ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] 164

Now you are reading ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] Chapter 164 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เจาเอ้อมองถังหยินด้วยหางตา “เจ้าคือถังหยิน ?”

ชายหนุ่มมองเขากลับแล้วตอบ “ถูกต้อง”

“เจ้าจะรับคำสั่งหรือไม่ ?” เจาเอ้อไม่พูดเปล่า เขาหยิบราชโองการขึ้นมาด้วย

เมื่อเห็นถังหยินก้มหน้าไม่ท่าทีขยับไปไหน เขาก็พลันมีสีหน้าที่มืดหมองก่อนจะตะโกน “ถังหยินจงรับราชโองการเสีย”

ทว่าถึงได้จะยินแบบนั้น หากแต่ถังหยินก็ยังไม่ขยับแม้แต่น้อย

กองทหารของถังหยินเองก็ยังไม่มีใครพูดอะไรเลย จนจูนัวเริ่มจะทนไม่ไหวและเกือบจะชักดาบออกมาแล้ว แต่ไป่หยงก็ได้เข้ามาห้ามไว้ได้ทันเวลา

เมื่อยังไม่เข้าใจถึงเหตุผลของถังหยิน ก็ยังไม่ต้องรีบร้อน

ที่ลานกว้างนั่น เจาเอ้อเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว จึงได้ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเขา “ถังหยิน ทำไมเจ้ายังไม่รับราชโองการอีก ? นี่เจ้าคิดจะก่อกบฏหรือ ?”

ถังหยินที่ยืนก้มหัวอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตาของปีศาจ “ฝันไปเถอะ” โดยไม่รอช้า ดาบทั้ง 2 เล่มก็มาอยู่ในมือของเขา เข้าตัดหัวของเจาเอ้อจนขาดครึ่งในชั่วพริบตา !

ชายหนุ่มเดินออกมาจากจุดนั้น แล้วจึงยกชูหัวของเจาเอ้อขึ้นไปบนฟ้า “นี่คือคำตอบของข้า !”

วินาทีนี้พวกทหารต่างก็กู่ร้องกันออกมาอย่างภาคภูมิใจ “เยี่ยมมากนายท่าน ! พวกเราจะกอบกู้บ้านเมืองเพื่อนายท่าน ! เพื่อแคว้นของพวกเรา !”

เสียงกู่ร้องดังขึ้นเป็นเวลานาน ทำให้ชิวเจิ้นถอนหายใจอย่างโล่งอก

ถังหยินฆ่าเจาเอ้อไปแล้ว ..นี่คือการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการต่อซ่งเทียน

ด้วยการตัดสินใจของถังหยิน หยวนจี้และฟานหมินก็รีบเดินทางมาที่ทางผ่านสวรรค์ในทันที

หยวนจี้รีบกล่าวเตือน “ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ นายท่านก็ห้ามให้เกิดการต่อสู้ที่นี่เป็นอันขาด”

ถังหยินขมวดคิ้ว “ทำไมเล่า ?”

“ฐานที่มั่นของท่านคือเทียนหยวน และการที่จะรับรองทหารจำนวนมากขนาดนี้ได้ การค้าขายและการเคลื่อนย้ายอื่น ๆ ก็นับเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าหากพวกศัตรูมาปิดเส้นทางนี้เอาไว้ ในไม่ช้าพวกเราจะต้องตายแน่นอน”

ถังหยินครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะเข้าใจ ว่าในตอนนี้ความรุ่งเรืองของเทียนหยวนนั้นมาจากการค้าขายภายนอกทั้งนั้น ถ้าหากว่าถูกปิดกั้นเส้นทางนี้เมื่อไหร่รับรองได้เลยว่าล่มสลายแน่

เมื่อเป็นแบบนี้ หากเขาจะต่อต้านซ่งเทียน ก็มีแต่จะต้องสู้กันที่อื่นที่ไม่ใช่ทางผ่านสวรรค์เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เมืองเสียหายจากการถูกปิดล้อม “ข้าเข้าใจแล้ว”

เย็นวันนั้น ถังหยินได้เรียกแม่ทัพและขุนนางที่เกี่ยวข้องเข้ามา

อันที่จริงชายหนุ่มได้เตรียมทุกอย่างพร้อมไว้หมดแล้ว แต่ที่ตอนนี้เรียกมารวมก็เพื่อหารือเรื่องการเมืองและการทหารไปพร้อม ๆ กัน

เมื่อเห็นบรรยากาศกดดันแบบนี้ ถังหยินก็พูดขึ้นก่อน “พวกเราจะเข้าสู่สงครามกับพวกทรราช ใครมีแผนอะไรดี ๆ ก็รีบเสนอมา”

ทันใดนั้นก็มีขุนนางคนหนึ่งเสนอมา “ซ่งเทียนมีทหารมากมาย ถ้าหากนายท่านอยากจะทำสงครามกับเขา พวกเราไม่ควรจะบุกไปแบบไร้แบบแผน แต่ควรจะโจมตีจากรอบทิศทาง ก่อนที่จะบุกเข้าเมืองหยาน”

คำพูดของเขามีประโยชน์ก็จริง แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถังหยินอยากได้ยิน

จางจี้ส่ายหัวอย่างผิดหวัง “นายท่าน มันยังเร็วเกินไปที่จะคิดแผนการกัน ก่อนที่เราจะเริ่มทำการโจมตี เราควรจะคิดช่วยทั้ง 3 ตระกูลที่เหลือก่อน”

ถังหยินหันมามองเขาด้วยความสนใจ ก่อนที่จะรอให้เขาพูดต่อ

“ถ้าหากช่วยพวกเขาเอามาได้ ทหารของซ่งเทียนก็จะน้อยลง ดีไม่ดีทหารพวกเขาอาจจะมาช่วยพวกเราในอนาคต ซึ่งถ้ารวมกันแล้วยังไงพวกเราก็มีกองทัพมากกว่า”

“มีเหตุผลดีนี่นา” นี่แหละคือสิ่งที่ถังหยินอยากได้ยิน สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ไม่ใช่แผนเข้าปะทะ แต่เป็นการตัดทอนกำลังอีกฝ่ายต่างหาก

เขามองหลีเทียนและอัยเจีย “สถานการณ์ที่เมืองหยานเป็นไงบ้าง ? พวกเจ้าได้สืบหาที่อยู่ของเหลียงซิง อู่หยู และจี้หยางหรือไม่ ?”

“ทั้งเมืองตกอยู่ในการควบคุมของซ่งเทียน ทหารรอบวังและกำแพงเมืองต่างก็ถูกเปลี่ยนตัวเป็นทหารของซ่งเทียน ที่คอยตรวจสอบคนที่จะเข้าเมืองหยานอย่างเข้มแข็ง ส่วนทั้ง 3 คนนั้น พวกเขาต่างก็ถูกจับและควบคุมดูแลโดยกองพันที่ 15 ของซ่งเทียน” อัยเจียกล่าว

ชิวเจิ้นกล่าวเสริม “นายท่าน พวกเราควรจัดหน่วยลับเข้าไปช่วยพวกเขานะ”

ถังหยินครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัว ตอนนี้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยคนของซ่งเทียน ดังนั้นการลอบเข้าเมืองจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก อีกอย่าง การคุ้มกันยังหนาแน่นมาก ดังนั้นมันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลยที่จะไปช่วยทั้งสาม

“นายท่าน สิ้นเดือนหน้าซ่งเทียนจะแต่งงานกับอู่เหมยเพื่อเสริมความสัมพันธ์กัน ถ้าหากมันทำสำเร็จ พวกทหารที่เหลือก็อาจจะคล้อยตาม ซึ่งก็รวมไปถึงอีก 2 ตระกูลด้วย แบบนี้งานของเราจะยากยิ่งขึ้นไปกันใหญ่” จางจี้กล่าว

ถังหยินเงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจ เขาอยากจะช่วยอู่เหมยมากกว่าทุกคนในห้องนี้เสียอีก แต่ด้วยจำนวนพวกทหารที่เกือบล้านแบบนี้จะให้ทำยังไงกัน

“ก่อนจะช่วยพวกเขา ข้าคิดว่าเราควรหาทางเข้าไปในเมืองให้ได้ก่อนนะ” ชายหนุ่มกล่าว

ชิวเจิ้นและจางจี้ก้มหน้าครุ่นคิด

ทว่าลู่ฟางก็พูดขึ้นมา “นายท่าน ข้าว่าข้าหาทางได้แล้ว”

“วิธีไหนล่ะ ?”

“ข้ามีเพื่อนที่เป็นโรนินในเมืองหยาน นายท่านก็น่าจะรู้ว่าพวกโรนินนั้นมีสหายมากมายในเมือง ซึ่งพวกเขาเองก็เป็นโรนินเหมือนกับข้าและการเป็นโรนินนั้น…”

ถังหยินยกมือขึ้นขัดคอเขา “ลู่ฟาง ที่นี่คือค่ายทหาร รีบพูดให้เข้าประเด็น”

ลู่ฟางมองหน้าทุกคนก็เห็นว่าพวกเขาเริ่มหมดความอดทนแล้ว จึงได้รีบพูดต่อ “เพื่อนของข้านั้นเคยเป็นโจรมาก่อน และตอนนั้นเขาก็ได้ซื้อบ้านในเมืองเอาไว้…” จากนั้นเมื่อเขาเห็นว่าถังหยินกำลังจะหมดความอดทน ก็จึงรีบพูดขึ้นว่า “เพราะเขากลัวว่าจะถูกทางการจับความผิดเก่าได้ก็เลยขุดทางออกเอาไว้นอกเมือง”

“มีทางเข้าลับหรือ ?” ถังหยินตาเป็นประกาย

ลู่ฟางเกาหัว “ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะข้าเองก็ไม่ได้เจอเขามานานแล้ว จึงไม่แน่ใจนักว่าทางลับจะยังอยู่หรือไม่”

ถังหยินบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะกล่าว “ถ้างั้นเจ้าก็ไปที่เมืองหยานก่อน ตัวตนของเจ้าคือโรนินอยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่มีใครถามเจ้ามากนัก และถ้าเจอสหายของเจ้า ก็จงตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนรายงานมาให้ข้าผ่านทางนกสื่อสาร”

“น้อมรับบัญชาขอรับ… ตอนนี้เลยหรือ ?” ลู่ฟางโค้งคำนับให้แล้วถามต่อ

“ตอนนี้ ! เดี๋ยวนี้ด้วย !”

ได้ยินแบบนั้นโรนินหนุ่มก็รีบวิ่งออกไปจากที่นี่ด้วยความรวดเร็ว

ชิวเจิ้นกล่าวต่อ “นายท่าน ถ้าหากมีทางลับจริง ๆ พวกเราก็มีปัญหาแล้วล่ะ ควรจะส่งใครเข้าไปดีกัน ? ไหนจะมีเรื่องที่ต้องพาพวกเขากลับออกมาจากที่นั่นให้ได้ด้วยอีก ?”

ถังหยินหัวเราะเบา ๆ “เรื่องนี้ข้าจะต้องจัดการเอง ส่วนคนที่จะตามข้ามาได้ก็มีแค่พวกศรทมิฬเท่านั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด