หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน 5

Now you are reading หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน Chapter 5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ตาชั่งล่ะ”

“จิ๊บ?”

“ต้องชั่งดูสิว่าจะใส่อะไรมากแค่ไหน”

“จิ๊บบบ!”

“ของแบบนี้ไม่ใช่ของที่จะทำได้ตามความรู้สึกหรอกนะ เจ้านกเซ่อ”

“จิ๊บ!”

อาเซียทำเป็นไม่ฟังเสียงร้องจิ๊บๆ ของเจ้านก และในตอนที่เดินไปทั่วเพื่อตามหาตาชั่ง

“ทำอะไรหา ยัยหนู”

เธอก็ได้ยินเสียงห้าวของผู้ชายจากด้านหลังอย่างฉับพลัน อาเซียหันหลังขวับด้วยความตกใจ

ชายวัยกลางคนหน้าตาดุร้ายและสวมผ้ากันเปื้อนสีขาว กำลังจับจ้องมาที่เธอ

“สังกัดตำหนักไหนล่ะ ทำอะไรอยู่ที่นี่ ตำหนักไทเมียร์ไม่มีเด็กน้อยหน้าตาแบบนี้นี่”

เมื่อเห็นดวงตาวาววับของชายวัยกลางคน อาเซียก็กลืนน้ำลายลงคอโดยอัตโนมัติ

สวมผ้ากันเปื้อนสีขาว ทั้งยังแกว่งทัพพีไปมาตามอำเภอใจอย่างกับอยู่สวนหน้าบ้านตัวเอง มองอย่างไร ชายคนนี้คงเป็นหัวหน้าคนครัวของที่นี่อย่างแน่นอน

อาเซียกลั้นเสียงสะอึกที่ตีตื้นขึ้นมาเพราะความตกใจแล้วรีบปริปากพูดขึ้น

ทว่า…

“ฉันคืออาเซีย ไม่สิ อนาสตาเซีย ยูเลียฟ…”

“จะเป็นอนาสตาเซีย ยูเลียฟอะไรก็ช่าง ต่อให้เป็นลูกหลานตระกูลผู้ดีตระกูลไหนก็เถอะ กล้าดียังไงถึงเข้ามาเล่นสนุกในครัวของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ยอมไม่ได้!”

ชายวัยกลางคนแผดเสียงตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งครัว อาเซียกลืนน้ำลายอึกใหญ่

ในตอนนั้น จู่ๆ เจ้านกเหลืองของเธอก็โผล่พรวดเข้ามาตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง เจ้านกร้องจิ๊บๆ พร้อมกับกระพือปีก ชายวัยกลางคนจึงโบกแขนไปมา

“อะไร ไอ้ลูกเจี๊ยบจิ๋วนี่ อึก ทำอะไรน่ะหา! ไอ้ตัวนี้เธอก็เอามาใช่ไหม!”

“ปะ เปล่านะ เจ้านั่นเป็นฝ่ายพาฉันมาต่างหาก แล้วก็คำว่าลูกเจี๊ยบน่ะหมายถึงลูกของไก่…”

“อึ อึก เอาสัตว์เข้ามาในห้องครัวได้ยังไง! นกที่เข้ามาในครัวได้ มีแค่นกที่ตายแล้วกับพายเบิร์ด[1]เท่านั้น! เดี๋ยวสิ ไอ้นกบ้านี่!”

ในขณะเดียวกัน เจ้านกก็ขับไล่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงมากขึ้น

ไม่รู้ทำไมเจ้าตัวจิ๋วนี่ถึงแรงเยอะแล้วก็ปราดเปรียวแบบนั้น หัวหน้าคนครัววัยกลางคนผู้บึกบึนเองก็หมดหนทางสู้

อาเซียถอยห่างออกมาหนึ่งก้าวแล้วทอดสายตามองหัวหน้าคนครัวด้วยสีหน้าเห็นใจ ราวกับกำลังมองดูเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง

หลังจากได้ผลแพ้ชนะศึกตอนกลางดึกหนึ่งยก หัวหน้าคนครัวก็หายใจหอบแฮ่กๆ ด้วยสีหน้าเหมือนขาดแคลนออกซิเจน

เจ้านกบินวนรอบๆ หนึ่งรอบเสียยกใหญ่แล้วลงมาเกาะบนหัวของเธอราวกับไม่รู้เลยว่าตัวเองก่อความวุ่นวาย

สายตาของหัวหน้าคนครัวที่เหมือนจะจับเจ้านกมาย่างกิน ทำให้อาเซียรีบโบกมือ

“ฉะ… ฉันไม่ได้พามาจริงๆ นะ”

คำพูดของอาเซียทำให้หัวหน้าคนครัวเขม้นมองเธอทั้งที่ยังหายใจฟืดฟาด

“แล้วจะบอกว่าไอ้ตัวที่อยู่บนหัวเธอไม่ใช่นกแต่เป็นวิญญาณหรือไง รีบพามันออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะจับมาทำนกตุ๋น!”

หัวหน้าคนครัวทายคำตอบถูกโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่รับรู้เรื่องนั้น และในวินาทีที่อาเซียเองก็ไม่สามารถบอกว่า ‘ถูกต้อง’ ได้ เจ้านกก็บินพุ่งเข้าไปหาหัวหน้าคนครัวอีกครั้ง

อาเซียได้แต่ยืนมองศึกยกที่สองของหัวหน้าคนครัวและเจ้านกอยู่ไกลๆ

หัวหน้าคนครัวดิ้นรน เหวี่ยงหมัดไปกลางอากาศ และในวินาทีก่อนที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นลม

ไม่รู้ทำไม เจ้านกที่มีใบหน้าเหิมเกริมจึงทอดสายตามองดูหัวหน้าคนครัวราวกับตกใจ ชายวัยกลางคนพิงตัวกับเคาน์เตอร์แล้วทำเพียงหอบหายใจถี่ เจ้านกบินวนรอบหัวของเธอเหมือนเมื่อสักครู่

อาเซียตวัดดวงตาสีเขียวอ่อนไปมอง

“…ถ้าให้อบขนมแค่ครั้งเดียว ฉันจะกลับไปแต่โดยดี”

“ทำขนมในห้องครัวของฉันเนี่ยนะ พูดอะไรไม่เข้า…”

หัวหน้าคนครัวกำลังจะตะโกนแว้ดออกมาว่าไม่ได้ แต่แล้วก็รีบปิดปากเงียบไปอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นเพราะเจ้านกร้องดัง จิ๊บบบ ขึ้นมาอีกครั้ง

“…แค่ครั้งเดียวนะ ต้องให้นกตัวนั้นอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แล้วทำให้ห้องครัวสะอาดเอี่ยมก่อนกลับไปด้วย!”

“ฉันก็จะไม่กลับมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองหรอกน่า”

อาเซียตอบหัวหน้าคนครัวอย่างเฉยชา จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางชั้นเหนือเคาน์เตอร์

“ถ้างั้นเอาตาชั่งออกมาให้หน่อย”

หัวหน้าคนครัวพาเวลล์กัดริมฝีปากแล้วจึงพูดขึ้นว่า ถ้ามีขนมที่อยากทำถึงขนาดนั้นจริงๆ ก็จะบอกวิธีทำให้

แต่คำตอบของเด็กหญิงผู้มีเส้นผมสีลูกพีชทิ้งตัวยาวดูอ่อนนุ่มกลับหลักแหลมเสียเหลือเกิน

“พาเวลล์บอกว่าไม่ทำพวกขนมนี่ แล้วรู้วิธีทำด้วยเหรอ”

“…”

จากนั้นอาเซียก็ขอให้เขาช่วยเตรียมน้ำเดือดให้ พูดอีกอย่างก็คือปฏิบัติตัวกับเขาอย่างกับเขาเป็นคนรับใช้

น่าจะอายุไม่ถึงสิบปีดีด้วยซ้ำ แต่ท่าทางการพูดช่างดูฉะฉานเสียจริง

“อ๊ะ… เปลือกไข่ติดลงไปด้วย”

ถึงแม้ว่านิ้วมือจะคล่องแคล่วน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดก็เถอะ

พาเวลล์จิ๊ปาก

ดูเหมือนพอได้ตอกไข่ใส่ลงไปด้วยมือเล็กจิ๋วนั้น เศษเปลือกไข่ก็เลยหล่นลงไปด้วย

“…ส่วนของไข่ให้ฉันทำเถอะ”

คำพูดราวกับบอกว่า ‘กะแล้ว’ ของพาเวลล์ทำให้เด็กหญิงทำปากยื่น แต่ก็ค่อยๆ ยื่นโถให้

พาเวลล์ขยับมือตอกไข่ใส่ลงไปเพิ่มอีกสามฟองอย่างเชี่ยวชาญ

“จะทำอะไรน่ะ”

“อืม ก็พวกเค้กช็อกโกแลต เอาน้ำร้อนใส่ชามอีกใบให้หน่อยสิ”

“ช็อกโกแลตเหรอ ช็อกโกแลตคืออะไร”

เด็กหญิงคงเพิ่งเคยเห็นตะกร้อมือเป็นครั้งแรก เธอจึงกำมันพร้อมกับพูดว่า “ไอ้เจ้ามัดกิ่งไม้นี่มันอะไรเนี่ย!” ด้วยความตกใจ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเดิม

“อันนั้นไงช็อกโกแลต พาเวลล์ไม่รู้เหรอว่าห้องครัวตัวเองมีอะไรอยู่บ้าง”

“ยัยเด็กจิ๋วคนนี้นี่…”

พาเวลล์หน้าขึ้นสี แต่แทนที่จะโกรธ เขากลับหยิบสิ่งที่หน้าตาเหมือนก้อนอิฐขนาดเท่าท่อนแขนที่เด็กหญิงชี้ขึ้นมาแทน

เขารู้อยู่แล้วว่านี่คืออะไร ถึงแม้ว่าจะลืมมาจนถึงตอนนี้ว่าในครัวแห่งนี้มีอะไรอยู่บ้างก็เถอะ

มันคือสิ่งที่บารอนเนส[2]ซารัตโต้นำมาถวายแด่พระจักรพรรดิ แต่รสชาติขมมากเกินไป จึงเป็นวัตถุดิบทำอาหารที่ถูกปล่อยทิ้งขว้างมาจนถึงตอนนี้

เขาเคยได้ยินว่าผู้คนทางตอนใต้นำมันมาบดแล้วชงดื่มกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง แต่ชาสีขุ่นๆ ก็ไม่ใช่แบบที่เขาชอบ

ทว่าเขาก็ไม่อาจทิ้งสิ่งที่มีคนนำมาถวายได้อยู่ดี

“เธอบอกว่าจะใช้ไอ้ของขมๆ นี่น่ะเหรอ”

“…มันขมเหรอ”

เด็กหญิงคงตกใจมากจึงทำตาโต ดวงตาสีเขียวราวยอดอ่อนต้นไม้ของเธอกะพริบปริบๆ จากนั้นเธอก็บิสิ่งที่อยู่ในมือของเขาเข้าปาก

ใบหน้าเหยเกในชั่วพริบตา

“แหวะ”

“เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่าขม! ฮ่าๆ นี่ล่ะรสชาติของชีวิต เข้าใจหรือยัง ยัยหนูตัวกะเปี๊ยก”

อุตส่าห์พูดขู่ไปเต็มที่ แต่เด็กหญิงก็ยังพูดขึ้นอย่างไม่สนใจ

“จะเอาน้ำร้อนมาให้เมื่อไหร่”

“ยัยเด็กจิ๋วนี่จริงๆ เลย!”

พาเวลล์อยากจะมะเหงกสักทีแต่ก็อดกลั้นไม่ส่งเสียงระบายความอึดอัดออกมา

เขาไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาเป็นเพื่อนเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับเด็กน้อยแบบนี้

ไม่รู้ว่าเป็นดวงวิญญาณหรือนกบ้า…

ลูกเจี๊ยบสีเหลืองที่เกาะอยู่บนไหล่ของเด็กหญิงกำลังเขม้นมองเขาด้วยดวงตาดำขลับอย่างข่มขู่

เด็กหญิงพูดจ้อยๆ โดยไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาเลย

“นี่ เอาช็อกโกแลตอันนั้นสองร้อยยี่สิบรอสโซ่ กับเนยสองร้อยยี่สิบรอสโซ่ไปตุ๋นให้หน่อยสิ แล้วก็…”

เด็กหญิงหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายหน้าพึ่บพั่บ

จุดที่สายตาของเธอมองไปคือทางที่มีเหยือกสีขาวแช่อยู่ในน้ำแข็ง

“ใส่ครีมด้วย อืม ครีมห้าสิบรอสโซ่”

“…หืม ใส่ช็อกโกแลตกับเนยแล้วก็ไข่ในปริมาณเท่ากันสินะ”

“ถูกต้อง!”

เด็กหญิงร่ายสูตรที่ฟังดูเข้าท่าพอสมควรออกมายาวเหยียด ต่างกับที่เคยคิดว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็กน้อย พาเวลล์เกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

เด็กหญิงเทช็อกโกแลตที่เขาตุ๋นให้ในระหว่างนั้นลงในเอ้กวอช[3] แล้วเริ่มคนมันด้วยทัพพีช้าๆ

ของเหลวนั้นข้นหนืด ทั้งยังมีปริมาณมากพอควร การใช้แขนของเด็กตัวเล็กๆ จึงดูเกินกำลังมากไป

พาเวลล์ตัดสินใจหยิบยื่นความช่วยเหลือ

“ส่งมา เดี๋ยวฉันทำให้”

“ไม่เอา ฉันจะทำเอง ลุงน่ะไปเอาแป้งมาเถอะ”

“ละ ลุงงั้นเหรอ”

“แป้งสาลีหกสิบรอสโซ่ ถ้ามีแป้งสาลีสำหรับใช้ทำขนมแยกต่างหากก็น่าจะดีนะ”

“ที่นี่ที่ไหนล่ะ มีอยู่แล้ว!”

แป้งที่ร่อนแล้วถูกเทลงไปในส่วนผสมของเหลวของเด็กหญิง เมื่อค่อยๆ ผสมมันเข้าด้วยกัน แบทเทอร์[4]ข้นๆ ของเค้กก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่นาน

“เสร็จ… อ๊า ลืมวอร์มเตาอบไปซะสนิทเลย”

“เตาอบในครัวของฉันดูเหมือนไม่ร้อนอยู่หรือไง”

คำพูดที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิของเขาทำให้เด็กหญิงทำตาโต จากนั้นเธอก็วิ่งไปยังเตาอบที่เขาพยักเพยิดให้

เด็กหญิงตรวจดูเตาอบที่อยู่ชิดผนังเพื่อเช็กอะไรหลายๆ อย่างแล้วหันมามองเขา

“ว้าว อันนี้ปรับอุณหภูมิได้ไหม”

คำถามนั้นไร้เดียงสามากเสียจนพาเวลล์ชะงักไปเล็กน้อย

เด็กหญิงที่เหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่มาตลอด แต่ตอนนี้กลับมีวิธีการพูดเหมือนทำให้เขาต้องมนตร์

“อันนี้ใช้งานยังไง ไม่เห็นมีช่องให้ใส่ฟืนเลย”

“ฟืนงั้นเหรอ เธอเป็นคนยุคโอโตรปหรือไงเนี่ย”

พระราชอาณาจักรโอโตรปคืออาณาจักรที่เคยยึดครองดินแดนที่อาณาจักรนี้ตั้งอยู่เมื่อประมาณพันปีก่อน แน่นอนว่าตอนนี้ล่มสลายและหายไปนานมากแล้ว

“มันทำงานโดยใช้ความร้อนจากหินเวทมนตร์ เราใช้ผงหินเวทมนตร์ที่ถูกทำให้บริสุทธิ์เป็นเชื้อเพลิงแล้วทำให้มันเกิดกระแสความร้อน… ไม่สิ บอกแล้วจะเข้าใจเหรอ ยังไงก็เถอะ มันต้องปรับอุณภูมิได้อยู่แล้ว!”

“แบบพวกรังสีความร้อนน่ะเหรอ”

เด็กหญิงพึมพำ

พาเวลล์ชะงักไปอีกครั้งเพราะคิดว่าหรือว่าจะเข้าใจคำพูดของเขาจริงๆ แต่เด็กหญิงก็เปลี่ยนเรื่องไปอธิบายเกี่ยวกับถ้วยที่จะใช้อบขนมอย่างรวดเร็ว

พาเวลล์นิ่วหน้ากับคำขอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมั่นใจของเด็กหญิง ที่ขอให้เอาถ้วยใบเล็กขนาดเท่าหนึ่งกำปั้นผู้ใหญ่มาให้ แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังเอาถ้วยเซรามิคสีขาวออกมาห้าหกใบ

ปริมาณของแบทเทอร์เยอะมากกว่าที่คิด ถึงแม้จะเทใส่ถ้วยเซรามิครูปร่างเดียวกันจนเต็มหกใบแล้วก็ยังเหลืออยู่นิดหน่อย

“พาเวลล์ บอกว่าไม่อบขนมใช่ไหม ถ้างั้นอบขนมปังหรือเปล่า”

“ฉันทำทุกอย่างที่องค์รัชทายาททรงเอาเข้าปาก”

“ทั้งที่ไม่อบขนมน่ะนะ”

“ก็นั่นมันไม่ใช่งานของฉัน!”

“งั้นเหรอ ถ้างั้นช่วยปรับให้อุณหภูมิเดียวกันกับขนมปังปอนด์หน่อย”

การพูดไปคนละทิศคนละทางของเด็กหญิงทำให้พาเวลล์คิดว่าความภาคภูมิใจของตนเองแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อครู่ แต่เขาก็ไม่สามารถจับเด็กน้อยตัวจิ๋วให้อยู่นิ่งๆ เหมือนจับหนูได้

พาเวลล์ปรับเป็นอุณหภูมิที่ใช้อบขนมปังปอนด์เงียบๆ

“เอาอันนี้ใส่เตาให้หน่อย แปดนาที!”

พาเวลล์ทำท่ากำหมัดแน่น แต่ก็เอาถ้วยเซรามิคขึ้นวางบนถาดแล้วยกมันเข้าไปในเตา จากนั้นจึงตั้งนาฬิกาทรายติดกระดิ่งแจ้งเตือนซึ่งวางอยู่ข้างๆ เป็นเวลาแปดนาที

เด็กหญิงดูสนอกสนใจนาฬิกาทรายอันนั้น

“อันนี้? อันนี้ก็ทำงานด้วยหินเวทมนตร์เหรอ”

“แหงสิ เม็ดทรายจะไหลลงมาจนถึงเวลาที่ตั้งไว้เท่านั้น และเมื่อได้เวลาแล้ว กระดิ่งก็จะดัง…”

“ทำไมไม่ติดมันไว้ตรงเตาอบล่ะ”

“ทำไมต้องติดมันไว้ตรงเตาอบล่ะ”

[1] พายเบิร์ด (Pie Bird) เป็นอุปกรณ์เซรามิคที่ใช้เจาะกลางพายเวลาอบ เพื่อระบายไอน้ำไม่ให้ไส้แตกทะลัก ส่วนใหญ่เป็นรูปร่างนก

[2] บารอนเนส (Baroness) เป็นบรรดาศักดิ์หนึ่งในระบบขุนนาง อยู่ระดับล่างสุด หากเป็นบุรุษเรียกบารอน

[3] เอ้กวอช (Egg wash) ส่วนผสมระหว่างไข่ดิบและของเหลวเช่นนมหรือน้ำสะอาด

[4] แบทเทอร์ (Batter) เป็นส่วนผสมของวัตถุดิบทำขนมเช่นแป้ง ไข่ และนม มีลักษณะเหลวข้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน 5

Now you are reading หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน Chapter 5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ตาชั่งล่ะ”

“จิ๊บ?”

“ต้องชั่งดูสิว่าจะใส่อะไรมากแค่ไหน”

“จิ๊บบบ!”

“ของแบบนี้ไม่ใช่ของที่จะทำได้ตามความรู้สึกหรอกนะ เจ้านกเซ่อ”

“จิ๊บ!”

อาเซียทำเป็นไม่ฟังเสียงร้องจิ๊บๆ ของเจ้านก และในตอนที่เดินไปทั่วเพื่อตามหาตาชั่ง

“ทำอะไรหา ยัยหนู”

เธอก็ได้ยินเสียงห้าวของผู้ชายจากด้านหลังอย่างฉับพลัน อาเซียหันหลังขวับด้วยความตกใจ

ชายวัยกลางคนหน้าตาดุร้ายและสวมผ้ากันเปื้อนสีขาว กำลังจับจ้องมาที่เธอ

“สังกัดตำหนักไหนล่ะ ทำอะไรอยู่ที่นี่ ตำหนักไทเมียร์ไม่มีเด็กน้อยหน้าตาแบบนี้นี่”

เมื่อเห็นดวงตาวาววับของชายวัยกลางคน อาเซียก็กลืนน้ำลายลงคอโดยอัตโนมัติ

สวมผ้ากันเปื้อนสีขาว ทั้งยังแกว่งทัพพีไปมาตามอำเภอใจอย่างกับอยู่สวนหน้าบ้านตัวเอง มองอย่างไร ชายคนนี้คงเป็นหัวหน้าคนครัวของที่นี่อย่างแน่นอน

อาเซียกลั้นเสียงสะอึกที่ตีตื้นขึ้นมาเพราะความตกใจแล้วรีบปริปากพูดขึ้น

ทว่า…

“ฉันคืออาเซีย ไม่สิ อนาสตาเซีย ยูเลียฟ…”

“จะเป็นอนาสตาเซีย ยูเลียฟอะไรก็ช่าง ต่อให้เป็นลูกหลานตระกูลผู้ดีตระกูลไหนก็เถอะ กล้าดียังไงถึงเข้ามาเล่นสนุกในครัวของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ยอมไม่ได้!”

ชายวัยกลางคนแผดเสียงตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งครัว อาเซียกลืนน้ำลายอึกใหญ่

ในตอนนั้น จู่ๆ เจ้านกเหลืองของเธอก็โผล่พรวดเข้ามาตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง เจ้านกร้องจิ๊บๆ พร้อมกับกระพือปีก ชายวัยกลางคนจึงโบกแขนไปมา

“อะไร ไอ้ลูกเจี๊ยบจิ๋วนี่ อึก ทำอะไรน่ะหา! ไอ้ตัวนี้เธอก็เอามาใช่ไหม!”

“ปะ เปล่านะ เจ้านั่นเป็นฝ่ายพาฉันมาต่างหาก แล้วก็คำว่าลูกเจี๊ยบน่ะหมายถึงลูกของไก่…”

“อึ อึก เอาสัตว์เข้ามาในห้องครัวได้ยังไง! นกที่เข้ามาในครัวได้ มีแค่นกที่ตายแล้วกับพายเบิร์ด[1]เท่านั้น! เดี๋ยวสิ ไอ้นกบ้านี่!”

ในขณะเดียวกัน เจ้านกก็ขับไล่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงมากขึ้น

ไม่รู้ทำไมเจ้าตัวจิ๋วนี่ถึงแรงเยอะแล้วก็ปราดเปรียวแบบนั้น หัวหน้าคนครัววัยกลางคนผู้บึกบึนเองก็หมดหนทางสู้

อาเซียถอยห่างออกมาหนึ่งก้าวแล้วทอดสายตามองหัวหน้าคนครัวด้วยสีหน้าเห็นใจ ราวกับกำลังมองดูเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง

หลังจากได้ผลแพ้ชนะศึกตอนกลางดึกหนึ่งยก หัวหน้าคนครัวก็หายใจหอบแฮ่กๆ ด้วยสีหน้าเหมือนขาดแคลนออกซิเจน

เจ้านกบินวนรอบๆ หนึ่งรอบเสียยกใหญ่แล้วลงมาเกาะบนหัวของเธอราวกับไม่รู้เลยว่าตัวเองก่อความวุ่นวาย

สายตาของหัวหน้าคนครัวที่เหมือนจะจับเจ้านกมาย่างกิน ทำให้อาเซียรีบโบกมือ

“ฉะ… ฉันไม่ได้พามาจริงๆ นะ”

คำพูดของอาเซียทำให้หัวหน้าคนครัวเขม้นมองเธอทั้งที่ยังหายใจฟืดฟาด

“แล้วจะบอกว่าไอ้ตัวที่อยู่บนหัวเธอไม่ใช่นกแต่เป็นวิญญาณหรือไง รีบพามันออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะจับมาทำนกตุ๋น!”

หัวหน้าคนครัวทายคำตอบถูกโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่รับรู้เรื่องนั้น และในวินาทีที่อาเซียเองก็ไม่สามารถบอกว่า ‘ถูกต้อง’ ได้ เจ้านกก็บินพุ่งเข้าไปหาหัวหน้าคนครัวอีกครั้ง

อาเซียได้แต่ยืนมองศึกยกที่สองของหัวหน้าคนครัวและเจ้านกอยู่ไกลๆ

หัวหน้าคนครัวดิ้นรน เหวี่ยงหมัดไปกลางอากาศ และในวินาทีก่อนที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นลม

ไม่รู้ทำไม เจ้านกที่มีใบหน้าเหิมเกริมจึงทอดสายตามองดูหัวหน้าคนครัวราวกับตกใจ ชายวัยกลางคนพิงตัวกับเคาน์เตอร์แล้วทำเพียงหอบหายใจถี่ เจ้านกบินวนรอบหัวของเธอเหมือนเมื่อสักครู่

อาเซียตวัดดวงตาสีเขียวอ่อนไปมอง

“…ถ้าให้อบขนมแค่ครั้งเดียว ฉันจะกลับไปแต่โดยดี”

“ทำขนมในห้องครัวของฉันเนี่ยนะ พูดอะไรไม่เข้า…”

หัวหน้าคนครัวกำลังจะตะโกนแว้ดออกมาว่าไม่ได้ แต่แล้วก็รีบปิดปากเงียบไปอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นเพราะเจ้านกร้องดัง จิ๊บบบ ขึ้นมาอีกครั้ง

“…แค่ครั้งเดียวนะ ต้องให้นกตัวนั้นอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แล้วทำให้ห้องครัวสะอาดเอี่ยมก่อนกลับไปด้วย!”

“ฉันก็จะไม่กลับมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองหรอกน่า”

อาเซียตอบหัวหน้าคนครัวอย่างเฉยชา จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางชั้นเหนือเคาน์เตอร์

“ถ้างั้นเอาตาชั่งออกมาให้หน่อย”

หัวหน้าคนครัวพาเวลล์กัดริมฝีปากแล้วจึงพูดขึ้นว่า ถ้ามีขนมที่อยากทำถึงขนาดนั้นจริงๆ ก็จะบอกวิธีทำให้

แต่คำตอบของเด็กหญิงผู้มีเส้นผมสีลูกพีชทิ้งตัวยาวดูอ่อนนุ่มกลับหลักแหลมเสียเหลือเกิน

“พาเวลล์บอกว่าไม่ทำพวกขนมนี่ แล้วรู้วิธีทำด้วยเหรอ”

“…”

จากนั้นอาเซียก็ขอให้เขาช่วยเตรียมน้ำเดือดให้ พูดอีกอย่างก็คือปฏิบัติตัวกับเขาอย่างกับเขาเป็นคนรับใช้

น่าจะอายุไม่ถึงสิบปีดีด้วยซ้ำ แต่ท่าทางการพูดช่างดูฉะฉานเสียจริง

“อ๊ะ… เปลือกไข่ติดลงไปด้วย”

ถึงแม้ว่านิ้วมือจะคล่องแคล่วน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดก็เถอะ

พาเวลล์จิ๊ปาก

ดูเหมือนพอได้ตอกไข่ใส่ลงไปด้วยมือเล็กจิ๋วนั้น เศษเปลือกไข่ก็เลยหล่นลงไปด้วย

“…ส่วนของไข่ให้ฉันทำเถอะ”

คำพูดราวกับบอกว่า ‘กะแล้ว’ ของพาเวลล์ทำให้เด็กหญิงทำปากยื่น แต่ก็ค่อยๆ ยื่นโถให้

พาเวลล์ขยับมือตอกไข่ใส่ลงไปเพิ่มอีกสามฟองอย่างเชี่ยวชาญ

“จะทำอะไรน่ะ”

“อืม ก็พวกเค้กช็อกโกแลต เอาน้ำร้อนใส่ชามอีกใบให้หน่อยสิ”

“ช็อกโกแลตเหรอ ช็อกโกแลตคืออะไร”

เด็กหญิงคงเพิ่งเคยเห็นตะกร้อมือเป็นครั้งแรก เธอจึงกำมันพร้อมกับพูดว่า “ไอ้เจ้ามัดกิ่งไม้นี่มันอะไรเนี่ย!” ด้วยความตกใจ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเดิม

“อันนั้นไงช็อกโกแลต พาเวลล์ไม่รู้เหรอว่าห้องครัวตัวเองมีอะไรอยู่บ้าง”

“ยัยเด็กจิ๋วคนนี้นี่…”

พาเวลล์หน้าขึ้นสี แต่แทนที่จะโกรธ เขากลับหยิบสิ่งที่หน้าตาเหมือนก้อนอิฐขนาดเท่าท่อนแขนที่เด็กหญิงชี้ขึ้นมาแทน

เขารู้อยู่แล้วว่านี่คืออะไร ถึงแม้ว่าจะลืมมาจนถึงตอนนี้ว่าในครัวแห่งนี้มีอะไรอยู่บ้างก็เถอะ

มันคือสิ่งที่บารอนเนส[2]ซารัตโต้นำมาถวายแด่พระจักรพรรดิ แต่รสชาติขมมากเกินไป จึงเป็นวัตถุดิบทำอาหารที่ถูกปล่อยทิ้งขว้างมาจนถึงตอนนี้

เขาเคยได้ยินว่าผู้คนทางตอนใต้นำมันมาบดแล้วชงดื่มกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง แต่ชาสีขุ่นๆ ก็ไม่ใช่แบบที่เขาชอบ

ทว่าเขาก็ไม่อาจทิ้งสิ่งที่มีคนนำมาถวายได้อยู่ดี

“เธอบอกว่าจะใช้ไอ้ของขมๆ นี่น่ะเหรอ”

“…มันขมเหรอ”

เด็กหญิงคงตกใจมากจึงทำตาโต ดวงตาสีเขียวราวยอดอ่อนต้นไม้ของเธอกะพริบปริบๆ จากนั้นเธอก็บิสิ่งที่อยู่ในมือของเขาเข้าปาก

ใบหน้าเหยเกในชั่วพริบตา

“แหวะ”

“เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่าขม! ฮ่าๆ นี่ล่ะรสชาติของชีวิต เข้าใจหรือยัง ยัยหนูตัวกะเปี๊ยก”

อุตส่าห์พูดขู่ไปเต็มที่ แต่เด็กหญิงก็ยังพูดขึ้นอย่างไม่สนใจ

“จะเอาน้ำร้อนมาให้เมื่อไหร่”

“ยัยเด็กจิ๋วนี่จริงๆ เลย!”

พาเวลล์อยากจะมะเหงกสักทีแต่ก็อดกลั้นไม่ส่งเสียงระบายความอึดอัดออกมา

เขาไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาเป็นเพื่อนเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับเด็กน้อยแบบนี้

ไม่รู้ว่าเป็นดวงวิญญาณหรือนกบ้า…

ลูกเจี๊ยบสีเหลืองที่เกาะอยู่บนไหล่ของเด็กหญิงกำลังเขม้นมองเขาด้วยดวงตาดำขลับอย่างข่มขู่

เด็กหญิงพูดจ้อยๆ โดยไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาเลย

“นี่ เอาช็อกโกแลตอันนั้นสองร้อยยี่สิบรอสโซ่ กับเนยสองร้อยยี่สิบรอสโซ่ไปตุ๋นให้หน่อยสิ แล้วก็…”

เด็กหญิงหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายหน้าพึ่บพั่บ

จุดที่สายตาของเธอมองไปคือทางที่มีเหยือกสีขาวแช่อยู่ในน้ำแข็ง

“ใส่ครีมด้วย อืม ครีมห้าสิบรอสโซ่”

“…หืม ใส่ช็อกโกแลตกับเนยแล้วก็ไข่ในปริมาณเท่ากันสินะ”

“ถูกต้อง!”

เด็กหญิงร่ายสูตรที่ฟังดูเข้าท่าพอสมควรออกมายาวเหยียด ต่างกับที่เคยคิดว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็กน้อย พาเวลล์เกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

เด็กหญิงเทช็อกโกแลตที่เขาตุ๋นให้ในระหว่างนั้นลงในเอ้กวอช[3] แล้วเริ่มคนมันด้วยทัพพีช้าๆ

ของเหลวนั้นข้นหนืด ทั้งยังมีปริมาณมากพอควร การใช้แขนของเด็กตัวเล็กๆ จึงดูเกินกำลังมากไป

พาเวลล์ตัดสินใจหยิบยื่นความช่วยเหลือ

“ส่งมา เดี๋ยวฉันทำให้”

“ไม่เอา ฉันจะทำเอง ลุงน่ะไปเอาแป้งมาเถอะ”

“ละ ลุงงั้นเหรอ”

“แป้งสาลีหกสิบรอสโซ่ ถ้ามีแป้งสาลีสำหรับใช้ทำขนมแยกต่างหากก็น่าจะดีนะ”

“ที่นี่ที่ไหนล่ะ มีอยู่แล้ว!”

แป้งที่ร่อนแล้วถูกเทลงไปในส่วนผสมของเหลวของเด็กหญิง เมื่อค่อยๆ ผสมมันเข้าด้วยกัน แบทเทอร์[4]ข้นๆ ของเค้กก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่นาน

“เสร็จ… อ๊า ลืมวอร์มเตาอบไปซะสนิทเลย”

“เตาอบในครัวของฉันดูเหมือนไม่ร้อนอยู่หรือไง”

คำพูดที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิของเขาทำให้เด็กหญิงทำตาโต จากนั้นเธอก็วิ่งไปยังเตาอบที่เขาพยักเพยิดให้

เด็กหญิงตรวจดูเตาอบที่อยู่ชิดผนังเพื่อเช็กอะไรหลายๆ อย่างแล้วหันมามองเขา

“ว้าว อันนี้ปรับอุณหภูมิได้ไหม”

คำถามนั้นไร้เดียงสามากเสียจนพาเวลล์ชะงักไปเล็กน้อย

เด็กหญิงที่เหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่มาตลอด แต่ตอนนี้กลับมีวิธีการพูดเหมือนทำให้เขาต้องมนตร์

“อันนี้ใช้งานยังไง ไม่เห็นมีช่องให้ใส่ฟืนเลย”

“ฟืนงั้นเหรอ เธอเป็นคนยุคโอโตรปหรือไงเนี่ย”

พระราชอาณาจักรโอโตรปคืออาณาจักรที่เคยยึดครองดินแดนที่อาณาจักรนี้ตั้งอยู่เมื่อประมาณพันปีก่อน แน่นอนว่าตอนนี้ล่มสลายและหายไปนานมากแล้ว

“มันทำงานโดยใช้ความร้อนจากหินเวทมนตร์ เราใช้ผงหินเวทมนตร์ที่ถูกทำให้บริสุทธิ์เป็นเชื้อเพลิงแล้วทำให้มันเกิดกระแสความร้อน… ไม่สิ บอกแล้วจะเข้าใจเหรอ ยังไงก็เถอะ มันต้องปรับอุณภูมิได้อยู่แล้ว!”

“แบบพวกรังสีความร้อนน่ะเหรอ”

เด็กหญิงพึมพำ

พาเวลล์ชะงักไปอีกครั้งเพราะคิดว่าหรือว่าจะเข้าใจคำพูดของเขาจริงๆ แต่เด็กหญิงก็เปลี่ยนเรื่องไปอธิบายเกี่ยวกับถ้วยที่จะใช้อบขนมอย่างรวดเร็ว

พาเวลล์นิ่วหน้ากับคำขอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมั่นใจของเด็กหญิง ที่ขอให้เอาถ้วยใบเล็กขนาดเท่าหนึ่งกำปั้นผู้ใหญ่มาให้ แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังเอาถ้วยเซรามิคสีขาวออกมาห้าหกใบ

ปริมาณของแบทเทอร์เยอะมากกว่าที่คิด ถึงแม้จะเทใส่ถ้วยเซรามิครูปร่างเดียวกันจนเต็มหกใบแล้วก็ยังเหลืออยู่นิดหน่อย

“พาเวลล์ บอกว่าไม่อบขนมใช่ไหม ถ้างั้นอบขนมปังหรือเปล่า”

“ฉันทำทุกอย่างที่องค์รัชทายาททรงเอาเข้าปาก”

“ทั้งที่ไม่อบขนมน่ะนะ”

“ก็นั่นมันไม่ใช่งานของฉัน!”

“งั้นเหรอ ถ้างั้นช่วยปรับให้อุณหภูมิเดียวกันกับขนมปังปอนด์หน่อย”

การพูดไปคนละทิศคนละทางของเด็กหญิงทำให้พาเวลล์คิดว่าความภาคภูมิใจของตนเองแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อครู่ แต่เขาก็ไม่สามารถจับเด็กน้อยตัวจิ๋วให้อยู่นิ่งๆ เหมือนจับหนูได้

พาเวลล์ปรับเป็นอุณหภูมิที่ใช้อบขนมปังปอนด์เงียบๆ

“เอาอันนี้ใส่เตาให้หน่อย แปดนาที!”

พาเวลล์ทำท่ากำหมัดแน่น แต่ก็เอาถ้วยเซรามิคขึ้นวางบนถาดแล้วยกมันเข้าไปในเตา จากนั้นจึงตั้งนาฬิกาทรายติดกระดิ่งแจ้งเตือนซึ่งวางอยู่ข้างๆ เป็นเวลาแปดนาที

เด็กหญิงดูสนอกสนใจนาฬิกาทรายอันนั้น

“อันนี้? อันนี้ก็ทำงานด้วยหินเวทมนตร์เหรอ”

“แหงสิ เม็ดทรายจะไหลลงมาจนถึงเวลาที่ตั้งไว้เท่านั้น และเมื่อได้เวลาแล้ว กระดิ่งก็จะดัง…”

“ทำไมไม่ติดมันไว้ตรงเตาอบล่ะ”

“ทำไมต้องติดมันไว้ตรงเตาอบล่ะ”

[1] พายเบิร์ด (Pie Bird) เป็นอุปกรณ์เซรามิคที่ใช้เจาะกลางพายเวลาอบ เพื่อระบายไอน้ำไม่ให้ไส้แตกทะลัก ส่วนใหญ่เป็นรูปร่างนก

[2] บารอนเนส (Baroness) เป็นบรรดาศักดิ์หนึ่งในระบบขุนนาง อยู่ระดับล่างสุด หากเป็นบุรุษเรียกบารอน

[3] เอ้กวอช (Egg wash) ส่วนผสมระหว่างไข่ดิบและของเหลวเช่นนมหรือน้ำสะอาด

[4] แบทเทอร์ (Batter) เป็นส่วนผสมของวัตถุดิบทำขนมเช่นแป้ง ไข่ และนม มีลักษณะเหลวข้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+