พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย 211 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม 2)

Now you are reading พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย Chapter 211 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม 2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า’

ทั้งที่หาหมดทุกซอกทุกมุมภายในห้องแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของบลิสเลย

แล้วไม่ใช่แค่บลิส ถ้วยที่ได้มาจากเด็กน้อยก็เช่นกัน

อาเรียถึงกับเรียกบรรดาข้ารับใช้มาช่วยกันหาดูให้หมดทุกซอกทุกมุมแม้กระทั่งตู้หนังสือเผื่อเธอจะพลาดตรงไหนไป

ทว่าไม่มีใครหาบลิสเจอเลยสักคนเดียว

“พระชายา ดิฉันว่าสั่งให้อัศวินมาคอยประจำการในนี้ดีไหมคะ”

นางกำนัลอย่างรูบี้เอ่ยแนะนำสีหน้าคร่ำเครียดแต่อาเรียกลับส่ายหน้า

ในเมื่อหาขนาดนี้แล้วยังไม่เจอ คงเป็นเธอเองที่สับสนระหว่างความฝันกับความเป็นจริง

‘ใช่แล้วล่ะ ป่านนี้แล้วจะมีน้องต่างแม่ที่เหมือนฉันอย่างกับแกะโผล่มาได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้หรอก’

ในอนาคตอันแสนไกลเธอจะทำลายนาฬิกาทรายเพื่อกลับมายังอดีต นั่นต่างหากคือความจริง

เธอไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะฝันถึงอะไรเช่นนี้ แม้จะกำลังยุ่งแต่ชีวิตก็นับว่าสงบสุขดี สงสัยเธอคงคิดถึงความลำบากยากแค้นเมื่อก่อนกระมัง

“แต่ดิฉันเป็นห่วงที่พระชายาเคยบอกว่ามีคนจะบุกเข้ามานะคะ”

“ไม่เป็นไร ฉันน่าจะเหนื่อยเลยสับสนระหว่างความฝันกับความจริงน่ะ งานยุ่งยากพวกนี้ใกล้เสร็จแล้ว อีกแค่อึดใจฉันก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว”

“ถึงอย่างนั้น…”

หากเป็นในเวลาปกตินางกำนัลผู้นี้มักจะก้มหน้ายอมรับคำสั่งและไม่เคยโต้เถียง แต่ที่อาเรียเคยพูดไปว่ามีคนบุกเข้ามาดูจะติดค้างอยู่ในใจเธอพอสมควรทีเดียว

แม้จะไม่ชอบพูดจาซ้ำซากแต่เมื่อคิดถึงจิตใจของนางกำนัลที่เป็นห่วงเป็นใยตนแล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่นัก

เพราะแบบนั้น

“ก็ได้ แต่หากให้มาอยู่ในห้องท่าจะกวนใจฉันไม่น้อย ฉันอนุญาตให้อยู่ได้แค่หน้าห้องก็แล้วกัน”

ที่จริงให้อยู่แค่หน้าห้องก็ยังกวนใจอยู่ดี ถึงอย่างนั้นอาเรียก็ไม่ขัดคำแนะนำของรูบี้

ทันทีที่เธออนุญาตสีหน้ารูบี้ก็สดใสขึ้นในพริบตาก่อนจะรีบโค้งรับแล้วออกจากห้องห้องทำงานไป

คราแรกเธอเคยคิดว่ารูบี้เป็นนางกำนัลที่ใช้เล่ห์เพทุบายเพราะอิจฉาแอนนี่ แต่ดูแล้วนางกำนัลผู้นี้นับว่าจงรักภักดีมากทีเดียว

คงถึงเวลายอมรับความดีของเธอผู้นี้เสียที

อาเรียซึ่งลืมเรื่องบลิสไปสนิทใจหันไปดูตารางงานช่วงบ่ายของเธอ

ตารางงานที่เหลือคือการตรวจสอบชุดต่างๆ ที่เลดี้โคลซี่ซึ่งเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าจะนำมาให้

ชุดพวกนั้นคือชุดสูทของอาซและชุดเดรสของอาเรียที่ทั้งสองจะใส่ในพิธีราชาภิเษกนั่นเอง

นี่จะกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

ทว่า

“พะ พระชายา! ต้องเลื่อนกำหนดการแล้วล่ะขอรับ! เลดี้โคลซี่เป็นลมล้มพับไปแล้วขอรับ…!”

เป็นไปได้อย่างไรกัน เรื่องทุกอย่างผิดแผนตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ

ข้ารับใช้ที่มาส่งข่าวด้วยสีหน้ารีบร้อนทำให้อาเรียขมวดคิ้ว

“จู่ๆ ก็เป็นหรือ ทำไมล่ะ ได้อย่างไรกัน มีเหตุอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”

โคลซี่คือคนที่เธอมอบหมายงานเรื่องชุดเดรสให้รับผิดชอบมาตลอดตั้งแต่เข้ามาอยู่ในพระราชวัง ดังนั้นอาเรียจึงรู้จักเลดี้คนนี้เป็นอย่างดี

อย่าว่าแต่โรคประจำตัวเลย โคลซี่สุขภาพแข็งแรงถึงขนาดทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่หวั่น นิสัยใจคอหรือก็เป็นคนเอื้อเฟื้อแจ่มใส ไม่ใช่คนที่จะเคร่งเครียดจนป่วยทางใจได้เลย

เพราะฉะนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ออกมาจากปากข้ารับใช้กลับเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิด

“คือ… ได้ยินว่าเสื้อผ้าที่เลดี้เอามาเปียกน้ำหมดเลยขอรับ”

“น้ำหรือ ฝนก็ไม่ได้ตกแต่เปียกน้ำน่ะหรือ”

“ขอรับ มีใครบางคนตั้งใจราดน้ำใส่ชุดที่เลดี้เอามาเตรียมไว้ในห้องรับรองล่วงหน้าเพื่อให้พระชายาทอดพระเนตรขอรับ…”

ใครมันบังอาจทำเรื่องต่ำทรามแบบนี้กับชุดที่จะใช้ในงานพิธีราชาภิเษกกัน สายตาของอาเรียเย็นเยือกลงอย่างน่ากลัว

“นำทางไป ฉันอยากไปดูให้เห็นกับตา”

“ขะ ขอรับ!”

เธอเดินตามข้ารับใช้มาจนถึงห้องรับรองและได้เห็นว่ามันกำลังโกลาหลราวสมรภูมิรบ

เลดี้โคลซี่ที่กำลังลมจับนอนอยู่บนโซฟาโดยมีผ้าเปียกคลุมตาและหน้าผากไว้

ขณะที่บรรดาลูกศิษย์ของเธอกับข้ารับใช้และนางกำนัลคนอื่นๆ ในพระราชวังกำลังช่วยกันพัดชุดให้แห้งอยู่อีกทาง

“พะ พระชายา…!”

“พะ พระชายาเสด็จ!”

แต่ไม่นานใครคนหนึ่งในบรรดาพวกเขาก็สังเกตเห็นอาเรีย ทุกคนจึงหยุดงานทุกอย่างที่ทำแล้วทำความเคารพเธอ

เลดี้โคลอี้เองก็รีบลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าต่อหน้าอาเรียพลางก้มหน้างุด

“พระชายา…! ดะ ดิฉันมันหน้าไม่อายค่ะ…! ขอจงประหารดิฉันเถิดค่ะ!”

“หากฉันประหารเลดี้ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้แล้วต่อไปฉันจะเป็นอย่างไรล่ะคะ ฝีมือแบบเลดี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ”

เลดี้โคลซี่ไม่ได้มีความผิดอะไร อาเรียจึงแสดงออกให้เห็นว่าเธอไม่ถือโทษโกรธเลดี้แต่อย่างใด

ทั้งที่เลดี้โคลซี่เองนั้นรู้สึกผิดจนต่อให้อาเรียตบหน้าแล้วถามว่าทำงานประสาอะไรความรู้สึกผิดนั้นก็จะยังไม่หายไป ดังนั้นเธอจึงร้องไห้ออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่บอกว่าเธอไม่มีความผิด

อาเรียทิ้งเธอไว้เบื้องหลังแล้วหันไปดูสภาพชุดที่พังไม่เป็นท่าแทน

“สภาพนี้… ต้องมีใครมาเทน้ำใส่จริงๆ นั่นล่ะ เปียกหมดทั้งชุดสูทของอาซทั้งเดรสฉัน”

ทั้งกางเกงหรือกระทั่งชายกระโปรงเดรสต่างก็ชุ่มน้ำไปหมด

หากทำให้แห้งมันอาจจะกลับไปอยู่ในสภาพเดิมได้ แต่ชุดเหล่านี้เป็นถึงชุดที่จะใช้ในพิธีราชาภิเษกของพระจักรพรรดิ

และเธอจะไม่ยอมใส่ชุดที่ถูกใครบางคนทำลายอีกครั้งแน่นอนแม้ว่ามันจะถูกพัดจนแห้งแล้วก็ตาม

“พวกดิฉันลงกลอนอย่างแน่นหน้าไม่ให้มีใครเข้ามาได้เป็นการป้องกันไว้ก่อน จึงไม่ทราบจริงๆ ว่าคนคนนั้นเข้ามาได้อย่างไรคะ”

“ผู้ต้องสงสัยล่ะ”

“ไม่มีขอรับ พวกกระหม่อมสลับเวรมาเฝ้าประตูอยู่ตลอดแต่ไม่เห็นใครเลยขอรับ”

“แล้วพวกเธอล่ะ เห็นหรือเปล่า”

อาเรียหันไปถามข้ารับใช้คนอื่นๆ และพวกเขาต่างพากันส่ายหน้า

“ไม่ใช่แค่พวกดิฉันเท่านั้น แต่ถามข้ารับใช้คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาแล้วก็ไม่มีใครเห็นเลยค่ะ”

เช่นนั้นคนทำย่อมไม่ใช่คนนอก แต่เป็นคนในนี่เอง ผู้ก่อเหตุอาจเป็นหนึ่งในศิษย์ของโคลซี่ที่เฝ้าประตูอยู่ก็ได้

เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด

อาเรียไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเข้ามาราดน้ำใส่ชุดโดยไม่มีใครเห็นได้อย่างไร แต่เธอได้ให้คำสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะจับเจ้าคนนั้นมาให้ได้และทำให้เขาหรือเธอต้องชดใช้อย่างสาสม

“เพิ่มการรักษาความปลอดภัยในที่ที่ใช้เก็บของสำหรับงานพิธีด้วย ส่วนเลดี้ เลิกร้องไห้แล้วลุกขึ้นมาเถอะค่ะ”

เลดี้โคลซี่ที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เงยหน้าขึ้นทันทีเมื่ออาเรียเรียก

ดวงตาบวมปูดของเธอที่ผลงานซึ่งตนสู้อุตส่าห์สร้างมาต้องพังไม่เป็นท่านั้นดูน่าสงสารเหลือเกิน

แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น

“หากเลดี้เอาแต่ร้องไห้เช่นนี้ งานพิธีราชาภิเษกจะไม่เหลืออะไรเลยนะคะ เพราะมันจะลายเป็นความอับอายที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แห่งจักรวรรดิ”

ในเวลาแบบนี้เธอควรจะปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นมาทำชุดใหม่อีกครั้ง

“หากขาดแรงงานคนก็ขอให้บอกนะคะ ฉันจะจัดหาให้เท่าที่เลดี้ต้องการ ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งหนึ่งเดือน ฉันมั่นใจว่าเลดี้สามารถตัดเย็บชุดใหม่ได้ทันเวลาอยู่แล้วล่ะค่ะ”

คำพูดที่เป็นเสมือนแส้ของอาเรียทำให้เลดี้โคลซี่เช็ดน้ำตาแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที

อาเรียพูดถูก นี่ไม่ใช่เวลาจะมานั่งอาลัยอาวรณ์เช่นนี้

“…ค่ะ พระชายา ดิฉันจะกลับมาเข้าเฝ้าพร้อมชุดที่ตัดเย็บขึ้นใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ”

“ดีค่ะ ส่วนฉันจะหาเจ้าคนที่มันทำให้เลดี้ต้องเสียน้ำตามาให้ได้ค่ะ”

หากคนคนนั้นคิดจะทำลายพิธีราชาภิเษกจริงๆ คราวนี้มันจะไม่มีทางทำได้สำเร็จแน่นอน

เจ้าคนนั้นจะต้องใช้กลยุทธ์บางอย่างบุกเข้ามาโดยไม่มีใครรู้แล้วมาทำลายอย่างอื่นอีกแน่

‘ฉันจะจับมันมาตัดคอให้ได้ก่อนที่มันจะทันได้ลงมือ’

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฝ่ายนั่นดูจะเตรียมการมาอย่างดี แต่หากใช้นาฬิกาทรายละก็ อาจจะจับหางมันได้อย่างง่ายดายก็เป็นได้

ขณะที่คิดมาถึงตรงนั้นก็มีมือมาโอบรอบเอวอาเรียไว้ มือที่แสนคุ้นเคยและแข็งแกร่ง

เธอวางมือทับบนมือนั้นก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะแนบลงมาตรงลำคอพอดี

“ใครทำให้ใครต้องเสียน้ำตาหรือครับ และคนที่เสียน้ำตาคงไม่ใช่ชายาของผมด้วยใช่หรือเปล่า”

เป็นอาซอย่างไม่ต้องสงสัย

ราวกับไม่ต้องการคำตอบ จุมพิตที่เริ่มจากลำคอลากผ่านแก้มนวลและหยุดลงที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา

นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเสียจนไม่มีใครนึกตกใจอีกแล้ว

แต่ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งก็ยังเขินอยู่ดี เหล่าก้างขวางคอที่หน้าแดงกันเป็นทิวแถวต่างโค้งลาแล้วค่อยๆ ทยอยออกจากห้องรับรองไปช้าๆ

“คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”

น้ำเสียงยินดีที่แฝงอยู่ในคำถามของอาเรียทำให้อาซยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

“ได้ยินว่าวันนี้เดรสจะมาถึง พอเสร็จงานแล้วผมก็เลยรีบมาน่ะครับ แต่ดูเหมือนจะมีปัญหาสินะครับ”

สายตาของอาซทอดมองไปยังชุดเดรสที่อาเรียต้องใส่ในงานพิธี

สีตรงบริเวณที่เปียกเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที

“มีใครบางคนบุกเข้ามาเทน้ำใส่มันน่ะค่ะ แต่โชคร้ายที่จับไม่ได้”

ถึงอย่างนั้นอาเรียไม่ได้ดูเศร้าหมองเลยสักนิด ทว่าเธอกลับแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเฉยๆ

อาซจึงพอจะมองออกว่าอาเรียคงคิดจะใช้นาฬิกาทรายย้อนเวลากลับไปเพื่อจับคนร้ายที่ลอบเข้ามาเทน้ำใส่ชุดของเธอ

‘ไม่เห็นเอาออกมาตั้งนาน คิดว่าจะไม่ใช้แล้วเสียอีก’

อาซไม่อยากให้อาเรียใช้นาฬิกาทราย

นั่นเพราะเธอได้แสดงความสามารถที่มีให้เป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาเป็นสมาชิกราชวงศ์แล้ว แต่กระทั่งตอนนี้ที่ได้เข้าพิธีอภิเษกจนกลายเป็นพระชายาเธอก็ยังต้องเสียแรงเสียกำลังไปกับมันอีก

ทุกครั้งที่เขาเห็นอาเรียนอนหลับเป็นตายหลังจากใช้เจ้านาฬิกาทรายนั่น เขารู้สึกไม่สบายใจเหมือนว่าชีวิตของเธอจะสั้นลงไปด้วย

ถึงอาเรียจะบอกว่าเธอไม่เป็นไรแต่เขาก็ไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกอยู่ดี ดังนั้นในตอนนี้เขาต้องลบความคิดที่จะใช้นาฬิกาทรายออกไปจากสมองของเธอให้ได้ก่อน

“เช่นนั้นผมว่าเราควรยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นนะครับ พิธีราชาภิเษกที่คุณเตรียมให้ผมมาตั้งนมนานจะได้ไม่พังไปด้วย”

“ฉันสั่งให้พวกเขาเพิ่มคนไปแล้วละค่ะ และฉันก็จะไปดูด้วยตัวเองด้วย ฉันต้องจับคนร้ายมาลงโทษอย่างสาสมให้ได้ค่ะ”

“เป็นความคิดที่ดีครับ”

อาซโอบแขนรอบไหล่อาเรียทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างสมบูรณ์ ก่อนจะเอ่ยปากพูด ‘แต่ก่อนหน้านั้น’

“นี่ก็ใกล้จะถึงเวลามื้อค่ำแล้ว เราไปเดินเล่นหรือทานข้าวด้วยกันหน่อยดีไหมครับ ผมหวังว่าคุณจะช่วยสามีผู้น่าสงสารที่รอเวลานี้มาตลอดคนนี้บ้างนะ”

คำพูดปัจจุบันทันด่วนแบบนั้น เธอรู้ทันหรอกว่าเขาแค่ต้องการเปลี่ยนเรื่อง

แต่อาซเล่นเพิ่มคำว่า ‘ขอร้องนะ’ ทั้งยังอ้อนวอนด้วยแววตาสั่นไหวแบบนั้น แล้วเธอจะไม่ยอมตามใจได้อย่างไร

อาเรียหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะจับมืออาซที่โอบไหล่เธอไว้อย่างอ่อนโยน

“แค่ทานข้าวก็ถือว่าช่วยได้แล้วใช่ไหมคะ”

“…ถ้าอยากเห็นผมมีสภาพเหมือนเฉาตายจะทำอย่างนั้นก็ได้นะครับ”

นี่ใครกำลังปลอบใครกันแน่นะ

อาซที่ถูกแย่งความเป็นผู้นำไปเพียงโดนลูบมือตอบออกมาอย่างยากลำบาก

“ฉันเห็นคุณอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปเดินเล่นแล้วก็ทานข้าวด้วยกันอย่างที่อาซพูด และหลังจากนั้นฉันก็จะอยู่คอยดูแลอาซ เอาใจใส่ไม่ให้อาซต้องเหี่ยวเฉาเลยล่ะค่ะ”

อาเรียซบใบหน้าลงกับอกอาซแล้วกอดเอวเขาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

เขายอมตกหลุมพราง แต่เธอเองก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน

และนั่นทำให้อาซร้อนใจ เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะแกะมืออาเรียที่คอยแต่จะปลุกเร้าตนออก

“ต้องขอโทษด้วยแต่ผมขอไปเดินเล่นพรุ่งนี้แทนได้ไหมครับ เพราะถ้าผมไม่ได้รับการดูแลตอนนี้ผมต้องตายแน่เลย”

นี่คือคำประกาศว่าเขายอมแพ้ อาเรียยิ้มออกมาจนดวงตาโค้งลงอย่างสวยงามราวกับชอบใจแววตาร้อนรุ่มของอาซ

“ตราบใดที่คุณไม่อดมื้อเย็นก็ย่อมได้ค่ะ ฉันไม่อาจทำตัวให้เป็นอันตรายต่อชีวิตของว่าที่พระจักรพรรดิได้หรอกนะคะ”

“ถึงจะไม่มั่นใจ แต่ผมจะพยายามนะครับ”

…………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย 211 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม 2)

Now you are reading พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย Chapter 211 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม 2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า’

ทั้งที่หาหมดทุกซอกทุกมุมภายในห้องแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของบลิสเลย

แล้วไม่ใช่แค่บลิส ถ้วยที่ได้มาจากเด็กน้อยก็เช่นกัน

อาเรียถึงกับเรียกบรรดาข้ารับใช้มาช่วยกันหาดูให้หมดทุกซอกทุกมุมแม้กระทั่งตู้หนังสือเผื่อเธอจะพลาดตรงไหนไป

ทว่าไม่มีใครหาบลิสเจอเลยสักคนเดียว

“พระชายา ดิฉันว่าสั่งให้อัศวินมาคอยประจำการในนี้ดีไหมคะ”

นางกำนัลอย่างรูบี้เอ่ยแนะนำสีหน้าคร่ำเครียดแต่อาเรียกลับส่ายหน้า

ในเมื่อหาขนาดนี้แล้วยังไม่เจอ คงเป็นเธอเองที่สับสนระหว่างความฝันกับความเป็นจริง

‘ใช่แล้วล่ะ ป่านนี้แล้วจะมีน้องต่างแม่ที่เหมือนฉันอย่างกับแกะโผล่มาได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้หรอก’

ในอนาคตอันแสนไกลเธอจะทำลายนาฬิกาทรายเพื่อกลับมายังอดีต นั่นต่างหากคือความจริง

เธอไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะฝันถึงอะไรเช่นนี้ แม้จะกำลังยุ่งแต่ชีวิตก็นับว่าสงบสุขดี สงสัยเธอคงคิดถึงความลำบากยากแค้นเมื่อก่อนกระมัง

“แต่ดิฉันเป็นห่วงที่พระชายาเคยบอกว่ามีคนจะบุกเข้ามานะคะ”

“ไม่เป็นไร ฉันน่าจะเหนื่อยเลยสับสนระหว่างความฝันกับความจริงน่ะ งานยุ่งยากพวกนี้ใกล้เสร็จแล้ว อีกแค่อึดใจฉันก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว”

“ถึงอย่างนั้น…”

หากเป็นในเวลาปกตินางกำนัลผู้นี้มักจะก้มหน้ายอมรับคำสั่งและไม่เคยโต้เถียง แต่ที่อาเรียเคยพูดไปว่ามีคนบุกเข้ามาดูจะติดค้างอยู่ในใจเธอพอสมควรทีเดียว

แม้จะไม่ชอบพูดจาซ้ำซากแต่เมื่อคิดถึงจิตใจของนางกำนัลที่เป็นห่วงเป็นใยตนแล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่นัก

เพราะแบบนั้น

“ก็ได้ แต่หากให้มาอยู่ในห้องท่าจะกวนใจฉันไม่น้อย ฉันอนุญาตให้อยู่ได้แค่หน้าห้องก็แล้วกัน”

ที่จริงให้อยู่แค่หน้าห้องก็ยังกวนใจอยู่ดี ถึงอย่างนั้นอาเรียก็ไม่ขัดคำแนะนำของรูบี้

ทันทีที่เธออนุญาตสีหน้ารูบี้ก็สดใสขึ้นในพริบตาก่อนจะรีบโค้งรับแล้วออกจากห้องห้องทำงานไป

คราแรกเธอเคยคิดว่ารูบี้เป็นนางกำนัลที่ใช้เล่ห์เพทุบายเพราะอิจฉาแอนนี่ แต่ดูแล้วนางกำนัลผู้นี้นับว่าจงรักภักดีมากทีเดียว

คงถึงเวลายอมรับความดีของเธอผู้นี้เสียที

อาเรียซึ่งลืมเรื่องบลิสไปสนิทใจหันไปดูตารางงานช่วงบ่ายของเธอ

ตารางงานที่เหลือคือการตรวจสอบชุดต่างๆ ที่เลดี้โคลซี่ซึ่งเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าจะนำมาให้

ชุดพวกนั้นคือชุดสูทของอาซและชุดเดรสของอาเรียที่ทั้งสองจะใส่ในพิธีราชาภิเษกนั่นเอง

นี่จะกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

ทว่า

“พะ พระชายา! ต้องเลื่อนกำหนดการแล้วล่ะขอรับ! เลดี้โคลซี่เป็นลมล้มพับไปแล้วขอรับ…!”

เป็นไปได้อย่างไรกัน เรื่องทุกอย่างผิดแผนตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ

ข้ารับใช้ที่มาส่งข่าวด้วยสีหน้ารีบร้อนทำให้อาเรียขมวดคิ้ว

“จู่ๆ ก็เป็นหรือ ทำไมล่ะ ได้อย่างไรกัน มีเหตุอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”

โคลซี่คือคนที่เธอมอบหมายงานเรื่องชุดเดรสให้รับผิดชอบมาตลอดตั้งแต่เข้ามาอยู่ในพระราชวัง ดังนั้นอาเรียจึงรู้จักเลดี้คนนี้เป็นอย่างดี

อย่าว่าแต่โรคประจำตัวเลย โคลซี่สุขภาพแข็งแรงถึงขนาดทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่หวั่น นิสัยใจคอหรือก็เป็นคนเอื้อเฟื้อแจ่มใส ไม่ใช่คนที่จะเคร่งเครียดจนป่วยทางใจได้เลย

เพราะฉะนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ออกมาจากปากข้ารับใช้กลับเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิด

“คือ… ได้ยินว่าเสื้อผ้าที่เลดี้เอามาเปียกน้ำหมดเลยขอรับ”

“น้ำหรือ ฝนก็ไม่ได้ตกแต่เปียกน้ำน่ะหรือ”

“ขอรับ มีใครบางคนตั้งใจราดน้ำใส่ชุดที่เลดี้เอามาเตรียมไว้ในห้องรับรองล่วงหน้าเพื่อให้พระชายาทอดพระเนตรขอรับ…”

ใครมันบังอาจทำเรื่องต่ำทรามแบบนี้กับชุดที่จะใช้ในงานพิธีราชาภิเษกกัน สายตาของอาเรียเย็นเยือกลงอย่างน่ากลัว

“นำทางไป ฉันอยากไปดูให้เห็นกับตา”

“ขะ ขอรับ!”

เธอเดินตามข้ารับใช้มาจนถึงห้องรับรองและได้เห็นว่ามันกำลังโกลาหลราวสมรภูมิรบ

เลดี้โคลซี่ที่กำลังลมจับนอนอยู่บนโซฟาโดยมีผ้าเปียกคลุมตาและหน้าผากไว้

ขณะที่บรรดาลูกศิษย์ของเธอกับข้ารับใช้และนางกำนัลคนอื่นๆ ในพระราชวังกำลังช่วยกันพัดชุดให้แห้งอยู่อีกทาง

“พะ พระชายา…!”

“พะ พระชายาเสด็จ!”

แต่ไม่นานใครคนหนึ่งในบรรดาพวกเขาก็สังเกตเห็นอาเรีย ทุกคนจึงหยุดงานทุกอย่างที่ทำแล้วทำความเคารพเธอ

เลดี้โคลอี้เองก็รีบลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าต่อหน้าอาเรียพลางก้มหน้างุด

“พระชายา…! ดะ ดิฉันมันหน้าไม่อายค่ะ…! ขอจงประหารดิฉันเถิดค่ะ!”

“หากฉันประหารเลดี้ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้แล้วต่อไปฉันจะเป็นอย่างไรล่ะคะ ฝีมือแบบเลดี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ”

เลดี้โคลซี่ไม่ได้มีความผิดอะไร อาเรียจึงแสดงออกให้เห็นว่าเธอไม่ถือโทษโกรธเลดี้แต่อย่างใด

ทั้งที่เลดี้โคลซี่เองนั้นรู้สึกผิดจนต่อให้อาเรียตบหน้าแล้วถามว่าทำงานประสาอะไรความรู้สึกผิดนั้นก็จะยังไม่หายไป ดังนั้นเธอจึงร้องไห้ออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่บอกว่าเธอไม่มีความผิด

อาเรียทิ้งเธอไว้เบื้องหลังแล้วหันไปดูสภาพชุดที่พังไม่เป็นท่าแทน

“สภาพนี้… ต้องมีใครมาเทน้ำใส่จริงๆ นั่นล่ะ เปียกหมดทั้งชุดสูทของอาซทั้งเดรสฉัน”

ทั้งกางเกงหรือกระทั่งชายกระโปรงเดรสต่างก็ชุ่มน้ำไปหมด

หากทำให้แห้งมันอาจจะกลับไปอยู่ในสภาพเดิมได้ แต่ชุดเหล่านี้เป็นถึงชุดที่จะใช้ในพิธีราชาภิเษกของพระจักรพรรดิ

และเธอจะไม่ยอมใส่ชุดที่ถูกใครบางคนทำลายอีกครั้งแน่นอนแม้ว่ามันจะถูกพัดจนแห้งแล้วก็ตาม

“พวกดิฉันลงกลอนอย่างแน่นหน้าไม่ให้มีใครเข้ามาได้เป็นการป้องกันไว้ก่อน จึงไม่ทราบจริงๆ ว่าคนคนนั้นเข้ามาได้อย่างไรคะ”

“ผู้ต้องสงสัยล่ะ”

“ไม่มีขอรับ พวกกระหม่อมสลับเวรมาเฝ้าประตูอยู่ตลอดแต่ไม่เห็นใครเลยขอรับ”

“แล้วพวกเธอล่ะ เห็นหรือเปล่า”

อาเรียหันไปถามข้ารับใช้คนอื่นๆ และพวกเขาต่างพากันส่ายหน้า

“ไม่ใช่แค่พวกดิฉันเท่านั้น แต่ถามข้ารับใช้คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาแล้วก็ไม่มีใครเห็นเลยค่ะ”

เช่นนั้นคนทำย่อมไม่ใช่คนนอก แต่เป็นคนในนี่เอง ผู้ก่อเหตุอาจเป็นหนึ่งในศิษย์ของโคลซี่ที่เฝ้าประตูอยู่ก็ได้

เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด

อาเรียไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเข้ามาราดน้ำใส่ชุดโดยไม่มีใครเห็นได้อย่างไร แต่เธอได้ให้คำสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะจับเจ้าคนนั้นมาให้ได้และทำให้เขาหรือเธอต้องชดใช้อย่างสาสม

“เพิ่มการรักษาความปลอดภัยในที่ที่ใช้เก็บของสำหรับงานพิธีด้วย ส่วนเลดี้ เลิกร้องไห้แล้วลุกขึ้นมาเถอะค่ะ”

เลดี้โคลซี่ที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เงยหน้าขึ้นทันทีเมื่ออาเรียเรียก

ดวงตาบวมปูดของเธอที่ผลงานซึ่งตนสู้อุตส่าห์สร้างมาต้องพังไม่เป็นท่านั้นดูน่าสงสารเหลือเกิน

แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น

“หากเลดี้เอาแต่ร้องไห้เช่นนี้ งานพิธีราชาภิเษกจะไม่เหลืออะไรเลยนะคะ เพราะมันจะลายเป็นความอับอายที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แห่งจักรวรรดิ”

ในเวลาแบบนี้เธอควรจะปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นมาทำชุดใหม่อีกครั้ง

“หากขาดแรงงานคนก็ขอให้บอกนะคะ ฉันจะจัดหาให้เท่าที่เลดี้ต้องการ ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งหนึ่งเดือน ฉันมั่นใจว่าเลดี้สามารถตัดเย็บชุดใหม่ได้ทันเวลาอยู่แล้วล่ะค่ะ”

คำพูดที่เป็นเสมือนแส้ของอาเรียทำให้เลดี้โคลซี่เช็ดน้ำตาแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที

อาเรียพูดถูก นี่ไม่ใช่เวลาจะมานั่งอาลัยอาวรณ์เช่นนี้

“…ค่ะ พระชายา ดิฉันจะกลับมาเข้าเฝ้าพร้อมชุดที่ตัดเย็บขึ้นใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ”

“ดีค่ะ ส่วนฉันจะหาเจ้าคนที่มันทำให้เลดี้ต้องเสียน้ำตามาให้ได้ค่ะ”

หากคนคนนั้นคิดจะทำลายพิธีราชาภิเษกจริงๆ คราวนี้มันจะไม่มีทางทำได้สำเร็จแน่นอน

เจ้าคนนั้นจะต้องใช้กลยุทธ์บางอย่างบุกเข้ามาโดยไม่มีใครรู้แล้วมาทำลายอย่างอื่นอีกแน่

‘ฉันจะจับมันมาตัดคอให้ได้ก่อนที่มันจะทันได้ลงมือ’

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฝ่ายนั่นดูจะเตรียมการมาอย่างดี แต่หากใช้นาฬิกาทรายละก็ อาจจะจับหางมันได้อย่างง่ายดายก็เป็นได้

ขณะที่คิดมาถึงตรงนั้นก็มีมือมาโอบรอบเอวอาเรียไว้ มือที่แสนคุ้นเคยและแข็งแกร่ง

เธอวางมือทับบนมือนั้นก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะแนบลงมาตรงลำคอพอดี

“ใครทำให้ใครต้องเสียน้ำตาหรือครับ และคนที่เสียน้ำตาคงไม่ใช่ชายาของผมด้วยใช่หรือเปล่า”

เป็นอาซอย่างไม่ต้องสงสัย

ราวกับไม่ต้องการคำตอบ จุมพิตที่เริ่มจากลำคอลากผ่านแก้มนวลและหยุดลงที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา

นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเสียจนไม่มีใครนึกตกใจอีกแล้ว

แต่ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งก็ยังเขินอยู่ดี เหล่าก้างขวางคอที่หน้าแดงกันเป็นทิวแถวต่างโค้งลาแล้วค่อยๆ ทยอยออกจากห้องรับรองไปช้าๆ

“คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”

น้ำเสียงยินดีที่แฝงอยู่ในคำถามของอาเรียทำให้อาซยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยตอบ

“ได้ยินว่าวันนี้เดรสจะมาถึง พอเสร็จงานแล้วผมก็เลยรีบมาน่ะครับ แต่ดูเหมือนจะมีปัญหาสินะครับ”

สายตาของอาซทอดมองไปยังชุดเดรสที่อาเรียต้องใส่ในงานพิธี

สีตรงบริเวณที่เปียกเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที

“มีใครบางคนบุกเข้ามาเทน้ำใส่มันน่ะค่ะ แต่โชคร้ายที่จับไม่ได้”

ถึงอย่างนั้นอาเรียไม่ได้ดูเศร้าหมองเลยสักนิด ทว่าเธอกลับแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเฉยๆ

อาซจึงพอจะมองออกว่าอาเรียคงคิดจะใช้นาฬิกาทรายย้อนเวลากลับไปเพื่อจับคนร้ายที่ลอบเข้ามาเทน้ำใส่ชุดของเธอ

‘ไม่เห็นเอาออกมาตั้งนาน คิดว่าจะไม่ใช้แล้วเสียอีก’

อาซไม่อยากให้อาเรียใช้นาฬิกาทราย

นั่นเพราะเธอได้แสดงความสามารถที่มีให้เป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาเป็นสมาชิกราชวงศ์แล้ว แต่กระทั่งตอนนี้ที่ได้เข้าพิธีอภิเษกจนกลายเป็นพระชายาเธอก็ยังต้องเสียแรงเสียกำลังไปกับมันอีก

ทุกครั้งที่เขาเห็นอาเรียนอนหลับเป็นตายหลังจากใช้เจ้านาฬิกาทรายนั่น เขารู้สึกไม่สบายใจเหมือนว่าชีวิตของเธอจะสั้นลงไปด้วย

ถึงอาเรียจะบอกว่าเธอไม่เป็นไรแต่เขาก็ไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกอยู่ดี ดังนั้นในตอนนี้เขาต้องลบความคิดที่จะใช้นาฬิกาทรายออกไปจากสมองของเธอให้ได้ก่อน

“เช่นนั้นผมว่าเราควรยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นนะครับ พิธีราชาภิเษกที่คุณเตรียมให้ผมมาตั้งนมนานจะได้ไม่พังไปด้วย”

“ฉันสั่งให้พวกเขาเพิ่มคนไปแล้วละค่ะ และฉันก็จะไปดูด้วยตัวเองด้วย ฉันต้องจับคนร้ายมาลงโทษอย่างสาสมให้ได้ค่ะ”

“เป็นความคิดที่ดีครับ”

อาซโอบแขนรอบไหล่อาเรียทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างสมบูรณ์ ก่อนจะเอ่ยปากพูด ‘แต่ก่อนหน้านั้น’

“นี่ก็ใกล้จะถึงเวลามื้อค่ำแล้ว เราไปเดินเล่นหรือทานข้าวด้วยกันหน่อยดีไหมครับ ผมหวังว่าคุณจะช่วยสามีผู้น่าสงสารที่รอเวลานี้มาตลอดคนนี้บ้างนะ”

คำพูดปัจจุบันทันด่วนแบบนั้น เธอรู้ทันหรอกว่าเขาแค่ต้องการเปลี่ยนเรื่อง

แต่อาซเล่นเพิ่มคำว่า ‘ขอร้องนะ’ ทั้งยังอ้อนวอนด้วยแววตาสั่นไหวแบบนั้น แล้วเธอจะไม่ยอมตามใจได้อย่างไร

อาเรียหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะจับมืออาซที่โอบไหล่เธอไว้อย่างอ่อนโยน

“แค่ทานข้าวก็ถือว่าช่วยได้แล้วใช่ไหมคะ”

“…ถ้าอยากเห็นผมมีสภาพเหมือนเฉาตายจะทำอย่างนั้นก็ได้นะครับ”

นี่ใครกำลังปลอบใครกันแน่นะ

อาซที่ถูกแย่งความเป็นผู้นำไปเพียงโดนลูบมือตอบออกมาอย่างยากลำบาก

“ฉันเห็นคุณอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปเดินเล่นแล้วก็ทานข้าวด้วยกันอย่างที่อาซพูด และหลังจากนั้นฉันก็จะอยู่คอยดูแลอาซ เอาใจใส่ไม่ให้อาซต้องเหี่ยวเฉาเลยล่ะค่ะ”

อาเรียซบใบหน้าลงกับอกอาซแล้วกอดเอวเขาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

เขายอมตกหลุมพราง แต่เธอเองก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน

และนั่นทำให้อาซร้อนใจ เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะแกะมืออาเรียที่คอยแต่จะปลุกเร้าตนออก

“ต้องขอโทษด้วยแต่ผมขอไปเดินเล่นพรุ่งนี้แทนได้ไหมครับ เพราะถ้าผมไม่ได้รับการดูแลตอนนี้ผมต้องตายแน่เลย”

นี่คือคำประกาศว่าเขายอมแพ้ อาเรียยิ้มออกมาจนดวงตาโค้งลงอย่างสวยงามราวกับชอบใจแววตาร้อนรุ่มของอาซ

“ตราบใดที่คุณไม่อดมื้อเย็นก็ย่อมได้ค่ะ ฉันไม่อาจทำตัวให้เป็นอันตรายต่อชีวิตของว่าที่พระจักรพรรดิได้หรอกนะคะ”

“ถึงจะไม่มั่นใจ แต่ผมจะพยายามนะครับ”

…………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+