ทะลุมิติทั้งครอบครัว 193

Now you are reading ทะลุมิติทั้งครอบครัว Chapter 193 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทุกคนมองเห็นรถแต่ละคันขนเสบียงอาหารเข้ามาไม่ขาดสาย และยังมีคนรับใช้ชายหลายคนถือตะเกียงไฟส่องทาง แต่ละคนตกตะลึงจนตาค้าง

ยังทำงานอะไรอีก ตกลงเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น มีเหตุการณ์หลายเรื่องที่เกิดขึ้นติดต่อกัน ทำให้พวกเขางงไปหมด

ซ่งฝูเซิงออกมาอธิบาย อย่ามัวแต่ยืนมองอยู่เลย นี่คือเสบียงอาหารช่วยเหลือของพวกเรา หลี่เจิ้งไปรับแทนพวกเราและช่วยขนกลับมาให้

และยังแนะนำเริ่นจื่อเซิงให้ทุกคนรู้จัก พร้อมกับบอกว่า ใต้เท้าท่านนี้รับตำแหน่งขุนนางที่เมืองเฟิ่งเทียน ขณะเดียวกันยังเป็นลูกชายคนโตของหลี่เจิ้ง

ลูกชายคนโตของหลี่เจิ้ง ท่านเป็นคนมีเมตตา

เขาบอกว่า มาดูแลความเป็นอยู่ของพวกเรา พวกเรามาอยู่ต่างถิ่นไม่คุ้นเคยกับสถานที่ สะพานขาดทำให้การเดินทางเข้า-ออกไม่สะดวก พรุ่งนี้จะขนเสบียงอาหารช่วยเหลือทั้งหมดมาให้พวกเรา พวกเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปรับทุกเดือนแล้ว

ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน

เริ่นจื่อเซิงฝืนยิ้มออกมา เหมือนจะใช้รอยยิ้มเป็นเครื่องยืนยันว่า ซ่งฝูเซิงพูดถูกต้องแล้ว

เมื่อพบว่าทุกคนไม่ได้มองมาที่เขา แต่มองไปที่รถขนเสบียงอาหาร เริ่นจื่อเซิงก็มีสีหน้าไม่ดี เขาอาศัยแสงไฟมองเริ่นหลี่เจิ้ง พลางปลอบตนเองในใจ

ใช้เงินแก้ปัญหา…แก้ปัญหา…ใครให้เขามีพ่อโง่เขลาเช่นนี้ เรื่องอะไรก็ตามที่สามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ ก็ไม่เรียกว่าปัญหา

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เริ่นจื่อเซิงก็เอามือป้องปากไอออกมา เขารู้สึกสบายใจขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ยังชื้นผิงไฟก็ยังไม่แห้ง ต้องรีบจัดการปัญหาให้เร็วที่สุดจะได้กลับบ้าน

ซ่งฝูเซิงสั่งการให้ทุกคนอย่ามัวแต่จ้องมอง เสบียงอาหารเป็นของพวกเรา ทำไมถึงไม่กล้าแตะต้องล่ะ?

เขาสั่งให้เกาถูฮู่เรียกหลายคนมา และให้นำตาชั่งออกมาชั่งเสบียงอาหารที่อยู่บนรถว่ามีทั้งหมดกี่จิน

และสั่งให้ท่านย่าหม่าพาพวกท่านยายมาช่วยกันตรวจดูว่ามีเส้นหมี่กี่กระสอบ มีข้าวสารกี่กระสอบ

หลังจากนั้น เขาก็สั่งให้หนิวจั่งกุ้ยจดทำรายการบัญชีไว้ จดว่ามีรถขนเส้นหมี่กับข้าวสารกี่จิน ทำบัญชีเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้ท่านลุงซ่งเก็บไว้ อีกส่วนหนึ่งนะหรือ

ซ่งฝูเซิงได้ยินเสียงของท่านแม่ดีใจ “โอ้ววว แม่เจ้า นี่เป็นข้าวสารอย่างดี” ท่านยายหวังก็อุทานออกมา “อ๊าห์ นี่มันเส้นหมี่นี่นา” ต่างคนต่างอุทานออกมา หนิวจั่งกุ้ยนำใบรายการอีกส่วนหนึ่งยื่นส่งให้เริ่นจื่อเซิง

เริ่นจื่อเซิงยิ้มรับใบรายการนั้นมา สายตาเขาจ้องมองซ่งฝูเซิงเหมือนกำลังพูดว่า

ต้องขนาดนี้เลยหรือ? เจ้าอยากให้ข้าซื้อของตามรายละเอียดในใบรายการนี้ใช่ไหม? กลัวว่าข้าจะเอาข้าวไม่ขัดสีใส่ผสมไปให้กับพวกเจ้า? กลัวว่าข้าจะเบี้ยวหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ได้ จึงเผลอหัวเราะออกมา

ซ่งฝูเซิงมองเขา สายตาของเขาเหมือนกับพูดว่า

พวกเราต่างก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษ เป็นคนประเภทเดียวกัน

ท่านทำเพื่อพ่อของท่าน ส่วนข้าก็ทำเพื่อให้พวกข้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติก็เท่านี้

เจ้าอย่าได้แสดงท่าทางใหญ่โตตำแหน่งลูกเขยจวนโหวต่อหน้าข้า ทำท่าวางอำนาจอะไร

ดูถูกเจ้าหรือ? ข้าก็ดูถูกเจ้าจริงๆ นั่นแหละ

พ่อของเจ้าทำเพื่อเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์เพียงแค่นี้ ยังสามารถทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ได้ เจ้าได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อของเจ้ามาหลายปี คงจะไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมเท่าไรหรอก

กับคนอย่างพวกเจ้า คำพูดไม่ดีต้องพูดเอาไว้ก่อน ถ้าเจ้าต้องการรักษาหน้าตาก็อย่าให้ข้าวสารข้าขาดไปแม้แต่หนึ่งจิน ข้าก็จะขอบคุณเจ้ามากแล้ว

พอเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว พวกเราก็จะทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรต้องเกี่ยวพันกันอีก

เริ่นจื่อเซิงเอ่ยขึ้น “ถ้ามีเวลาว่าง พี่ซ่งสามารถไปจวนข้ามานั่งดื่มน้ำชากับข้าได้ตลอดเวลา”

ซ่งฝูเซิงพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะออกมา “ข้าเป็นชาวบ้านธรรมดา ไยจะกล้าไปถึงจวนเพื่อรบกวนพวกท่าน”

พูดจบ ซ่งฝูเซิงก็ชี้ไปที่รถขนเสบียงอาหารพวกนั้น เพื่อให้ขนไปไว้ที่บ้าน

พอเขาออกคำสั่งไป หน้าบ้านกระท่อมก็คึกครื้นขึ้นมาทันที

พวกเด็กหนุ่มรีบเดินไปที่รถเพื่อแบกกระสอบข้าวสารขนไปกองไว้ในห้อง

เริ่นจื่อจิ่วกับเริ่นจื่อเฮ่าสีหน้าดูไม่ดี เด็กรับใช้ชายที่มากับรถขนเสบียงต่างพากันก้มหน้าและหลีกทางให้ เพื่อไม่ให้ขวางทางเดินของพวกเขายามแบกข้าวสารเข้าไปในบ้าน

พวกเด็กน้อยวิ่งตามไปมา พวกเขาร้องเจี๊ยวจ๊าวอย่างสนุกสนาน

ซ่งจินเป่าตะโกนเสียงดัง “เสบียงอาหารบรรเทาทุกข์เป็นข้าวสารอย่างดี”

เริ่นหลี้เจิ้งได้ยินก็ปวดใจ

ซ่งจินเป่ารู้สึกมีความสุขมาก “สามารถกินข้าวสวยได้แล้ว กินข้าวสวยกัน พี่พั่งยา กินข้าวสวยกัน”

ซ่งฝูหลิงตอบกลับ “ดีเลย กินข้าวสวยกัน”

ซ่งฝูหลิงตอบตกลง พวกเด็กๆ ไม่เชื่อในคำสัญญาของพวกผู้ใหญ่ แต่เชื่อมั่นในคำพูดของพี่พั่งยามาก นี่เป็นเรื่องจริง จะได้กินข้าวสวยกันแล้ว

เด็กๆ ดีใจกันมาก เด็กน้อยยี่สิบกว่าคนตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความดีใจ “กินข้าวสวย”

เริ่นจื่อเซิง เซี่ยเหวินหยวนและคนอื่นๆ ก็จากไปท่ามกลางเสียงยินดีเหล่านี้

ซ่งฝูเซิงไม่ได้สร้างความลำบากให้กับพวกเซี่ยเหวินหยวน ตอนมานั่งแพมา ครั้งนี้ตอนกลับก็นั่งแพกลับไป ตอนมามากันอย่างไร ตอนกลับก็กลับอย่างนั้นเถอะ

ซ่งฝูกุ้ยทำท่าจะถ่อแพให้กับพวกเขา ผู้ติดตามของเซี่ยเหวินหยวนเห็นเข้าก็รีบห้ามไว้

ทำเป็นเล่นไป ถ้าเกิดพวกเขาตกลงไปในน้ำอีกครั้งล่ะ ช่วงเวลานี้คงไม่มีใครมาช่วยพวกเขาแล้ว

ซ่งฝูกุ้ยถูมือไปมาและพูดอย่างขวยเขิน “ข้ารับเงินของพวกท่านครึ่งตำลึงและยังทำให้พวกท่านตกน้ำอีก ข้าคิดดูแล้ว รอบนี้ควรจะเป็นข้าที่ไปส่งพวกท่าน ข้าจะต้องส่งพวกท่านไปถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ข้าต้องแสดงท่าทีหน่อย”

เจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงท่าที

หวังจงอวี้ถ่อแพไปส่งพวกเขา

เมื่อแพล่องไปถึงกลางแม่น้ำแล้ว ซ่งฝูกุ้ยก็บอกกับซ่งฝูเซิงว่า “ข้าตั้งใจ แม่เจ้า พอข้าได้ยินว่า คนที่นั่งมาบนแพมีหลี่เจิ้งของหมู่บ้าน ข้าก็? ฮัดชิ้ว!”

ซ่งฝูกุ้ยจามอย่างแรง จริงๆ แล้วเขาอยากจะถามฝูเซิงว่า ข้าพาคนตกน้ำ ไม่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นใช่ไหม?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด