ยอดหญิงแห่งวังหลัง 50.2

Now you are reading ยอดหญิงแห่งวังหลัง Chapter 50.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 50-2 ปลาติดเบ็ด

จากนั้นทัวเป่าเจิ้นได้กล่าวอย่างยิ้มแย้ม:

“เช่นนั้นข้าจะกราบทูลเสนอเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิ

และประกาศให้โลกรู้ว่า นี่คือความคิดเพื่อการกุศลของคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลหลี่

ฝ่าบาทจะต้องตอบแทนในคุณงามความดีของท่าน และชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลลีก็จะโด่งดังไปทั่วทั้งอาณาจักร

ในขณะเดียวกันทรัพย์สินที่ท่านอำมาตย์หลี่บริจาคไป ก็จะต้องถูกส่งคืนให้กับเจ้าของ”

หลี่เว่ยหยางยิ้มเบา ๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทัวเป่าเจิ้น

เนื่องจากเขายังต้องพึ่งพาองค์รัชทายาทอยู่ เขาจึงมิสามารถยื่นข้อเสนอโดยตรงได้ เพราะอาจจะเป็นการหักหน้าองค์รัชทายาท

แต่หากเขาระบุอย่างชัดเจนว่า สิ่งนี้เป็นความคิดของคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลหลี่

อันดับแรกองค์รัชทายาทจะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหลี่ และมิสามารถเก็บเกี่ยวความดีความชอบเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

ประการที่สอง สิ่งนี้จะเป็นวิธีที่จะทำให้ท่านอำมาตย์หลี่ได้รับการยกย่องจากองค์จักรพรรดิ

ประการที่สาม องค์ชายสามต้องการที่จะมั่นใจว่า รัชทายาทจะมิสามารถเข้าร่วมกับแผนการนี้ได้

เพื่อที่เขาจะได้เดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยพิบัติด้วยตนเอง และจะกลายเป็นผู้ที่คนทั้งแผ่นดินให้การยอมรับนับถือ

ขณะที่เขากำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดคำนึงนั้น หลี่เว่ยหยางได้นิ่งเงียบและยิ้มอย่างเยือกเย็นออกมา

เมื่อหลี่ฉางซีเห็นว่า หลี่เว่ยหยางหมกมุ่นอยู่กับความคิด จึงเปล่งเสียงอย่างเย็นชาออกมาว่า:

“พี่สาม ข้าเห็นท่านนิ่งเงียบไป เป็นไปได้หรือไม่ว่า ท่านมีความคิดที่ดีกว่าพี่ใหญ่?

หลี่เว่ยหยางเหลือบมองนาง และกล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“ความคิดของพี่ใหญ่นั้น เป็นสิ่งที่ดีมากอยู่แล้ว

แต่มิสามารถแก้ไขสถานการณ์วิกฤตที่ราษฎรกำลังเผชิญอยู่ได้อย่างทันท่วงที

สิ่งที่จักรพรรดิขาดที่สุดมิใช่กำลังทรัพย์ แต่เป็นกลยุทธ์ในการบรรเทาภัยพิบัติต่างหาก”

“โอ้? เจ้ามีกลยุทธ์ออันใดจะเสนอหรือไม่?”

หลี่หมินเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ น้องสาวของเขาผู้นี้เติบโตมาแบบชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

ทักษะในการเล่นพิณ หมากรุก การประดิษฐ์ตัวอักษรและการวาดภาพของนางนั้นอยู่เพียงแค่ระดับปานกลาง

หรืออาจกล่าวได้ว่า นางมิน่ามีสิ่งใดที่สมควรจะอวด

เขามิเชื่อว่า นางจะสามารถเสนอแนวคิดที่ดีกว่านี้ได้

จากนั้นหลี่เว่ยหยางจึงจงใจเผยให้เห็นถึงความอึดอัดใจที่จะกล่าว

เมื่อเห็นหลี่จางเล่อหน้าทำหน้าบูดบึ้ง และเม้มริมฝีปาก ขณะที่จ้องมองมายังเว่ยหยาง

จากนั้นจางเล่อได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเศร้าเสียใจว่า:

“ทุกครั้งที่เราหลงระเริงไปกับชีวิตที่ฟุ่มเฟือยและหรูหรา

ในขณะที่ผู้คนทั่วไปต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนและทนทุกข์ทรมานจากความหิวโหยและความยากลำบาก

ข้าจะรู้สึกกินมิได้และนอนมิค่อยหลับ

น้องสาม หากว่าเจ้ามีกลยุทธ์ที่ดีเช่นนั้นช่วยบอกกล่าวออกมา

เพื่อให้องค์ชายสามสามารถนำเสนอความคิดนี้ ได้โปรดอย่าเก็บมันไว้กับตนเองเลย”

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างใจเย็น และคิดอยู่ภายในใจว่า

เห็นใจผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเช่นนั้นหรือ?

กินมิค่อยได้เช่นนั้นหรือ?

คุณหนูใหญ่หลี่จางเล่อใช้เงินกว่าห้าร้อยเหรียญสำหรับรังนกเพียงแค่ถ้วยเดียว แล้วเหตุใดจึงแกล้งทำตัวเป็นผู้มีจิตที่เป็นกุศลที่นี่?

คงมิมีอันใดมากไปกว่า การสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง และทำให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าคิดว่านางเป็นผู้ที่มีจิตใจสูงส่ง

เว่ยหยางแสยะยิ้มด้วยความดูแคลนภายในใจ แต่มิได้มีสิ่งใดปรากฏออกมาในสีหน้าของนาง

จากนั้นจึงยิ้มกว้างขณะที่กล่าวว่า:

“เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ มิมีอันใดที่สำคัญไปกว่าการดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้

ขั้นแรกเราต้องทำการลงทะเบียนสำหรับผู้ประสบภัยทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

จากนั้นเราจึงให้การบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ลงทะเบียนแต่ละราย

เพื่อให้แน่ใจว่ามีการแจกจ่ายความช่วยเหลือจากจักรพรรดิในหมู่ผู้ประสบภัยพิบัติได้ถ้วนทั่ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หญิงม่าย และผู้ป่วยจำนวนมากจะต้องได้รับการบรรเทาทุกข์ก่อนผู้อื่น

เพื่อป้องกันการทุจริต และการแจกจ่ายที่มิทั่วถึง

ประการที่สองต้องใช้ระบบการพระราชทานรางวัลเป็นการตอบแทน

เราต้องทำให้ขุนนางจัดหาสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยพิบัติโดยมิคิดมูลค่า

หรือขายอาหารให้กับผู้ประสบภัยพิบัติในราคาลดพิเศษ

และในทางกลับกันผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับพระราชทานรางวัลและผู้ที่มิได้เข้าร่วมจะต้องรับโทษจะถูกลงโทษ

ประการที่สาม ต้องจัดตั้งสถานีบรรเทาทุกข์ตามชุมชนต่าง ๆ

โดยมีการแจกจ่ายอาหารที่พร้อมทานได้เลยเช่น ข้าวต้มสำหรับผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ทางราชสำนักได้มีคำสั่งให้ทำมาหลายปีแล้ว

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ราษฎรมิได้รับการดูแลอย่างจริงใจจากบรรดาขุนนางทั้งหลาย

แต่หากผลลัพธ์ของการบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยนี้ เกี่ยวข้องกับการสร้างชื่อเสียงให้กับของพวกเขา

ดังนั้นพวกเขาก็จะพยายามมากขึ้นอย่างมิน่าเชื่อ…”

ในตอนแรกทุกคนรอให้นางสร้างความอัปยศให้กับตนเอง

แต่เมื่อได้ฟังจนถึงตอนนี้แล้ว พวกเขาก็เผยปฏิกิริยาที่ตกตะลึงโดยมิรู้ตัว

เมื่อเห็นหลี่จางเล่อแสดงความอิจฉาตาร้อน และความเกลียดชังผ่านการแสดงออกของนาง

หลี่เว่ยหยางจึงยิ้มเยาะอย่างสะใจ สิ่งนี้เท่ากับว่าปลาได้ติดเบ็ดแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดหญิงแห่งวังหลัง 50.2

Now you are reading ยอดหญิงแห่งวังหลัง Chapter 50.2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 50-2 ปลาติดเบ็ด

จากนั้นทัวเป่าเจิ้นได้กล่าวอย่างยิ้มแย้ม:

“เช่นนั้นข้าจะกราบทูลเสนอเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิ

และประกาศให้โลกรู้ว่า นี่คือความคิดเพื่อการกุศลของคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลหลี่

ฝ่าบาทจะต้องตอบแทนในคุณงามความดีของท่าน และชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลลีก็จะโด่งดังไปทั่วทั้งอาณาจักร

ในขณะเดียวกันทรัพย์สินที่ท่านอำมาตย์หลี่บริจาคไป ก็จะต้องถูกส่งคืนให้กับเจ้าของ”

หลี่เว่ยหยางยิ้มเบา ๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทัวเป่าเจิ้น

เนื่องจากเขายังต้องพึ่งพาองค์รัชทายาทอยู่ เขาจึงมิสามารถยื่นข้อเสนอโดยตรงได้ เพราะอาจจะเป็นการหักหน้าองค์รัชทายาท

แต่หากเขาระบุอย่างชัดเจนว่า สิ่งนี้เป็นความคิดของคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลหลี่

อันดับแรกองค์รัชทายาทจะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหลี่ และมิสามารถเก็บเกี่ยวความดีความชอบเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

ประการที่สอง สิ่งนี้จะเป็นวิธีที่จะทำให้ท่านอำมาตย์หลี่ได้รับการยกย่องจากองค์จักรพรรดิ

ประการที่สาม องค์ชายสามต้องการที่จะมั่นใจว่า รัชทายาทจะมิสามารถเข้าร่วมกับแผนการนี้ได้

เพื่อที่เขาจะได้เดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยพิบัติด้วยตนเอง และจะกลายเป็นผู้ที่คนทั้งแผ่นดินให้การยอมรับนับถือ

ขณะที่เขากำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดคำนึงนั้น หลี่เว่ยหยางได้นิ่งเงียบและยิ้มอย่างเยือกเย็นออกมา

เมื่อหลี่ฉางซีเห็นว่า หลี่เว่ยหยางหมกมุ่นอยู่กับความคิด จึงเปล่งเสียงอย่างเย็นชาออกมาว่า:

“พี่สาม ข้าเห็นท่านนิ่งเงียบไป เป็นไปได้หรือไม่ว่า ท่านมีความคิดที่ดีกว่าพี่ใหญ่?

หลี่เว่ยหยางเหลือบมองนาง และกล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“ความคิดของพี่ใหญ่นั้น เป็นสิ่งที่ดีมากอยู่แล้ว

แต่มิสามารถแก้ไขสถานการณ์วิกฤตที่ราษฎรกำลังเผชิญอยู่ได้อย่างทันท่วงที

สิ่งที่จักรพรรดิขาดที่สุดมิใช่กำลังทรัพย์ แต่เป็นกลยุทธ์ในการบรรเทาภัยพิบัติต่างหาก”

“โอ้? เจ้ามีกลยุทธ์ออันใดจะเสนอหรือไม่?”

หลี่หมินเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ น้องสาวของเขาผู้นี้เติบโตมาแบบชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

ทักษะในการเล่นพิณ หมากรุก การประดิษฐ์ตัวอักษรและการวาดภาพของนางนั้นอยู่เพียงแค่ระดับปานกลาง

หรืออาจกล่าวได้ว่า นางมิน่ามีสิ่งใดที่สมควรจะอวด

เขามิเชื่อว่า นางจะสามารถเสนอแนวคิดที่ดีกว่านี้ได้

จากนั้นหลี่เว่ยหยางจึงจงใจเผยให้เห็นถึงความอึดอัดใจที่จะกล่าว

เมื่อเห็นหลี่จางเล่อหน้าทำหน้าบูดบึ้ง และเม้มริมฝีปาก ขณะที่จ้องมองมายังเว่ยหยาง

จากนั้นจางเล่อได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเศร้าเสียใจว่า:

“ทุกครั้งที่เราหลงระเริงไปกับชีวิตที่ฟุ่มเฟือยและหรูหรา

ในขณะที่ผู้คนทั่วไปต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนและทนทุกข์ทรมานจากความหิวโหยและความยากลำบาก

ข้าจะรู้สึกกินมิได้และนอนมิค่อยหลับ

น้องสาม หากว่าเจ้ามีกลยุทธ์ที่ดีเช่นนั้นช่วยบอกกล่าวออกมา

เพื่อให้องค์ชายสามสามารถนำเสนอความคิดนี้ ได้โปรดอย่าเก็บมันไว้กับตนเองเลย”

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างใจเย็น และคิดอยู่ภายในใจว่า

เห็นใจผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเช่นนั้นหรือ?

กินมิค่อยได้เช่นนั้นหรือ?

คุณหนูใหญ่หลี่จางเล่อใช้เงินกว่าห้าร้อยเหรียญสำหรับรังนกเพียงแค่ถ้วยเดียว แล้วเหตุใดจึงแกล้งทำตัวเป็นผู้มีจิตที่เป็นกุศลที่นี่?

คงมิมีอันใดมากไปกว่า การสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง และทำให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าคิดว่านางเป็นผู้ที่มีจิตใจสูงส่ง

เว่ยหยางแสยะยิ้มด้วยความดูแคลนภายในใจ แต่มิได้มีสิ่งใดปรากฏออกมาในสีหน้าของนาง

จากนั้นจึงยิ้มกว้างขณะที่กล่าวว่า:

“เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ มิมีอันใดที่สำคัญไปกว่าการดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้

ขั้นแรกเราต้องทำการลงทะเบียนสำหรับผู้ประสบภัยทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

จากนั้นเราจึงให้การบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ลงทะเบียนแต่ละราย

เพื่อให้แน่ใจว่ามีการแจกจ่ายความช่วยเหลือจากจักรพรรดิในหมู่ผู้ประสบภัยพิบัติได้ถ้วนทั่ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หญิงม่าย และผู้ป่วยจำนวนมากจะต้องได้รับการบรรเทาทุกข์ก่อนผู้อื่น

เพื่อป้องกันการทุจริต และการแจกจ่ายที่มิทั่วถึง

ประการที่สองต้องใช้ระบบการพระราชทานรางวัลเป็นการตอบแทน

เราต้องทำให้ขุนนางจัดหาสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยพิบัติโดยมิคิดมูลค่า

หรือขายอาหารให้กับผู้ประสบภัยพิบัติในราคาลดพิเศษ

และในทางกลับกันผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับพระราชทานรางวัลและผู้ที่มิได้เข้าร่วมจะต้องรับโทษจะถูกลงโทษ

ประการที่สาม ต้องจัดตั้งสถานีบรรเทาทุกข์ตามชุมชนต่าง ๆ

โดยมีการแจกจ่ายอาหารที่พร้อมทานได้เลยเช่น ข้าวต้มสำหรับผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ทางราชสำนักได้มีคำสั่งให้ทำมาหลายปีแล้ว

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ราษฎรมิได้รับการดูแลอย่างจริงใจจากบรรดาขุนนางทั้งหลาย

แต่หากผลลัพธ์ของการบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยนี้ เกี่ยวข้องกับการสร้างชื่อเสียงให้กับของพวกเขา

ดังนั้นพวกเขาก็จะพยายามมากขึ้นอย่างมิน่าเชื่อ…”

ในตอนแรกทุกคนรอให้นางสร้างความอัปยศให้กับตนเอง

แต่เมื่อได้ฟังจนถึงตอนนี้แล้ว พวกเขาก็เผยปฏิกิริยาที่ตกตะลึงโดยมิรู้ตัว

เมื่อเห็นหลี่จางเล่อแสดงความอิจฉาตาร้อน และความเกลียดชังผ่านการแสดงออกของนาง

หลี่เว่ยหยางจึงยิ้มเยาะอย่างสะใจ สิ่งนี้เท่ากับว่าปลาได้ติดเบ็ดแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+