ยอดหญิงแห่งวังหลัง 13.1
ตอนที่ 13-1 แขนเสื้อ
หลี่เว่ยหยางมีความมั่นใจอย่างสูงสุดว่า เมื่อท่านย่าใหญ่ดื่มชาถ้วยนี้แล้ว นางจะมิสามารถดื่มชาที่ชงโดยผู้อื่นได้อีก
เนื่องจากทัวเป่าเจิ้น เป็นผู้ที่รักการดื่มชาเป็นอย่างมาก และเพื่อต้องการทำให้เขามีความสุข
นางจึงพยายามค้นหาพันธุ์ชาที่มีชื่อเสียง และนำมันมาปลูก และดูแลอย่างใส่ใจ
หลังจากเวลาผ่านไปแปดปี นางจึงมีความมั่นใจมาก พอที่จะกล่าวได้ว่า ทักษะการชงชาของตนเองนั้นยอดเยี่ยม และมิมีผู้ใดสามารถเทียบได้
และมิกลัวว่า ฮูหยินใหญ่จะสอบสวนเรื่องนี้เช่นกัน เพราะบรรดาคุณหนูของบ้านตระกูลหลี่ในผิงเฉิงทุกคนต่างก็รู้วิธีชงชา
เว่ยหยางอาศัยอยู่ที่ผิงเฉิงมาสักระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่ทักษะการชงชาของนางดีขึ้นเช่นกัน
เมื่อได้ดื่มชาแล้ว เมิงชิมีความพึงพอใจกับรสชาติของชาถ้วยนี้มาก จึงมองไปยังเว่ยหยาง พร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นมากขึ้น
“วิธีการชงชาของเจ้ามิเหมือนผู้อื่น เจ้าเรียนรู้ทักษะการชงชาเช่นนี้มาจากที่ใดกัน”
ในชาติที่แล้ว เนื่องจากนางเป็นบุตรสาวของเมียน้อยที่เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ จึงจะต้องระมัดระวังกิริยามารยาท และวาจาของตนเองอยู่เสมอ
ส่วนใหญ่นางจะนั่งด้วยอาการสงบเงียบอยู่ในมุมหนึ่ง และจะมิสนทนากับท่านย่าใหญ่หากมิจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เว่ยหยางมิได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
นางกล่าวตอบไปว่า
“ท่านย่า ตอนข้าอยู่ที่ผิงเฉิง พวกเขาเชิญคนของร้านซานเนียงแห่งเมืองตงเจี่ย มาสอนวิธีการชงชาให้กับคุณหนูทั้งหมดในบ้านหลี่
ข้าได้เข้าร่วมและเรียนรู้ทักษะบางอย่างด้วยเหตุนี้ แต่เกรงว่า ข้าจะยังเป็นมือใหม่อยู่”
ฮูหยินใหญ่แสดงอาการแค้นเคืองออกมาทางสายตาอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่หลี่จางเล่อเอง ก็ยังขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
เรียนรู้ทักษะเพียงเล็กน้อย แต่ยังสามารถชงชาได้ถึงเพียงนี้?
หากนางมีความมุ่งมั่น และจริงจังตั้งแต่แรกเช่นนี้ คงมิได้หมายความว่า…
ร้านซานเหนียงแห่งเมืองตงเจี่ย เป็นร้านขายชาชื่อดัง และได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก
น่าเสียดายที่นางมีปัญหาในเรื่องการเดินทาง จึงมิได้ไปเมืองผิงเฉิง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลี่จางเล่อเคยคิดที่จะเชิญครูผู้สอนมาที่บ้านตระกูลหลี่แห่งนี้ แต่น่าเศร้าที่ยังมิมีโอกาส
การได้รับรู้เรื่องเช่นนี้จากเว่ยหยางสำหรับคนที่หยิ่งผยองอย่างหลี่จางเล่อ มันเป็นเหมือนกับการประกาศสงครามอย่างชัดเจน
หลี่เว่ยหยางสังเกตการแสดงออกของทั้งแม่และบุตรสาวคู่นี้ แต่มิได้แสดงสีหน้าอันใดออกมา และกล่าวออกมาว่า
“ท่านย่า ข้าขอยืมถ้วยชาสักครู่ได้หรือไม่”
เมิงชิพยักหน้าเล็กน้อย
หลี่เว่ยหยางก้าวไปด้านหน้า และหยิบถ้วยชาข้างเมิงชิขึ้นมา แล้วหมุนถ้วยชาอย่างแผ่วเบา
หลังจากนั้นจึงวางมันลง ในขณะที่ท่านย่ามองลงไป
และสังเกตเห็นว่า มีดอกโบตั๋นปรากฏอยู่ในถ้วยชา ไอน้ำลอยขึ้นมาจากถ้วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เหวินชิลูกสะใภ้คนที่สอง ซึ่งขณะนี้กำลังนั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกสงสัย จึงอดมิได้ที่จะเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ
เมื่อนางมองเข้าไปในถ้วย จึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ข้ามิเคยรู้มาก่อนเลยว่า ใบชาสามารถเปลี่ยนเป็นดอกไม้ได้! ทักษะของเจ้าช่างยอดเยี่ยมเสียจริง ๆ !”
หลี่จางเล่อเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้าง
ทันใดนั้น จึงรีบลุกขึ้นยืน และเดินไปดูเช่นกัน เมื่อเห็นดอกโบตั๋นบาน อยู่ในถ้วยชา จึงตกตะลึงจนกล่าวอันใดมิออก
หลี่เหว่ยหยางกล่าวตอบอย่างถ่อมตนว่า
“มันเป็นเพียงเคล็ดลับเล็กน้อย แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ท่านย่ายิ้มได้
ร้านซานเหนียงของตงเจี๋ยยังสามารถสร้างภูเขา และแม่น้ำจากใบชาได้ด้วย
ตอนนั้น เมื่อได้เห็นพรสวรรค์ที่วิเศษเช่นนี้ ทุกคนถึงกับกล่าวอันใดมิออก และต้องเสียงปรบมือให้กับมัน”
เคล็ดลับเล็กน้อย เช่นนั้นหรือ? แต่มิมีแม้แต่ผู้เดียวในเมืองหลวงที่สามารถทำเช่นนี้ได้
เมิงชิจับจ้องอยู่ที่ถ้วยชา ดอกโบตั๋นค่อย ๆ หายไปในขณะที่นางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ในขณะเดียวกันเหวินชิหรี่ตาขณะที่มองมายังเว่ยหยาง และเอ่ยถามว่า
‘เว่ยหยางเกิดอันใดขึ้นกับแขนของเจ้า?’
เมื่อแขนของเว่ยหยางปล่อยวางอยู่ข้างลำตัวตามปกติ ก็มิสามารถสังเกตเห็นได้
แต่ในขณะที่นางยกแขนขึ้น แขนเสื้อก็ถูกยกขึ้นโดยบังเอิญเช่นกันเผยให้เห็นแขนเสื้อที่สั้นมาก
หลี่เว่ยหยางรอคำถามนี้มาตลอด นางจึงทิ้งแขนลงมาอย่างรวดเร็ว และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาว่า
“มิมีอันใด”
“เจ้าหมายความว่าอย่างใด มิมีอันใด เช่นนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าแขนเสื้อของเจ้านั้นสั้นมาก!”
หลี่ฉางหลู ผู้ซึ่งเป็นบุตรสาวของเหวินชิ จงใจที่จะเปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่า ได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่
ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น ฮูหยินใหญ่ ได้จ้องไปยังหลี่เว่ยหยาง
ด้วยสายตาที่คมเหมือนคมดาบ และพร้อมที่จะฟาดฟันลงมาเพื่อสังหาร นางยิ้มเล็กน้อย และกล่าวออกมาช้า ๆ ว่า
“เว่ยหยางนี่มันเรื่องอันใดกัน?”
แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ในการซ่อนอารมณ์ขุ่นมัวของตนเอง
แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังคงแข็งกร้าว และทุกคนในที่นี้ ต่างก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ภายใต้น้ำเสียงนั้น
หลี่ฉางหลูกระพริบตาอย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า
“ท่านป้าใหญ่ ท่านมิเห็นหรือ? เสื้อผ้าของเว่ยหยางมิได้มีขนาดที่เหมาะสมกับตัวนาง!
ไอหยา ช่างน่าสงสาร แม้แต่เสื้อผ้าที่ดูดีกว่านี้ นางก็มิมีเช่นนั้นหรือ”
หลี่เว่ยหยางก้มลงมองพื้น และแสดงท่าทีประหม่า และรู้สึกกังวลใจ
แต่ภายในใจนั้นกำลังหัวเราะจนแทบจะกลั้นมิอยู่
ฮูหยินใหญ่ให้ความสำคัญอย่างมากกับรูปลักษณ์และศักดิ์ศรีของตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าแม่สามี และลูกสะใภ้คนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก
ฮูหยินใหญ่มีเจตนาที่จะละเลยการจัดหาเสื้อผ้า และเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมให้กับเว่ยหยาง
เหตุใดเว่ยหยางจะต้องช่วยรักษาภาพลักษณ์ของนางด้วย?
แม้ว่าฮูหยินใหญ่ จะยิ่งมิพอใจเว่ยหยางมากขึ้น แต่ก็กลัวว่า ชื่อเสียงที่สั่งสมไว้ก็จะต้องมัวหมอง เมื่อทุกคนรู้ว่านางทำร้ายบุตรสาวของเมียน้อย
Comments
ยอดหญิงแห่งวังหลัง 13.1
ตอนที่ 13-1 แขนเสื้อ
หลี่เว่ยหยางมีความมั่นใจอย่างสูงสุดว่า เมื่อท่านย่าใหญ่ดื่มชาถ้วยนี้แล้ว นางจะมิสามารถดื่มชาที่ชงโดยผู้อื่นได้อีก
เนื่องจากทัวเป่าเจิ้น เป็นผู้ที่รักการดื่มชาเป็นอย่างมาก และเพื่อต้องการทำให้เขามีความสุข
นางจึงพยายามค้นหาพันธุ์ชาที่มีชื่อเสียง และนำมันมาปลูก และดูแลอย่างใส่ใจ
หลังจากเวลาผ่านไปแปดปี นางจึงมีความมั่นใจมาก พอที่จะกล่าวได้ว่า ทักษะการชงชาของตนเองนั้นยอดเยี่ยม และมิมีผู้ใดสามารถเทียบได้
และมิกลัวว่า ฮูหยินใหญ่จะสอบสวนเรื่องนี้เช่นกัน เพราะบรรดาคุณหนูของบ้านตระกูลหลี่ในผิงเฉิงทุกคนต่างก็รู้วิธีชงชา
เว่ยหยางอาศัยอยู่ที่ผิงเฉิงมาสักระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่ทักษะการชงชาของนางดีขึ้นเช่นกัน
เมื่อได้ดื่มชาแล้ว เมิงชิมีความพึงพอใจกับรสชาติของชาถ้วยนี้มาก จึงมองไปยังเว่ยหยาง พร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นมากขึ้น
“วิธีการชงชาของเจ้ามิเหมือนผู้อื่น เจ้าเรียนรู้ทักษะการชงชาเช่นนี้มาจากที่ใดกัน”
ในชาติที่แล้ว เนื่องจากนางเป็นบุตรสาวของเมียน้อยที่เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ จึงจะต้องระมัดระวังกิริยามารยาท และวาจาของตนเองอยู่เสมอ
ส่วนใหญ่นางจะนั่งด้วยอาการสงบเงียบอยู่ในมุมหนึ่ง และจะมิสนทนากับท่านย่าใหญ่หากมิจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เว่ยหยางมิได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
นางกล่าวตอบไปว่า
“ท่านย่า ตอนข้าอยู่ที่ผิงเฉิง พวกเขาเชิญคนของร้านซานเนียงแห่งเมืองตงเจี่ย มาสอนวิธีการชงชาให้กับคุณหนูทั้งหมดในบ้านหลี่
ข้าได้เข้าร่วมและเรียนรู้ทักษะบางอย่างด้วยเหตุนี้ แต่เกรงว่า ข้าจะยังเป็นมือใหม่อยู่”
ฮูหยินใหญ่แสดงอาการแค้นเคืองออกมาทางสายตาอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่หลี่จางเล่อเอง ก็ยังขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
เรียนรู้ทักษะเพียงเล็กน้อย แต่ยังสามารถชงชาได้ถึงเพียงนี้?
หากนางมีความมุ่งมั่น และจริงจังตั้งแต่แรกเช่นนี้ คงมิได้หมายความว่า…
ร้านซานเหนียงแห่งเมืองตงเจี่ย เป็นร้านขายชาชื่อดัง และได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก
น่าเสียดายที่นางมีปัญหาในเรื่องการเดินทาง จึงมิได้ไปเมืองผิงเฉิง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลี่จางเล่อเคยคิดที่จะเชิญครูผู้สอนมาที่บ้านตระกูลหลี่แห่งนี้ แต่น่าเศร้าที่ยังมิมีโอกาส
การได้รับรู้เรื่องเช่นนี้จากเว่ยหยางสำหรับคนที่หยิ่งผยองอย่างหลี่จางเล่อ มันเป็นเหมือนกับการประกาศสงครามอย่างชัดเจน
หลี่เว่ยหยางสังเกตการแสดงออกของทั้งแม่และบุตรสาวคู่นี้ แต่มิได้แสดงสีหน้าอันใดออกมา และกล่าวออกมาว่า
“ท่านย่า ข้าขอยืมถ้วยชาสักครู่ได้หรือไม่”
เมิงชิพยักหน้าเล็กน้อย
หลี่เว่ยหยางก้าวไปด้านหน้า และหยิบถ้วยชาข้างเมิงชิขึ้นมา แล้วหมุนถ้วยชาอย่างแผ่วเบา
หลังจากนั้นจึงวางมันลง ในขณะที่ท่านย่ามองลงไป
และสังเกตเห็นว่า มีดอกโบตั๋นปรากฏอยู่ในถ้วยชา ไอน้ำลอยขึ้นมาจากถ้วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เหวินชิลูกสะใภ้คนที่สอง ซึ่งขณะนี้กำลังนั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกสงสัย จึงอดมิได้ที่จะเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ
เมื่อนางมองเข้าไปในถ้วย จึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ข้ามิเคยรู้มาก่อนเลยว่า ใบชาสามารถเปลี่ยนเป็นดอกไม้ได้! ทักษะของเจ้าช่างยอดเยี่ยมเสียจริง ๆ !”
หลี่จางเล่อเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้าง
ทันใดนั้น จึงรีบลุกขึ้นยืน และเดินไปดูเช่นกัน เมื่อเห็นดอกโบตั๋นบาน อยู่ในถ้วยชา จึงตกตะลึงจนกล่าวอันใดมิออก
หลี่เหว่ยหยางกล่าวตอบอย่างถ่อมตนว่า
“มันเป็นเพียงเคล็ดลับเล็กน้อย แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ท่านย่ายิ้มได้
ร้านซานเหนียงของตงเจี๋ยยังสามารถสร้างภูเขา และแม่น้ำจากใบชาได้ด้วย
ตอนนั้น เมื่อได้เห็นพรสวรรค์ที่วิเศษเช่นนี้ ทุกคนถึงกับกล่าวอันใดมิออก และต้องเสียงปรบมือให้กับมัน”
เคล็ดลับเล็กน้อย เช่นนั้นหรือ? แต่มิมีแม้แต่ผู้เดียวในเมืองหลวงที่สามารถทำเช่นนี้ได้
เมิงชิจับจ้องอยู่ที่ถ้วยชา ดอกโบตั๋นค่อย ๆ หายไปในขณะที่นางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ในขณะเดียวกันเหวินชิหรี่ตาขณะที่มองมายังเว่ยหยาง และเอ่ยถามว่า
‘เว่ยหยางเกิดอันใดขึ้นกับแขนของเจ้า?’
เมื่อแขนของเว่ยหยางปล่อยวางอยู่ข้างลำตัวตามปกติ ก็มิสามารถสังเกตเห็นได้
แต่ในขณะที่นางยกแขนขึ้น แขนเสื้อก็ถูกยกขึ้นโดยบังเอิญเช่นกันเผยให้เห็นแขนเสื้อที่สั้นมาก
หลี่เว่ยหยางรอคำถามนี้มาตลอด นางจึงทิ้งแขนลงมาอย่างรวดเร็ว และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาว่า
“มิมีอันใด”
“เจ้าหมายความว่าอย่างใด มิมีอันใด เช่นนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าแขนเสื้อของเจ้านั้นสั้นมาก!”
หลี่ฉางหลู ผู้ซึ่งเป็นบุตรสาวของเหวินชิ จงใจที่จะเปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่า ได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่
ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น ฮูหยินใหญ่ ได้จ้องไปยังหลี่เว่ยหยาง
ด้วยสายตาที่คมเหมือนคมดาบ และพร้อมที่จะฟาดฟันลงมาเพื่อสังหาร นางยิ้มเล็กน้อย และกล่าวออกมาช้า ๆ ว่า
“เว่ยหยางนี่มันเรื่องอันใดกัน?”
แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ในการซ่อนอารมณ์ขุ่นมัวของตนเอง
แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังคงแข็งกร้าว และทุกคนในที่นี้ ต่างก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ภายใต้น้ำเสียงนั้น
หลี่ฉางหลูกระพริบตาอย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า
“ท่านป้าใหญ่ ท่านมิเห็นหรือ? เสื้อผ้าของเว่ยหยางมิได้มีขนาดที่เหมาะสมกับตัวนาง!
ไอหยา ช่างน่าสงสาร แม้แต่เสื้อผ้าที่ดูดีกว่านี้ นางก็มิมีเช่นนั้นหรือ”
หลี่เว่ยหยางก้มลงมองพื้น และแสดงท่าทีประหม่า และรู้สึกกังวลใจ
แต่ภายในใจนั้นกำลังหัวเราะจนแทบจะกลั้นมิอยู่
ฮูหยินใหญ่ให้ความสำคัญอย่างมากกับรูปลักษณ์และศักดิ์ศรีของตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าแม่สามี และลูกสะใภ้คนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก
ฮูหยินใหญ่มีเจตนาที่จะละเลยการจัดหาเสื้อผ้า และเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมให้กับเว่ยหยาง
เหตุใดเว่ยหยางจะต้องช่วยรักษาภาพลักษณ์ของนางด้วย?
แม้ว่าฮูหยินใหญ่ จะยิ่งมิพอใจเว่ยหยางมากขึ้น แต่ก็กลัวว่า ชื่อเสียงที่สั่งสมไว้ก็จะต้องมัวหมอง เมื่อทุกคนรู้ว่านางทำร้ายบุตรสาวของเมียน้อย
Comments