ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีบทที่ 1317 ทุกข์สิ้นสุขเกิด เจอกันในที่สุด

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter บทที่ 1317 ทุกข์สิ้นสุขเกิด เจอกันในที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เยี่ยนจ้าวเกอกอดเฟิงอวิ๋นเซิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารอจนแทบกลายเป็นหินแล้ว…”

พูดได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถูกริมฝีปากอบอุ่นหยุดไว้

พอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตัวสั่น เยี่ยนจ้าวเกอก็โอบกอดเฟิงอวิ๋นเซิง ให้นางได้รู้สึกถึงโอบกอดที่แท้จริง ให้นางได้ดูดซับพลังที่ทำให้จิตใจสงบ

หลายปีมานี้ ตัวเขาได้ผ่านประสบการณ์ที่สั่นสะท้านวิญญาณมากมาย เมื่อครู่เพิ่งทำให้การต่อสู้ที่ไม่น่าเชื่อในสายตาของคนจำนวนมากสำเร็จได้

ทว่าประสบการณ์ของสตรีในอ้อมอก เกรงว่าจะยากลำบากกว่ามาก คำว่าตายเก้ารอดหนึ่งยังบรรยายความอันตรายในนี้ไม่ได้

คู่ต่อสู้ของนางไม่ได้มีแค่เจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหูที่คิดเป็นนกพิราบยึดครองรังนกกางเขน ยังมีสำนึกมารที่กัดกินความมุ่งนมั่นของนางตลอดเวลา รวมถึงจอมมารในนพยมโลกจำนวนมากที่ไล่ล่านางในความเป็นจริง

ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอได้ทราบผ่านการติดต่อกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแล้วว่า อีกฝ่ายเกือบจะได้เจอกับมารเงาที่เป็นเซียนสวรรค์ชั้นมหายาลในนพยมโลก

เมื่อนึกเชื่อมโยงถึงการแทรกซึมเข้ามาในโลกซ้อนโลก และหลบซุ่มอยุ่ในเขตราตรีอุดรก่อนหน้าของมารเงา เยี่ยนจ้าวเกอก็สงสัยว่า มารเงาความจริงต้องการขัดขวางเฟิงอวิ๋นเซิงอันดับแรก

เยี่ยนจ้าวเกอได้เห็น ความแน่วแน่ในจิตใจของสตรีในอ้อมอกไม่บ่อยนัก

อาจจะเป็นเพราะมีแต่ตอนอยู่ต่อหน้าเขา จึงค่อยแสดงให้เห็นด้านนี้ออกมา

มิหนำซ้ำ อาจจะมีแต่ตอนนี้เท่านั้นจึงจะเป็นเช่นนี้ ในเวลาอื่น ยังคงเป็นสตรีที่มุ่งมั่นร่าเริง งดงามเปิดเผย

ดังนั้นเวลานี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ขยับตัว เพียงแต่กอดนางไว้

ในความเงียบงันไร้เสียง สองคนกลับเหมือนแลกเปลี่ยนถ้อยคำนับพันนับหมื่น สัมผัสได้ถึงความคิดและความรักของอีกฝ่ายที่มีต่อตน หลังจากได้ผ่านการจากลา อารมณ์ที่ต่างคนต่างสั่งสมไว้ในใจก็ปะทุออกมา

เนิ่นนาน ค่อยถอนริมฝีปาก

สองคนสบสายตา ต่างยิ้มขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นนิ่วออกมาเขี่ยสันจมูกโด่งของเฟิงอวิ๋นเซิงเบาๆ

เฟิงอวิ๋นเซิงร้องหึ อ้าปากขึ้นทำท่าจะงับ

จากนั้นนางซึ่งที่แล้วมาเปิดเผย ก็เขินอายอยู่บ้างอย่างหาได้ยาก แต่ไม่ใช่เขินเพราะเยี่ยนจ้าวเกอ มองไปที่กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้ยเป่ยด้านข้าง “ผู้เยาว์เสียมารยาทแล้ว ขอใต้เท้ากษัตริย์กระบี่ให้อภัย…”

ถึงจะได้เจอตัวจริงเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้นางได้เห็นภาพเงาแสงของสามกษัตริย์บนโลกซ้อนโลกมาแล้ว

การติดต่อกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่นจ้าวเกอ ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันและความสัมพันธ์ของมิตรและศัตรูคร่าวๆ

“ทุกข์สิ้นสุขเกิด ไม่อาจความคุมอารมณ์ของตัวเองถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา” ใบหน้าอันเคร่งขรึมจริงจังของเยว่เจิ้นเป่ยปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่น “เป็นข้ารบกวนการพบเจอกันของสามีภรรยาเช่นพวกเจ้าถึงจะถูก”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกว้าง เอ่ยว่า “ทำให้อาจารย์ลุงหัวเราะเยาะแล้ว”

เฟิงอวิ๋นเซิงหายหน้าแดง แต่ก็ถอยหลังออกห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอ คำนับเยว่เจิ้นเป่ยอย่างนบน้อม “เฟิงอวิ๋นเซิงศิษย์กว่างเฉิง คารวะใต้เท้ากษัตริย์กระบี่”

“ไม่ต้องมากมารยาท และไม่ต้องเกรงใจ หากจะยึดตามมายาท สมควรเป็นข้าที่ต้องกล่าวให้เกียรติมากกว่า” เยว่เจิ้ยเป่ยยื่นมืออกมายกขึ้น

“ผู้เยาว์เพียงโชคดี เหมือนจอกแหนไร้ราก ไหนเลยกล้าวางท่าต่อหน้าท่าน?” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “…ข้าขอเรียกท่านว่าอาจารย์ลุงตามจ้าวเกอได้หรือไม่?”

“ย่อมไม่มีปัญหา” เยว่เจิ้นเป่ยพิจารณานางขึ้นลง “เดิมทีไม่ควรรบกวนการได้กลับมาพบกันของพวกเจ้าสามีภรรยา แต่ว่าในเมื่อพูดแล้ว ขออภัยที่ข้าขอถามเสียมารยาทสักประโยค ระหว่างราชันพระราหูกับเจ้า ปัจจุบันมีสถานการณ์อย่างไรกันแน่?”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเฟิงอวิ๋นเซิงเช่นกัน

สืบเนื่องจากสภาพการณ์อันยิ่งใหญ่ของจักรวาลในสำนักเต๋าก่อนหน้า การสนทนาระหว่างร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับเฟิงอวิ๋นเซิง เกิดขึ้นหลังจากยืนยันว่าเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ถูกเจี่ยนซุ่นหวายึดครองร่าง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจึงบอกสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงทางโลกซ้อนโลกให้ฟัง

ดังนั้นจึงพูดถึงสถานการณ์ของเฟิงอวิ๋นเซิงไม่มาก

เยี่ยนจ้าวเกอย่อมอยากรื้อฟื้นเรื่องราวหลังจากลากับเฟิงอวิ๋นเซิง แต่มีความกังวลบางอย่างที่เร่งด่วนและสำคัญกว่า

“ตอนที่อยู่ในนพยมโลกเมื่อก่อนหน้า เป็นเพราะว่าแอบชิงอำนาจส่วนหนึ่งของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม พิธีกรรมคล้ายเกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย หลังจากนั้น ราชันพระราหูก็ไม่โผล่มาอีก” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “กระนั้นข้าไม่แน่ใจว่านางหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่คงอยู่อีกหรือไม่”

ถ้าหากให้เฟิงอวิ๋นเซิงพูดถึงคู่ต่อสู้ที่รับมือยากที่สุดเท่าที่นางเคยเจอมาสักคน นั่นต้องเป็นเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหูอย่างไม่ต้องสงสัย

คนอื่นๆ อาจแข็งแกร่งกว่า แต่จะมากจะน้อยก็เกี่ยวข้องกับความแตกต่างด้านพลังฝึกปรือ

แต่การต่อสู้กับเจี่ยนซุ่นหวาหาเกี่ยวข้องกับขีดความสามารถและพลังฝึกปรือไม่ เป็นการต่อสู้ด้านจิตใจของสองฝ่ายล้วนๆ

เฟิงอวิ๋นเซิงไม่เคยเจอการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน ขณะที่เปิดเส้นทางใหม่ ก็ยากลำบากเป็นพิเศษ

ตัวนางขึ้นชื่อในเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจ ส่วนคู่ต่อสู้ในครั้งนี้ของนางกลับเป็นเหมือนกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนที่ดำเนินพิธีมีพลังภายนอกมายุ่งเกี่ยว สองฝ่ายเกรงว่าจะต้องสู้กันต่อไป

สำหรับเจี่ยนซุ่นหวา อาจจะเป็นความรู้สึกเดียวกัน

ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ใช่เฟิงอวิ๋นเซิง นางอาจกลับคืนสู่โลกมนุษย์สำเร็จแล้วก็ได้

“มารไม้อิกสมควรตามหาข้า อย่างน้อยเป้าหมายหลักก็คือการตามหาข้า เป้าหมายรองคืออาศัยความวุ่นวายของโลกซ้อนโลกในรอบนี้ ดูวามีโอกาสจับปลาในน้ำขุ่นหรือไม่” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวเสียงขรึม

เยี่ยนจ้าวเกอถาม “จิตมารของใต้เท้ากษัตริย์ดารากับจวินเอ๋อร์สองแม่ลูกล้วนปั่นป่วนเพราะผลกระทบจากมารเงา ตอนเจ้าได้พบมัน สถานการณ์เป็นอย่างไรแล้ว?”

“ข้าไม่เป็นไร” เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายหน้า “มีแต่ตัวตนที่เป็นหกบรรพมารเหมือนมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมเท่านั้น ถึงจะกระตุ้นจิตมารของข้าได้ ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นมารไม้อิก ปกติไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”

“หากแต่ ขอแค่ตอนที่ข้าต่อสู้กับคน อาศัยพลังของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม แม้จะไม่มีมารตนอื่นๆ อยู่ด้านข้าง ตัวข้าก็จำเป็นต้องระวัง”

นางกล่าวต่อ “แน่นอนว่า สำหรับตอนนี้ ต่อให้ไม่ถูกมารไม้อิกกระตุ้นจิตมาร หากถูกมันขวางไว้จริงๆ ข้าเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ นั่นถึงอย่างไรก็เป็นมารโบราณที่เทียบได้กับระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าเรา”

“มิผิด” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “การลอบเข้ามาของมารเงา อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเราทุกคน แต่ว่าการฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดของราชันพระอังคาร กลับอยู่เหนือความคาดหมายของมันเช่นกัน ไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่ามันอาจทำสำเร็จจริงๆ”

เรื่องราวเกี่ยวพันถึงเฟิงอวิ๋นเซิง พอเยี่ยนจ้าวเกอนึกถึง ก็มีความรู้สึกรอดจากภัยพิบัติ

เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว “มารไม้อิกลอบเข้าสู่โลกซ้อนโลก ซ่อนตัวในเขตราตรีอุดร เฝ้าต้นไม้รอกระต่ายหมายให้ข้าเข้าไปหา มันเชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นประมุขอุดร…”

“ประมุขอุดรสมควรไม่รอดแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างเงียบงัน

เฟิงอวิ๋นเซิงเม้มริมฝีปาก

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “เจ้าอย่าโทษตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะแผนการของราชันพระราหูตกไปอยู่ในมือศัตรู มารเงายากจะลอบเข้ามาในเขตราตรีอุดรอย่างไร้สุ้มไร้เสียง”

เฟิงอวิ๋นเซิงฝืนยิ้ม แต่ยังคงส่ายหน้า

นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าเห็นเขตราตรีอุดรยังอยู่บนโลกซ้อนโลก…”

“มิติเวลาของที่นั่นมีความพิเศษ ทะลุจักรวาลสำนักเต๋า เชื่อมต่อกับชายฝั่งยมโลกมากมายในมิติต่างแดน ไม่อาจแยกออกมาได้” เยี่ยนจ้าวเกอทราบความคิดของนาง ตอบว่า “แต่ว่าเขาหอเมฆาที่อยู่ของอารามคงมายา กับขุมกำลังมากมายในเขตจวินเทียนศูนย์กลาง ต่างถูกนำมาที่นี่ผ่านป้ายคำสั่งของตึกความลับฟ้าและค่ายกลที่ข้าได้วางไว้แล้ว”

เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า กล่าวเสียงเบา “ข้าคิดไปเจออวี่ลั่ว”

สีหน้าของนางเริ่มมีความหวาดกลัว คล้ายไม่ทราบว่าจะเผชิญหน้ากับสหายเก่าอย่างไร แต่ต่อจากนั้น ก็กลายเป็นแน่วแน่ราบเรียบ สิ่งที่สมควรเผชิญสุดท้ายก็ต้องเผชิญ

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด