธอเธอคงจะไม่ใช้วิธีนี้ที่หลายคนในเมืองหลวงทั้งหมดใช้กัน

 

ฉ่เซียวซู ยังคงเฝ้าดูหญิงสาวที่เป็นพันธมิตรกับเขาด้วยความสนใจ มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะยกขึ้น เมื่อเขานึกถึงละครเรื่องที่เธอวางแผนจะ สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงของเขา

 

จำได้ว่าดวงตาของเธอดูเป็นประกายเมื่อเขากล่าวว่าเธอจะต่อสู้กับราชวงศ์เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความตื่นเต้นกับสิ่งที่เธอจะทำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+