หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน 19

Now you are reading หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เปลวเทียนไหวกระเพื่อมรุนแรงราวกับพร่ำบ่น

ชั่วขณะนั้น เทียนที่ไหม้จนหมดแล้วก็ดับพรึ่บ

ฟาฟเนียร์?

พีบีตะโกนอย่างเริงร่า แต่อาเซียเหลือบตามองปลายแขนเสื้อแล้วก็หันหลังไปพูดกระซิบกับคิริลซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

“คิริล เทียนตรงนี้ดับแล้ว ไปเอาเทียนเล่มใหม่ให้หน่อยได้ไหมคะ”

“อ่า… รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

คิริลดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อยกับคำบอกเล่าว่าเทียนที่ยังเหลืออยู่ประมาณหนึ่งจนถึงเมื่อครู่ไหม้ลงหมดแล้ว แต่เขาก็สั่งมหาดเล็กให้ไปเอาเทียนเล่มใหม่มา

พีบี อย่าเอาแต่หัวเราะเยาะคนอื่นสิ ฟาฟเนียร์ ถ้าไม่มีเปลวไฟแล้วจะพูดไม่ได้หรือเปล่า

แล้ว?

พีบีหัวเราะเยาะอีกฝ่ายดังก๊ากๆ อย่างสนุกสนาน อาเซียจ้องมองเทียนที่ติดไฟขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับถอนหายใจดัง ‘เฮ้อ’ ออกมา

อีกเดี๋ยวถ้าอโลเซียตื่นก็ต้องคุยกันให้ดีนะ ฟาฟเนียร์

คุยว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเธอไง!

ทำไมจะไม่ได้ทำ! เธอคุยด้วยก่อนก็ไม่ได้ เอาแต่ใช้พลังเรื่อยเปื่อยจนอโลเซียคิดว่าตัวเองควบคุมพลังไม่อยู่ไม่ใช่หรือไง! เพราะงั้นถึงร้องไห้ก็ไม่ได้ หัวเราะก็ไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมา!

ขอโทษเขาตรงๆ แล้วจากนั้นก็สนิทกันเข้าไว้ล่ะ เข้าใจไหม

คราวนี้เปลวไฟริบหรี่ลงยิ่งกว่าแสงดาว อาเซียต้องกดเน้นๆ ลงบนลายนกตรงแขนเสื้อหลายครั้งเพราะพีบีหัวเราะเสียงดังลั่นมากเกินไป

***

อาเซียขอให้คิริลช่วยจุดเทียนหลายๆ เล่มเอาไว้แล้วออกมาจากห้องนอนของอเล็กเซย์เงียบๆ

“ห้องครัว”

“อื้อ ต่อให้บอกว่ายาไม่ส่งผลอะไรก็เถอะ แต่จะปล่อยไว้แบบนั้นก็ยังไงๆ อยู่ อย่างน้อยถ้ามีพวกน้ำเชื่อมขิงก็คงจะดี… เห็นว่ายาไม่ส่งผลอะไรต่ออโลเซียเพราะฟาฟเนียร์ แล้วน้ำที่ฉันจะต้มให้จะได้ผลหรือเปล่า”

อาเซียกำหมัดแน่น จากนั้นก็ปีนข้ามรั้วระเบียงไปพร้อมส่งเสียงดังฮึบ

เมื่อเธอเดินผ่ากลางสวนเป็นเส้นตรงเพื่อไปยังห้องครัวของพระตำหนักไทเมียร์ จึงได้เจอพาเวลล์ในชุดธรรมดากำลังก้มลงมองโน้ตพร้อมกับหมุนหัวไหล่ไปด้วย

“พาเวลล์!”

เมื่อรู้ว่าอาเซียมา พาเวลล์ก็ลุกขึ้นโดยไม่แม้แต่จะถามว่ามีเรื่องอะไร ส่วนอาเซียก็เริ่มพูดธุระของตัวเองออกมาก่อน

“ลูกพี่ลูกน้องป่วยก็เลยอยากทำอะไรสักอย่างให้น่ะ”

“ลูกพี่ลูกน้องเหรอ”

“อื้อ หมอบอกว่าไม่สบาย ไข้ขึ้น”

“โถๆ ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นรู้หรือเปล่าว่ายัยเด็กจิ๋วดิ้นรนถึงขนาดนี้”

“อืม… ถึงจะไม่รู้ก็เถอะ ปล่อยคนป่วยไว้เฉยๆ มันก็ยังไงๆ หน่อยนี่นา”

อาเซียบ่นงึมงำแล้วพูดชื่อวัตถุดิบที่ครุ่นคิดในหัวออกมา

“มีขิงสดกับสาลี่ไหม อบเชยกับเมล็ดพริกไทยด้วย”

“จะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร”

“ใช้ขิงทำ… ทำคอร์เดียลแล้วใส่สาลี่เคี่ยวล่ะมั้ง”

คอร์เดียลคือน้ำจากผลไม้สดที่ใส่น้ำตาลลงไปแล้วเคี่ยว ส่วนใหญ่ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มอื่นๆ

คอร์เดียลที่ทำจากขิงหรือสาลี่เคี่ยวมันจะเป็นยังไง พาเวลล์ไปเอาวัตถุดิบมา ทั้งที่ทำหน้าสงสัยกับคำพูดของอาเซีย

เธอพับแขนเสื้อแล้วเริ่มจากการล้างดินที่เปื้อนอยู่บนแง่งขิงออกให้สะอาดก่อน

อาเซียกำลังขูดขิงกับที่ขูดอย่างแข็งขัน แต่แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นเพราะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“…คือว่าพาเวลล์ ไม่ต้องเลิกงานเหรอ”

“ต้องเลิกสิ เลิกสักห้านาทีก่อนได้”

“…”

ครืดๆๆ มีเพียงเสียงขูดขิงเท่านั้นที่ดังก้องครัวอย่างแผ่วเบา

อาเซียชะงักมือที่กำลังยื่นไปหาขิงแง่งต่อไปด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

พาเวลล์พูดขึ้น

“แต่พอดีว่าไม่เคยเห็นคอร์เดียลที่ทำจากขิงน่ะ”

“อะ ฮ่าๆ… ไม่… ไม่ใช่ของยิ่งใหญ่อะไรหรอก”

“…”

“จากนี้ไปจะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ให้ได้มากที่สุด… ฉัน… ฉันขอโทษนะ”

ฮึ พาเลล์หัวเราะให้กับเสียงงึมงำขอโทษของอาเซียแล้วยีหัวเธอจนยุ่งเหยิง

“อือ โอ๊ยๆๆ!”

“ยัยหนูน้อยพูดอะไรไม่คาดคิดเลยนะ”

จะยืมห้องครัวใช้เรื่อยๆ ตลอดไปไม่ได้ ต้องรีบ… โอ๊ย!

เธอขูดขิงพร้อมกับคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปด้วย สุดท้ายข้อนิ้วของเธอก็ถูกขูดไปเล็กน้อย

อาเซียน้ำตาคลอเบ้า แต่พอคิดถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังทำเครื่องดื่มโดยขัดขวางการเลิกงานของพาเวลล์อยู่ เธอก็แอบกัดริมฝีปากแน่นโดยไม่ให้พาเวลล์รู้

เงียบน่า

อาเซียบ่นพีบีอย่างไม่จริงจังนักแล้วขูดขิงต่อไป

เมื่อขูดขิงห้าร้อยรอสโซ่กับที่ขูดจนหมดแล้ว พาเวลล์ก็เอาทั้งหมดไปห่อผ้าขาวบางแล้วคั้นน้ำ ได้น้ำขิงสดเต็มถ้วย

“ทีนี้ก็…ต้องรอหน่อยนะ พาเวลล์ เลิกงานเลยไหม เดี๋ยวฉันเก็บกวาดให้ก่อนกลับ”

“ฮ่าๆๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องครัวนี้ทุกอย่าง?”

