ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] 330 ชีวิตอิสระ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] Chapter 330 ชีวิตอิสระ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหวินเปียวสามพี่น้องกลับก้มหน้าลง ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะหวดม้าต่อแล้ว ปล่อยบังเ**ยนลง ปล่อยให้ม้าตามหลังเอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงเท้าม้าด้านนอกรถ ยกมุมปาก แล้วเผยรอยยิ้มออกมา ยื่นมือออกมาเปิดม่านหน้าต่าง มองออกไปด้านนอก เหตุการณ์ที่พี่น้องสำนักคุ้มภัยทุกคนหวดม้าให้วิ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาอยู่สายตาของตัวเอง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็มองตามออกไปข้างนอกแวบหนึ่ง คิดในใจหนึ่งรอบ ทุกคนในสำนักคุ้มภัยเวยหย่วนกลับมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหยุดเงียบมาเป็นเวลานานหลายปีนี้ พวกเขาจะยังมีความกล้าพอที่จะฟื้นฟูสำนักคุ้มภัยเวยหย่วน ให้กลับมามีชื่อเสียงเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่

 

 

พี่น้องทุกคนตื่นเต้นกันมาก ม้าเดินมาถึงหน้าประตูสำนักคุ้มภัย หยุดลงเป็นแถวแนวนอน มองดูตัวหนังสือที่เขียนไว้ว่า ‘สำนักคุ้มภัยเวยหย่วน’ ที่โบราณและเรียบง่าย อยู่ภายใต้แสงสว่างจากแสงอาทิตย์ ทุกคนน้ำตาไหลลงมาทันที

 

 

เหวินหย่วนใจร้อนกว่า ยืนขึ้นบนหลังม้า เขย่งขาขึ้น แล้วกระโดดไปที่หน้าประตูทันที

 

 

“เหวินหย่วน อย่า” เหวินเปียวที่มองการเคลื่อนไหวของทุกคนตลอดเวลาออกเสียงห้ามทันที

 

 

ร่างกายของเหวินหย่วนหมุนอยู่บนฟ้าหนึ่งรอบ แล้วลงมาบนพื้น หันหลัง แล้วกล่าวถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “เส้าจู่ เพราะเหตุใด”

 

 

ประโยคที่ว่า ‘สำนักคุ้มภัยเปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้ว’ ติดอยู่ในลำคอของเหวินเปียวเป็นเวลานานมากก็ยังคงพูดไม่ออกมา ได้แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “นายหญิงยังไม่ทันเอ่ยอะไร พวกเจ้าอย่าขยับ”

 

 

เหวินเปียวเอ่ยออกมา แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าขยับอีกเลย ทุกคนลงมาจากม้า ถือบังเ**ยนไว้ ยืนอยู่ข้างๆ ม้า มองดูสำนักคุ้มภัยที่ยังคงเหมือนเมื่อก่อน น้ำตาคลอ รอคอยคำสั่งจากเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเงียบๆ

 

 

รถม้าหยุดลงตรงหน้าประตูสำนักคุ้มภัย เหวินเปียวสามพี่น้องเงยหน้าขึ้น เห็นป้ายแขวนที่เป็นประกาย ก็ตาโตขึ้นมาทันที อย่างไรเหวินเป้าก็ยังคงอายุน้อยอยู่ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ร้องออกมาด้วยความดีใจว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกพี่ดู ข้างบนยังคงเป็นป้ายของพวกเราอยู่”

 

 

เหวินหู่ก็ตื่นเต้นมาก

 

 

ในใจของเหวินเปียวเริ่มคาดเดาอะไรได้แล้ว ตื่นเต้นจนมือที่ถือบังเ**ยนสั่นขึ้นมาทันที กระโดดลงจากม้า ทุกคนกระโดดมาข้างหน้าประตูสำนักคุ้มภัย ยื่นมือออกมาลูบประตูใหญ่ของสำนักคุ้มภัย ในดวงตาก็เริ่มระรื้นไปด้วยน้ำตา

 

 

หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า มองไปทางป้ายแขวนของสำนักคุ้มภัยเวยหย่วน จากนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงสวรรค์ว่า “เข้าไปดูเถิด พวกเจ้าก็ไม่ได้กลับจวนมานานหลายปีแล้ว”

 

 

ร่างกายของเหวินเปียวหยุดชะงักไป แล้วค่อยๆ หันหลังกลับไปอย่างเหลือเชื่อ ในดวงตาที่แดงก่ำเต็มด้วยความดีใจ “นายหญิง ได้จริงๆ หรือ พวกข้าสามารถเข้าไปได้จริงๆ หรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพยักหน้า

 

 

เหวินเปียวหันกลับไป มองดูประตูใหญ่ที่โบราณและเรียบง่ายตรงหน้า หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ ยื่นมือสองข้างที่สั่นไหววางลงบนนั้น

 

 

เหวินหู่และเหวินเป้าก็กระโดดมายืนขนาบซ้ายขวา วางมือทั้งสองข้างลงบนประตูใหญ่เช่นเดียวกับเขา สามพี่น้องออกแรงพร้อมกัน ประตูใหญ่ค่อยๆ ถูกเปิดออก สภาพข้างในค่อยๆ ปรากฎอยู่ในสายตาของทุกคน สภาพเหมือนกับตอนที่พวกเขาถูกบังคับให้ออกไป ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

 

 

ประตูใหญ่ถูกเปิดกว้าง เหวินเปียวเดินนำหน้าเข้าไปในลาน ทุกคนที่อยู่ด้านหลังโยนบังเ**ยนในมือทิ้งทันที วิ่งเข้าไปเหมือนกับฝูงผึ้ง

 

 

เสียงร้องดีใจมากมายดังขึ้นมาทันที

 

 

“ดูเร็ว ดูเร็ว สนามฝึกฝนวิทยายุทธ์ของพวกเรายังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม เหมือนกับตอนที่เราจากไปเลย”

 

 

“โอ้ ขวานของข้ายังอยู่”

 

 

“มีดใหญ่ของข้าก็ยังอยู่”

 

 

“นั่นมันค้อนคู่ของข้า”

 

 

……….

 

 

“ข้าไปดูที่พักก่อน”

 

 

สุดท้าย ทุกคนวิ่งไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนสบตากัน ไม่ได้เดินเข้าไป ยืนอยู่ข้างๆ ม้าอย่างเงียบๆ ยิ้มมุมปากแล้วมองดูผู้คนที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มวิ่งไปมาด้วยความดีใจเหมือนเด็กน้อย

 

 

หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไป ทุกคนต่างไปสำรวจดูสำนักคุ้มภัยทั้งด้านในด้านนอก ข้างหน้าข้างหลัง ทุกซอกทุกมุมหนึ่งรอบ แม้แต่ต้นไม้ใหญ่หลายต้นก็ถูกโอบกอดด้วยความตื่นเต้นแล้ว อารมณ์ที่ตื่นเต้นดีใจจึงจะค่อยๆ สงบลง

 

 

เหวินเปียวเดินก้าวขายาวออกไปด้านนอก มาถึงด้านหน้าทั้งสองคน ด้วยสีหน้าตื่นเต้น “นายหญิง นี่…”

 

 

“ไท่จื่อได้ตรวจสอบชัดเจนแล้ว ตอนนั้นพวกเจ้าถูกใส่ร้ายจริงๆ ตอนนี้จึงคืนสำนักคุ้มภัยที่คงสภาพดังเดิมนี้ให้กับพวกเจ้า”

 

 

ทันทีที่นางพูดจบ เหวินเปียวที่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอกก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นั่งยองๆ อยู่บนพื้นแล้วร้องไห้ออกมาทันที เจ็ดปีแล้ว ในที่สุดสำนักคุ้มภัยก็ได้รับความยุติธรรมเสียที เขามีหน้าไปกราบไหว้ท่านพ่อท่านแม่ของตัวเองเสียที

 

 

ได้ยินเสียงร้องไห้ของเขา ทุกคนค่อยๆ เดินออกมา ดวงตาก็เริ่มแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง คิดถึงตอนนั้น สำนักคุ้มภัมีชื่อเสียงเพียงใด จนทำให้ลูกศิษย์สำนักคุ้มภัยอย่างพวกเขาพลอยมีฐานะที่ดีขึ้นไปด้วย แม่สื่อที่จับคู่ก็เดินไปมาที่หน้าสำนักคุ้มภัยทุกวัน แย่งกันเพื่อแนะนำหญิงสาวดีๆ ให้กับพวกเขา แต่เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้นายท่านสำนักคุ้มภัยเสียชีวิต ยังทำให้พวกเขากลายเป็นทาส หากไม่ใช่เพราะนายท่านฮั่วให้คนมาช่วยพวกเขาไว้ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะถูกฝังดินไปแล้ว จะรอถึงวันที่สำนักคุ้มภัยฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งอย่างวันนี้ได้อย่างไร

 

 

ทุกคนขมขื่นกับอดีต ต่างไม่พูดจาสักพัก หน้าประตูสำนักคุ้มภัยมีเพียงเสียงร่ำไห้ที่มีความสุข ในนั้นมีเสียงของเหวินเปียวร่วมอยู่ด้วย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ห้าม ปล่อยให้พวกเขาร้องไห้จนพอใจ

 

 

ร้องไห้ไปเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ เหวินเปียวจึงจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เช็ดน้ำหูน้ำตาให้หมด เปลี่ยนจากนั่งย่องๆ เป็นคุกเข่า คุกเข่าต่อหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “นายหญิงขอรับ พระคุณอันใหญ่หลวงของท่าน เหวินเปียวจะจดจำไปตลอดชีวิต ขอให้ท่านรับการคำนับจากพวกเราทุกๆ คนเถิด”

 

 

เหวินหู่และเหวินเป้าก็คุกเข่าตามลงเช่นกัน

 

 

ทุกคนที่อยู่ด้านหลังก็คุกเข่าลงพร้อมกัน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงดังชัดเจนว่า “นายหญิง ขอให้ท่านรับการคำนับจากพวกเราด้วยเถิดขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับการคำนับจากพวกเขาอย่างเปิดเผย ยิ้มแล้วกล่าวว่า “การคำนับครั้งนี้จากพวกเจ้า ข้ารับไว้แล้ว หวังว่าต่อไปนี้พวกเจ้าจะฟื้นฟูสำนักคุ้มภัยขึ้นมาอีกครั้ง ให้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนเมื่อก่อน”

 

 

เหวินเปียวเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีชีวิตชีวาและมีพลังว่า “นายหญิง ท่านวางใจเถิด ต่อไปท่านว่าเยี่ยงไร พวกข้าก็ทำเยี่ยงนั้น ไม่คัดค้านแน่นอนขอรับ”

 

 

“เหวินเส้าจู่ คำพูดนี้ของเจ้าไม่ถูกต้อง สำนักคุ้มภัยเป็นของเจ้า ข้าไม่มีความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าว

 

 

ทุกคนไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนาง จึงมองนางด้วยความตกตะลึง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วยื่นมือออกมา ชิงหลวนถือกล่องเล็กๆ หนึ่งกล่องมายืนอยู่ข้างๆ นาง แล้วเปิดออก ข้างในเป็นสัญญาซื้อตัวหนึ่งปึก

 

 

“นี่เป็นสัญญาซื้อตัวทั้งหมดของพวกเจ้า วันนี้ข้าคืนให้กับพวกเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าเป็นอิสระแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าว

 

 

ทุกคนหยุดชะงักไปอีกครั้ง เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ผ่านไปสักพักจึงจะรู้สึกตัวขึ้นมา ตื่นเต้นจนแทบจะบินขึ้นมา

 

 

แต่เหวินเปียวกลับคุกเข่าลง ตึกตัก บนพื้นอีกครั้ง “นายหญิง ทำเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ ตั้งแต่วันแรกที่ท่านซื้อตระกูลเหวินทั้งตระกูล เหวินเปียวก็สาบานแล้วว่าทั้งชีวิตนี้จะติดตามนายหญิงตลอดไป ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งกว้างมากขึ้นไปอีก “นี่ไม่ถือว่าเปลี่ยนใจ หลายปีนี้ที่เจ้าอยู่กับข้า ก็ช่วยเหลือข้ามากมาย สัญญาซื้อตัวพวกนี้ถือว่าข้าคืนน้ำใจให้เจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าจะไม่เป็นทาสอีก แต่เป็นเส้าจู่ของสำนักคุ้มภัย”

 

 

พูดจบ ก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “แต่ว่า ตกลงกันก่อน ต่อไปหากข้าต้องการให้สำนักคุ้มภัยออกแรง เจ้าต้องห้ามปฏิเสธเป็นอัดขาด”

 

 

การยืนกรานที่ดื้อรั้นของเหวินเปียวดังขึ้น “นายหญิงพูดอะไรเยี่ยงนี้ ตัวพวกข้าถูกขายให้ท่านแล้ว สำนักคุ้มภัยนี้ก็เป็นของท่าน ท่านให้พวกข้าทำเยี่ยงไรพวกข้าก็ทำเยี่ยงนั้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา ส่งสัญญาณให้ชิงหลวนส่งกล่องให้เหวินเปียว

 

 

ชิงหลวนปิดกล่อง แล้วยื่นไปข้างหน้าของเหวินเปียว

 

 

เหวินเปียวไม่รับ “นายหญิง ข้าจะผิดคำสาบานตอนนั้นของข้าไม่ได้ ข้าสาบานแล้วว่าจะติดตามท่านไปตลอดชีวิต”

 

 

“เหวินซงและเหวินเหลียนต่างก็จะแต่งงานแล้ว เจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ลูกๆ ของพวกเขาเกิดมาก็เป็นทาสเลย” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวถาม

 

 

เหวินเปียวหยุดชะงักไป เห็นได้ชัดว่าไม่เคยคิดเรื่องนี้

 

 

“เจ้าเป็นคนที่จริงใจ หลังจากที่ข้าให้สัญญาซื้อตัวกับเจ้า เจ้าก็จะหันหลังจากไปเลยหรือ”

 

 

เหวินเปียวส่ายหัวไปมา

 

 

“ฉะนั้น สัญญาซื้อตัวนี้สำหรับข้ากับเจ้าแล้ว เป็นเพียงเศษกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้กิจการของข้าได้ขยายไปทั่วรัฐอู่แล้ว ตอนนี้ข้ากำลังต้องการคนช่วยข้าขนส่งสินค้าพอดี สำนักคุ้มภัยเปิดขึ้นมาใหม่ จะช่วยข้าได้เป็นอย่างมาก” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าว

 

 

เหวินเปียวขมวดคิ้วแน่น สีหน้าลังเล ผ่านไปสักพักจึงจะกัดฟันแล้วกล่าวว่า “ได้ขอรับ นอกจากสัญญาซื้อตัวของข้า ข้ารับของทุกคนไว้”

 

 

“พี่ใหญ่!!”

 

 

“เส้าจู่!!!!”

