ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ 12: 9 คำตอบในใจ

Now you are reading ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ Chapter 12: 9 คำตอบในใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 9 คำตอบในใจ

 

หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม คำพูดว่าครั้งหนึ่งเคยผ่านจุดเดียวกัน เคยต้องทุกข์ทรมานกับคำปฏิเสธบอกรัก ต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น ต้องเปล่าเปลี่ยวแยกทางจากคนที่แอบหลงใหลหลงรัก ไม่อาจรักษาสายสัมพันธ์ดั่งเดิมได้อีกตลอดกาล จะบอกว่าเขาเองก็เคยพานพบประสบการณ์การเดียวกันเหรอ

 

ถึงมันจะดูล้อเล่นหยอกล้อไปตามอารมณ์

 

“…” แต่ณัชชาก็รับรู้ว่าคำพูดอีกฝ่ายมีเค้าโครงเป็นจริงอยู่หลายส่วน อย่างที่เขาว่ากันว่าผีย่อมเห็นผีคนพานพบประการณ์เดียวกันย่อมต้องมีบางสิ่งอย่างที่คล้ายคลึง อะไรบางอย่างที่เหมือนยิ่งกว่าเหมือนเพียงแค่เปรยตามอง

 

ก็จับสัมผัสรู้สึกได้

 

“ล้อเล่นรึเปล่าคะเนี่ย?” ณัชชาดูยังไม่เชื่อคำพูดของชายหนุ่มสวมแว่น

 

“…คิดว่าผมล้อเล่น?”

 

“เปล่าล้อเล่นเลยครับ ไม่มีล้อเล่นแม้แต่น้อย ต่อให้ผมจะมีนิสัยชอบหยอกล้อคนอื่นเขาไปทั่วแต่เรื่องแบบนี้ผมไม่มีทางเอามาเป็นเรื่องตลกแน่นอน ยิ่งกับคนแปลกหน้าแบบคุณแล้วด้วย ผมไม่มีทางล้อเล่นเด็ดขาด” ทราเวียร์กล่าวต่อด้วยรอยยิ้มแฝงไปด้วยอะไรหลายต่อหลายอย่าง “คุณคงไม่คิดว่าผู้ชายอย่างผมจะเป็นผู้ชายประเภทสันดานเสียชอบเอาบาดแผลคนอื่นมาล้อเล่นหรอกนะ”

 

ณัชชาตื่นตระหนกเล็กน้อยพอเจอชายหนุ่มทราเวียร์ตีเข้าตรงจุด

 

“ฉันยังไม่ทันได้กล่าวหาคุณ ทำไมถึงสรุปไปได้ขนาดนั้นกัน” 

 

“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่” ชายหนุ่มยักไหล่

 

“ผมเองก็เคยอยู่จุดเดียวกับคุณ ถึงได้รู้ว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน แน่นอนว่าระหว่างพวกเราทั้งสองคนสถานการณ์ออกจะแตกต่างไปสักหน่อย เนื่องจากตอนผมโดนหักอกไม่ได้มีใครคนอื่นเข้ามาปลอบใจเหมือนกับของคุณ” ทราเวียร์ยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “เอาเข้าจริงผมค่อนข้างอิจฉาคุณไม่น้อยเลยนะครับ” 

 

“…อิจฉา อะไรที่น่าอิจฉาละคะ?” ณัชชาแค่นเสียงไม่พอใจ “ต่อให้มีคนมาปลอบตอนเราล้ม แล้วมันยังไง สุดท้ายปลายทางทุกสิ่งอย่างมันก็ล้มเหลวอยู่ดี แทนที่จะอิจฉาฉันที่ได้คนอื่นมาปลอบประโลมสู้ไปอิจฉาคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ?”

 

“คนที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ คนที่ได้รักกับคนที่รัก ได้แต่งงานกับคนที่ตนเองรัก”

 

“…” ทราเวียร์จ้องมองสอดผสานดวงตาคู่งาม เอาเข้าจริงก็เหมือนกับที่หล่อนบอกเอาไว้ไม่มีผิดแทนที่จะมาอิจฉาคนโดนปลอบประโลมจิตใจ สู่ไปอิจฉาคนที่ประสบผลสำเร็จได้ครองรักร่วมกันไม่ดีกว่าเหรอ

 

รอยยิ้มปรากฎมุมปากหัวเราะเบาบาง

 

“นั้นสินะ ถ้าความรักสมหวัง ได้รักกับคนที่รัก นั่นแหละถึงจะเรียกว่าน่าอิจฉา”

 

“อย่างที่คิดคุณนี่สุดยอดไปเลย”

 

“อะไรละคะที่สุดยอด?”

 

“ดูคุณจะตัดใจจากอีกฝ่ายได้แล้วนิ”

 

“…” ณัชชานิ่งเงียบไม่คิดพูดจา ต่อให้หล่อนเข้าใจนัยยะแอบแฝงทั้งหมดที่ชายหนุ่มสวมแว่นตรงหน้าพูดจา แต่หล่อนก็ไม่รู้สึกยินดียินร้ายหรือว่าต้อนรับคำสรรเสริญ

 

ออกจะเมยเฉยด้วยซ้ำ

 

“สับสน วุ่นวาย หลงทาง โกรธเกลียด รู้สึกไม่เป็นธรรม”

 

“…” ณัชชาหวั่นไหวหรี่ตามองแข็งกร้าว

 

“นั่นคือความรู้สึกหลังจากโดนปฏิเสธรัก” ทราเวียร์พลิกหน้าหนังสืออ่านบทความต่อไป ขณะปากยังคงกล่าวต่อบรรยายความคิดยอดเยี่ยมของตนให้ผู้อื่นรับฟัง เสมือนกับว่าตัวเองเป็นอาจารย์พร้อมสั่งสอนทุกองค์ความรู้ของโลกหล้า

 

ณัชชาหรี่ตาเล็กน้อย

 

“คุณโกรธรึเปล่าคะ ตอนที่โดนปฏิเสธรัก”

 

“โกรธสิครับ”

 

“โกรธ รู้สึกไม่ชอบธรรม รู้สึกอิจฉาริษยา ทุกความรู้สึกด้านลบล้วนถูกขยับขยายจนเกือบทำให้ผมกลายเป็นคนเลวร้าย เกือบใช้วิธีการเลวทรามต่ำช้าบีบบังคับหล่อน ให้หล่อนรักผมคนเดียวด้วยซ้ำ” ทราเวียร์ถอนหายใจไม่ว่าใครก็ตามหากตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับตนหรือว่าคนอกหักคนอื่นก็ต้องมีประสบการณ์ทางอารมณ์เลวร้าย

 

ส่วนมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับรากฐานภายในละนะ

 

“แค่นึกย้อนกลับไปมันก็รู้สึกแย่แล้วละ”

 

“…”

 

“วางใจได้ครับ มันเป็นแค่แนวคิดหลังจากเธอย้ายออกไปเมืองนอก กระทั่งตอนนี้เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเคยคิดใช้วิธีการเลวทรามต่ำช้าทั้งหลายบีบบังคับให้เธอจำยอม” เห็นณัชชาเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยตั้งท่าไม่มีโอนอ่อนให้ แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งน่าแปลกประหลาดสำหรับทราเวียร์ เขาเพียงเผยรอยยิ้มหัวเราะไม่เก็บมาใส่ใจ

 

เกิดเธอปล่อยผ่านให้ นั่นแหละคือสิ่งน่าประหลาดใจ

 

“คุณคิดจะทำจริง ๆ เหรอ?” ดวงตาจับผิดมองจ้อง

 

“บ้าน่า แค่คิดอีกทั้งไม่ใช่แนวคิดตอนนี้ แต่เป็นตอนโดนหักอกโน้น หลังจากอกหักใหม่ ๆ” ยอมรับว่าเคยอยากทำ เคยอยากลอง แต่ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นมันจางหายไปหมดแล้ว “ตอนนี้ผมไม่มีความรู้สึกพวกนั้นแล้วละ ออกจะเป็นเบาสบายมากกว่าที่เธอคนนั้นปฏิเสธคำบอกรักของผม”

 

“เพราะอะไร?”

 

“เพราะแบบนั้นมันดีกว่า ดีกับตัวเธอ ดีกับตัวของผม” รอยยิ้มเหงาหงอยฉายปรากฏบนใบหน้าทราเวียร์ ไม่ว่าเป็นเพราะเหตุผลอันใดหล่อนเหมือนต้องการยื่นมือเข้าไปช่วยปลอบประโลมหัวใจอีกฝ่าย

 

แต่ก็ต้องหยุดหักห้ามใจเอาก่อนพยายายามตัดเข้าประเด็น

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับช่อดอกไม้ในมือฉัน เกี่ยวอะไรกับที่คุณพยายามพูดเรื่องอดีตของคุณด้วย”

 

“…” ทราเวียร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “นี่เป็นคำพูดของผู้หญิงของคนหนึ่งที่เคยพูดเอาไว้กับผม” 

 

“ผู้หญิงที่ผลักดันผมจนมาถึงจุดนี้” ทราเวียร์หวนนึกถึงอิสตรีผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ อิสตรีที่เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่คิดร้องเรียกค่าตอบแทน ยิ่งนึกเท่าไหร่ อารมณ์ความรู้สึกมากมายยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี

 

คำพูดหล่อนเมื่อครั้งหนึ่งเริ่มถูกไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวสมองก่อนพูดให้ณัชชาได้รับฟัง

 

“ช่อดอกไม้ที่บรรจุความรู้สึกของนายเอาไว้เยอะแยะมากมายกลับต้องมาเสียเปล่า ต้องถูกทิ้งลงในถังขยะโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยซ้ำ น่าเสียดายออก” ใบหน้าสาวงดงามในความทรงจำยิ้มแย้มหัวเราะไม่นำพาต่อสีหน้าโลกแตกของชายหนุ่มสวมแว่นเลยแม้แต่น้อย

 

“แล้วเธอก็ขอช่อดอกไม้ในมือของผมไปหน้าตาเฉยเลย”

 

“…”

 

“เป็นผู้หญิงที่แปลกใช่ไหมครับ?” ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบเห็นหน้า กลับเดินตรงเข้ามาหาพร้อมขอดอกไม้สารภาพหน้าตาเฉย ทั้งยังหยิบยกเหตุผลแปลกประหลาดมาเป็นข้ออ้างไม่ขาดสาย

 

ไม่ว่าจะนึกไปกี่ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มหัวเราะเบาบาง

 

…‘เขายิ้มแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ?’

 

“…”

 

“ค่ะ แล้วจากนั้น” สาวอกหักกล่าวถามไปโดยไม่รู้ตัว

 

“ผมก็ให้ไปแบบมึนงงไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่รู้อะไรไหมไอ้การกระทำที่มึนงงไม่เข้าใจของผมวันนั้น มันทำให้ผมยืนหยัดได้มาถึงวันนี้” ทราเวียร์เว้นช่วงคำพูดไปครู่หนึ่งเฝ้าครุ่นคิดว่าจะพูดไปดีรึเปล่า ซึ่งพอเห็นใบหน้าหล่อนยังคงร่องรอยเศร้าหมองเอาไว้ เจ้าตัวเลยตัดสินใจเข้าช่วยเหลือ

 

แม้ว่าจะช่วยได้เล็กน้อยด้อยปัญญาแต่ก็ยังถือว่าได้ช่วยเหลือ ได้ยื่นมือมอบโอกาสพลิกฟื้นคืนให้

 

“นี่อาจเป็นเพียงความเห็นของผมคนเดียว แต่ถ้าคุณมอบช่อดอกไม้ในมือของคุณให้กับผม ยอมมอบความรู้สึกความรักของคุณทั้งหมดให้กับผม ผมจะหาบ้านหลังใหม่ให้กับเขาแน่นอน”

 

“ให้เขาได้ทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง ไม่ใช่จมปรักอยู่ในถังขยะกลายเป็นเพียงขยะที่ไม่มีใครต้องการ”

 

“…” ณัชชานิ่งเงียบ

 

“หลังจากได้รับฟังเรื่องราวของผมทั้งหมดแล้วคุณยังอยากทิ้งช่อดอกไม้ลงถังขยะหรืออยากมอบมันให้กับผม แน่นอนว่าผมให้ทางเลือกกับคุณไม่ใช่บีบบังคับให้คุณเลือก” ทราเวียร์เลือกหลับตาเขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าหากเล่นบทเดียวกับอิสตรีผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครั้งนั้น ผลมันจะออกมาเป็นแบบไหน จะสามารถช่วยเหลือหญิงสาวได้มอบโอกาสพลิกฟื้นให้กับนาง หรือว่าจะล้มเหลวไม่เป็นท่าย้ำบาดแผลให้ร้าวลึกเข้าไปอีก

 

ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนล้วนน่าตั้งตารอทั้งนั้น

 

“เชิญใช้วันเวลาคิดไตร่ตรองได้เลยครับ ผมรอได้”

 

ณัชชาเหม่อลอยไปชั่วขณะ ตั้งแต่ก้าวเท้าเดินออกจากสถานที่ต้องห้าม สถานที่โดนชายหนุ่มผู้เป็นที่รักปฏิเสธโหดเหี้ยม ดอกไม้ในมือ ดอกไม้ทดแทนความรู้สึกทั้งหมดมันได้แปรเปลี่ยนความหมายของตัวมันเองไปอย่างสิ้นเชิง

 

ไม่ใช่ตัวแทนแห่งความรักในสายตาเธออีกต่อไป

 

มันได้กลายเป็นตัวแทนแห่งความเจ็บปวดต้องการละทิ้งไม่คิดเหลือบมองอีกตลอดกาล

 

…‘แปลกชะมัดเลย’

 

“…” ณัชชายิ้มหัวเราะก่อนกลับมาตั้งสติอีกครั้ง คำตอบหนึ่งในจิตใจถูกหยิบยกมาเรียบร้อยหลงเหลือเพียงตอบกลับไปเท่านั้น ตอบให้ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้แปลกประหลาดได้รับรู้

 

“เหมือนว่าคุณจะมีคำตอบอยู่ในใจ”

 

“ค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ 12: 9 คำตอบในใจ

Now you are reading ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ Chapter 12: 9 คำตอบในใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 9 คำตอบในใจ

 

หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม คำพูดว่าครั้งหนึ่งเคยผ่านจุดเดียวกัน เคยต้องทุกข์ทรมานกับคำปฏิเสธบอกรัก ต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น ต้องเปล่าเปลี่ยวแยกทางจากคนที่แอบหลงใหลหลงรัก ไม่อาจรักษาสายสัมพันธ์ดั่งเดิมได้อีกตลอดกาล จะบอกว่าเขาเองก็เคยพานพบประสบการณ์การเดียวกันเหรอ

 

ถึงมันจะดูล้อเล่นหยอกล้อไปตามอารมณ์

 

“…” แต่ณัชชาก็รับรู้ว่าคำพูดอีกฝ่ายมีเค้าโครงเป็นจริงอยู่หลายส่วน อย่างที่เขาว่ากันว่าผีย่อมเห็นผีคนพานพบประการณ์เดียวกันย่อมต้องมีบางสิ่งอย่างที่คล้ายคลึง อะไรบางอย่างที่เหมือนยิ่งกว่าเหมือนเพียงแค่เปรยตามอง

 

ก็จับสัมผัสรู้สึกได้

 

“ล้อเล่นรึเปล่าคะเนี่ย?” ณัชชาดูยังไม่เชื่อคำพูดของชายหนุ่มสวมแว่น

 

“…คิดว่าผมล้อเล่น?”

 

“เปล่าล้อเล่นเลยครับ ไม่มีล้อเล่นแม้แต่น้อย ต่อให้ผมจะมีนิสัยชอบหยอกล้อคนอื่นเขาไปทั่วแต่เรื่องแบบนี้ผมไม่มีทางเอามาเป็นเรื่องตลกแน่นอน ยิ่งกับคนแปลกหน้าแบบคุณแล้วด้วย ผมไม่มีทางล้อเล่นเด็ดขาด” ทราเวียร์กล่าวต่อด้วยรอยยิ้มแฝงไปด้วยอะไรหลายต่อหลายอย่าง “คุณคงไม่คิดว่าผู้ชายอย่างผมจะเป็นผู้ชายประเภทสันดานเสียชอบเอาบาดแผลคนอื่นมาล้อเล่นหรอกนะ”

 

ณัชชาตื่นตระหนกเล็กน้อยพอเจอชายหนุ่มทราเวียร์ตีเข้าตรงจุด

 

“ฉันยังไม่ทันได้กล่าวหาคุณ ทำไมถึงสรุปไปได้ขนาดนั้นกัน” 

 

“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่” ชายหนุ่มยักไหล่

 

“ผมเองก็เคยอยู่จุดเดียวกับคุณ ถึงได้รู้ว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน แน่นอนว่าระหว่างพวกเราทั้งสองคนสถานการณ์ออกจะแตกต่างไปสักหน่อย เนื่องจากตอนผมโดนหักอกไม่ได้มีใครคนอื่นเข้ามาปลอบใจเหมือนกับของคุณ” ทราเวียร์ยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “เอาเข้าจริงผมค่อนข้างอิจฉาคุณไม่น้อยเลยนะครับ” 

 

“…อิจฉา อะไรที่น่าอิจฉาละคะ?” ณัชชาแค่นเสียงไม่พอใจ “ต่อให้มีคนมาปลอบตอนเราล้ม แล้วมันยังไง สุดท้ายปลายทางทุกสิ่งอย่างมันก็ล้มเหลวอยู่ดี แทนที่จะอิจฉาฉันที่ได้คนอื่นมาปลอบประโลมสู้ไปอิจฉาคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ?”

 

“คนที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ คนที่ได้รักกับคนที่รัก ได้แต่งงานกับคนที่ตนเองรัก”

 

“…” ทราเวียร์จ้องมองสอดผสานดวงตาคู่งาม เอาเข้าจริงก็เหมือนกับที่หล่อนบอกเอาไว้ไม่มีผิดแทนที่จะมาอิจฉาคนโดนปลอบประโลมจิตใจ สู่ไปอิจฉาคนที่ประสบผลสำเร็จได้ครองรักร่วมกันไม่ดีกว่าเหรอ

 

รอยยิ้มปรากฎมุมปากหัวเราะเบาบาง

 

“นั้นสินะ ถ้าความรักสมหวัง ได้รักกับคนที่รัก นั่นแหละถึงจะเรียกว่าน่าอิจฉา”

 

“อย่างที่คิดคุณนี่สุดยอดไปเลย”

 

“อะไรละคะที่สุดยอด?”

 

“ดูคุณจะตัดใจจากอีกฝ่ายได้แล้วนิ”

 

“…” ณัชชานิ่งเงียบไม่คิดพูดจา ต่อให้หล่อนเข้าใจนัยยะแอบแฝงทั้งหมดที่ชายหนุ่มสวมแว่นตรงหน้าพูดจา แต่หล่อนก็ไม่รู้สึกยินดียินร้ายหรือว่าต้อนรับคำสรรเสริญ

 

ออกจะเมยเฉยด้วยซ้ำ

 

“สับสน วุ่นวาย หลงทาง โกรธเกลียด รู้สึกไม่เป็นธรรม”

 

“…” ณัชชาหวั่นไหวหรี่ตามองแข็งกร้าว

 

“นั่นคือความรู้สึกหลังจากโดนปฏิเสธรัก” ทราเวียร์พลิกหน้าหนังสืออ่านบทความต่อไป ขณะปากยังคงกล่าวต่อบรรยายความคิดยอดเยี่ยมของตนให้ผู้อื่นรับฟัง เสมือนกับว่าตัวเองเป็นอาจารย์พร้อมสั่งสอนทุกองค์ความรู้ของโลกหล้า

 

ณัชชาหรี่ตาเล็กน้อย

 

“คุณโกรธรึเปล่าคะ ตอนที่โดนปฏิเสธรัก”

 

“โกรธสิครับ”

 

“โกรธ รู้สึกไม่ชอบธรรม รู้สึกอิจฉาริษยา ทุกความรู้สึกด้านลบล้วนถูกขยับขยายจนเกือบทำให้ผมกลายเป็นคนเลวร้าย เกือบใช้วิธีการเลวทรามต่ำช้าบีบบังคับหล่อน ให้หล่อนรักผมคนเดียวด้วยซ้ำ” ทราเวียร์ถอนหายใจไม่ว่าใครก็ตามหากตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับตนหรือว่าคนอกหักคนอื่นก็ต้องมีประสบการณ์ทางอารมณ์เลวร้าย

 

ส่วนมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับรากฐานภายในละนะ

 

“แค่นึกย้อนกลับไปมันก็รู้สึกแย่แล้วละ”

 

“…”

 

“วางใจได้ครับ มันเป็นแค่แนวคิดหลังจากเธอย้ายออกไปเมืองนอก กระทั่งตอนนี้เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเคยคิดใช้วิธีการเลวทรามต่ำช้าทั้งหลายบีบบังคับให้เธอจำยอม” เห็นณัชชาเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยตั้งท่าไม่มีโอนอ่อนให้ แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งน่าแปลกประหลาดสำหรับทราเวียร์ เขาเพียงเผยรอยยิ้มหัวเราะไม่เก็บมาใส่ใจ

 

เกิดเธอปล่อยผ่านให้ นั่นแหละคือสิ่งน่าประหลาดใจ

 

“คุณคิดจะทำจริง ๆ เหรอ?” ดวงตาจับผิดมองจ้อง

 

“บ้าน่า แค่คิดอีกทั้งไม่ใช่แนวคิดตอนนี้ แต่เป็นตอนโดนหักอกโน้น หลังจากอกหักใหม่ ๆ” ยอมรับว่าเคยอยากทำ เคยอยากลอง แต่ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นมันจางหายไปหมดแล้ว “ตอนนี้ผมไม่มีความรู้สึกพวกนั้นแล้วละ ออกจะเป็นเบาสบายมากกว่าที่เธอคนนั้นปฏิเสธคำบอกรักของผม”

 

“เพราะอะไร?”

 

“เพราะแบบนั้นมันดีกว่า ดีกับตัวเธอ ดีกับตัวของผม” รอยยิ้มเหงาหงอยฉายปรากฏบนใบหน้าทราเวียร์ ไม่ว่าเป็นเพราะเหตุผลอันใดหล่อนเหมือนต้องการยื่นมือเข้าไปช่วยปลอบประโลมหัวใจอีกฝ่าย

 

แต่ก็ต้องหยุดหักห้ามใจเอาก่อนพยายายามตัดเข้าประเด็น

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับช่อดอกไม้ในมือฉัน เกี่ยวอะไรกับที่คุณพยายามพูดเรื่องอดีตของคุณด้วย”

 

“…” ทราเวียร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “นี่เป็นคำพูดของผู้หญิงของคนหนึ่งที่เคยพูดเอาไว้กับผม” 

 

“ผู้หญิงที่ผลักดันผมจนมาถึงจุดนี้” ทราเวียร์หวนนึกถึงอิสตรีผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ อิสตรีที่เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่คิดร้องเรียกค่าตอบแทน ยิ่งนึกเท่าไหร่ อารมณ์ความรู้สึกมากมายยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี

 

คำพูดหล่อนเมื่อครั้งหนึ่งเริ่มถูกไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวสมองก่อนพูดให้ณัชชาได้รับฟัง

 

“ช่อดอกไม้ที่บรรจุความรู้สึกของนายเอาไว้เยอะแยะมากมายกลับต้องมาเสียเปล่า ต้องถูกทิ้งลงในถังขยะโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยซ้ำ น่าเสียดายออก” ใบหน้าสาวงดงามในความทรงจำยิ้มแย้มหัวเราะไม่นำพาต่อสีหน้าโลกแตกของชายหนุ่มสวมแว่นเลยแม้แต่น้อย

 

“แล้วเธอก็ขอช่อดอกไม้ในมือของผมไปหน้าตาเฉยเลย”

 

“…”

 

“เป็นผู้หญิงที่แปลกใช่ไหมครับ?” ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบเห็นหน้า กลับเดินตรงเข้ามาหาพร้อมขอดอกไม้สารภาพหน้าตาเฉย ทั้งยังหยิบยกเหตุผลแปลกประหลาดมาเป็นข้ออ้างไม่ขาดสาย

 

ไม่ว่าจะนึกไปกี่ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มหัวเราะเบาบาง

 

…‘เขายิ้มแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ?’

 

“…”

 

“ค่ะ แล้วจากนั้น” สาวอกหักกล่าวถามไปโดยไม่รู้ตัว

 

“ผมก็ให้ไปแบบมึนงงไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่รู้อะไรไหมไอ้การกระทำที่มึนงงไม่เข้าใจของผมวันนั้น มันทำให้ผมยืนหยัดได้มาถึงวันนี้” ทราเวียร์เว้นช่วงคำพูดไปครู่หนึ่งเฝ้าครุ่นคิดว่าจะพูดไปดีรึเปล่า ซึ่งพอเห็นใบหน้าหล่อนยังคงร่องรอยเศร้าหมองเอาไว้ เจ้าตัวเลยตัดสินใจเข้าช่วยเหลือ

 

แม้ว่าจะช่วยได้เล็กน้อยด้อยปัญญาแต่ก็ยังถือว่าได้ช่วยเหลือ ได้ยื่นมือมอบโอกาสพลิกฟื้นคืนให้

 

“นี่อาจเป็นเพียงความเห็นของผมคนเดียว แต่ถ้าคุณมอบช่อดอกไม้ในมือของคุณให้กับผม ยอมมอบความรู้สึกความรักของคุณทั้งหมดให้กับผม ผมจะหาบ้านหลังใหม่ให้กับเขาแน่นอน”

 

“ให้เขาได้ทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง ไม่ใช่จมปรักอยู่ในถังขยะกลายเป็นเพียงขยะที่ไม่มีใครต้องการ”

 

“…” ณัชชานิ่งเงียบ

 

“หลังจากได้รับฟังเรื่องราวของผมทั้งหมดแล้วคุณยังอยากทิ้งช่อดอกไม้ลงถังขยะหรืออยากมอบมันให้กับผม แน่นอนว่าผมให้ทางเลือกกับคุณไม่ใช่บีบบังคับให้คุณเลือก” ทราเวียร์เลือกหลับตาเขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าหากเล่นบทเดียวกับอิสตรีผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครั้งนั้น ผลมันจะออกมาเป็นแบบไหน จะสามารถช่วยเหลือหญิงสาวได้มอบโอกาสพลิกฟื้นให้กับนาง หรือว่าจะล้มเหลวไม่เป็นท่าย้ำบาดแผลให้ร้าวลึกเข้าไปอีก

 

ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนล้วนน่าตั้งตารอทั้งนั้น

 

“เชิญใช้วันเวลาคิดไตร่ตรองได้เลยครับ ผมรอได้”

 

ณัชชาเหม่อลอยไปชั่วขณะ ตั้งแต่ก้าวเท้าเดินออกจากสถานที่ต้องห้าม สถานที่โดนชายหนุ่มผู้เป็นที่รักปฏิเสธโหดเหี้ยม ดอกไม้ในมือ ดอกไม้ทดแทนความรู้สึกทั้งหมดมันได้แปรเปลี่ยนความหมายของตัวมันเองไปอย่างสิ้นเชิง

 

ไม่ใช่ตัวแทนแห่งความรักในสายตาเธออีกต่อไป

 

มันได้กลายเป็นตัวแทนแห่งความเจ็บปวดต้องการละทิ้งไม่คิดเหลือบมองอีกตลอดกาล

 

…‘แปลกชะมัดเลย’

 

“…” ณัชชายิ้มหัวเราะก่อนกลับมาตั้งสติอีกครั้ง คำตอบหนึ่งในจิตใจถูกหยิบยกมาเรียบร้อยหลงเหลือเพียงตอบกลับไปเท่านั้น ตอบให้ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้แปลกประหลาดได้รับรู้

 

“เหมือนว่าคุณจะมีคำตอบอยู่ในใจ”

 

“ค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+