“ก็คือความรับผิดชอบของพาเวลล์น่ะสิ…”

“ต้องรอนานแค่ไหน”

“เรื่องนั้น… ประมาณ… ชั่วโมงสองชั่วโมงล่ะมั้ง ตะกอนมันถึงจะนอนก้นแล้วเราก็ใช้แค่ส่วนที่เป็นน้ำด้านบน แต่หลังจากนั้นก็ต้อง…”

พาเวลล์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วโบกมือหวิวๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนรำคาญใจที่จะต่อปากต่อคำไปมากกว่านี้

“แล้วสาลี่จะใช้เพื่ออะไรล่ะ”

การเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างใจดีทำให้อาเซียยิ้มหน้าบาน

“อันนี้ก็ดีสำหรับไข้หวัดนะ”

“ไปเรียนเรื่องพวกนั้นมาจากไหน นี่ก็อยู่ในหนังสือเหรอ”

“จะว่าเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษก็ได้”

“จะบอกว่าในร่างเธอไม่ใช่เด็กสิบขวบตัวกะเปี๊ยกแต่เป็นหญิงแก่อายุห้าสิบปีหรือไง”

“…”

คราวนี้พีบีระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่มีใครรู้

อาเซียกำกระดุมแน่นๆ หนึ่งครั้งแล้วปล่อยมือ จากนั้นก็หยิบสาลี่ที่พาเวลล์เอามาให้ มันเป็นสาลี่ทรงน้ำเต้าที่เล็กกว่ากำปั้นผู้ใหญ่

พาเวลล์หยิบมีดขึ้นมาก่อนเพราะอาเซียบอกว่าต้องปอกเปลือกออกด้วย

สาลี่ถูกปอกให้เห็นเนื้อด้านในโดยที่อาเซียไม่มีจังหวะทันได้พูดอะไร หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง อาเซียจึงขอให้อีกคนผ่าสาลี่ตามแนวยาวให้

“จะทำยังไงกับอันนี้”

“คือ… มีพวกที่ตัดคุกกี้รูปคนไหม”

คำว่ารูปคนทำให้พาเวลล์หัวเราะหนักอยู่คนเดียวอีกรอบ จากนั้นจึงทำสีหน้าเคร่งขรึม

“จะมีได้ไง ฉันบอกว่าไม่ทำขนมนะ”

“ถ้าไม่ใช่ที่ตัดคุกกี้แต่เป็นพิมพ์ทำอาหารล่ะ”

“…”

พาเวลล์ครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วค้นชั้นวางของที่อยู่ตรงมุมครัว จากนั้นก็เจอห่อห่อหนึ่ง

ในห่อนั้นมีพิมพ์สำหรับตกแต่งอาหารอันเล็กๆ อยู่จำนวนหนึ่ง รวมถึงที่ตัดคุกกี้รูปคนที่พาเวลล์บอกว่าไม่มีด้วย

“จะเอาอันนี้ไปทำอะไร”

“ก็ต้องทำให้หน้าตาน่ารักถึงจะกินได้ดีขึ้น”

“ดูท่าลูกพี่ลูกน้องคนนั้นคงเป็นเด็กน้อยมากๆ เลยสินะ”

อาเซียลังเลไปครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

อาเซียใช้ที่ตัดคุกกี้กดลงบนสาลี่หั่นบาง จากนั้นก็เอาเมล็ดพริกไทยสองเม็ดติดลงตรงส่วนใบหน้า แล้วเอาอีกสามเม็ดติดตรงส่วนลำตัว

ส่วนที่ติดด้านบนคือดวงตา ส่วนตรงลำตัวคือกระดุม

“…”

“…รู้สึกเหมือนหน้าตาดูไม่ชวนกินเลยใช่ไหม”

อาเซียเงียบไปนิดหน่อย เมื่อใบหน้าเล็กจิ๋วของเจ้ามนุษย์สาลี่มีเมล็ดพริกไทยดำปักอยู่สองเม็ด มันก็ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธุ์

“…”

“…กะ ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ลูกพี่ลูกน้องฉันเก่งกาจมาก ไม่ว่าอะไรก็คงกินได้ดีหมดแหละ”

“เมื่อกี้บอกว่าต้องทำให้น่ารักถึงจะกินนี่…”

“อย่าพูดความลับออกมาเสียงดังสิ”

“ยัยเด็กจิ๋ว”

ถึงอย่างไร อาเซียก็ทำให้สาลี่รูปมนุษย์ที่เหลือกลายเป็นสิ่งมีชีวิตตากลมโตไม่ทราบสายพันธุ์ แล้วการเตรียมส่วนผสมขั้นพื้นฐานก็เป็นอันเสร็จ

“ใส่อบเชยกับขิงลงไปในน้ำ พอเดือดแล้วก็เอาสาลี่ที่ตัดไว้ใส่ลงไป ถ้าต้มจนสาลี่สุกดีก็เสร็จเรียบร้อย กินตอนเป็นหวัดแล้วดีนะ พาเวลล์เวลาเป็นหวัดก็ต้มกินซะล่ะ”

“ดูเหมือนจะกินบ่อยนะ”

อาเซียหยิบสาลี่ใส่ลงไปในหม้อเดือดพลางตอบกลับเรียบๆ

“ซะที่ไหนล่ะ ฉันไม่ชอบทั้งขิงทั้งอบเชย เวลาเป็นหวัดก็กินยาแก้หวัดสิ”

“…”

อาเซียใส่สาลีที่เหลือลงไปพรวดเดียวแล้วคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตบมือเข้าหากัน

“อ๊ะ! ผู้ใหญ่ใส่แบบนี้ลงไปในไวน์แทนน้ำแล้วต้มกินก็น่าจะได้นะ”

“โอ้ววว!”

คำพูดนั้นทำให้พาเวลล์ถลึงตา จากนั้นก็วิ่งตึงตังไปห้องเก็บไวน์แล้วกลับมาพร้อมกับกอดขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทรงยาวไว้ในอ้อมแขน

อาเซียหรี่ตาลง

“ขี้เหล้าคนนี้”

“พระราชวังอบอุ่นแม้อยู่ในช่วงกลางฤดูหนาวก็จริง แต่ระหว่างทางจากวังกลับบ้านมันหนาวนะ บ้านฉันอยู่ไกลซะด้วย”

ฟังดูเหมือนเป็นข้ออ้างให้ความอยากเหล้า

พาเวลล์รีบเคี่ยวสาลี่เลียนแบบอาเซีย มันไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากมากมายตั้งแต่แรก อีกทั้งอาชีพหลักของพาเวลล์ก็คือพ่อครัว เพราะฉะนั้นเพียงครู่เดียวเขาจึงทำตามได้สำเร็จ

ยิ่งไม่ต้องทำสิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธุ์รูปร่างคนด้วยที่ตัดคุกกี้ก็ยิ่งเร็วขึ้น

“ส่วนน้ำขิงที่คั้นออกมาก็ตกตะกอนแล้ว”

ทั้งสองคนต้มสาลี่กับไวน์ทิ้งไว้ให้เดือด แล้วเบนสายตาไปหาน้ำขิงสดที่ตกตะกอนสีขาว

อาเซียเทน้ำตาลใส่ในปริมาณเท่ากันกับน้ำขิงแล้วต้มด้วยไฟแรงพร้อมกับค่อยๆ คนไปด้วย ขั้นตอนการทำกว่ามันจะหายเป็นฟอง ใช้เวลานานและออกจะน่าเบื่อ

“อบเชย…”

“หือ”

“ใส่อบเชยด้วย”

“สีหน้าเธอเหมือนจะใส่ยาพิษลงไปเลยนะ”

“ฉันไม่ชอบอบเชยมากเลยน่ะสิ…”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องใส่”

“แต่มันดีสำหรับไข้หวัดไง”

ในตอนที่เคี่ยวคอร์เดียลขิงจนได้ที่ พระจันทร์ก็ลอยขึ้นมาเสียแล้ว อาเซียลองชิมน้ำเชื่อมขิงที่ยังร้อนอยู่ จากนั้นก็ทำสีหน้าหนักใจครู่หนึ่ง

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“รสมันจัดเกินไป… ถ้าลูกพี่ลูกน้องฉันไม่กินจะทำยังไงดีนะ”

คำพูดนั้นทำให้พาเวลล์เองก็ลองชิมคอร์เดียลขิง มันมีส่วนผสมของขิงและอบเชย รสชาติจึงทั้งจัดทั้งเผ็ดร้อนอย่างชัดเจน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน 19

Now you are reading หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เปลวเทียนไหวกระเพื่อมรุนแรงราวกับพร่ำบ่น

ชั่วขณะนั้น เทียนที่ไหม้จนหมดแล้วก็ดับพรึ่บ

ฟาฟเนียร์?

พีบีตะโกนอย่างเริงร่า แต่อาเซียเหลือบตามองปลายแขนเสื้อแล้วก็หันหลังไปพูดกระซิบกับคิริลซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

“คิริล เทียนตรงนี้ดับแล้ว ไปเอาเทียนเล่มใหม่ให้หน่อยได้ไหมคะ”

“อ่า… รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

คิริลดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อยกับคำบอกเล่าว่าเทียนที่ยังเหลืออยู่ประมาณหนึ่งจนถึงเมื่อครู่ไหม้ลงหมดแล้ว แต่เขาก็สั่งมหาดเล็กให้ไปเอาเทียนเล่มใหม่มา

พีบี อย่าเอาแต่หัวเราะเยาะคนอื่นสิ ฟาฟเนียร์ ถ้าไม่มีเปลวไฟแล้วจะพูดไม่ได้หรือเปล่า

แล้ว?

พีบีหัวเราะเยาะอีกฝ่ายดังก๊ากๆ อย่างสนุกสนาน อาเซียจ้องมองเทียนที่ติดไฟขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับถอนหายใจดัง ‘เฮ้อ’ ออกมา

อีกเดี๋ยวถ้าอโลเซียตื่นก็ต้องคุยกันให้ดีนะ ฟาฟเนียร์

คุยว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเธอไง!

ทำไมจะไม่ได้ทำ! เธอคุยด้วยก่อนก็ไม่ได้ เอาแต่ใช้พลังเรื่อยเปื่อยจนอโลเซียคิดว่าตัวเองควบคุมพลังไม่อยู่ไม่ใช่หรือไง! เพราะงั้นถึงร้องไห้ก็ไม่ได้ หัวเราะก็ไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมา!

ขอโทษเขาตรงๆ แล้วจากนั้นก็สนิทกันเข้าไว้ล่ะ เข้าใจไหม

คราวนี้เปลวไฟริบหรี่ลงยิ่งกว่าแสงดาว อาเซียต้องกดเน้นๆ ลงบนลายนกตรงแขนเสื้อหลายครั้งเพราะพีบีหัวเราะเสียงดังลั่นมากเกินไป

***

อาเซียขอให้คิริลช่วยจุดเทียนหลายๆ เล่มเอาไว้แล้วออกมาจากห้องนอนของอเล็กเซย์เงียบๆ

“ห้องครัว”

“อื้อ ต่อให้บอกว่ายาไม่ส่งผลอะไรก็เถอะ แต่จะปล่อยไว้แบบนั้นก็ยังไงๆ อยู่ อย่างน้อยถ้ามีพวกน้ำเชื่อมขิงก็คงจะดี… เห็นว่ายาไม่ส่งผลอะไรต่ออโลเซียเพราะฟาฟเนียร์ แล้วน้ำที่ฉันจะต้มให้จะได้ผลหรือเปล่า”

อาเซียกำหมัดแน่น จากนั้นก็ปีนข้ามรั้วระเบียงไปพร้อมส่งเสียงดังฮึบ

เมื่อเธอเดินผ่ากลางสวนเป็นเส้นตรงเพื่อไปยังห้องครัวของพระตำหนักไทเมียร์ จึงได้เจอพาเวลล์ในชุดธรรมดากำลังก้มลงมองโน้ตพร้อมกับหมุนหัวไหล่ไปด้วย

“พาเวลล์!”

เมื่อรู้ว่าอาเซียมา พาเวลล์ก็ลุกขึ้นโดยไม่แม้แต่จะถามว่ามีเรื่องอะไร ส่วนอาเซียก็เริ่มพูดธุระของตัวเองออกมาก่อน

“ลูกพี่ลูกน้องป่วยก็เลยอยากทำอะไรสักอย่างให้น่ะ”

“ลูกพี่ลูกน้องเหรอ”

“อื้อ หมอบอกว่าไม่สบาย ไข้ขึ้น”

“โถๆ ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นรู้หรือเปล่าว่ายัยเด็กจิ๋วดิ้นรนถึงขนาดนี้”

“อืม… ถึงจะไม่รู้ก็เถอะ ปล่อยคนป่วยไว้เฉยๆ มันก็ยังไงๆ หน่อยนี่นา”

อาเซียบ่นงึมงำแล้วพูดชื่อวัตถุดิบที่ครุ่นคิดในหัวออกมา

“มีขิงสดกับสาลี่ไหม อบเชยกับเมล็ดพริกไทยด้วย”

“จะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร”

“ใช้ขิงทำ… ทำคอร์เดียลแล้วใส่สาลี่เคี่ยวล่ะมั้ง”

คอร์เดียลคือน้ำจากผลไม้สดที่ใส่น้ำตาลลงไปแล้วเคี่ยว ส่วนใหญ่ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มอื่นๆ

คอร์เดียลที่ทำจากขิงหรือสาลี่เคี่ยวมันจะเป็นยังไง พาเวลล์ไปเอาวัตถุดิบมา ทั้งที่ทำหน้าสงสัยกับคำพูดของอาเซีย

เธอพับแขนเสื้อแล้วเริ่มจากการล้างดินที่เปื้อนอยู่บนแง่งขิงออกให้สะอาดก่อน

อาเซียกำลังขูดขิงกับที่ขูดอย่างแข็งขัน แต่แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นเพราะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“…คือว่าพาเวลล์ ไม่ต้องเลิกงานเหรอ”

“ต้องเลิกสิ เลิกสักห้านาทีก่อนได้”

“…”

ครืดๆๆ มีเพียงเสียงขูดขิงเท่านั้นที่ดังก้องครัวอย่างแผ่วเบา

อาเซียชะงักมือที่กำลังยื่นไปหาขิงแง่งต่อไปด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

พาเวลล์พูดขึ้น

“แต่พอดีว่าไม่เคยเห็นคอร์เดียลที่ทำจากขิงน่ะ”

“อะ ฮ่าๆ… ไม่… ไม่ใช่ของยิ่งใหญ่อะไรหรอก”

“…”

“จากนี้ไปจะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ให้ได้มากที่สุด… ฉัน… ฉันขอโทษนะ”

ฮึ พาเลล์หัวเราะให้กับเสียงงึมงำขอโทษของอาเซียแล้วยีหัวเธอจนยุ่งเหยิง

“อือ โอ๊ยๆๆ!”

“ยัยหนูน้อยพูดอะไรไม่คาดคิดเลยนะ”

จะยืมห้องครัวใช้เรื่อยๆ ตลอดไปไม่ได้ ต้องรีบ… โอ๊ย!

เธอขูดขิงพร้อมกับคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปด้วย สุดท้ายข้อนิ้วของเธอก็ถูกขูดไปเล็กน้อย

อาเซียน้ำตาคลอเบ้า แต่พอคิดถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังทำเครื่องดื่มโดยขัดขวางการเลิกงานของพาเวลล์อยู่ เธอก็แอบกัดริมฝีปากแน่นโดยไม่ให้พาเวลล์รู้

เงียบน่า

อาเซียบ่นพีบีอย่างไม่จริงจังนักแล้วขูดขิงต่อไป

เมื่อขูดขิงห้าร้อยรอสโซ่กับที่ขูดจนหมดแล้ว พาเวลล์ก็เอาทั้งหมดไปห่อผ้าขาวบางแล้วคั้นน้ำ ได้น้ำขิงสดเต็มถ้วย

“ทีนี้ก็…ต้องรอหน่อยนะ พาเวลล์ เลิกงานเลยไหม เดี๋ยวฉันเก็บกวาดให้ก่อนกลับ”

“ฮ่าๆๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องครัวนี้ทุกอย่าง?”

“ก็คือความรับผิดชอบของพาเวลล์น่ะสิ…”

“ต้องรอนานแค่ไหน”

“เรื่องนั้น… ประมาณ… ชั่วโมงสองชั่วโมงล่ะมั้ง ตะกอนมันถึงจะนอนก้นแล้วเราก็ใช้แค่ส่วนที่เป็นน้ำด้านบน แต่หลังจากนั้นก็ต้อง…”

พาเวลล์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วโบกมือหวิวๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนรำคาญใจที่จะต่อปากต่อคำไปมากกว่านี้

“แล้วสาลี่จะใช้เพื่ออะไรล่ะ”

การเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างใจดีทำให้อาเซียยิ้มหน้าบาน

“อันนี้ก็ดีสำหรับไข้หวัดนะ”

“ไปเรียนเรื่องพวกนั้นมาจากไหน นี่ก็อยู่ในหนังสือเหรอ”

“จะว่าเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษก็ได้”

“จะบอกว่าในร่างเธอไม่ใช่เด็กสิบขวบตัวกะเปี๊ยกแต่เป็นหญิงแก่อายุห้าสิบปีหรือไง”

“…”

คราวนี้พีบีระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่มีใครรู้

อาเซียกำกระดุมแน่นๆ หนึ่งครั้งแล้วปล่อยมือ จากนั้นก็หยิบสาลี่ที่พาเวลล์เอามาให้ มันเป็นสาลี่ทรงน้ำเต้าที่เล็กกว่ากำปั้นผู้ใหญ่

พาเวลล์หยิบมีดขึ้นมาก่อนเพราะอาเซียบอกว่าต้องปอกเปลือกออกด้วย

สาลี่ถูกปอกให้เห็นเนื้อด้านในโดยที่อาเซียไม่มีจังหวะทันได้พูดอะไร หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง อาเซียจึงขอให้อีกคนผ่าสาลี่ตามแนวยาวให้

“จะทำยังไงกับอันนี้”

“คือ… มีพวกที่ตัดคุกกี้รูปคนไหม”

คำว่ารูปคนทำให้พาเวลล์หัวเราะหนักอยู่คนเดียวอีกรอบ จากนั้นจึงทำสีหน้าเคร่งขรึม

“จะมีได้ไง ฉันบอกว่าไม่ทำขนมนะ”

“ถ้าไม่ใช่ที่ตัดคุกกี้แต่เป็นพิมพ์ทำอาหารล่ะ”

“…”

พาเวลล์ครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วค้นชั้นวางของที่อยู่ตรงมุมครัว จากนั้นก็เจอห่อห่อหนึ่ง

ในห่อนั้นมีพิมพ์สำหรับตกแต่งอาหารอันเล็กๆ อยู่จำนวนหนึ่ง รวมถึงที่ตัดคุกกี้รูปคนที่พาเวลล์บอกว่าไม่มีด้วย

“จะเอาอันนี้ไปทำอะไร”

“ก็ต้องทำให้หน้าตาน่ารักถึงจะกินได้ดีขึ้น”

“ดูท่าลูกพี่ลูกน้องคนนั้นคงเป็นเด็กน้อยมากๆ เลยสินะ”

อาเซียลังเลไปครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

อาเซียใช้ที่ตัดคุกกี้กดลงบนสาลี่หั่นบาง จากนั้นก็เอาเมล็ดพริกไทยสองเม็ดติดลงตรงส่วนใบหน้า แล้วเอาอีกสามเม็ดติดตรงส่วนลำตัว

ส่วนที่ติดด้านบนคือดวงตา ส่วนตรงลำตัวคือกระดุม

“…”

“…รู้สึกเหมือนหน้าตาดูไม่ชวนกินเลยใช่ไหม”

อาเซียเงียบไปนิดหน่อย เมื่อใบหน้าเล็กจิ๋วของเจ้ามนุษย์สาลี่มีเมล็ดพริกไทยดำปักอยู่สองเม็ด มันก็ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธุ์

“…”

“…กะ ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ลูกพี่ลูกน้องฉันเก่งกาจมาก ไม่ว่าอะไรก็คงกินได้ดีหมดแหละ”

“เมื่อกี้บอกว่าต้องทำให้น่ารักถึงจะกินนี่…”

“อย่าพูดความลับออกมาเสียงดังสิ”

“ยัยเด็กจิ๋ว”

ถึงอย่างไร อาเซียก็ทำให้สาลี่รูปมนุษย์ที่เหลือกลายเป็นสิ่งมีชีวิตตากลมโตไม่ทราบสายพันธุ์ แล้วการเตรียมส่วนผสมขั้นพื้นฐานก็เป็นอันเสร็จ

“ใส่อบเชยกับขิงลงไปในน้ำ พอเดือดแล้วก็เอาสาลี่ที่ตัดไว้ใส่ลงไป ถ้าต้มจนสาลี่สุกดีก็เสร็จเรียบร้อย กินตอนเป็นหวัดแล้วดีนะ พาเวลล์เวลาเป็นหวัดก็ต้มกินซะล่ะ”

“ดูเหมือนจะกินบ่อยนะ”

อาเซียหยิบสาลี่ใส่ลงไปในหม้อเดือดพลางตอบกลับเรียบๆ

“ซะที่ไหนล่ะ ฉันไม่ชอบทั้งขิงทั้งอบเชย เวลาเป็นหวัดก็กินยาแก้หวัดสิ”

“…”

อาเซียใส่สาลีที่เหลือลงไปพรวดเดียวแล้วคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตบมือเข้าหากัน

“อ๊ะ! ผู้ใหญ่ใส่แบบนี้ลงไปในไวน์แทนน้ำแล้วต้มกินก็น่าจะได้นะ”

“โอ้ววว!”

คำพูดนั้นทำให้พาเวลล์ถลึงตา จากนั้นก็วิ่งตึงตังไปห้องเก็บไวน์แล้วกลับมาพร้อมกับกอดขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทรงยาวไว้ในอ้อมแขน

อาเซียหรี่ตาลง

“ขี้เหล้าคนนี้”

“พระราชวังอบอุ่นแม้อยู่ในช่วงกลางฤดูหนาวก็จริง แต่ระหว่างทางจากวังกลับบ้านมันหนาวนะ บ้านฉันอยู่ไกลซะด้วย”

ฟังดูเหมือนเป็นข้ออ้างให้ความอยากเหล้า

พาเวลล์รีบเคี่ยวสาลี่เลียนแบบอาเซีย มันไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากมากมายตั้งแต่แรก อีกทั้งอาชีพหลักของพาเวลล์ก็คือพ่อครัว เพราะฉะนั้นเพียงครู่เดียวเขาจึงทำตามได้สำเร็จ

ยิ่งไม่ต้องทำสิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธุ์รูปร่างคนด้วยที่ตัดคุกกี้ก็ยิ่งเร็วขึ้น

“ส่วนน้ำขิงที่คั้นออกมาก็ตกตะกอนแล้ว”

ทั้งสองคนต้มสาลี่กับไวน์ทิ้งไว้ให้เดือด แล้วเบนสายตาไปหาน้ำขิงสดที่ตกตะกอนสีขาว

อาเซียเทน้ำตาลใส่ในปริมาณเท่ากันกับน้ำขิงแล้วต้มด้วยไฟแรงพร้อมกับค่อยๆ คนไปด้วย ขั้นตอนการทำกว่ามันจะหายเป็นฟอง ใช้เวลานานและออกจะน่าเบื่อ

“อบเชย…”

“หือ”

“ใส่อบเชยด้วย”

“สีหน้าเธอเหมือนจะใส่ยาพิษลงไปเลยนะ”

“ฉันไม่ชอบอบเชยมากเลยน่ะสิ…”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องใส่”

“แต่มันดีสำหรับไข้หวัดไง”

ในตอนที่เคี่ยวคอร์เดียลขิงจนได้ที่ พระจันทร์ก็ลอยขึ้นมาเสียแล้ว อาเซียลองชิมน้ำเชื่อมขิงที่ยังร้อนอยู่ จากนั้นก็ทำสีหน้าหนักใจครู่หนึ่ง

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“รสมันจัดเกินไป… ถ้าลูกพี่ลูกน้องฉันไม่กินจะทำยังไงดีนะ”

คำพูดนั้นทำให้พาเวลล์เองก็ลองชิมคอร์เดียลขิง มันมีส่วนผสมของขิงและอบเชย รสชาติจึงทั้งจัดทั้งเผ็ดร้อนอย่างชัดเจน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+