อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด 214 อุบไว้
ตอนที่ 214 อุบไว้
หลินจือเซี๋ยวเริ่มรู้สึกร้อนรนในทันที เธอเอื้อมมือไปช่วยเธอ “โหรวโหรวของฉัน เธออย่าอุบไว้อีกเลยนะ พูดมาสิ! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันแน่!”
“ฉันเองก็ไม่รู้ เพียงแต่ว่าฉันค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่จิ่งเป่ยเฉินที่ชี้นิ้วสั่งให้หมินลี่ทำแบบนี้แน่นอน เขาคงไม่ได้ดูน่าเบื่อขนาดนั้น” หนำซ้ำตอนที่พวกเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็ดูเหมือนว่าจิ่งเป่ยเฉินจะอยู่ที่บ้านตระกูลจิ่งด้วย
“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป หรือว่าเธอไม่รู้อย่างนั้นเหรอ มันมีคำพูดหนึ่งที่เรียกว่านายทัพโกรธเกศาชันเพื่อโฉมงาม[1]? คืนนั้นฮั่วตงมีเจตนาร้ายต่อเธอ ไม่ใช่ว่าประธานจิ่งลงมาจากฟากฟ้าช่วยเหลือเธอที่เกือบตกอยู่ในห้วงบ่อน้ำลึกที่ราวกับเปลวเพลิง ต่อมาก็รีบจัดการกับฮั่วตงและฮุบกิจการสกุลฮั่วหรอกเหรอ เป็นไปได้ว่าบิ๊กบอสรู้สึกว่ามันเป็นความผิดพลาดที่จะให้เขามีชีวิตรอดอยู่ เพราะงั้นแล้วก็เลยตัดสินใจ………” หลินจือเซี๋ยวทำท่าทางขยิบตา สายตาล้วนแล้วเป็นประกายดำดิ่ง
อันโหรวส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “เขาไม่มีทางจัดการรวดเร็วแบบนั้นหรอก เขาจะค่อย ๆ ทรมานอย่างช้า ๆ เสียมากกว่า”
หลินจือเซี๋ยวนึกถึงสิ่งที่จิ่งเป่ยเฉินทำตอนสมัยที่เธอยังเป็นเลขา เธอก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้นเสียมากกว่า
“โหรวโหรว เธอนี่เข้าใจบิ๊กบอสแจ่มแจ้งจริง ๆ เลยนะ!” เธอเลิกคิ้วขณะมองไปที่เพื่อนรัก
“ก็นิดหน่อย”
“ถ่อมตัวอะไรขนาดนั้น ถ้าหากว่าฮั่วตงปฏิบัติกับเธอแบบนั้น เขาก็สมควรที่จะได้รับสิ่งที่เขาทำแล้ว” คนที่กล้าแตะต้องผู้หญิงของบิ๊กบอสมันต้องคิดผิดไปจนตายแน่ ๆ
“ฉันเองก็คิดว่าการทรมานอย่างช้า ๆ เป็นสิ่งที่ดีนะ ขั้นตอนนี้จะได้ทำให้เจ็บปวดอย่างช้า ๆ ด้วย”เหมือนกับกลุ่มอุตสาหกรรมเครือโอวหยาง
เธอจะไม่ปล่อยให้กลุ่มโอวหยางล่มสลายเพียงชั่วข้ามคืนเหมือนสกุลอันแน่นอน
หลินจือเซี๋ยวที่ยืนกอดอกอยู่นั้นพูดขึ้นอีกว่า “หรือว่าตำนานที่กล่าวไว้ว่าร้อยพ่อพันแม่ ความคิดไม่เหมือนกัน?”
มุมปากของอันโหรวกระตุกขึ้นเล็กน้อย “นี่เธอเปลี่ยนเป็นคนเจ้าสำบัดสำนวนตั้งแต่ตอนไหนกัน? ยังไม่ไปทำงานอีก!”
“ไปแล้วจ้า แค่ข่าวซุบซิบในการทำงานแบบนี้จะช่วยให้สมองในการทำงานแล่นจนเกิดประสิทธิภาพนะ” หลินจือเซี๋ยวมองอันโหรวที่ถือเอกสารและลุกขึ้น เธอจึงเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของตัวเองทันที
ที่สำนักงานอุตสาหกรรมเครือโอวหยางกรุ๊ป
โอวหยางลี่กำลังมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะคิดซ้ำไปซ้ำมากับคำพูดที่อันโหรวพูดขึ้นว่า ‘ประธานจิ่งหล่อที่สุด’ จิ่งเป่ยเฉินวางไมโครโฟนลงแล้วเดินไปหาเธอ ภาพตรงหน้าทั้งสองคนดูใกล้ชิดสนิทสนมกันจริง ๆ
เขานั่งดูฉากนี้มากกว่าสิบครั้งเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะยิ่งมองไปที่ดวงตาภายใต้แว่นตากรอบเก่า ๆ คู่นั้นมองยังไงก็คือโหรวโหรว
แต่เมื่อรู้ว่าเธอไม่ใช่ เพียงแต่ว่าเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแบบนั้น เขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
เขารู้สึกอึดอัดเสียจนคิดอยากจะทุบคอมที่อยู่ตรงหน้าทิ้งซะ
ไม่ช้าก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากด้านนอกห้องทำงาน เขารีบปิดหน้าจอทันทีและพูดขึ้นว่า “เข้ามา!”
เลขาเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูง เมื่อเห็นสีหน้าของเขาที่ดูไม่ดีแบบนั้น ฝีเท้าของเธอก็เบาลงอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ยังคงประคองรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้าและพูดขึ้นว่า “ท่านประธาน หัวข้อในโลกออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับจิ่งเป่ยเฉินได้ส่งคนไปชนคนเริ่มเป็นประเด็นร้อนแรงมากขึ้นแล้วค่ะ คาดว่าพรุ่งนี้จะต้องส่งผลกระทบต่อการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขาอย่างแน่นอน”
โอวหยางลี่เงยหน้ามองไปที่เลขาที่มีเรือนร่างร้อนแรงตรงหน้า เมื่อฟังรายงานจากปากของเธอแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะโบกมืออย่างหงุดหงิด “รู้แล้ว ออกไป ออกไป!”
แต่เลขากลับไม่ได้ออกไปทันที เธอเอ่ยรายงานต่ออีกว่า “ท่านประธานคะ เมื่อครู่คุณนายโทรศัพท์เข้ามา บอกว่างานเลี้ยงวันเกิดคุณแม่ของท่านประธานใกล้จะมาถึงแล้ว คืนนี้อยากจะให้คุณช่วยจองร้านอาหารและส่งคำเชิญงานเลี้ยงแขกด้วยค่ะ”
โอวหยางลี่ขมวดคิ้วและมองไปที่วันที่ที่แสดงอยู่ตรงมุมล่างขวาของคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็พูดว่า “ออกไป ออกไป น่ารำคาญเป็นบ้า!”
ตั้งแต่เห็นข่าวของบริษัทสกุลจิ่ง ประธานควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ? ทำไมดูอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้กัน?
เพียงแต่ว่าในฐานะที่เธอเป็นเลขาที่มีคุณสมบัติที่ดี เหตุการณ์พวกนี้เธอจึงไม่เอ่ยถามอะไรให้มาก ก่อนจะรีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องของฮั่วตงที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตนั้นแพร่กระจายไปทั่วจนเกิดความโกลาหลขึ้นอย่างรวดเร็ว หัวข้อข่าวที่ร้อนแรงนั้นกลายเป็นหัวข้ออันดับหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง
ในโลกอินเทอร์เน็ตมีรูปฮั่วตงนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ทั้งตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าที่เผยออกมาแล้วละก็ คงไม่รู้จริง ๆ ว่าคนไข้ที่ดูอ่อนแอคนนั้นคือฮั่วตง
เรื่องราวของบริษัทสกุลจิ่งถูกโหมกระหน่ำราวกับพายุที่พัดผ่าน ผู้คนจึงทำได้แค่จับตามองเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเรื่องพวกนี้ดูรุนแรงมากขึ้น บริษัทสกุลจิ่งก็ได้ปล่อยข่าวออกมาใหม่ มันผุดขึ้นราวกับตอไม้ที่โผล่ขึ้นมาหลังฝนตก ภาพทีละภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างได้ชัด
แต่นี่นับว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรนัก เนื่องจากพรุ่งนี้สินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ของสกุลจิ่งจะถูกวางจำหน่ายแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนเดิมที่วางเอาไว้ แต่กลับมีบางอย่างเกิดขึ้นมากลางคัน
ถังซั่วที่เพิ่งกลับมาจากการไปเยี่ยมหมินลี่ที่โรงพยาบาลก็เพิ่งจะทราบข่าวที่เกิดขึ้น
เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และอ่านข่าว โดยเฉพาะวิดีโอที่เห็นทั้งสองคนปรากฏตัวพร้อมกัน
อันโหรว!
ทันใดนั้นโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานเขาก็ดังขึ้น เขาเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ขณะที่กำลังดูวิดีโอที่กำลังเล่นซ้ำไปมา
“พี่ เห็นข่าวในโลกออนไลน์แล้วหรือยัง? พี่เฉินถูกหลอกหรือเปล่า?” ถังซือเถียนนั่งอยู่บนโซฟาที่บ้าน ในมือถือแอปเปิลที่ถูกหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เธอค่อย ๆ ส่งมันเข้าปากทีละชิ้น พร้อมกับดูข่าวที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย
“ทำไม เธอคิดจะยอมปล่อยเขาไปแล้วหรือไง?” ถังซั่วเอนหลังอย่างสบาย ๆ การที่เธอพูดมาแบบนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีพอสมควร
“พี่ นี่พี่กำลังพูดอะไร! ฉันแค่คิดว่าคำพูดของพี่เฉินดูสวยงามแปลก ๆ เขาไม่ชอบคนสวย ๆ แบบฉันงั้นเหรอ?” เธอรู้สึกเศร้าทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้
มันกลายเป็นเธอไม่อาจเทียบกับผู้หญิงขี้เหร่คนนั้นได้
จู่ ๆ แอปเปิลที่อยู่ในมือของเธอก็ไม่มีรสชาติอะไรเลย
ถังซั่วคลี่ยิ้มบาง ๆ และพูดว่า “ก็ไม่แน่”
ถึงแม้ว่าน้องสาวของตัวเองจะเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง แต่เขาก็รู้สึกว่าอันโหรวนั้นสวยมากกว่า ทั้งสองคนมีรสชาติความงามคนละแบบ
เพียงแต่ว่าจิ่งเป่ยเฉินนั้นน่าจะชื่นชอบเธอคนนั้น ไม่ใช่อย่างที่เธอเป็นในปัจจุบัน
“พี่! มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ! ในโลกอินเทอร์เน็ตข่าวพวกนี้ค่อนข้างสุดยอดมากเลยนะ พี่ติดต่อกับพี่เฉินได้หรือเปล่า แล้วเรื่องนี้ฉันควรทำยังไงดี? เขาไม่ได้ทำจริง ๆ อย่างที่ว่าใช่ไหม?” เธอชะงักมือที่กำลังจะส่งแอปเปิ้ลเข้าปาก ก่อนจะค่อย ๆ ขยับมันเข้าไปในปากแต่ไม่ได้เคี้ยวหรือกลืน เธอเพียงอมมันไว้เท่านั้น
ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่ภาพเบื้องหน้า จิ่งเป่ยเฉินที่กำลังเดินไปหาอันอีหาน สีหน้าราวกับไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
เธอจึงนึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งนั้นที่เหลียวเว่ยพูดกับเธอ พี่เฉินคนนี้คงไม่ได้มีปัญหาเรื่องรสนิยมใช่ไหม?
หรือว่าเธอคนนั้นคืออันโหรวจริง ๆ
ไม่มีทาง เห็นทีจะต้องตรวจสอบเธอให้ลึก ๆ แล้วสิ!
เมื่อถังซั่วได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาที่อบอุ่นของเขาก็ค่อย ๆ มืดครึ้มลง “เธออย่าไปสนใจเรื่องพวกนี้เลย”
“ไม่สนไม่ได้!” แม้ว่าเธอไม่อยากจะยุ่งเรื่องพวกนี้ และถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพี่เฉินละก็ เธอคงไม่มานั่งสนใจดูข่าวอะไรพวกนี้อยู่แล้ว
เธอหยิบแอปเปิลเข้าปาก ก่อนหยุดเคี้ยวสักพักและพูดขึ้นว่า “พี่ ครั้งที่แล้วที่ฉันบอกพี่เรื่องตรวจให้ลึกขึ้น พี่ไม่ต้องใช้เขานะ!”
“ถ้าหากเธอคิดตัดสินใจที่จะทำละก็ ฉันจะให้ตำแหน่งนี้กับเธอก็ได้” ถังซั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปปิดคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างหงุดหงิดใจ
“เอ่อ…..” ถังซือเถียนหัวเราะเจื่อน ๆ “เรื่องนี้ก็ให้พี่จัดการเถอะ! ฉันยังสบายใจกับการเป็นคุณหนูใหญ่อยู่นะ พี่ คืนนี้กลับบ้านอย่าลืมกินข้าว ฉันวางก่อนนะ”
พูดจบเธอก็ไม่ได้รอให้อีกฝ่ายพูดตอบ เธอรีบวางสายโทรศัพท์ไป ก่อนจะเคี้ยวแอปเปิลที่คาอยู่ในปากให้หมด สายตายังคงจับจ้องไปที่หน้าจอทีวีราวกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ
ต่อให้ต้องเสี่ยงตายจริง ๆ เธอเองก็อยากจะตรวจสอบและทดสอบให้แน่ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นคืออันโหรวหรือเปล่า
……
เรื่องในอินเทอร์เน็ตตอนนี้กำลังเดือดพล่านคุกรุ่น แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่อย่างใด เขาเตรียมเลิกงานตรงเวลาและขับรถกลับไปพร้อมกับเธอ
ตั้งแต่ที่เสี่ยวหยางไปอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนหน่วนหน่วนและหยางหยาง ทั้งสองคนก็ขับรถออกไปพร้อมกันเป็นประจำ โดยเขาเป็นคนขับรถ
วันนี้ก็เหมือนกัน….
[1] หมายถึง ทำเพื่อสาวงาม ไม่ว่าอะไรก็ตามต่อให้อีกฝ่ายต้องโกรธมากแค่ไหนก็ไม่สนใจ
Comments