เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ 886 เตรียมพร้อมที่จะจ่ายรึยัง

Now you are reading เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ Chapter 886 เตรียมพร้อมที่จะจ่ายรึยัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่886 เตรียมพร้อมที่จะจ่ายรึยัง

พอคิดได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็ส่ายหน้า แล้วก็พูดเบาๆ ว่า “หนูเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เดินก้าวหนึ่งดูอีกก้าวหนึ่งแล้วกันค่ะ”

ส้งอานมองเธออย่างละเอียด สุดท้ายก็ยื่นมือไปลูบมือเธอเบาๆ “ลำบากแล้วนะเด็กน้อย”

ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ทันใดนั้นก็เหมือนกับได้ยินเสียงคนเปิดประตู หูของหานมู่จื่อขยับ แล้วก็ชำเลืองดูเวลา

“โม่เซินเลิกงานแล้ว คุณน้าค่ะ เที่ยงวันนี้คุณอยู่กินข้าวด้วยกันที่นี่เถอะค่ะ กินด้วยกัน”

ส้งอานคิด แล้วก็ไม่ได้เลี่ยง พยักหน้าแทนการตกลง

หานมู่จื่อเข้าไปในห้องครัว ตอนที่เข้าไปนั้นจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้คืนนั้นที่เย่โม่เซินโดนวางยา เธอเหมือนกับว่าจะเผลอเรียกชื่อจริงของเขาตอนที่เธอกำลังสับสน

ดูจากการแสดงออกในหลายวันนี้ของเย่โม่เซิน เขาน่าจะไม่ได้สังเกตเห็น

หลังจากเย่โม่เซินเข้ามาแล้ว ก็เห็นร่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา คือน้าของหานมู่จื่อ การเคลื่อนไหวของมือเขาหยุดชั่วคราว หลังจากนั้นก็พยักหน้าให้ส้งอาน เป็นการทักทาย

“น้าส้ง คุณก็อยู่ที่นี่เหรอครับ? ”

ส้งอานยิ้มพร้อมกับมองหน้าเขาและพยักหน้า “เลิกงานแล้วเหรอ? ”

“อืม”เย่โม่เซินพยักหน้า ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน เดิมทีเขาสามารถกินข้าวที่บริษัทได้ แต่พอคิดว่าหานมู่จื่อจะอยู่ที่บ้านคนเดียว เขาก็เลยรีบกลับมา

ตอนนี้ในห้องรับแขกมีส้งอานอยู่แค่คนเดียว เย่โม่เซินก็คิดว่าเธอต้องอยู่ในห้องครัวแน่นอน

และในตอนนี้เองส้งอานก็พูดขึ้นมาพอดี “มู่จื่ออยู่ในห้องครัว”

“ครับ คุณนั่งรอที่นี่ก่อน เดี๋ยวผมจะไปดูที่ห้องครัวหน่อย”

แล้วเย่โม่เซินก็เข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปในห้องครัวแล้ว เขาก็ดันประตูให้ปิด หานมู่จื่อกำลังเตรียมจะผัดข้าว ก็ได้ยินเสียงปิดประตู เธอหันกลับไปมองก็เห็นเย่โม่เซินยืนขมวดคิ้วอยู่

“จ้างแม่บ้านกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาอยู่ไหน? ”

“น้าส้งมาที่นี่ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอหน่อย แล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำแล้ว ฉันก็เลยให้แม่บ้านกลับไปก่อนน่ะ”

บ้านก็ทำความสะอาดจนเกลี้ยงแล้ว แถมแม่บ้านก็เติมของไว้จนเต็มตู้เย็น เธอไม่ได้จำเป็นต้องไปซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยตัวเองเลย เหมือนกับตอนนี้ เนื้อและผักก็ล้างไว้แล้วก็หั่นไว้เรียบร้อยแล้ว เธอก็แค่ต้องลงมือทำแค่นั้นเอง

ไม่เหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ว่าคิ้วของเย่โม่เซินยังคงขมวดแน่น “ฉันให้เธอพักผ่อนเยอะๆ ไม่ใช่เหรอ? ถ้าเกิดว่าเอาแต่ทำอะไรพวกนี้ ทำไมเธอ……”

“ก็แค่แป๊บเดียวเอง ฉันทำกับข้าวเร็วมาก นายออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ”

เย่โม่เซินไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ไม่ออกไปด้วย เขาก้าวขึ้นไปด้านหน้าแล้วก็โอบเอวของเธอไว้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แต่เดิมเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันก็ไม่พออยู่แล้ว เธอยังจะทำกับข้าวอีก เอาฉันไปไว้ที่ไหนกัน? ”

พอพูดจบ เขาก็บีบคางของเธอด้วยมือหนึ่ง แล้วก็โน้มตัวลงมาจูบเธอ

ตรงหน้าถูกปกคลุมด้วยเงามืด หานมู่จื่อยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ ก็โดนเขาจูบเข้าแล้ว เธออึ้งไปหลายวินาทีกว่าจะตั้งสติกลับมาได้ เธอขยับหน้าไปทางซ้ายอย่างไม่รู้ตัวเพื่อหลบเขา

ล้อเล่นอะไรกัน?

ตอนนี้ส้งอานอยู่ในบ้านนะ เขาจะมาจูบเธออย่างไม่สนใจอะไร ถ้าเกิดว่าเดี๋ยวส้งอานมาเห็นเข้า มันจะไม่น่าอายหรอกเหรอ?

เรื่องก่อนหน้านี้ เธอก็ยอมกระอักเลือดเล่าให้ส้งอานฟัง แค่นี้ก็ไม่เหลือยางอายอะไรแล้ว แล้วตอนนี้……

หานมู่จื่อพยายามหลบไปด้วยแล้วก็ผลักเขาออกด้วย เย่โม่เซินจับมือเธอทั้งสองข้างไว้เพื่อควบคุมเธอ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “จูบแป๊บเดียวเอง”

“ไม่ได้! ” หานมู่จื่อส่ายหน้า ใบหน้าที่สวยงามของเธอแดงเหมือนลูกแอปเปิล “คุณน้าอยู่ข้างนอก เดี๋ยวเธอก็รู้หรอก”

เมื่อกี้พึ่งจะได้ลิ้มรสความหวานของเธอ แต่ว่าได้แค่แป๊บเดียวก็ต้องถอยแล้ว ดวงตาสีหมึกของเย่โม่เซินเต็มไปด้วยความไม่รู้จักพอ “ฉันล็อกประตูแล้ว เธอไม่เห็นหรอก”

หานมู่จื่อ:“……นายล็อกประตูด้วยเหรอ? ”

นี่มันยิ่งปิดยิ่งมีพิรุธรึเปล่า? สายตาที่หานมู่จื่อมองเขาเริ่มกลายเป็นความไม่พอใจ แก้มเธอแดงยิ่งกว่าเดิม เธอกัดริมฝีปากของตัวเองแล้วพูดว่า “ยังไงก็ไม่ได้ นายออกไปเลยนะ ฉันจะทำกับข้าว”

เธอยื่นมือออกไปผลักเขาออก แต่ว่าร่างสูงใหญ่ของเขาก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน มือของหานมู่จื่อก็ถูกเขาจับไว้แน่น พอเห็นว่าไม่มีทางเลือกเธอก็เลยพูดว่า “ถ้ายังงั้น……จูบได้แป๊บเดียว แป๊บเดียวเท่านั้นนะ! ”

เธอพูดอย่างจริงจังมากที่สุด นัยน์ตาสีมืดคล้ำของเย่โม่เซินก็เป็นประกายขึ้นมาทันที หลังจากนั้นพอเธอหยุดพูดเขาก็ก้มหน้าลงไปจูบเธอ หานมู่จื่อก็หลับตาลงอย่างยอมรับในชะตาชีวิต

ส้งอานอยู่ข้างนอก แต่ว่าพวกเขากลับมาหยอกล้อและจูบกันในนี้ ยังไงก็รู้สึกผิดอย่างมาก

หลังจากผ่านไปห้านาที……

หานมู่จื่อตีหน้าอกเขาอย่างฟึดฟัด เธอกัดฟันแน่น “บอกว่าแค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ? ”

นี่มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เธอเกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว แล้วเขายังจะจูบอีก ถ้าเกิดว่าเธอไม่กัดเขานิดหนึ่งเดาว่าเขาก็คงไม่ยอมหยุดแน่นอน

เย่โม่เซินไม่ได้นับเวลา แต่เขารู้สึกว่าเวลามันสั้นมาก แต่ว่าสาวน้อยของเขามีท่าทางทั้งเครียดและหวาดกลัวแบบนี้ ไม่มีทางเลือก……เขาจำใจต้องหยุด แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมอก พอได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมา “ก็แค่แป๊บเดียวเองไม่ใช่เหรอ? ”

หานมู่จื่อ :“……”

ช่างเถอะ เธอขี้เกียจจะโต้เถียงกับคนคนนี้แล้ว ยังไงคนที่ต้องเสียเปรียบก็คือเธอ

คิดไปคิดมา หานมู่จื่อก็ผลักเขาออกอีกครั้ง “นายรีบออกไปได้แล้ว ถ้าเกิดว่าอยู่ในนี้นานคุณน้าต้องรู้แน่ว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่”

“แล้วทำอะไรเหรอ? ” เย่โม่เซินถามเธออย่างหน้าไม่อาย และพูดต่อว่า “ฉันช่วยเธอทำกับข้าว มันมีปัญหาอะไรเหรอ? ”

“แม่บ้านเตรียมล้างผัก หั่นเนื้อไว้หมดแล้ว วัตถุดิบที่ต้องใช้ก็เตรียมไว้หมดแล้ว นายยังจะทำอะไรได้อีก? ผัดข้าวเหรอ? หรือว่า……นายอยากจะฆ่าปลาอีก? ”

ประโยคสุดท้าย หานมู่จื่อพึ่งนึกขึ้นได้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขา

ปกติแล้วถ้าเธอถูกรังแก เธอก็ต้องรังแกกลับสิถึงจะถูก

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ พอพูดเรื่องฆ่าปลาขึ้นมาสีหน้าของเย่โม่เซินก็หมองหม่นลงไปเยอะ หลังจากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ครั้งนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ”

“ถ้ายังงั้นความหมายของนายก็คือ ต่อไปถ้าเกิดว่ามีสถานการณ์แบบนี้อีก นายก็จะรับฟังความคิดเห็นจากคนอื่นใช่ไหม? ”

ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ใบหน้าของหานมู่จื่อก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น เธอไม่ค่อยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแบบนี้เท่าไหร่ ดวงตาที่ใสสะอาดของเธอดูเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากก็มีรอยยิ้มที่ประสงค์ร้าย

เย่โม่เซินไม่รู้เลยว่าผู้หญิงของตัวเองจะมีภาพแบบนี้ด้วย เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เหมือนกัน

ดวงตาสีดำของเขาลึกขึ้นเล็กน้อย เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบางๆ ของตัวเองแล้วก็ยื่นมือไปกอดเองเธอไว้ พร้อมกับหยิกเธอเบาๆ “เยาะเย้ยฉันงั้นเหรอ? ”

ลมหายใจอุ่นๆ รดลงบนใบหน้าของหานมู่จื่อ รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอค้างแข็งเล็กน้อย

“เตรียมพร้อมจะจ่ายราคาสำหรับการที่เยาะเย้ยฉันไหม? ”

มือของเขาขยับขึ้นช้าๆ ร่างกายของหานมู่จื่อค้างแข็ง ตอนนี้รอยยิ้มที่ประสงค์ร้ายของเธอหายไปแล้ว หลังจากนั้น เธอก็จับมือหนาของเขา และพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “นายออกไปเลยนะ เดี๋ยวนี้ ณ บัดนี้! ”

โมโหแล้ว……

ริมฝีปากของเย่โม่เซินยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม “เมื่อกี้ตอนที่เยาะเย้ยฉัน เธอกล้าหาญมากเลยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ไม่แล้วเหรอ? ”

หานมู่จื่อดึงหน้า “ถ้าเกิดว่านายยังไม่ออกไป ฉันจะไม่ให้นายกินข้าวเที่ยง ให้นายกลับบริษัทไปเลย”

ก็ได้ ถ้าเกิดว่าหยอกล้อต่อไปกรงเล็บต้องออกแน่ๆ เย่โม่เซินหยุดไว้แค่นี้และดึงมือกลับมา “ก็ได้ เดี๋ยวตอนกลางคืนฉันค่อยมาจัดการใหม่”

หลังจากนั้นเย่โม่เซินก็ออกไป หานมู่จื่อยืนอยู่ในห้องครัวคนเดียวพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำอย่างมาก เขาอยู่ในห้องครัวนานขนาดนี้ เดี๋ยวตอนเธอออกไปจะมองหน้าส้งอานยังไงกัน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด