อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด 71 ใครกล้าบอกว่าไม่รับกัน + 72 ไม่จำเป็นต้องผัดวันประกันพรุ่ง

Now you are reading อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด Chapter 71 ใครกล้าบอกว่าไม่รับกัน + 72 ไม่จำเป็นต้องผัดวันประกันพรุ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 71 ใครกล้าบอกว่าไม่รับกัน ที่ห้องสำนักงานใหญ่ของผู้อำนวยการ อันโหรวกำลังเดินวนไปมาที่หน้าประตูด้วยความไม่สบายใจเป็นเวลากว่าสิบนาที โดยเหลือบมองไปที่สำนักงานใหญ่ของประตู ที่ยามนี้ถูกปิดอยู่ชั่วคราว เธอไม่รู้เลยว่าข้อสอบที่ใช้รับเข้านั้นเป็นแบบไหนกันแน่ เธอไม่ได้กังวลเรื่องลูกชายตัวน้อยแต่อย่างใด หยางหยางของเธอนั้นอ่านออกเขียนหนังสือได้ตั้งแต่เด็ก เป็นพวกรักการเรียน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความรอบรู้ที่หลากหลาย ซึ่งที่เธอห่วงอยู่นั้นเป็นหน่วนหน่วนเสียมากกว่า นับตั้งแต่ยังเด็กลูกสาวตัวน้อยที่ชอบเอาแต่ใจเล็กน้อย แน่นอนว่าย่อมฉลาดในด้านอื่น แต่ในด้านการเรียนเธอกลับไม่ชอบเท่าไหร่นัก เมื่อถึงเวลาเรียนเข้าจริงๆ ก็กลับออดอ้อนจนเธอต้องใจอ่อนไป ภายในห้อง อันหยางและอันหน่วนกำลังทำข้อสอบอยู่ ผอ.ห่าวบอกกับพวกเขาไปว่า ถ้าหากสอบข้อเขียนผ่าน ก็รอสอบสัมภาษณ์เสร็จก็จะสามารถเข้าโรงเรียนได้เลย ห่าวเหล่ยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน และเฝ้ามองดูเด็กทั้งสองที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำคำถามอย่างจริงจัง ข้อสอบพวกนี้แน่นอนเธอเป็นคนตั้งคำถาม ด้านหน้าเป็นข้อสอบที่เกี่ยวข้องในด้านวิชาการ ส่วนใหญ่ข้อหลังๆมักจะยากมากขึ้น แน่นอนว่าเป็นคำถามเกี่ยวกับคณิตศาสตร์โอลิมปิก ที่แม้แต่เด็กธรรมดายังไม่อาจทำได้ อันหยางเขียนแบบทดสอบอย่างระมัดระวัง คำถามพวกนี้สำหรับเขานั้นไม่ยากเท่าไหร่ แต่พอเจอปัญหาพวกคณิตศาสตร์โอลิมปิก ก็ทำเขาขมวดคิ้วโดยทันที ก่อนจะครุ่นคิดเล็กน้อยและลงมือเขียดเขียน เขารู้สึกสนใจเรียนด้านพวกนี้มาโดยตลอดอยู่แล้ว ถึงขนาดเคยร้องขออันโหรวอยู่หลายครั้งให้ซื้อหนังสือโอลิมปิกมาเยอะๆ ดังนั้นคำถามพวกนี้ไม่ยากสำหรับเขาเท่าไหร่นัก แต่อันหน่วนนั้นกลับแตกต่างกันออกไป เธอเบ้ปาก และทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มือเล็กๆน้อยๆของเธอนั้นจับดินสอไว้แน่น เธอไม่อาจเขียนออกมาได้สักคำ “พี่จ๋า พี่จ๋า……” อันหน่วนหมอบฟุ่บไปที่โต๊ะ ปากน้อยๆของเธอกระซิบเรียกอันหยาง ก่อนที่จะสองมือของเธอจะบิดดินสอในมืออย่างกระวนกระวาย กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอ่ยร้องขอความช่วยเหลือ อันหยางรู้ดีว่าน้องสาวของเขานั้นทำไม่ได้แน่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ ไม่นานตัวเองนั้นก็แอบยกมุมกระดาษข้อสอบขึ้นมา เพื่อให้อันหน่วนได้อ่านมัน ทั้งหมดนี้กลับอยู่ในสายตาของห่าวเหล่ย เธอใช้นิ้วแตะเดสก์ท็อปหน้าคอมเบาๆ และเอ่ยออกไปว่า “การสอบจบลงแล้ว ขอให้วางดินสอปากกาและกระดาษลงบนหน้าบนโต๊ะด้วย ห้ามขีดเขียนต่อไป” อันหน่วนยังไม่ทันได้ลอก ก็ต้องวางปากกาดินสอลง สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ก่อนจะโยนมันออกทิ้งไป อันโหรวที่กำลังยืนอยู่นอกประตูด้วยท่าทีที่กระวนกระวาย เมื่อเห็นว่าเด็กๆต่างก็ออกมากันแล้ว ภายในใจของเธอนั้นก็คลายความตื่นเต้นออก เธอนั่งยองๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างร้อนใจ : “หยางหยาง หน่วนหน่วน ข้อสอบเป็นยังไงยากรึเปล่า?” อันหยางส่ายหัวไม่พูดขึ้น แต่แค่มองไปที่น้องสาวของตน “แม่จ๋า หนู…หนูโง่มากเลย คำถามพวกนี้ก็เขียนไม่ได้” อันหน่วนเริ่มอึดอัดจนทนไม่ไหว ก่อนที่มือน้อยๆของเธอก็ไม่อาจซับน้ำตาได้เลย อันโหรวรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะคิดปลอบประโลมลูกสาวของตน ห่าวเหล่ยก็ออกมาด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “ผู้ปกครองตามฉันมาด้วยค่ะ” “ได้ค่ะ” อันโหรวพยักหน้าตอบรับ และขอให้หยางหยางดูแลหน่วนหน่วน ก่อนที่เธอจะเข้าไป ประตูห้องสำนักงานปิดลง ห่าวเหล่ยถือเอกสารทดสอบที่ได้รับการตรวจไว้สองฉบับที่อยู่ในมือของเธอ ก่อนจะส่งให้อันโหรว: “ลูกชายของคุณเรียกได้ว่ามีผลคะแนนที่ดีมากนัก ด้วยความสามารถของเขาเรื่องการเรียนอนาคตของเขานั้นคงไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน แต่ว่าลูกสาวของคุณนั้นอยู่ในระดับปานกลางทั้งยังขี้โกง ไม่ทำตามมาตรฐานการรับเข้าของโรงเรียนอีก เพราะงั้นแล้ว…ฉันจะขอรับแค่ลูกชายของคุณเข้าเรียนนะคะ” อันโหรวก็คิดถึงผลลัพธ์นี้ไว้นานแล้ว แต่ว่ามีเรื่องนึงที่เธอรู้สึกทนไม่ได้…… “หน่วนหน่วนไม่น่าใช่คนขี้โกงนะคะ!” ห่าวเหล่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหยิบวิดีโอที่บันทึกเอาไว้ให้อันโหรวดู “ดูสิลูกของคุณ เด็กนิสัยไม่ดีแบบนี้ พวกเราก็คงไม่อาจรับไว้ได้นะคะ” “นี่คุณหมายความว่ายังไง?” อันโหรวพลันสีหน้าเปลี่ยนโดยทันที คำพูดของห่าวเหล่ยนั้นราวกับแทงทิ่มไปที่กลางใจ มันทำให้เธอนั้นรู้สึกไม่สบายใจ น้ำเสียงของเธอกลับเปลี่ยนไปและดูรุนแรงมากขึ้น ห่าวเหล่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แน่นิ่ง ก่อนจะพูดอีกครั้งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉันคิดว่าฉันพูดไปแล้วน่าจะเข้าใจแล้วนะคะ ลูกสาวของคุณเป็นคนขี้โกง เป็นเด็กที่ไม่ซื่อสัตย์ เราจะไม่ขอรับเด็กคนนี้ค่ะ” ทันทีที่เธอเอ่ยจบ ประตูห้องสำนักงานก็ถูกเปิดออกขึ้น ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้าประตูไปและอุ้มอันหน่วน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปว่า “ฉันยังไม่ทันพูดอะไรเลย ใครกล้าบอกว่าไม่รับกัน?” …….. ตอนที่ 72 ไม่จำเป็นต้องผัดวันประกันพรุ่ง เมื่อห่าวเหล่ยเห็นคนที่เข้ามา สีหน้าของห่าวเหล่ยก็เปลี่ยนไปโดยทันที ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด ก่อนจะก้าวเดินไปที่ข้างหน้าและทักทายเขาอย่ามนอบน้อม “ท่านประธานถัง ทำไมท่านถึงได้ว่างมาได้ล่ะคะ?” ถัวซั่วในชุดสูทลำลองสีเทาเงิน ริมฝีปากบางๆสีแดงเข้มของเขาเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย ขณะนี้เขากำลังกอดหน่วนหน่วนและดูคลอเคลียเป็นอย่างมาก เมื่ออันโหรวเห็นว่าเป็นถังซั่ว เธอก็รู้สึกสับสนโดยทันที ก่อนจะหันไปอีกทาง และหยิบแว่นกันแดดขึ้นมา และมองไปยังดวงตาของลูกชาย ด้วยท่าทีที่กระวนกระวายมากนัก ด้วยสายตาของถัวซั่วที่มองไปยังห่าวเหล่ย ไม่นานก็ละสายตา มองตรงไปยังอันโหรว ภายในใจของเขานั้นรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคนนี้มากขึ้น เขามั่นใจได้หลายส่วน ว่าตอนที่ผู้หญิงคนนี้เห็นเขาแล้ว ทำไมถึงต้องรีบร้อนใส่แว่นกันแดดด้วย? “แม่จ๋า หนูไปโรงเรียนเดียวกับพี่ชายไม่ได้เหรอค่ะ” เสียงอันหน่วนดูเศร้าสร้อย ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ หน้าตาดูน่าสงสารมากนัก เธอขี้โกง และเธอไม่ใช่เด็กซื่อสัตย์ คงไม่มีโรงเรียนอนุบาลไหนจะรับเธออีก อันโหรวยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ แต่เมื่อก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว เพื่อที่ต้องอุ้มลูกสาวออกจากอ้อมแขนของถังซั่ว ถังซั่วก็เล่นหันหลังให้โดยไม่มีท่าทีคืนเด็กน้อยแต่อย่างใด “คุณค่ะ ช่วยคืนลูกสาวให้ฉันด้วยค่ะ” อันโหรวยืนตัวตรงสีหน้าและแววตาของเธอพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาโดยทันที โอวหยางลี่ขโมยโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้ถังซั่วยังมาขโมยลูกสาว ครั้งต่อไปคุณชายคนไหนจะมาเอาของๆเธอไปอีกกัน? ถังซั่วมองไปที่อันโหรว ก่อนจะหันมามองที่อันหน่วน เลิกคิ้วขึ้นและถามไปว่า “เธอคนนี้เป็นแม่ของหนูเหรอ?” อันหน่วนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และยืนมือไปหาอันหน่วน ก่อนจะทำท่าเบาๆไปว่า “แม่จ๋า กอดกอด” อันโหรวรู้สึกทุกข์ใจมาก ก่อนจะยืนมือออกไปที่ลูกสาว และพาลูกชายของเธอไปไว้ที่ด้านหลัง และเงยหน้ามองขึ้น เพื่อคุยกับถังซั่ว “คุณมีปัญหาอะไรไม่ทราบเหรอค่ะ” เธอต้องการจากไปโดยเร็ว เพราะถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พบถังซั่วมาหลายปี เขาเองก็ไม่น่าจะรู้จักเธอด้วย แต่เวลาผ่านไปหลายปีเช่นนี้ก็ไม่อาจรับรองการรู้ตัวตนของเธอได้ ถังซั่วไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้คิดอยากจะไปโดยทันทีที่เห็นเขากันแน่ เป็นไปได้รึเปล่าที่เสน่ห์ของเขาจะลดลง เธอกำลังก้าวไปข้างหน้า ก่อนที่จะเปิดประตู ไม่ช้าก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง “ลูกๆของคุณ ฉันสามารถช่วยให้เข้าเรียนได้นะ” ถังซั่วเล่นไฟแช็กไปมา ก่อนที่ดวงตาสีพีชของเขาจะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและเหลือบมองไปยังห่าวเหล่ยที่อยู่ข้างๆและยิ้มพูดขึ้นมาว่า “ผอ.ห่าว คุณว่าผมมีสิทธิ์ในสิ่งนี้ใช่ไหม” ถังซั่วเป็นประธานผู้ที่ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลสายรุ้ง แน่นอนว่าเขาย่อมมีสิทธิ์นี้ ห่าวเหล่ยก้าวไปข้างหน้าด้วยอาการสั่น ก่อนจะพยักหน้าและเห็นด้วย “ประธานถังแน่นอนว่าย่อมมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกสรรบุคลากรที่สามารถเข้าเรียนได้ คุณพูดอะไรก็ย่อมทำได้หมด” ในความคิดของอันโหรว ในที่สุดเธอก็เข้าใจได้ว่า ตระกูลถังเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่ที่เรียกได้ว่าครอบครองแทบทุกสิ่ง แม้กระทั้งวงการบันเทิงก็ยึดหลักการบริหารการลงทุนในรูปแบบกว้างขวาง แจกจ่ายไปสู่ตระกูลเล็กและตระกูลน้อย เฉกเช่นเดียวกับโรงเรียนอนุบาล นี่ก็คงเป็นส่วนหนึ่งของสกุลถังแน่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้หยางหยางกับหน่วนหน่วนหาโรงเรียนอนุบาลที่ดีที่สุดได้ ถึงแม้ว่าอันโหรวจะไม่ค่อยชอบตัวผู้อำนวยการเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เธอคงทำได้แค่ฝากเด็กทั้งสองคนไว้ในโรงเรียนอนุบาลเป็นการชั่วคราวเท่านั้น สุดท้าย อันโหรวก็ประนีประนอมและพยักหน้าไป “”ตอนนี้ฉันคงต้องขอให้ลูกๆเข้าโรงเรียนแล้วล่ะค่ะ ถังซั่วเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ดวงตาสีพีชของเขาก็เหลือบมองไปที่อันหยางด้านหลังของอันโหรวโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรยิ่งมองเขามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งคล้ายจิ่งเป่ยเฉินมากขึ้นเท่านั้น นับตั้งแต่ที่เข้ามายังห้องสำนักงาน ในใจของเขาก็รู้สึกแปลกมากนัก เพียงเพราะเจอสายตาเช่นนี้ มันดูเหมือนจิ่งเป่ยเฉินในร่างตัวน้อยมากจริงๆ อันโหรวเสร็จสิ้นขั้นตอนการลงทะเบียน หินก้อนใหญ่ในใจของเธอตอนนี้เรียกได้ว่าจางหายไปแล้ว เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเมื่อหันกลับไปก็เห็นถังซั่วจ้องมองไปที่อันหยาง เธอตกใจมากขึ้นทันที ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปบังตัวลูกชาย และเผยสีหน้าที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย “คุณชาย วันนี้ขอบคุณมากนะคะ ครอบครัวของฉันตอนนี้มีธุระต้องรีบทำ ดังนั้นคงต้องขอตัวก่อน ไว้วันหลังจะเชิญคุณไปทานข้าวเย็นนะคะ ขอบคุณค่ะ” “ผัดวันประกันพรุ่งก็ใช่ว่าจะดี ผมว่าถ้าจะขอบคุณละก็ เป็นวันนี้เลยจะดีกว่า” แววตาสีพีชของถังซั่วหรี่ลงเล็กน้อย ตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจ อันโหรวพูดอะไรไม่ออกจนเธอปิดปากเงียบ คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดนี้จะถูกเอ่ยออกมาได้ หากคิดจะหนีก็คงหนีไม่พ้นแล้วแน่ๆ “แม่จ๋า เราพาคุณลุงไปทานเคเอฟซีไหมค่ะ” อันหน่วนยื่นมือเล็กๆออกมาดึงเสื้อของอันโหรวและพูดขึ้น เธอสามารถเข้าเรียนได้ นี่เป็นเพราะคุณลุงช่วยรับรอง แน่นอนต้องให้แม่จ๋าขอบคุณคุณลุงมากๆ

ตอนที่ 71 ใครกล้าบอกว่าไม่รับกัน

ที่ห้องสำนักงานใหญ่ของผู้อำนวยการ

อันโหรวกำลังเดินวนไปมาที่หน้าประตูด้วยความไม่สบายใจเป็นเวลากว่าสิบนาที โดยเหลือบมองไปที่สำนักงานใหญ่ของประตู ที่ยามนี้ถูกปิดอยู่ชั่วคราว

เธอไม่รู้เลยว่าข้อสอบที่ใช้รับเข้านั้นเป็นแบบไหนกันแน่ เธอไม่ได้กังวลเรื่องลูกชายตัวน้อยแต่อย่างใด หยางหยางของเธอนั้นอ่านออกเขียนหนังสือได้ตั้งแต่เด็ก เป็นพวกรักการเรียน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความรอบรู้ที่หลากหลาย ซึ่งที่เธอห่วงอยู่นั้นเป็นหน่วนหน่วนเสียมากกว่า

นับตั้งแต่ยังเด็กลูกสาวตัวน้อยที่ชอบเอาแต่ใจเล็กน้อย แน่นอนว่าย่อมฉลาดในด้านอื่น แต่ในด้านการเรียนเธอกลับไม่ชอบเท่าไหร่นัก เมื่อถึงเวลาเรียนเข้าจริงๆ ก็กลับออดอ้อนจนเธอต้องใจอ่อนไป

ภายในห้อง อันหยางและอันหน่วนกำลังทำข้อสอบอยู่ ผอ.ห่าวบอกกับพวกเขาไปว่า ถ้าหากสอบข้อเขียนผ่าน ก็รอสอบสัมภาษณ์เสร็จก็จะสามารถเข้าโรงเรียนได้เลย

ห่าวเหล่ยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน และเฝ้ามองดูเด็กทั้งสองที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำคำถามอย่างจริงจัง ข้อสอบพวกนี้แน่นอนเธอเป็นคนตั้งคำถาม ด้านหน้าเป็นข้อสอบที่เกี่ยวข้องในด้านวิชาการ ส่วนใหญ่ข้อหลังๆมักจะยากมากขึ้น แน่นอนว่าเป็นคำถามเกี่ยวกับคณิตศาสตร์โอลิมปิก ที่แม้แต่เด็กธรรมดายังไม่อาจทำได้

อันหยางเขียนแบบทดสอบอย่างระมัดระวัง คำถามพวกนี้สำหรับเขานั้นไม่ยากเท่าไหร่ แต่พอเจอปัญหาพวกคณิตศาสตร์โอลิมปิก ก็ทำเขาขมวดคิ้วโดยทันที ก่อนจะครุ่นคิดเล็กน้อยและลงมือเขียดเขียน

เขารู้สึกสนใจเรียนด้านพวกนี้มาโดยตลอดอยู่แล้ว ถึงขนาดเคยร้องขออันโหรวอยู่หลายครั้งให้ซื้อหนังสือโอลิมปิกมาเยอะๆ ดังนั้นคำถามพวกนี้ไม่ยากสำหรับเขาเท่าไหร่นัก

แต่อันหน่วนนั้นกลับแตกต่างกันออกไป เธอเบ้ปาก และทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มือเล็กๆน้อยๆของเธอนั้นจับดินสอไว้แน่น เธอไม่อาจเขียนออกมาได้สักคำ

“พี่จ๋า พี่จ๋า……” อันหน่วนหมอบฟุ่บไปที่โต๊ะ ปากน้อยๆของเธอกระซิบเรียกอันหยาง ก่อนที่จะสองมือของเธอจะบิดดินสอในมืออย่างกระวนกระวาย กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอ่ยร้องขอความช่วยเหลือ

อันหยางรู้ดีว่าน้องสาวของเขานั้นทำไม่ได้แน่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ ไม่นานตัวเองนั้นก็แอบยกมุมกระดาษข้อสอบขึ้นมา เพื่อให้อันหน่วนได้อ่านมัน

ทั้งหมดนี้กลับอยู่ในสายตาของห่าวเหล่ย เธอใช้นิ้วแตะเดสก์ท็อปหน้าคอมเบาๆ และเอ่ยออกไปว่า “การสอบจบลงแล้ว ขอให้วางดินสอปากกาและกระดาษลงบนหน้าบนโต๊ะด้วย ห้ามขีดเขียนต่อไป”

อันหน่วนยังไม่ทันได้ลอก ก็ต้องวางปากกาดินสอลง สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ก่อนจะโยนมันออกทิ้งไป

อันโหรวที่กำลังยืนอยู่นอกประตูด้วยท่าทีที่กระวนกระวาย เมื่อเห็นว่าเด็กๆต่างก็ออกมากันแล้ว ภายในใจของเธอนั้นก็คลายความตื่นเต้นออก

เธอนั่งยองๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างร้อนใจ : “หยางหยาง หน่วนหน่วน ข้อสอบเป็นยังไงยากรึเปล่า?”

อันหยางส่ายหัวไม่พูดขึ้น แต่แค่มองไปที่น้องสาวของตน

“แม่จ๋า หนู…หนูโง่มากเลย คำถามพวกนี้ก็เขียนไม่ได้” อันหน่วนเริ่มอึดอัดจนทนไม่ไหว ก่อนที่มือน้อยๆของเธอก็ไม่อาจซับน้ำตาได้เลย

อันโหรวรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะคิดปลอบประโลมลูกสาวของตน ห่าวเหล่ยก็ออกมาด้วยท่าทีจริงจัง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “ผู้ปกครองตามฉันมาด้วยค่ะ”

“ได้ค่ะ” อันโหรวพยักหน้าตอบรับ และขอให้หยางหยางดูแลหน่วนหน่วน ก่อนที่เธอจะเข้าไป

ประตูห้องสำนักงานปิดลง ห่าวเหล่ยถือเอกสารทดสอบที่ได้รับการตรวจไว้สองฉบับที่อยู่ในมือของเธอ ก่อนจะส่งให้อันโหรว: “ลูกชายของคุณเรียกได้ว่ามีผลคะแนนที่ดีมากนัก ด้วยความสามารถของเขาเรื่องการเรียนอนาคตของเขานั้นคงไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน แต่ว่าลูกสาวของคุณนั้นอยู่ในระดับปานกลางทั้งยังขี้โกง ไม่ทำตามมาตรฐานการรับเข้าของโรงเรียนอีก เพราะงั้นแล้ว…ฉันจะขอรับแค่ลูกชายของคุณเข้าเรียนนะคะ”

อันโหรวก็คิดถึงผลลัพธ์นี้ไว้นานแล้ว แต่ว่ามีเรื่องนึงที่เธอรู้สึกทนไม่ได้……

“หน่วนหน่วนไม่น่าใช่คนขี้โกงนะคะ!”

ห่าวเหล่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหยิบวิดีโอที่บันทึกเอาไว้ให้อันโหรวดู “ดูสิลูกของคุณ เด็กนิสัยไม่ดีแบบนี้ พวกเราก็คงไม่อาจรับไว้ได้นะคะ”

“นี่คุณหมายความว่ายังไง?” อันโหรวพลันสีหน้าเปลี่ยนโดยทันที

คำพูดของห่าวเหล่ยนั้นราวกับแทงทิ่มไปที่กลางใจ มันทำให้เธอนั้นรู้สึกไม่สบายใจ น้ำเสียงของเธอกลับเปลี่ยนไปและดูรุนแรงมากขึ้น

ห่าวเหล่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แน่นิ่ง ก่อนจะพูดอีกครั้งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉันคิดว่าฉันพูดไปแล้วน่าจะเข้าใจแล้วนะคะ ลูกสาวของคุณเป็นคนขี้โกง เป็นเด็กที่ไม่ซื่อสัตย์ เราจะไม่ขอรับเด็กคนนี้ค่ะ”

ทันทีที่เธอเอ่ยจบ ประตูห้องสำนักงานก็ถูกเปิดออกขึ้น ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้าประตูไปและอุ้มอันหน่วน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปว่า “ฉันยังไม่ทันพูดอะไรเลย ใครกล้าบอกว่าไม่รับกัน?”

……..

ตอนที่ 72 ไม่จำเป็นต้องผัดวันประกันพรุ่ง

เมื่อห่าวเหล่ยเห็นคนที่เข้ามา สีหน้าของห่าวเหล่ยก็เปลี่ยนไปโดยทันที ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด ก่อนจะก้าวเดินไปที่ข้างหน้าและทักทายเขาอย่ามนอบน้อม “ท่านประธานถัง ทำไมท่านถึงได้ว่างมาได้ล่ะคะ?”

ถัวซั่วในชุดสูทลำลองสีเทาเงิน ริมฝีปากบางๆสีแดงเข้มของเขาเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย ขณะนี้เขากำลังกอดหน่วนหน่วนและดูคลอเคลียเป็นอย่างมาก

เมื่ออันโหรวเห็นว่าเป็นถังซั่ว เธอก็รู้สึกสับสนโดยทันที ก่อนจะหันไปอีกทาง และหยิบแว่นกันแดดขึ้นมา และมองไปยังดวงตาของลูกชาย ด้วยท่าทีที่กระวนกระวายมากนัก

ด้วยสายตาของถัวซั่วที่มองไปยังห่าวเหล่ย ไม่นานก็ละสายตา มองตรงไปยังอันโหรว ภายในใจของเขานั้นรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคนนี้มากขึ้น

เขามั่นใจได้หลายส่วน ว่าตอนที่ผู้หญิงคนนี้เห็นเขาแล้ว ทำไมถึงต้องรีบร้อนใส่แว่นกันแดดด้วย?

“แม่จ๋า หนูไปโรงเรียนเดียวกับพี่ชายไม่ได้เหรอค่ะ” เสียงอันหน่วนดูเศร้าสร้อย ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ หน้าตาดูน่าสงสารมากนัก

เธอขี้โกง และเธอไม่ใช่เด็กซื่อสัตย์ คงไม่มีโรงเรียนอนุบาลไหนจะรับเธออีก

อันโหรวยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ แต่เมื่อก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว เพื่อที่ต้องอุ้มลูกสาวออกจากอ้อมแขนของถังซั่ว ถังซั่วก็เล่นหันหลังให้โดยไม่มีท่าทีคืนเด็กน้อยแต่อย่างใด

“คุณค่ะ ช่วยคืนลูกสาวให้ฉันด้วยค่ะ” อันโหรวยืนตัวตรงสีหน้าและแววตาของเธอพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาโดยทันที

โอวหยางลี่ขโมยโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้ถังซั่วยังมาขโมยลูกสาว ครั้งต่อไปคุณชายคนไหนจะมาเอาของๆเธอไปอีกกัน?

ถังซั่วมองไปที่อันโหรว ก่อนจะหันมามองที่อันหน่วน เลิกคิ้วขึ้นและถามไปว่า “เธอคนนี้เป็นแม่ของหนูเหรอ?”

อันหน่วนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และยืนมือไปหาอันหน่วน ก่อนจะทำท่าเบาๆไปว่า “แม่จ๋า กอดกอด”

อันโหรวรู้สึกทุกข์ใจมาก ก่อนจะยืนมือออกไปที่ลูกสาว และพาลูกชายของเธอไปไว้ที่ด้านหลัง และเงยหน้ามองขึ้น เพื่อคุยกับถังซั่ว “คุณมีปัญหาอะไรไม่ทราบเหรอค่ะ”

เธอต้องการจากไปโดยเร็ว เพราะถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พบถังซั่วมาหลายปี เขาเองก็ไม่น่าจะรู้จักเธอด้วย แต่เวลาผ่านไปหลายปีเช่นนี้ก็ไม่อาจรับรองการรู้ตัวตนของเธอได้

ถังซั่วไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้คิดอยากจะไปโดยทันทีที่เห็นเขากันแน่ เป็นไปได้รึเปล่าที่เสน่ห์ของเขาจะลดลง

เธอกำลังก้าวไปข้างหน้า ก่อนที่จะเปิดประตู ไม่ช้าก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง

“ลูกๆของคุณ ฉันสามารถช่วยให้เข้าเรียนได้นะ” ถังซั่วเล่นไฟแช็กไปมา ก่อนที่ดวงตาสีพีชของเขาจะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและเหลือบมองไปยังห่าวเหล่ยที่อยู่ข้างๆและยิ้มพูดขึ้นมาว่า “ผอ.ห่าว คุณว่าผมมีสิทธิ์ในสิ่งนี้ใช่ไหม”

ถังซั่วเป็นประธานผู้ที่ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลสายรุ้ง แน่นอนว่าเขาย่อมมีสิทธิ์นี้

ห่าวเหล่ยก้าวไปข้างหน้าด้วยอาการสั่น ก่อนจะพยักหน้าและเห็นด้วย “ประธานถังแน่นอนว่าย่อมมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกสรรบุคลากรที่สามารถเข้าเรียนได้ คุณพูดอะไรก็ย่อมทำได้หมด”

ในความคิดของอันโหรว ในที่สุดเธอก็เข้าใจได้ว่า ตระกูลถังเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่ที่เรียกได้ว่าครอบครองแทบทุกสิ่ง แม้กระทั้งวงการบันเทิงก็ยึดหลักการบริหารการลงทุนในรูปแบบกว้างขวาง แจกจ่ายไปสู่ตระกูลเล็กและตระกูลน้อย เฉกเช่นเดียวกับโรงเรียนอนุบาล นี่ก็คงเป็นส่วนหนึ่งของสกุลถังแน่ๆ

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้หยางหยางกับหน่วนหน่วนหาโรงเรียนอนุบาลที่ดีที่สุดได้ ถึงแม้ว่าอันโหรวจะไม่ค่อยชอบตัวผู้อำนวยการเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เธอคงทำได้แค่ฝากเด็กทั้งสองคนไว้ในโรงเรียนอนุบาลเป็นการชั่วคราวเท่านั้น

สุดท้าย อันโหรวก็ประนีประนอมและพยักหน้าไป “”ตอนนี้ฉันคงต้องขอให้ลูกๆเข้าโรงเรียนแล้วล่ะค่ะ

ถังซั่วเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ดวงตาสีพีชของเขาก็เหลือบมองไปที่อันหยางด้านหลังของอันโหรวโดยไม่ได้ตั้งใจ

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรยิ่งมองเขามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งคล้ายจิ่งเป่ยเฉินมากขึ้นเท่านั้น นับตั้งแต่ที่เข้ามายังห้องสำนักงาน ในใจของเขาก็รู้สึกแปลกมากนัก เพียงเพราะเจอสายตาเช่นนี้

มันดูเหมือนจิ่งเป่ยเฉินในร่างตัวน้อยมากจริงๆ

อันโหรวเสร็จสิ้นขั้นตอนการลงทะเบียน หินก้อนใหญ่ในใจของเธอตอนนี้เรียกได้ว่าจางหายไปแล้ว เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเมื่อหันกลับไปก็เห็นถังซั่วจ้องมองไปที่อันหยาง

เธอตกใจมากขึ้นทันที ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปบังตัวลูกชาย และเผยสีหน้าที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย “คุณชาย วันนี้ขอบคุณมากนะคะ ครอบครัวของฉันตอนนี้มีธุระต้องรีบทำ ดังนั้นคงต้องขอตัวก่อน ไว้วันหลังจะเชิญคุณไปทานข้าวเย็นนะคะ ขอบคุณค่ะ”

“ผัดวันประกันพรุ่งก็ใช่ว่าจะดี ผมว่าถ้าจะขอบคุณละก็ เป็นวันนี้เลยจะดีกว่า” แววตาสีพีชของถังซั่วหรี่ลงเล็กน้อย ตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจ

อันโหรวพูดอะไรไม่ออกจนเธอปิดปากเงียบ คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดนี้จะถูกเอ่ยออกมาได้ หากคิดจะหนีก็คงหนีไม่พ้นแล้วแน่ๆ

“แม่จ๋า เราพาคุณลุงไปทานเคเอฟซีไหมค่ะ” อันหน่วนยื่นมือเล็กๆออกมาดึงเสื้อของอันโหรวและพูดขึ้น

เธอสามารถเข้าเรียนได้ นี่เป็นเพราะคุณลุงช่วยรับรอง แน่นอนต้องให้แม่จ๋าขอบคุณคุณลุงมากๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด