หนึ่งฝ่ามือสยบโลกาบทที่ 769 กองทหารวิหคน้ำแข็ง

Now you are reading หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา Chapter บทที่ 769 กองทหารวิหคน้ำแข็ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 769 กองทหารวิหคน้ำแข็ง
คนอื่นๆ เอ่ยทำความเคารพจักรพรรดิสำนักเพียงสั้นๆ เมื่อเสียงเคารพนบนอบของพวกเขาจบลง เสียงของหวังเป่าเล่อก็ยังดังก้องไปทั่วทั้งโถง เรียกความสนใจจากทุกคนได้ในทันที

ผู้ฝึกตนหลายพันคนในโถงผงะไป พวกเขาหันไปจ้องหวังเป่าเล่อทันที เหล่าผู้บัญชาการบนแท่นเองก็หันไปมองด้วยเช่นกัน จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็โพล่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าต้องการประจบจักรพรรดิ ถึงกระนั้นก็เป็นอะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมและเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ นอกจากนี้ชายหนุ่มยังใช้ชื่อสำนักมาเล่นคำ รวมถึงอวยพรให้จักรพรรดิบรรลุไปยังระดับดารานิรันดร์อีกด้วย

รายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้ทำให้การเลียแข็งเลียขากลายเป็นศิลปะขึ้นมา ทั้งโถงประชุมตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต้องใช้เวลาสักพัก รวมถึงหันไปเห็นจักรพรรดิ จึงสามารถปัดความตื่นตะลึงในใจออกไปและเรียกสติกลับมาได้ แต่กระนั้นพวกเขาก็ห้ามไม่ได้ที่ความคิดมากมายจะผุดขึ้นในหัวราวกับเป็นพายุถล่มดินแดน

ฉลาดจริง!

เจ้านี่เป็นใครกัน ช่างหน้าด้านเลียขาจักรพรรดิกันโต้งๆ ต่อหน้าคนมากมาย ต้องเป็นคนบ้าโดยกำเนิดแน่!

ช่างเป็นการเลียขาอย่างหน้าไม่อาย เจ้านี่ไม่น่าจะมีความละอายอะไรเลย…เอาจริงๆ ยิ่งเจอคนหน้าด้านมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องระวังเขาให้มากเท่านั้น!

ฝูงชนด้านล่างไม่ได้คิดเช่นนั้นเพียงฝ่ายเดียว ผู้บัญชาการทั้งสิบที่ยืนอยู่บนแท่นเองก็ทำหน้าตาแปลกประหลาดเช่นกัน หวังเป่าเล่อเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร เขาดูสงบนิ่งขณะเอียงตัวไปทางตั้วโหย่วจื่อที่กำลังทำท่าเหมือนจะร้องไห้

ตั้วโหย่วจื่อแอบกรีดร้องอยู่ในใจ เขาไม่อยากเป็นจุดสนใจเลยแม้แต่นิด ไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าตนนั่งอยู่ข้างหลงจอมคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดยั้งไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้

ท่ามกลางความเงียบกริบในห้องโถง จักรพรรดิสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ที่นั่งอยู่ชั้นบนสุดของแท่นก็หันไปมองหวังเป่าเล่อครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขึ้น รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับการกระทำเมื่อครู่ของชายหนุ่ม เขาไม่เคยพบหลงหนานจื่อมาก่อน ในใจอยากรู้จักชายคนนี้ให้มากขึ้นซึ่งก็ทำได้ง่ายดาย เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะหาข้อมูลทุกอย่างของทุกคนในโถง

ไม่นานเขาก็พบว่าชายผู้เลียขาตนเองคือใคร เมื่อนึกถึงการต่อสู้ของหลงหนานจื่อกับกองทหารมังกรหยดหมึก ริมฝีปากของจักรพรรดิก็ผุดยิ้มขึ้นบางๆ การยกยอเกินงามของหลงหนานจื่อนั้นได้ผล ถ้าไม่ได้ทำเช่นนั้น จักรพรรดิคงไม่ได้สนใจหลงหนานจื่อเลยแม้แต่น้อย และรางวัลที่ให้ตอบแทนความพยายามก็คงเป็นแค่ของเชิงสัญลักษณ์ที่ให้ผู้บัญชาการกองทหารอันดับหนึ่งช่วยจัดการให้

รางวัลนั้นคงเป็นแค่ของตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว จักรพรรดิที่กำลังเบิกบานใจเลือกที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง จึงส่งข้อความเสียงไปหาเทพธิดาหลิงโยวแห่งกองทหารอันดับสิบ

เทพธิดาหลิงโยวกำลังจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาไม่เป็นมิตรตอนที่ได้รับข้อความเสียงจากจักรพรรดิ นางยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิมเมื่อได้ฟังข้อความเสียง แต่มีแววรำคาญใจผุดขึ้นมาเล็กน้อยในสายตาเย็นชาที่มองไปยังหวังเป่าเล่อ นางไม่สามารถบอกปฏิเสธคำสั่งของจักรพรรดิได้ จึงตอบรับคำกลับไป

เมื่อสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเสร็จ จักรพรรดิสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ก็ละความสนใจจากหวังเป่าเล่อ ก่อนจะผุดยิ้มและเริ่มการประชุม วันสุดท้ายของการประชุมสามัญคือการที่เขามาฟังผู้บัญชาการทั้งสิบรายงานคำขอและปัญหาต่างๆ ที่ถกกันมาตลอดหลายสัปดาห์รวมถึงรายละเอียดงานที่ได้ทำไป

ทุกคนกลับมาจริงจังและตั้งใจฟังการประชุม เหล่าผู้บัญชาการจากสิบกองทหารอันดับต้นเริ่มรายงาน เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หวังเป่าเล่อเลิกทำตัวสบายๆ หันมานั่งหลังตรง ทำหน้าจริงจัง

เทพธิดาหลิงโยวเสร็จสิ้นการรายงานตอนช่วงเย็น ถือเป็นการสิ้นสุดการประชุมสามัญที่กินเวลาถึงหนึ่งเดือน จักรพรรดิกลับออกไป เหล่าผู้บัญชาการจากกองทหารทั้งสิบเอ่ยอำลาและจากไปเช่นกัน เทพธิดาหลิงโยวเป็นคนเดียวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกลับออกไป นางหันมามองทางที่นั่งของหวังเป่าเล่อ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ

“หลงหนานจื่อ ตามข้ามา ข้ามีอะไรจะคุยกับเจ้า”

เสียงฮือฮาดังก้องขึ้นทั่วทั้งโถงหลังจากนางพูดเช่นนั้น สายตาตื่นตะลึงและอิจฉาริษยาพุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อ ทั้งหมดเป็นเพราะชื่อเสียงของเทพธิดาหลิงโยวในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นระดับการฝึกตนหรือความงาม นางก็เป็นที่หนึ่งในหมู่ผู้ฝึกตนหญิงของสำนัก!

นางเป็นคู่ครองในฝันที่ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนล้วนปรารถนา ทั้งตำแหน่งในสำนัก ระดับการฝึกตน และลักษณะนิสัยทำให้นางแทบไม่เคยเปิดบทสนทนากับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ในสำนักก่อน นางทำเหมือนว่าศิษย์คนอื่นๆ ในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์นั้นไม่มีตัวตน แต่ตอนนี้นางกลับเลือกหวังเป่าเล่อ

จึงเป็นเหตุให้ทุกคนหันมาสนใจกันหมดและนึกสงสัยว่าเหตุใดนางจึงเอ่ยทักหวังเป่าเล่อ ตั้วโหย่วจื่อเองก็เบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความอิจฉาคุกรุ่นอยู่ภายใน ทิ้งรสขมขื่นไว้ในปากขณะมองดูหวังเป่าเล่อก้าวออกไปอย่างตื่นเต้นและวิ่งตามเทพธิดาหลิงโยวไป

ไอ้พวกเลียแข้ง! ตั้วโหย่วจื่อก่นด่าในใจขณะมองหวังเป่าเล่อวิ่งตามไปอยู่ข้างๆ เทพธิดาหลิงโยว นางสะบัดแขนชุดคลุมพาชายหนุ่มทะยานหายไป ภายในใจของตั้วโหย่วจื่อคุกรุ่นไปด้วยความริษยา และเขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น ผู้ฝึกตนทุกคนเริ่มทยอยออกจากโถงไป

ขณะที่ฝูงชนกำลังแยกย้ายออกจากที่ประชุม เทพธิดาหลิงโยวก็กำลังทะยานนำหน้าหวังเป่าเล่ออยู่บนท้องนภาเหนือสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ด้วยสีหน้าเย็นชา นางไม่ได้พูดอะไรตลอดการเดินทาง หวังเป่าเล่อตระหนักว่านางพยายามแสดงอำนาจบารมี เขาไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงสั่งให้ตามมา แต่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับรางวัลที่ตนจะได้รับ

ทั้งหมดบอกได้จากทัศนคติไม่เป็นมิตรของนาง คนอื่นอาจจะมองไม่ออกในทันที แต่หวังเป่าเล่อไม่ใช่คนทั่วไป เขามีตำแหน่งสูงในสหพันธรัฐและได้ทำเช่นนี้กับคนมามากมายจึงรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร

หรือว่าจักรพรรดิผู้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์จะไม่ได้ให้แค่ตำแหน่งศิษย์สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์กับข้า แต่ยังแต่งตั้งข้าให้ไปประจำการในกองทหารอันดับสิบซึ่งเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของสำนัก หวังเป่าเล่อคิด รู้สึกแปลกใจปนยินดี ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงก็หมายความว่าเขาเริ่มต้นได้ดีมาก

ขณะที่หวังเป่าเล่อมัวแต่จมอยู่ในห้วงความคิด พวกเขาก็เดินทางไปยังจุดหมายโดยไม่มีอะไรติดขัด เทพธิดาหลิงโยวคิดว่าตนวางท่าไม่เป็นมิตรกับอีกฝ่ายมานานพอแล้วจึงเอ่ยพูดขึ้น ถึงกระนั้นน้ำเสียงของนางก็ยังฟังดูเย็นชา วาจาแข็งกระด้าง นี่อาจเป็นลักษณะนิสัยของนางเองก็เป็นได้

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นสมาชิกกองทหารวิหคน้ำแข็ง!” พูดจบ เทพธิดาหลิงโยวก็ก้าวผ่านหายเข้าไปในประตูทางเข้าของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์

ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบขณะรีบตามนางไป วิสัยทัศน์ของเขาพร่ามัวไปชั่วขณะตอนที่เข้ามา พอทุกอย่างกลับมาแจ่มชัดอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้ตนมาถึงสถานที่อีกแห่งบนยอดเขาแฝด

ชายหนุ่มอยู่บนทะเลทรายกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด ยอดเขาแฝดตั้งสูงตระหง่านอยู่กลางทะเลทราย เหมือนดังปลายกระบี่แหลมคมที่ชี้ขึ้นฟ้า เป็นภาพสุดตระการตายิ่งนัก เทพธิดาหลิงโยวอยู่ไกลออกไป ชุดเกราะสีดำของหญิงสาวเปล่งประกายเมื่ออยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ร้อนระอุ พลังล้นเหลือพลันพวยพุ่งออกมาจากร่างของนาง หวังเป่าเล่อมองฟ้าที่เปลี่ยนสีเพราะพลังที่ปล่อยออกมากะทันหัน และเห็นชุดเกราะของนางแปรเปลี่ยนเป็นยักษ์สูงสามพันเมตร!

ยักษ์ตนนั้นแผ่พลังทรงอำนาจออกมา การปรากฏกายอย่างฉับพลันของมันได้สร้างพายุทรายขึ้น ตอนนั้นเอง ทะเลทรายก็ราวกับว่าได้กลายเป็นท้องทะเลปั่นป่วน คลื่นทรายพัดโหมไปมา สาดเม็ดทรายกระเซ็นไปทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาทันตอบโต้เมื่อเกราะสีดำเอื้อมเข้ามาคว้าตัวเขา

ความตื่นกลัวฉายชัดบนใบหน้าของชายหนุ่ม แม้ในใจจะส่งสัญญาณบอกให้ถอยหนี แต่เขาก็พยายามข่มความรู้สึกนั้นลง หวังเป่าเล่อหรี่ตา ปล่อยให้มือเอื้อมมาคว้าตนเอง เสียงเย็นเยียบของเทพธิดาหลิงโยวดังขึ้นในหู

“เจ้าไม่ตอบโต้กลับอย่างนั้นหรือ เหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โง่เท่าไหร่นี่ ฐานทัพหลักของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อยู่บนดาวบริวารดวงที่เจ็ดของดาวเคราะห์นี้!”

ระหว่างที่นางอธิบาย ยักษ์เกราะดำก็เปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับ เท้าของมันลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะพุ่งตรงขึ้นฟ้า วิ่งผ่านชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ไปในทันที มันวิ่งไปไม่หยุด ก่อนเท้าจะเหยียบลงบนดาวบริวารดวงหนึ่งในหมู่ดาวบริวารรอบดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ เป็นดาวบริวารที่อยู่ห่างจากดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ที่สุด ดาวบริวารลำดับเจ็ดนั่นเอง!

ดาวบริวารทั้งเจ็ดดวงโคจรรอบดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ ดาวบริวารลำดับเจ็ดอยู่ห่างออกไปไกลสุด หวังเป่าเล่อคาดว่าระยะห่างระหว่างดาวบริวารดวงนี้กับดาวเคราะห์อยู่ห่างกันมากกว่าระยะทางระหว่างสหพันธรัฐกับดวงจันทร์หกเท่า ดาวบริวารดวงนี้ใหญ่กว่าดวงจันทร์ประมาณสองเท่า มีรูปลักษณ์ไม่เหมือนใคร ครึ่งดวงเป็นสีม่วง อีกครึ่งเป็นสีขาว ตรงกึ่งกลางมีหุบเหวที่แบ่งสองฝั่งออกอย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์มากกว่า

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังหรี่ตามองและจมอยู่ในห้วงความคิด ยักษ์เกราะดำก็ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว มุ่งหน้าตรงไปยังเขตดินแดนสีขาวของดาวบริวาร หวังเป่าเล่อเห็นดินแดนชัดเจนมากขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้ เขาเห็นอาคารมากมายตั้งเรียงรายเป็นระเบียบอยู่ในเขตดินแดนสีขาว ดูไม่ต่างจากพลทหารในกองทัพ เหล่าอาคารตั้งเรียงแถวเป็นวงกลม ตรงศูนย์กลางมีรูปปั้นวิหคสีเขียวขนาดใหญ่ตั้งอยู่!

ที่แห่งนี้คือ…กองทัพลำดับสิบของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ กองทหารวิหคน้ำแข็ง!

…………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกาบทที่ 769 กองทหารวิหคน้ำแข็ง

Now you are reading หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา Chapter บทที่ 769 กองทหารวิหคน้ำแข็ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 769 กองทหารวิหคน้ำแข็ง
คนอื่นๆ เอ่ยทำความเคารพจักรพรรดิสำนักเพียงสั้นๆ เมื่อเสียงเคารพนบนอบของพวกเขาจบลง เสียงของหวังเป่าเล่อก็ยังดังก้องไปทั่วทั้งโถง เรียกความสนใจจากทุกคนได้ในทันที

ผู้ฝึกตนหลายพันคนในโถงผงะไป พวกเขาหันไปจ้องหวังเป่าเล่อทันที เหล่าผู้บัญชาการบนแท่นเองก็หันไปมองด้วยเช่นกัน จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็โพล่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าต้องการประจบจักรพรรดิ ถึงกระนั้นก็เป็นอะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมและเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ นอกจากนี้ชายหนุ่มยังใช้ชื่อสำนักมาเล่นคำ รวมถึงอวยพรให้จักรพรรดิบรรลุไปยังระดับดารานิรันดร์อีกด้วย

รายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้ทำให้การเลียแข็งเลียขากลายเป็นศิลปะขึ้นมา ทั้งโถงประชุมตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต้องใช้เวลาสักพัก รวมถึงหันไปเห็นจักรพรรดิ จึงสามารถปัดความตื่นตะลึงในใจออกไปและเรียกสติกลับมาได้ แต่กระนั้นพวกเขาก็ห้ามไม่ได้ที่ความคิดมากมายจะผุดขึ้นในหัวราวกับเป็นพายุถล่มดินแดน

ฉลาดจริง!

เจ้านี่เป็นใครกัน ช่างหน้าด้านเลียขาจักรพรรดิกันโต้งๆ ต่อหน้าคนมากมาย ต้องเป็นคนบ้าโดยกำเนิดแน่!

ช่างเป็นการเลียขาอย่างหน้าไม่อาย เจ้านี่ไม่น่าจะมีความละอายอะไรเลย…เอาจริงๆ ยิ่งเจอคนหน้าด้านมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องระวังเขาให้มากเท่านั้น!

ฝูงชนด้านล่างไม่ได้คิดเช่นนั้นเพียงฝ่ายเดียว ผู้บัญชาการทั้งสิบที่ยืนอยู่บนแท่นเองก็ทำหน้าตาแปลกประหลาดเช่นกัน หวังเป่าเล่อเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร เขาดูสงบนิ่งขณะเอียงตัวไปทางตั้วโหย่วจื่อที่กำลังทำท่าเหมือนจะร้องไห้

ตั้วโหย่วจื่อแอบกรีดร้องอยู่ในใจ เขาไม่อยากเป็นจุดสนใจเลยแม้แต่นิด ไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าตนนั่งอยู่ข้างหลงจอมคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดยั้งไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้

ท่ามกลางความเงียบกริบในห้องโถง จักรพรรดิสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ที่นั่งอยู่ชั้นบนสุดของแท่นก็หันไปมองหวังเป่าเล่อครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขึ้น รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับการกระทำเมื่อครู่ของชายหนุ่ม เขาไม่เคยพบหลงหนานจื่อมาก่อน ในใจอยากรู้จักชายคนนี้ให้มากขึ้นซึ่งก็ทำได้ง่ายดาย เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะหาข้อมูลทุกอย่างของทุกคนในโถง

ไม่นานเขาก็พบว่าชายผู้เลียขาตนเองคือใคร เมื่อนึกถึงการต่อสู้ของหลงหนานจื่อกับกองทหารมังกรหยดหมึก ริมฝีปากของจักรพรรดิก็ผุดยิ้มขึ้นบางๆ การยกยอเกินงามของหลงหนานจื่อนั้นได้ผล ถ้าไม่ได้ทำเช่นนั้น จักรพรรดิคงไม่ได้สนใจหลงหนานจื่อเลยแม้แต่น้อย และรางวัลที่ให้ตอบแทนความพยายามก็คงเป็นแค่ของเชิงสัญลักษณ์ที่ให้ผู้บัญชาการกองทหารอันดับหนึ่งช่วยจัดการให้

รางวัลนั้นคงเป็นแค่ของตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว จักรพรรดิที่กำลังเบิกบานใจเลือกที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง จึงส่งข้อความเสียงไปหาเทพธิดาหลิงโยวแห่งกองทหารอันดับสิบ

เทพธิดาหลิงโยวกำลังจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาไม่เป็นมิตรตอนที่ได้รับข้อความเสียงจากจักรพรรดิ นางยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิมเมื่อได้ฟังข้อความเสียง แต่มีแววรำคาญใจผุดขึ้นมาเล็กน้อยในสายตาเย็นชาที่มองไปยังหวังเป่าเล่อ นางไม่สามารถบอกปฏิเสธคำสั่งของจักรพรรดิได้ จึงตอบรับคำกลับไป

เมื่อสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเสร็จ จักรพรรดิสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ก็ละความสนใจจากหวังเป่าเล่อ ก่อนจะผุดยิ้มและเริ่มการประชุม วันสุดท้ายของการประชุมสามัญคือการที่เขามาฟังผู้บัญชาการทั้งสิบรายงานคำขอและปัญหาต่างๆ ที่ถกกันมาตลอดหลายสัปดาห์รวมถึงรายละเอียดงานที่ได้ทำไป

ทุกคนกลับมาจริงจังและตั้งใจฟังการประชุม เหล่าผู้บัญชาการจากสิบกองทหารอันดับต้นเริ่มรายงาน เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หวังเป่าเล่อเลิกทำตัวสบายๆ หันมานั่งหลังตรง ทำหน้าจริงจัง

เทพธิดาหลิงโยวเสร็จสิ้นการรายงานตอนช่วงเย็น ถือเป็นการสิ้นสุดการประชุมสามัญที่กินเวลาถึงหนึ่งเดือน จักรพรรดิกลับออกไป เหล่าผู้บัญชาการจากกองทหารทั้งสิบเอ่ยอำลาและจากไปเช่นกัน เทพธิดาหลิงโยวเป็นคนเดียวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกลับออกไป นางหันมามองทางที่นั่งของหวังเป่าเล่อ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ

“หลงหนานจื่อ ตามข้ามา ข้ามีอะไรจะคุยกับเจ้า”

เสียงฮือฮาดังก้องขึ้นทั่วทั้งโถงหลังจากนางพูดเช่นนั้น สายตาตื่นตะลึงและอิจฉาริษยาพุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อ ทั้งหมดเป็นเพราะชื่อเสียงของเทพธิดาหลิงโยวในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นระดับการฝึกตนหรือความงาม นางก็เป็นที่หนึ่งในหมู่ผู้ฝึกตนหญิงของสำนัก!

นางเป็นคู่ครองในฝันที่ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนล้วนปรารถนา ทั้งตำแหน่งในสำนัก ระดับการฝึกตน และลักษณะนิสัยทำให้นางแทบไม่เคยเปิดบทสนทนากับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ในสำนักก่อน นางทำเหมือนว่าศิษย์คนอื่นๆ ในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์นั้นไม่มีตัวตน แต่ตอนนี้นางกลับเลือกหวังเป่าเล่อ

จึงเป็นเหตุให้ทุกคนหันมาสนใจกันหมดและนึกสงสัยว่าเหตุใดนางจึงเอ่ยทักหวังเป่าเล่อ ตั้วโหย่วจื่อเองก็เบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความอิจฉาคุกรุ่นอยู่ภายใน ทิ้งรสขมขื่นไว้ในปากขณะมองดูหวังเป่าเล่อก้าวออกไปอย่างตื่นเต้นและวิ่งตามเทพธิดาหลิงโยวไป

ไอ้พวกเลียแข้ง! ตั้วโหย่วจื่อก่นด่าในใจขณะมองหวังเป่าเล่อวิ่งตามไปอยู่ข้างๆ เทพธิดาหลิงโยว นางสะบัดแขนชุดคลุมพาชายหนุ่มทะยานหายไป ภายในใจของตั้วโหย่วจื่อคุกรุ่นไปด้วยความริษยา และเขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น ผู้ฝึกตนทุกคนเริ่มทยอยออกจากโถงไป

ขณะที่ฝูงชนกำลังแยกย้ายออกจากที่ประชุม เทพธิดาหลิงโยวก็กำลังทะยานนำหน้าหวังเป่าเล่ออยู่บนท้องนภาเหนือสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ด้วยสีหน้าเย็นชา นางไม่ได้พูดอะไรตลอดการเดินทาง หวังเป่าเล่อตระหนักว่านางพยายามแสดงอำนาจบารมี เขาไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงสั่งให้ตามมา แต่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับรางวัลที่ตนจะได้รับ

ทั้งหมดบอกได้จากทัศนคติไม่เป็นมิตรของนาง คนอื่นอาจจะมองไม่ออกในทันที แต่หวังเป่าเล่อไม่ใช่คนทั่วไป เขามีตำแหน่งสูงในสหพันธรัฐและได้ทำเช่นนี้กับคนมามากมายจึงรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร

หรือว่าจักรพรรดิผู้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์จะไม่ได้ให้แค่ตำแหน่งศิษย์สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์กับข้า แต่ยังแต่งตั้งข้าให้ไปประจำการในกองทหารอันดับสิบซึ่งเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของสำนัก หวังเป่าเล่อคิด รู้สึกแปลกใจปนยินดี ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงก็หมายความว่าเขาเริ่มต้นได้ดีมาก

ขณะที่หวังเป่าเล่อมัวแต่จมอยู่ในห้วงความคิด พวกเขาก็เดินทางไปยังจุดหมายโดยไม่มีอะไรติดขัด เทพธิดาหลิงโยวคิดว่าตนวางท่าไม่เป็นมิตรกับอีกฝ่ายมานานพอแล้วจึงเอ่ยพูดขึ้น ถึงกระนั้นน้ำเสียงของนางก็ยังฟังดูเย็นชา วาจาแข็งกระด้าง นี่อาจเป็นลักษณะนิสัยของนางเองก็เป็นได้

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นสมาชิกกองทหารวิหคน้ำแข็ง!” พูดจบ เทพธิดาหลิงโยวก็ก้าวผ่านหายเข้าไปในประตูทางเข้าของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์

ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบขณะรีบตามนางไป วิสัยทัศน์ของเขาพร่ามัวไปชั่วขณะตอนที่เข้ามา พอทุกอย่างกลับมาแจ่มชัดอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้ตนมาถึงสถานที่อีกแห่งบนยอดเขาแฝด

ชายหนุ่มอยู่บนทะเลทรายกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด ยอดเขาแฝดตั้งสูงตระหง่านอยู่กลางทะเลทราย เหมือนดังปลายกระบี่แหลมคมที่ชี้ขึ้นฟ้า เป็นภาพสุดตระการตายิ่งนัก เทพธิดาหลิงโยวอยู่ไกลออกไป ชุดเกราะสีดำของหญิงสาวเปล่งประกายเมื่ออยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ร้อนระอุ พลังล้นเหลือพลันพวยพุ่งออกมาจากร่างของนาง หวังเป่าเล่อมองฟ้าที่เปลี่ยนสีเพราะพลังที่ปล่อยออกมากะทันหัน และเห็นชุดเกราะของนางแปรเปลี่ยนเป็นยักษ์สูงสามพันเมตร!

ยักษ์ตนนั้นแผ่พลังทรงอำนาจออกมา การปรากฏกายอย่างฉับพลันของมันได้สร้างพายุทรายขึ้น ตอนนั้นเอง ทะเลทรายก็ราวกับว่าได้กลายเป็นท้องทะเลปั่นป่วน คลื่นทรายพัดโหมไปมา สาดเม็ดทรายกระเซ็นไปทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาทันตอบโต้เมื่อเกราะสีดำเอื้อมเข้ามาคว้าตัวเขา

ความตื่นกลัวฉายชัดบนใบหน้าของชายหนุ่ม แม้ในใจจะส่งสัญญาณบอกให้ถอยหนี แต่เขาก็พยายามข่มความรู้สึกนั้นลง หวังเป่าเล่อหรี่ตา ปล่อยให้มือเอื้อมมาคว้าตนเอง เสียงเย็นเยียบของเทพธิดาหลิงโยวดังขึ้นในหู

“เจ้าไม่ตอบโต้กลับอย่างนั้นหรือ เหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โง่เท่าไหร่นี่ ฐานทัพหลักของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อยู่บนดาวบริวารดวงที่เจ็ดของดาวเคราะห์นี้!”

ระหว่างที่นางอธิบาย ยักษ์เกราะดำก็เปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับ เท้าของมันลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะพุ่งตรงขึ้นฟ้า วิ่งผ่านชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ไปในทันที มันวิ่งไปไม่หยุด ก่อนเท้าจะเหยียบลงบนดาวบริวารดวงหนึ่งในหมู่ดาวบริวารรอบดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ เป็นดาวบริวารที่อยู่ห่างจากดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ที่สุด ดาวบริวารลำดับเจ็ดนั่นเอง!

ดาวบริวารทั้งเจ็ดดวงโคจรรอบดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ ดาวบริวารลำดับเจ็ดอยู่ห่างออกไปไกลสุด หวังเป่าเล่อคาดว่าระยะห่างระหว่างดาวบริวารดวงนี้กับดาวเคราะห์อยู่ห่างกันมากกว่าระยะทางระหว่างสหพันธรัฐกับดวงจันทร์หกเท่า ดาวบริวารดวงนี้ใหญ่กว่าดวงจันทร์ประมาณสองเท่า มีรูปลักษณ์ไม่เหมือนใคร ครึ่งดวงเป็นสีม่วง อีกครึ่งเป็นสีขาว ตรงกึ่งกลางมีหุบเหวที่แบ่งสองฝั่งออกอย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์มากกว่า

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังหรี่ตามองและจมอยู่ในห้วงความคิด ยักษ์เกราะดำก็ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว มุ่งหน้าตรงไปยังเขตดินแดนสีขาวของดาวบริวาร หวังเป่าเล่อเห็นดินแดนชัดเจนมากขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้ เขาเห็นอาคารมากมายตั้งเรียงรายเป็นระเบียบอยู่ในเขตดินแดนสีขาว ดูไม่ต่างจากพลทหารในกองทัพ เหล่าอาคารตั้งเรียงแถวเป็นวงกลม ตรงศูนย์กลางมีรูปปั้นวิหคสีเขียวขนาดใหญ่ตั้งอยู่!

ที่แห่งนี้คือ…กองทัพลำดับสิบของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ กองทหารวิหคน้ำแข็ง!

…………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+