 

 

เสียงที่ไม่เห็นด้วยหลายสิบเสียงดังขึ้นมาพร้อมกัน

 

 

เหวินเปียวโบกมือ เพื่อหยุดคำพูดที่ทุกคนจะเอ่ย “ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าอย่าได้เอ่ยอะไรอีก”

 

 

“แต่พี่เป็นเส้าจู่ของสำนักคุ้มภัย หากพี่ไม่กลับมา ใครจะเป็นคนประคับประคองสำนักคุ้มภัย” เหวินหู่รีบกล่าวด้วยความร้อนใจทันที

 

 

ทุกคนต่างเห็นด้วย

 

 

เหวินเปียวโบกมือ “น้องสอง ตอนนั้นเป็นเพราะข้า สำนักคุ้มภัยจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ข้าไม่มีหน้านำพี่น้องทุกคนอีก อีกอย่าง ขาของข้าใช้การไม่ได้แล้ว แล้วก็ไม่มีวิชาต่อสู้เหมือนเมื่อก่อนอีก ไม่สามารถประคับประคองสำนักคุ้มภัยได้อีก ข้าอยู่รับใช้ข้างนายหญิงต่อไป ต่อไปสำนักคุ้มภัยก็ให้เจ้าและน้องสามดูแลเถิด”

 

 

“ไม่ได้ พี่ใหญ่” เหวินเป้ารีบคัดค้านทันที “ตอนนั้นท่านพ่อได้ฝากฝังสำนักคุ้มภัยให้พี่ดูแล พี่ห้ามทิ้งพวกข้าแล้วไม่เหลียวแล ข้าและพี่รองดูแลสำนักคุ้มภัยไม่ได้จริงๆ”

 

 

เหวินหู่พยักหน้าหงึกๆ “น้องสามพูดถูกต้อง พี่ใหญ่ สำนักคุ้มภัยไม่มีพี่ไม่ได้”

 

 

“เหวินเปียว เจ้ากลายเป็นคนยืดยาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หากเจ้าอยากจะตอบแทนบุญคุณที่ข้าช่วยพวกเจ้าทุกคนไว้จริงๆ เจ้าก็รีบรับสัญญาซื้อตัวพวกนี้ไป แล้วแจกให้ทุกคน แล้วก็ ที่สำนักคุ้มภัยได้รับความยุติธรรมนี้ ไท่จื่อก็มีส่วนช่วยเหลืออย่างมาก บุญคุณนี้เจ้าต้องไปคืนด้วยตัวเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดถึงตรงนี้ เหวินเปียวก็เข้าใจอย่างชัดเจนทันที เขาตกใจมาก สำนักคุ้มภัยมีความสัมพันธ์กับไท่จื่อ นี่…เหงื่อเย็นออกมาจากหน้าผาก น้องรองและน้องสามต่างเป็นคนอารมณ์ร้อน แม้ว่าหลายปีนี้จะดีขึ้นเล็กน้อย แต่เวลาเจอปัญหาก็ยังคงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หากตัวเองไม่อยู่ดูแลสำนักคุ้มภัยไว้ ไม่แน่ทั้งสองอาจสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมา

 

 

เห็นเขาคิดหนักไม่พูดจา เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้ทันทีว่าพูดจี้ใจของเขาแล้ว จึงส่งสัญญาณในชิงหลวน ให้นางเอากล่องให้เหวินเปียว

 

 

ชิงหลวนยื่นกล่องไปข้างหน้าเหวินเปียวอีกครั้ง

 

 

เหวินเปียวรับมาอย่างไม่รู้ตัว พอรู้สึกตัวขึ้นมา กล่องก็อยู่ในมือของตนแล้ว อ้าปาก กำลังจะพูด เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้ามีนิสัยยืดยาดเยี่ยงนี้”

 

 

เหวินเปียวหน้าแดงขึ้นมาทันที ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป ทำความเคารพเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง “ขอบพระคุณนายหญิงอย่างสุดซึ้งขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว เจ้าแจกให้ทุกคนเถิด”

 

 

เหวินเปียวหันหลัง

 

 

ทุกคนมองไปที่กล่องในมือของเขา ตื่นเต้นกันมาก ต่างใช้สายตากระตือรือร้นมองเขาด้วยความรอคอย

 

 

เหวินเปียวเปิดกล่อง แล้วหยิบสัญญาซื้อตัวออกมา เรียกชื่อแต่ละคนออกมารับ

 

 

คนที่ได้รับแล้ว ก็ดีใจอย่างมาก คนที่ยังไม่ได้รับ ก็เงยหน้าขึ้น ตั้งใจฟัง รอคอยให้เหวินเปียวขานชื่อตัวเอง เพื่อจะได้รีบตอบรับ

 

 

ทุกคนได้รับสัญญาซื้อตัวแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันดี เหมาะสำหรับการฉีกสัญญาซื้อตัว เหตุใดพวกเจ้ายังนิ่งอยู่ รีบฉีกสิ”

 

 

ผู้คนที่ตื่นเต้นมากเกินไปเหมือนเพิ่งตื่นขึ้นมา ไม่คิดอะไร ฉีกทำลายสัญญาซื้อตัวในมือของตัวเองอย่างรวดเร็วทันที ในขณะเดียวกันก็โห่ร้องดีใจขึ้นมาพร้อมกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเขาเป็นอิสระแล้ว พวกเขากลับมาเป็นสามัญชน ไม่ใช่ทาสอีกต่อไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองทุกคนที่กระโดดไปมา โห่ร้องดีใจ นางยิ้มแล้วส่งสัญญาณให้ชิงหลวนอีกครั้ง ชิงหลวนหยิบตั๋วเงินหลายใบออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ ยื่นไปข้างหน้าเหวินเปียว

 

 

เหวินเปียวแปลกใจ “นายหญิง นี่…”

 

 

“สำนักคุ้มภัยกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว พวกเจ้าพักที่นี่ตั้งแต่วันนี้เถิด ไม่ต้องกลับหนานเฉิงกับข้าแล้ว นี่คือตั๋วเงินห้าพันตำลึง ให้พวกเจ้าใช้จ่าย” พูดจบ ก็พูดเสริมอีกประโยคว่า “ตั๋วเงินนี้ข้าให้พวกเจ้ายืม รอให้สำนักคุ้มภัยมีงานแล้ว ได้เงินค่าจ้างแล้ว จะต้องคืนให้ข้า”

 

 

เหวินเปียวซาบซึ้งจนไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี “นายหญิง นี่…พวกข้า…”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วโบกมือ “ข้าเหนื่อยแล้ว จะกลับไปพักผ่อนแล้ว ส่วนที่เหลือ พวกเจ้าจัดการเองเถิด”

 

 

พูดจบ ก็ไม่ให้โอกาสเหวินเปียวขอบคุณอีกครั้ง นางหันหลัง ควงแขนหวงฝู่อี้เซวียนแล้วเดินไปที่รถม้าทันที

 

 

ข้างหลังมีเสียงผู้คนคุกเข่าลงบนพื้นหลายสิบเสียง “ขอบพระคุณนายหญิง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่หยุดเดิน ขึ้นรถม้าโดยที่ไม่หันหลังกลับไปมองแม้แต่น้อย หวงฝู่อี้เซวียนก็ขึ้นรถม้าตาม

 

 

โจวอันสะบัดแส้ รถม้าก็ค่อยๆ ห่างจากสำนักคุ้มภัย

 

 

จนรถม้าเลี้ยวผ่านโค้งไป มองไม่เห็นแล้ว เหวินเปียวจึงนำทุกคนลุกขึ้นยืน

 

 

ในรถม้า เมิ่งเชี่ยนโยวอารมณ์ดีมาก ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของหวงฝู่อี้เซวียน กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่ใหญ่จริงๆ หรือว่าข้าควรซื้อของขวัญให้เขาหนึ่งชิ้นดี”

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนแย่ลงทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด