ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]บทที่ 178 พาข้าไปคุกใต้ดิน

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] Chapter บทที่ 178 พาข้าไปคุกใต้ดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สะใภ้รองเหยากระแอมไอเบา ๆ พยายามที่จะพูดในสิ่งที่เป็นไปได้อีกสองสามอย่าง “น้องเขยของเรามีพลังที่ดุดันถึงเพียงนี้ ทุกครั้งที่แสดงท่าทีเย็นชาเข้าถึงได้ยาก สตรีทั่วไปก็พากันหวาดกลัวจนหนีเตลิด ไม่ทันได้เห็นโฉมหน้าของเขาเลยแม้แต่แวบเดียว อีกทั้งนอกจากน้องเขยจะมีรูปโฉมที่หล่อเหลา การพูดการจา อากัปกิริยา การปฏิบัติหน้าที่และการวางตัวที่ดีมากแล้ว ก็ยังมีความสามารถเป็นพิเศษ….”

เหยาเฉาเริ่มปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย “หยุดก่อน เจ้าหยุดก่อน”

เหตุใดพอคุยไปคุยมาถึงกลายเป็นการยกย่องหลินเหราเสียยกใหญ่?

สะใภ้รองเหยายังพูดไม่จบจึงถลึงตาใส่สามีหนึ่งครั้ง “ทำไม? จะห้ามข้าไม่ให้ชื่นชมผู้อื่นอีกอย่างนั้นหรือ?”

เขาส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “น้องเขยของเรา เจ้าจะชื่นชมแค่ไหนก็ย่อมได้ เพียงแต่สิ่งที่เจ้าเอ่ยเหล่านี้อาจจะเป็นแค่ข้อดีในการเลือกสามี แต่ปัญหาคืออาเหราแต่งงานมีภรรยาและลูกแล้ว ทั้งยังมีอายุมากกว่าแม่นางผู้นั้นตั้งหลายปี หากจะบอกว่าเป็นรักแรกพบก็ไม่น่าจะรักเดียวเช่นนี้หรอกกระมัง?”

สะใภ้รองเหยาตื่นตัวทันใด “ก่อนหน้านั้นเจ้าบอกกับข้าว่าแม่นางตู้ดูเหมือนจะมีใจให้อาเหรา แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงกลายเป็นรักแรกพบได้ล่ะ? นางชมชอบน้องเขยของเราจริง ๆ ใช่หรือไม่?”

ยิ่งพูดก็ยิ่งผิด เหยาเฉาตระหนักได้ว่าตนได้พลั้งปากออกไปแล้ว

แต่เรื่องนี้คงจะปิดไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เมื่อวานตู้เหิงบอกแค่ว่ามาเยี่ยม แต่ถ้านางบอกว่าไม่ได้จะใช้โอกาสนี้มาพูดคุยกับหลินเหรา ต่อให้ทุบเหยาเฉาจนกระอักเลือดตายเขาก็ไม่มีทางเชื่อ

แล้วยิ่งตอนนี้ดันถูกสะใภ้รองเหยาจับพิรุธได้อีก เหยาเฉาจึงทำได้แค่พูดว่า “ที่ข้าไม่บอกเจ้าทั้งหมดก็เพราะกลัวว่าเจ้าจะพลั้งปากบอกอาซูโดยไม่รู้ตัว เห็น ๆ อยู่ว่าทั้งสองคนไม่มีทางเป็นไปได้ อาเหราไม่มีทางชอบแม่นางตู้คนนั้นแน่นอน ให้อาซูรู้ไม่เป็นการสร้างความอึดอัดใจให้นางหรอกหรือ?”

เมื่อครั้งสะใภ้รองเหยายังเยาว์วัยก็มักจะใจร้อนเช่นนี้ หลังจากให้กำเนิดลูกจนกลายเป็นแม่คน อารมณ์ก็ยังไม่มั่นคงเท่าไหร่นัก ครั้นประสบปัญหาก็ยังร้อนใจอยู่

จู่ ๆ นางก็วางพัดที่คอยพัดไอร้อนจากถ้วยยาลง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างและพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจว่า “ถึงท่านไม่พูด คิดว่าผู้อื่นจะมองไม่ออกอย่างนั้นหรือ? ข้าจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่อาซูจะโง่เขลาไม่รู้ว่าสามีไปมีน้อยอยู่ข้างนอกไม่ได้!”

เหยาเฉาได้แต่โน้มน้าวให้นางใจเย็นลง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้ารู้ว่าเจ้าร้อนใจ เจ้ายังฟังไม่จบเลยจะร้อนใจไปไย?”

สะใภ้รองเหยากลับยังคงโกรธฉุนเฉียว เอ่ยเร่งรัดเขา “ท่านก็พูดมาสิ! ตกลงพวกเขาเป็นอะไรกันแน่?”

เหยาเฉาเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียดหนึ่งรอบ “เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันก่อนจะปราบโจร อาเหราได้พาทหารออกไปตรวจสอบเส้นทางในทิศตะวันออกของเมือง และบังเอิญไปช่วยนายหญิงคนหนึ่งเอาไว้คือแม่นางตู้และสาวใช้สองคนจากน้ำมือของผู้คุ้มกันที่ไร้มโนธรรมสำนึกกลุ่มหนึ่ง หลังจากถามถึงสถานะอย่างละเอียดแล้วจึงพากลับไปดูแลต่อในจวนผู้ตรวจการ ทั้งยังเขียนจดหมายส่งไปยังจวนของเจ้าอาลักษณ์ในเมืองหลวง รอให้คนของเมืองหลวงมารับตัวนางไป”

สะใภ้รองเหยาพยายามอดทนและไม่พูดแทรก จากนั้นก็ฟังเหยาเฉาพูดต่อ “นับตั้งแต่เข้าไปอยู่ในจวนผู้ตรวจการ แม่นางตู้ผู้นี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เอาแต่สร้างปัญหาให้แก่เจิ้งอัน ต่อมาจึงต้องเรียกตัวอาเหรากลับไป นางจึงได้สงบลง”

ครั้นได้ยินถึงตรงนี้ สะใภ้รองเหยาก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ปากกลับพูดว่า “ดูจากท่าทางของแม่นางตู้แล้ว ก็คงจะเป็นคนในเมืองหลวงจริง ๆ อีกทั้งจวนเจ้าอาลักษณ์ก็ร่ำรวยมั่งคั่ง ไม่รู้ว่าตอนเด็กถูกตามใจอย่างไรถึงได้โตมาเสียคนเช่นนี้ ไม่ชินกับการอยู่ในจวนผู้ตรวจการถือเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ที่นางกินไม่ได้นอนไม่หลับเกี่ยวอะไรกับอาเหราด้วย?”

ใบหน้าของเหยาเฉาเต็มไปด้วยความจนปัญญา “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ทุกคนอยากเจอกับคนที่มีพระคุณช่วยชีวิตกันทั้งนั้น เจ้าจะขวางได้หรือ? เรื่องที่เกี่ยวกับอาเหรา แม่นางตู้ไม่ได้ถามด้วยตนเองหรอก เพียงแต่ให้แม่นมและสาวใช้ไปสอบถาม เจ้าจะพูดอะไรได้?”

เมืองต้าเยี่ยนไม่เคยเห็นความสำคัญกับการแบ่งแยกชายหญิง ผู้หญิงสามารถเดินบนท้องถนนได้ เพียงแต่สตรีผู้สูงส่งในเมืองหลวงต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวยิ่งกว่า น้อยนักจะเห็นสตรีทำตัวสนิทสนมกับเหล่าบุรุษข้างนอก

สาวใช้ข้างกายจึงกลายเป็นสื่อกลางในการไปมาหาสู่

หัวคิ้วของสะใภ้รองเหยายังไม่ได้คลายปมออก ทั้งยังพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ถามเองแน่นอน! แต่แม่นมและสาวใช้เป็นใคร? ไม่มีคำสั่งจากคุณหนู ไฉนพวกนางถึงกล้าพูดคุยกับคนภายนอก?”

ตอนนี้สะใภ้รองเหยามั่นใจว่าแม่นางตู้ผู้นี้มีใจให้น้องเขยของตนจริง ๆ แต่สำหรับเจ้าตัวจะคิดเห็นอย่างไรนั้น ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะคาดเดาได้

ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวก็ไม่เคยพูดตรง ๆ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะทำอะไรได้?

เหยาเฉาโน้มน้าวต่อ “เจ้าอย่าไปเป็นเดือดเป็นร้อนในเรื่องไร้สาระนักเลย อาเหราไม่มีความคิดนั้น แม่นางตู้ก็ไม่เคยเอ่ยขึ้นมา เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมืองหลวงกับเมืองชิงถงก็ห่างไกลกันมากโข หลังจากที่แม่นางตู้กลับเมืองหลวงไป ทั้งสองคนก็คงไม่ได้พบเจอกันอีกแล้ว ยิ่งนานวันเรื่องราวก็ยิ่งเลือนรางไป”

สะใภ้รองเหยาถลึงตาใส่เขาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ยัดถ้วยยาที่กำลังอุ่น ๆ ใส่มือของเหยาเฉา “กินยาของท่านเองเถอะ!”

ความจริงแล้วที่เหยาเฉาพูดก็มีเหตุผล

ไม่ต้องเอ่ยถึงความห่างของสถานะและอายุเลย แค่ระยะทางเพียงอย่างเดียววันข้างหน้าทั้งสองคนก็คงไม่ได้ทางติดต่อกันอีกแล้ว

สะใภ้รองเหยาตัดสินความเป็นไปไม่ได้อยู่ในใจ แต่ก็ยังไม่วายเกิดลางสังหรณ์แปลก ๆ นางรู้สึกแค่ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายเช่นนั้น

………..

หลังจากที่หลินเหราเดินออกมาจากบ้านของเหยาเฉาแล้วก็ตรงไปยังจวนผู้ตรวจการทันที

พวกโจรจากภูเขาเฮยหู่และภูเขาไป๋หู่ทั้งสองแห่งนี้ได้ถูกจับกุมอยู่ในคุกใต้ดินหมดแล้ว แต่เพราะจำนวนที่มากเกินไป ห้องขังหนึ่งห้องจึงเกือบบรรจุไม่พอ หนึ่งห้องบรรจุได้แค่สามถึงสี่คน ถึงจะพอรับได้

แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังเกิดปัญหาตามมามากมาย

ผู้ตรวจการได้มอบหมายเรื่องการจับกุมโจรภูเขาให้เจิ้งอันแล้ว ทำเอาเขากลุ้มใจจนแทบจะกระอักเลือดตายเลยทีเดียว ครั้นเห็นหลินเหราอยู่ไกล ๆ ใบหน้าก็เผยความดีใจทันที “สหายหลิน เจ้ามาแล้ว!”

หลินเหราเดินขึ้นหน้าสองสามก้าว กระทั่งได้ยินเจิ้งอันกล่าวถามว่า “อาการบาดเจ็บของพี่รองเป็นอย่างไรบ้าง? ได้ยินว่าถูกหามกลับไป ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

เมื่อวานทุกคนยุ่งวุ่นวายกันทั้งวัน จึงไม่มีเวลาไปเยี่ยมเยือนเหยาเฉาเลย หวังแค่ว่าวันนี้หลินเหราจะมาเล่าถึงสถานการณ์ที่ว่ากับพวกเขา

หลินเหราเป็นคนตรงไปตรงมาจึงพูดอย่างไม่ปิดบัง “บาดแผลไม่ได้โดนจุดสำคัญ แต่เพราะเสียเลือดมากเกินไปก็เลยสลบไปชั่วขณะหนึ่ง ตอนนี้ฟื้นแล้ว นอนรักษาตัวอยู่บนเตียง สักสองสามวันก็ดีขึ้นแล้ว”

เมื่อเจิ้งอันได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้ากลัดกลุ้มใจอีกครั้ง

“พี่รองไม่อยู่ ทุกคนในจวนต่างพากันกลุ้มใจไปตาม ๆ กัน โจรภูเขากลุ่มนี้จะจัดการอย่างไร…”

หลินเหราเดินไปยังจวนผู้ตรวจการ พลางเอ่ยถามว่า “แต่คุมขังไว้ทั้งหมดใช่หรือไม่?”

เจิ้งอันพยักหน้า “ทั้งหมดถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน เบียดเสียดกันอยู่สามสี่คน สภาพก็ย่ำแย่มาก”

ในสายตาของหลินเหรา โจรภูเขาเหี้ยมโหดและเลือดเย็น ทั้งยังชั่วช้าสามานย์ จับฆ่าทีละคนก็คงจะไม่เกินไปด้วยซ้ำ แล้วจะสนใจทำไมกับสิ่งแวดล้อมในคุกใต้ดินที่ค่อนข้างแย่แห่งนั้น

แต่เจิ้งอันนั้นแตกต่าง

โจรพวกนี้เป็นเพื่อนบ้านเสียส่วนใหญ่ พวกเขาได้ผันตัวเป็นโจรในช่วงที่เก็บเกี่ยวไม่ได้เมื่อสองสามปีก่อน ในนั้นจึงมีคนบ้านเดียวกันที่พวกเขารู้จักอยู่ด้วย แม้จะบอกว่าทำเรื่องเลวทรามไปไม่น้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วมันคือการถูกบีบบังคับให้ไปข้องเกี่ยวในทางไม่ดีมากขึ้น ในใจของเจิ้งอันจึงปั่นป่วนจนเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและสงสารอยู่เสมอ

พลันได้ยินหลินเหราพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นับตั้งแต่ที่พวกเขาไปเป็นโจรภูเขา จะช้าหรือเร็วก็ต้องมีวันนี้สักวัน”

เจิ้งอันรู้จักนิสัยของหลินเหราดี จึงข่มความรู้สึกในใจไม่ได้อีกต่อไป รีบเอ่ยถึงปัญหาที่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่สุดอีกครั้ง “คนเหล่านี้ชั่วช้าสามานย์ถึงขีดสุด ถ้าถูกขังอยู่ในคุกเพียงคนเดียว ต่อให้โวยวายแค่ไหนก็ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้น… แต่ตอนนี้กลับเบียดเสียดกันอยู่ในห้องเดียว คงจะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันไม่ได้ เมื่อคืนก็เกิดเรื่องทะเลาะกันจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด”

ถ้าทำตามอำเภอใจ หลินเหราก็คงจะไม่สนใจชีวิตของโจรภูเขาเหล่านี้ ปล่อยให้โจรเหล่านี้กัดกันเหมือนสุนัขต่อไป จะได้ลดจำนวนคนได้มากขึ้น และยังได้ประหยัดพละกำลังของเขาในวันข้างหน้าด้วย เพียงแต่จวนผู้ตรวจการในตอนนี้มีเรื่องที่ต้องครุ่นคิดมากอยู่แล้ว คงจะไม่สามารถปล่อยให้โจรภูเขาเหล่านี้สร้างความวุ่นวายได้

พริบตาเดียวก็มาถึงห้องโถงด้านหน้าแล้ว เขาหยุดก้าวเดินและพูดกับเจิ้งอันว่า “พาคนที่สร้างปัญหาที่สุดไปขังเดี่ยวเสีย ส่วนที่เหลือก็ให้เบียดอยู่ที่เดียวกัน”

เจิ้งอันถึงกับแสดงสีหน้าหมดแรงทันที “สหายหลิน ใช่ว่าเราจะไม่เคยคิดเรื่องนี้ แต่… การทะเลาะกันแบบนี้ยังห่างไกลจากการก่อความวุ่นวายมากโข อีกอย่างหากก่อความวุ่นวายได้ครั้งสองครั้งแล้วแยกขังเดี่ยว เกรงว่าคงจะไม่มีใครอยู่กันอย่างสงบสุขได้”

ครั้นหลินเหราได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว ชายหนุ่มหันไปมอง “พาข้าไปยังคุกใต้ดิน”

เจิ้งอันตกตะลึง “เจ้าต้องไปพบผู้ตรวจการไม่ใช่หรือ? เขาน่าจะอยู่ในห้องโถงกลางด้านหน้านี้…”

เดิมทีเขาตั้งใจจะเข้าพบหัวหน้าผู้ตรวจการก่อน แต่ปัญหาจะต้องแก้ไขไปทีละเรื่อง ครั้นได้ยินความหมายของเจิ้งอันเรื่องของโจรภูเขาที่ไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขกลุ่มนี้กลับสำคัญยิ่งกว่า

เมื่อเจิ้งอันเห็นหลินเหราเหมือนจะทำตามใจตัวเอง จึงรีบพาเขาไปยังคุกใต้ดินทันที

………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ผู้แปลเองก็รู้สึกสังหรณ์ใจเหมือนสะใภ้รองเลยค่ะ ไม่รู้ว่าคุณหนูตู้ที่เห็นเป็นดอกบัวขาวแบบนั้นจะมีแผนล้ำลึกอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า

ในคุกเริ่มวุ่นวายแล้วค่ะ พี่เหราจะปราบอยู่ไหมเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *