Dungeon Defence 83

Now you are reading Dungeon Defence Chapter 83 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จอมมารแห่งความเมตตา ลำดับที่ 9 ไพมอน

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือน 4 วันที่ 3

ที่ราบ บรูโน่กองทัพพันธมิตรพระจันทร์เสี้ยว

 

“อันดับ 71 จอมมารดันทาเลียน ขอสละอำนาจของตนเองในฐานะจอมมารและนำตัวเองเข้ารับการพิจารณาคดีทางทหารที่นี่”

 

 

ขณะที่ ดันทาเลี่ยน พูดประโยคนั้นออกมา บริเวณโดยรอบก็หยุดนิ่ง เเละผู้หญิงคนนี้เช่นกัน การขอให้ประหารชีวิตตนเองผ่านการพิจารณาคดีทางทหารในหมู่จอมมารนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่มัน······. ไปไกลเกินกว่าที่คิดเเล้ว

 

บาบาร์ทอส จ้องมองที่ ดันทาเลี่ยน อย่างใจลอย

 

“คำพูดของเเกมันเกินไป คำพูดที่พูดไปไม่สามารถเอาคืนได้อีกเเล้วนะเว้ย ดันทาเลี่ยน นี่คือคำแนะนำในฐานะเพื่อนสนิทและรุ่นพี่ ข้าให้โอกาสเเกเปลี่ยนคำที่เเกพูดตอนนี้เป็นครั้งสุดท้าย”

 

“ขออภัยอย่างสุดซึ้ง ท่านเจ้าคุณ แต่ผมไม่คิดเปลี่ยนใจคำพูดของตนเองหรอก เเม่ทัพ ฟาร์นาเซ่ เป็นเด็กที่ผมคนนี้รัก ผมยอมตายได้ ดีกว่าส่งภาระให้เด็กคนนี้”

 

“·······”

 

สีหน้าของบาร์บาทอสไร้ซึ่งอารมณ์

 

·····เดิมที เพื่อลงโทษจอมมาร การยืนยันความผิดและความรุนแรงของการลงโทษต้องได้รับการตัดสินอย่างเป็นทางการในช่วง คืนวัลเพอร์กิส กล่าวอีกนัยหนึ่ง เหล่าจอมมาร สามารถถูกลงโทษในช่วง คืนวัลเพอร์กิส ได้เท่านั้น เพราะจอมมารทุกตนมีอำนาจปฏิเสธการพิจารณาคดีอื่นใดๆทั้งหมด เป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษของจอมมาร หากไม่ทำเช่นนั้นอาจมีอันตรายจากจอมมารระดับสูงตนอื่นใช้ข้ออ้างของสงครามเพื่อกำจัดจอมมารระดับล่างทิ้งระหว่างการพิจารณาคดีได้

 

อย่างไรก็ตาม ดันทาเลี่ยน ได้ละทิ้งอำนาจของเขาในฐานะจอมมารไปเเล้วในตอนนี้ นั่นหมายความว่าเขาตกอยู่ในสภาพที่สามารถถูกส่งตัวไปตัดสินคดีในกองทัพได้ตามกฎหมาย

 

การทรยศเชื้อชาติ การไม่เชื่อฟังคำสั่งต่อหน้าศัตรู การกบฏของกลุ่ม และการดูหมิ่นเหยียดหยาม นี่คือชื่อของความผิดที่ ดันทาเลี่ยน ได้ก่อขึ้นในตอนนี้······· ข้อหาเเต่ละอย่างล้วนเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ทหารปกติต้องถูกประหารชีวิตหากพวกทำผิดไปแม้แต่ข้อเดียว แต่เขาได้กระทำความผิดฐานหมิ่นอาญาไปุถึง 4 ข้อ·······. ในกรณีที่เขาได้สละสถานะจอมมารเพื่อรับการตัดสินคดีของทหารกลายเป็นแบบนี้ไปเเล้ว ดันทาเลี่ยน ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการประหารชีวิตได้อีก

 

“ข้าให้โอกาสเเกไป หลายต่อหลายรอบ”

 

“และผมได้แสดงออกอย่างชัดเจน ท่านเจ้าคุณ”

 

“เเกไม่เสียใจเเน่ๆใช่ไหม”

 

“ใช่ เเน่นอน ตลอดเวลา ผมเป็นห่วงแต่ท่านเจ้าคุณ ความปลอดภัยและเกียรติของบาร์บาทอสเท่านั้น”

 

“ฮะฮะฮะ”

 

บาร์บาทอสถอนหายใจ แม้แต่เธอเองก็รู้ดีว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรหากมีการพิจารณาคดีทางทหาร เพราะเธอรู้ดังนั้น เธอจึงตั้งใจช่วยลดหย่อนความผิดในครั้งนี้โดยเพียงแค่ลงโทษดันทาเลี่ยนเเค่นิดหน่อย

 

แม้แต่การทำเรื่องนั้นก็ดูจะหนักใจบาร์บาทอสไปมากโข บาบาร์เลยตั้งใจให้เด็กผู้หญิงคนนั้นรับหน้าการลงโทษเเทนดันทาเลียนไป จำนวนความผิดที่ ดันทาเลี่ยนได้รับจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการโดนลงโทษตามธรรมเนียมเฉยๆ แม้แต่ ดันทาเลี่ยนเอง ก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี เเต่แล้วทำไมกันล่ะ?

 

“ก็ได้.งั้น มาเปิดศาลกันตอนนี้เลย การตัดสินคดีทางทหารเมื่อมันเกิดขึ้นเเล้ว ผู้บัญชาการกองพลทั้งหมดก็อยู่ที่นี่เป็นพยานตัดสินไปด้วยเลยไม่ดีงั้นเหรอ? ข้าบาร์บาทอส ในฐานะจอมมารอันดับที่ 8 และหัวหน้ากลุ่มฝ่ายผืนราบ ในฐานะผู้เป็นอมตะ จะเป็นคนตัดสินโทษทัณของจอมมารดันทาเลี่ยนเอง”

 

ผู้รับผิดชอบการพิจารณาคดีทางทหารมักเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดในกลุ่ม

 

เนื่องจาก จอมมารดันทาเลี่ยน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ เหล่าจอมมาร อื่นใดและได้จ้างทหารรับจ้างด้วยตนเอง ในสถานการณ์เช่นนี้ บุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดซึ่งรับผิดชอบกองทหารของเขาก็คือผู้บัญชาการทหาร ดังนั้น บาร์บาทอส มาร์บาส และผู้หญิงคนนี้ ในเวลานี้ ทุกคนต้องมารวมกันที่นี่ก่อนสงครามจะเริ่ม·······

 

“ไอ้เเก่ มาร์บาส เเสดงตัวเเละเจตจำนงในการตัดสินออกมา”

 

“อืม”

 

หัวหน้าของฝ่ายเป็นกลางและผู้บัญชาการกองทัพที่สอง อันดับที่ 5 จอมมารบาร์มาส พยักหน้าช้าๆ·······

 

“ข้ารับทราบการเข้าร่วมในตัดสินนี้”

 

การแสดงออกของเขามีความลังเลผสมปนเปกันอยู่ คงเป็นเพราะชายคนนี้ได้ติดหนี้ ดันทาเลี่ยน ไว้อยู่

 

ตอนนี้บาร์มาสคงอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะ จากการสูญเสียเพราะการต่อสู้ครั้งก่อนของ บาร์มาส มีความเป็นไปได้สูงที่กองทัพของ ทัพพันธมิตรจันทร์เสี้ยว จะพังทลายลงอย่างสิ้นซาก  ถ้าไม่ใช่เพราะ ดันทาเลี่ยนได้รับชัยชนะมา กองทัพคงต้องล่มสลายลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ถ้าเป็นไปได้ เขาคงช่วยบ่ายเบี่ยงความผิดของ ดันทาเลี่ยน ······ ไปได้ เพราะว่าถ้าไม่ทำมันก็ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของพวกทหารด้วย  เเต่มันก็ไม่มีทางให้อภัยกับดันทาเลี่ยนที่ทำการฝ่ากฏหมายอีกเช่นกัน  สำหรับ บามาร์ส ที่ให้ความสำคัญกับกฎหมายและข้อบังคับเป็นอย่างมากด้วยเเล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยกมือ โหวตให้ดันทาเลี่ยนได้ในตอนติดสินคดี ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้ก็คือ โหวตงดออกเสียงไป

 

 

 

 

·····และ.

 

ผู้หญิงคนนี้ก็จะทำด้วยเช่นกัน

 

ไม่ว่า ดันทาเลี่ยน จะเป็นคนแรกที่ผู้หญิงคนนี้เคยพบในชีวิตเพราะมีอุดมการณ์เดียวกับเธอ ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะได้พบกับคนที่มีความคิดแบบเดียวกับเธอ เเละอยากเก็บเขาไว้ในอ้อมอกเป็นครั้งแรกดีไหมก็ตาม เเต่ปัจจุบันสถานะผู้หญิงคนนี้คือ ผู้บัญชาการกองทัพจำนวน 30,000 นาย ผู้หญิงคนนี้กำลังยืนอยู่ในตำแหน่งที่ต้องคิดเเละกังวลเกี่ยวกับขวัญกำลังใจของนายทหารและกองทหารกว่า 30,000 นาย การทำการลงคะแนนไม่เห็นด้วยในขณะที่คนอื่นกำลังดูอยู่ ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถทำสิ่งนี้นั้นได้

 

เพราะผู้หญิงคนนี้มีความรับผิดชอบ

 

เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของจอมทัพที่นำทัพ

 

“·······”

 

หากไม่ใช่การตัดสินคดีทางทหารล่ะก็ การช่วย ดันทาเลี่ยน ก็เป็นไปได้ ในท้ายที่สุด ทุกประเด็นความผิดจะได้รับการตัดสินผ่านการโหวตระหว่าง คืนวัลเพอร์กิส กล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อถึงตอนนั้นมันจะเป็นการต่อสู้เเค่ตัวเลขล้วนๆ

 

ในฐานะหัวหน้าฝ่ายขุนเขา ฝ่ายของผู้หญิงคนนี้สามารถโหวตได้ 20 คะแนน หากบาร์บาทอสใช้คะแนนเสียง 15 คะแนนในฐานะฝ่ายผืนราบได้ ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้หญิงคนนี้ก็มีเสียงข้างมากต้องชนะอยู่เเล้ว ใช่ ถ้าเกิดมันไม่ใช่การตัดสินคดีของศาลทหาร หากเราผ่านช่วงเวลานี้ไปได้······

 

“เฮ้ย นังร่าน เเสดงตัวเเละเจตจำนงในการตัดสินออกมาด้วย”

 

·····.

 

····.

 

············.

 

“อะไรวะ? เเกกำลังกำลังเมินข้าอยู่เรอะ? นังกะหรี่ ฮัลโล? ไอ้คุณโสใจกว้างเท่าขนาดรูจิ๊ม เฮ้ย นังร่าน เเกเป็นหนึ่งในแม่ทัพอยู่นะรู้ตัวไหมวะ? ถ้ารู้เเล้วก็แล้วก็เเสดงตัวเเละเจตจำนงในการตัดสินออกมา·······”

 

ก็ได้.

 

ถึงเเม้มันจะเป็นไปไม่ได้

 

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอันตราย ถึงแม้ว่าจะเป็นการพนันที่โคตรเสี่ยง

 

ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ล่ะก็ทำได้เเน่ๆ

 

เพราะการลงเดิมพันเป็นความสามารถพิเศษของผู้หญิงคนนี้

 

ผู้หญิงคนนี้ตั้งสติและยกพัดขนนกเพื่อซ่อนริมฝีปากของเธอ ท่าทางที่ผู้หญิงคนนี้มักจะทำตอนสันนิษฐาน พอปิดหน้าไปครึ่งนึง ก็เผยให้เห็นหน้าของผู้หญิงคนนี้เพียงครึ่งเดียว นี่คือท่วงท่าสบายๆของเราผู้นี้

 

ผู้หญิงคนนี้พูดขณะจ้องมองที่บาร์บาทอส

 

 

“ไม่. ผู้หญิงคนนี้ไม่ขอแสดงเจตจำนงมีส่วนร่วมกับเธอ”

 

 

⎯⎯⎯ความเงียบปกคลุมไปทั่ว

 

เริ่มต้นจากบาร์บาทอส จอมมารทุกคนจ้องมองมาที่ผู้หญิงคนนี้ราวกับว่าพวกเขาสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิดเพี้ยนไปจากเมื่อกี้หรือเปล่า

 

เป็นที่รู้กันตั้งนานแล้ว จนถึงตอนนี้ ดันทาเลี่ยน และผู้หญิงคนนี้ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ตรงกันข้ามเเละเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ทุกคนอาจคิดว่า บาร์บาทอส หรือ มาร์บาส จะเป็นคนช่วยดันทาเลี่ยนแต่ทุกคนกลับไม่คิดเลยว่าเราผู้นี้ที่โหวตช่วยคัดค้าน

 

 

เพราะมันไม่มีเหตุผลเลย

 

เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่แข่งทางการเมืองเป็นก้างชิ้นโตที่พยายามกำจัด ดันทาเลี่ยน ออกไป จึงไม่เเปลกใจเลยหากเรามีเเผนเขี่ยเขาทิ้ง

 

“······เชี่ยไรวะ มาเป็นห่าไรกันตอนนี้? เฮ้ย วันนี้พวกเเกตื่นกันหรือยังถึงมาเล่นตลกกับข้า?  ไอ้สารเลวที่รู้จักในนามคนรักของข้า ทำตัวสาระยำเองและตอนนี้มันก็กำลังร้องขอการตัดสินจากศาลทหารด้วยตัวมันเอง และตอนนี้ยังมีนังกะหรี่ปฏิเสธการตัดสินด้วยเหตุผลบางอย่างอีก นี่พวกเเกสองตัวเเอบไปอยู่ด้วยกันเเล้วเเอบเย็ดกันตอนที่ข้าไม่รู้เหรอวะ?”

 

“โปรดอย่าคิดว่าทุกคนในโลกนี้หยาบคายเหมือนเธอสิ เเต่ก็คงเป็นไปได้นะหากคนที่เกิดมามีขดสมองเท่ากับเธอล่ะก็นะ เราคงไม่ต้องมาเสวนากับเธออีกหรอก”

 

ผู้หญิงคนนี้แสดงรอยยิ้มบางๆ มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หน้าผากของบาร์บาทอส แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เราตั้งใจจะเยาะเย้ยบาบาร์ทอสเองเเหละ

 

“เราคนนี้เคยบอกเธอมาก่อนใช่ไหม? บาร์บาทอส ชายคนนั้นไม่ใช่ของเล่นของเธออีกต่อไป  และตอนนี้เขาเป็นของของเรา ผู้หญิงคนนี้มีแผนต้องการดึง ดันทาเลี่ยน เข้าสู่ ฝ่ายขุนเขา ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนี้จะเห็นด้วยกับการพิจารณาคดีดังกล่าวอยู่เเล้ว”

 

“อึ๊กกกก?”

 

“ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอื่น ก็เอาเลย เเต่ยังไงก็ตาม เธอรู้ไหม บาร์บาทอส? แม้ว่า ดันทาเลี่ยน จะส่งผู้หญิงมนุษย์ไปแทนที่กล่าววจนะจะเป็นการหมิ่นเบื้องสูงอย่างแน่นอน แต่มีเเค่เธอมีเเค่เธอที่เป็นคนเลือกให้ ดันทาเลี่ยน เป็นผู้กล่าววจนะเเทน พันธมิตรจันทร์เสี้ยว ของพวกเรา”

 

“·······”

 

ใบหน้าของบาร์บาทอสชาลงทันที

 

“แล้วไงล่ะ? เเกกำลังพยายามที่จะพูดพล่ามอะไร”

 

“ใครจะรู้? ผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงเเค่คนที่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง ในเมื่อเธอเป็นคนเสนอให้ดันทาเลียน ผู้ซึ่งไม่มีสถานะอะไรไปมากกว่าเเค่จอมมารอันดับที่ 71 ย่อมเป็นไปได้ว่าบางทีเธอคงไม่ได้สั่งสอนเขาเลยว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร?”

 

ผู้หญิงคนนี้ยิ้ม

 

ยิ่งผู้หญิงคนนี้ผสมเสียงหัวเราะดัดจริตเข้ากับน้ำเสียงของเธอมากเท่าไหร่ อารมณ์รอบข้างก็ยิ่งเย็นยะเยือกลงไปมากเท่านั้น ทีละสองสามคน จอมมารคนอื่นๆ น่าจะเริ่มเข้าใจความหมายของผู้หญิงคนนี้จากคำพูดเหล่านั้นเเล้ว

 

“บาร์บาทอส ผู้หญิงคนนี้มีความสงสัย ถ้า ดันทาเลี่ยน ทำผิดจริง นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเธอมาตั้งแต่แรกเรอะ? เธอผลักไส ดันทาเลี่ยน ไปข้างหน้าในฐานะผู้เจรจาสงคราม และเธอยังเป็นคนเลือก ดันทาเลี่ยน ให้เป็นผู้กล่าววจนะ หากบางที ดันทาเลี่ยน ทำผิดพลาดเพียงเพราะเขาไร้ความคิด ก็เป็นความรับผิดชอบของเธอที่จะไม่ตระหนักถึงความไร้ความสามารถของ ดันทาเลี่ยนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าบางที ถ้าดันทาเลี่ยน ทำผิดพลาดโดยมีเจตนาเองเเล้วล่ะก็ ·······”

 

ใช่.

 

ถูกต้องแล้ว.

 

“ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่เธอหรอกหรือที่ทำการหมิ่นเบื้องสูงน่ะ”

 

โจมตีไปที่ บาบาร์ทอส แทน ดันทาเลี่ยน

 

นี่คือเเผนการของผู้หญิงคนนี้

 

ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณใน ขณะนี้ไม่มีใครกล้าเปิดปาก ผู้คนต่างมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง

 

เมื่อครู่นี้ สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำก็ไม่ต่างกับการประกาศสงครามกับบาร์บาทอสซึ่งเป็นเพื่อนแม่ทัพด้วยกัน แม้ว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำทั้งหมดจะก่อให้เกิดความสงสัย เเละความสงสัยนั้นสามารถยุติวิถีการเมืองได้

 

บาร์บาทอสจ้องมาที่ผู้หญิงคนนี้เป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่มีความเป็นศัตรูหรือความโกรธ มีเพียงเสียงเยาะเย้ยอันเงียบสงบแทรกซึมผ่านเธอ

 

“······อืม. ข้าพบว่ามันแปลกที่จู่ๆ ก็มีนังตัวเมียอย่างเเกอยากจะเอา ดันทาเลี่ยน ไปจากข้า ข้าเลยคิดว่าเเกกำลังเเกล้งแสดงตามเเรงกระตุ้นของสถานการณ์ที่เป็นอยู่โดยปล่อยให้ความคิดโง่ๆเข้าครอบงำตัวเเเกเองอีกเเล้วสิ  แต่เเกเเน่ใจเเล้วใช่มั้ย เเกกำลังพยายามอยากจะสู้กับข้าในช่วงสงครามตอนนี้อีกใช่มั้ย?

 

“โอ้ที่รัก นั่นคือการตีความที่เกินจริงไปหน่อยนะ บาร์บาทอส สิ่งเดียวที่ผู้หญิงคนนี้พูดคือเธออยากรู้ อยากรู้ว่าเธอแต่งตั้ง ดันทาเลี่ยน เป็นผู้กล่าววจนะ แล้วเธอก็โจมตีเขาทันทีหลังจากที่พูดจบ? มองยังไงมันก็ไม่ยุติธรรมเลย”

 

“อะไร? เเกคิดว่าข้าจะส่ง ดันทาเลี่ยน ไปพูดเเล้วคิดว่าข้าจะกำจัดมันทิ้งหลังจากมันพูดจบเรอะ? นี่เเกกล่าวหาว่าข้าเป็นคนปลุกระดมทำทุกอย่างตั้งเเรกเรอะ”

 

“ใครจะรู้? ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริงสักหน่อย ผู้หญิงคนนี้เพียงต้องการแสดงการคัดค้านต่อการตัดสินคดีทางทหารนี้ด้วยความเร่งรีบมากกว่าการมาระวัง มีความเป็นไปได้ที่ ดันทาเลี่ยน อาจกลายเป็นพยานคนสำคัญ ใช่เเล้ว และถ้าเป็นไปได้ในขณะเดียวกันก็ดึงเขาเข้าสู่ฝ่ายผู้หญิงคนนี้ด้วยเช่นกัน”

 

“·······”

 

เงียบไปครู่หนึ่ง

 

“อะฮะ พูฮะฮะ—, พูฮะฮ่าฮ่าาา—!”

 

ทันใดนั้น บาร์บาโตสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

ผู้คนต่างตกตะลึงและเหลือบมองกัน แม้ว่าเธอกำลังเผชิญกับการประกาศสงคราม เเต่ท่าทางของเธอก็ห่างไกลจากความโกรธ เเละเธอก็หัวเราะออกมา สำหรับคนอื่นเเล้ว นี่น่าจะเป็นภาพที่น่าสับสนทีเดียว

 

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนี้รู้ดี บาร์บาทอสเป็นผู้หญิงแบบนั้นเสมอมา บุคคลที่สร้างความกลัวให้กับผู้คนโดยไม่หัวเราะเมื่อควร และหัวเราะเมื่อไม่ควร

 

บาร์บาทอสหัวเราะอย่างสะใจจนน้ำตาก่อตัวขึ้นที่หางตา

 

“ใช่ อืม. ถูกตัองเเล้ว. เเกเองก็เป็นพวกระยำแบบนั้นเองสินะไพม่อน เเกเป็นผู้หญิงเลวเจ้าเล่ห์เสมอล่ะ เเกแสร้งทำตัวเป็นรองเท้าคู่ที่ดี และหยิบของใช้ที่มีขนาดเท่าหางหนู  คราวที่แล้วเเกก็มาตั้งข้อสงสัยว่าข้าสร้าง โรคภัยสีดำ และตอนนี้เเกก็กำลังปลุกปั่นว่าจริงๆเเล้วข้าเป็นคำทรยศเชื้อชาติงั้นเรอะ? อิย๊าาาา. ตัวเมียอย่างเเกนี่มันช่างน่าประทับใจจริงๆ ! ได้  ข้ายอมรับ! ข้ายอมรับมันก็ได้! ยอมรับว่าความจริงเเกเเม่งเป็นเเค่ไอ้เหี้ยสารยำขั้นสุดไปเลย ไพม่อน( motherfucker)  !”

 

“·······”

 

“ถ้าอย่างนั้นเเล้วเเกอยากจะทำอะไรต่อไปล่ะ? อย่างที่เเกเห็น ตอนนี้การตัดสินคดีทางทหารนั้นมันเป็นไปไม่ได้เเล้ว ข้าควรเรียกพวกจอมมารที่อยู่หลังพวกเรามารวมตัวกันเลยไหมวะ? เเค่ต้องจัดงาน วัลเพอร์กิส ที่นี่หรือไงล่ะ? มันสมควรไหมถ้าข้าโดนตัดสินโทษตายเพราะข้อหากระทำการทรยศหักหลังน่ะ? หรือข้าควรแบกรับความสงสัยของคนรอบตัว แบบว่า โอ้ ท่านไพมอน เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ให้ข้าอธิบายให้ฟังแบบนี้ดีไหม”

 

บาร์บาทอสถุยน้ำลายบนพื้น

 

“ฮา ไอ้เวร ไอ้กะหรี่ เเกทำได้ดีมากเเกทำมันตอนที่ศัตรูอยู่เเค่ตรงหน้าเรา การเดินทางของ พันธมิตรจันทร์เสี้ยว มันงจบลง มันจบลงแล้ว ไม่ว่ายังไงเเกก็เป็นอีกะหรี่มือที่สามชอบทำให้ทั้งครอบครัวเเตกเเยก”

 

เหล่าจอมมาร ในเครือของ ฝ่ายผืนราบ กำลังยืนอยู่ในแถวผ่าน บาบาร์ทอส พวกเขาทั้งหมดแสดงเจตจำนงต้องการฆ่าในขณะที่จ้องมองมาทางนี้ ฝ่ายนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน สหายของสตรีผู้นี้ต่อต้านเจตนาฆ่าด้วยการขบเคี้ยวฟันเเละขู่กลับไป ด้วยเหตุนี้ พันธมิตรจันทร์เสี้ยว จึงเเตกแยกออกเป็นสองฝ่ายทันที เหล่าจอมมารของฝ่ายที่เป็นกลาง พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้ทุกคนสงบลง แต่นี่มันเกินความสามารถของพวกเขาไปเเล้ว

 

ท่ามกลางกองทัพที่ถูกกวาดล้างด้วยความโกลาหล

 

“·······”

 

ดันทาเลี่ยน กำลังยืนและจ้องมาที่ผู้หญิงคนนี้

 

ดวงตาของเขาดำสนิทราวกับก้นบ่อ เป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงคนนี้ที่จะคาดเดาว่าความคิดและอารมณ์ใดที่แฝงอยู่ใต้ดวงตาคู่นั้น รู้สึกราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างหรือพยายามวัดความตั้งใจของผู้หญิงคนนี้อยู่

บาร์บาทอสพูดไปทางดันทาเลียน

 

“ดันทาเลียน”

 

“······ครับ ท่านเจ้าคุณ”

 

“ข้าจะเลื่อนการลงโทษเเบบไม่มีกำหนดไปก่อน เเละให้เเกเข้าไปอยู่ห้องขังซะ อยู่ตรงนั้นไปจนกว่าเราจะหารือเกี่ยวกับความผิดของเเกออกมาได้อย่างถูกต้องเเล้ว เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง”

 

ดันทาเลี่ยน พยักหน้า

 

“เข้าใจแล้ว ยังไงก็ตาม นอกจากตัวผมแล้ว ผมขอให้อภัยให้กับข้าราชบริพารที่เหลือของผม ตลอดฤดูหนาวด้วย ข้าราชบริพารของผมได้มาจากกาารเกณฑ์ทหารรับจ้างและสุมกองกำลังได้ถึง 7,000 นาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะไม่ไร้ประโยชน์เเน่นอนเมื่อต่อสู้กับมนุษย์”

 

“ก็ได้ ก็ได้. เเค่นี้เเล้วใช่มั้ย”

 

จากนั้น บาบาร์ทอส ก็นำกลุ่ม ฝ่ายผืนราบ ของเธอลงมาจากเนินหิน จากจุดนี้เป็นต้นไป ฝ่ายผืนราบ จะแยกตัวออกจากแนวร่วมและทำสงครามเพียงฝ่ายเดียว การกระทำของบาร์บาทอสได้แสดงเจตจำนงดังกล่าวออกไปเเล้วโดยปริยาย

 

มาร์บาสถอนหายใจ

 

“เราเเตกหักเสียเอง ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้นขึ้นอีก? โอ้ ไพมอน นี่คือความหมายของเป้าหมายของเธอจริงหรือไม่กัน? ข้าไม่เข้าใจตัวเธอในตอนนี้เลย”

 

“······มาร์บาส”

 

“ข้าจะเป็นคนคุมตัว ดันทาเลี่ยน กับสถานการณ์หลายๆอย่างที่เพิ่งเกิดเอง เราไม่สามารถเชื่อใจเธอและ บาบาร์ทอสได้  คงจะดีถ้าการเฝ้าระวังคงทำโดยฝ่ายต่าง ๆ ในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม หากพันธมิตรจันทร์เสี้ยวนี้ล้มเหลว  มันจะเป็นครั้งที่เท่าไร่กัน······?

 

บาร์มาส ค่อยๆ มองออกไปสู่พื้นที่ว่าง ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของผู้หญิงคนนี้รู้สึกชาเพราะดวงตาของทหารผ่านศึกซึ่งเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

 

มาร์บาสคงออกมาทำสงครามในครั้งนี้ด้วยความตั้งใจอย่างเเท้จริง เพื่อหวังว่าจะประสบความสำเร็จในการก่อร่างเป็นพันธมิตรจันทร์เสี้ยวได้ แม้ว่าจะเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็เพิกเฉยต่อเจตนาของ มาร์บาส ผู้หญิงคนนี้เป็นคนทำให้มันล่มลงเอง······.

 

โดยไม่ทิ้งคำพูดใดๆ อีกต่อไป มาร์บาสจากไปในขณะที่เป็นผู้นำกลุ่มฝ่ายเป็นกลาง สิ่งเดียวที่เหลืออยู่บนเนินเขาในตอนนี้คือสมาชิกของฝ่ายขุนเขา รวมทั้งผู้หญิงคนนี้ด้วย เด็กที่มีตำแหน่งสูงสุดคนหนึ่งในกลุ่มขุนเขา รองจากผู้หญิงคนนี้ สิตรี เดินเข้ามาและพูดออกมา ด้วยสีหน้าตื่นเต้น

 

“พี่ใหญ่ไพมอน ท่านสุดยอดมาก! ย่าห์. ไอ้พวกฝ่ายผืนราบ ภาพที่พวกมันจ้องมองมาที่พวกเราเพราะท่านจู่โจมแบบสายฟ้าเเล่บเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การดูยิ่งนัก ยังไงก็ตาม พวกผู้ชายนี่มีแต่เรื่องบ้าๆ บอๆ พยายามแสร้งทำเป็นว่าตนอยู่บนหลังม้าสูงเสมอเลยเนาะ!”

 

“·······”

 

ไม่ใช่แค่สิตรีเท่านั้น สหายขุนเขาคนอื่นๆ ของสตรีคนนี้ก็แสดงปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน เธอคงรู้สึกสะใจกับสิ่งที่ ไพม่อนทำ สำหรับสิตรีเองเเล้ว เธอคงไม่คิดว่าเราจะตอกหน้าบาบาร์ทอสไปเเบบนั้น ······· โดยไม่หยุดตอนนี้เธอยังทำการสรรเสริญต่อผู้หญิงคนนี้ไม่หยุดหย่อนเลย

 

ฐานทัพของ ฝ่ายขุนเขา อยู่ห่างจากสงครามพอสมควรและอยู่ใกล้กับภูเขาและแนวชายแดน แม้ว่าการร่วมมือของ พันธมิตรจันทร์เสี้ยว จะล้มเหลวลง เราก็ไม่ได้รับความเสียหายที่รุนแรงเท่ากับที่ ฝ่ายผืนราบ หรือ ฝ่ายเป็นกลาง ต้องเจอ ดังนั้นทัศนคติของพวกเราต่อสงครามจึงไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่นัก แม้ว่าการร่วมมือกันจะล้มเหลว แต่ก็มีครั้งต่อไปเสมอ ฝ่ายเรายังคงคิดบวกอยู่

 

ผู้หญิงคนนี้ไม่เชื่อว่ามันผิด สงครามทุกครั้งทำให้กำลังคนและความมั่งคั่งสูญเปล่าไปอย่างมาก ถ้าเป็นไปได้ การแก้ไขปัญหาด้วยการทูตเป็นวิธีการที่ดีที่สุด นั่นคือเหตุผลที่ผู้หญิงคนนี้ได้เจรจากับจักรวรรดิอย่างลับๆ มาจนถึงตอนนี้ และได้เตรียมปฏิบัติการต่างๆ อยู่เบื้องหลัง

 

อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของ บาร์บาทอส และเสียงถอนหายใจของ มาร์บาส ด้วยเหตุผลบางอย่าง เสียงเหล่านี้ติดอยู่ที่หูของผู้หญิงคนนี้และไม่ยอมตกหล่นหายไป

 

ราวกับพยายามสลัดบางสิ่งที่ไม่ยอมหายไปให้ออก ผู้หญิงคนนี้หันมองไปทางกองทัพมนุษย์ที่อยู่ตรงข้ามกับที่ราบ ธงจำนวนนับไม่ถ้วนที่โบกสะบัดอยู่ในสถานที่นั้นและอดทนต่อลมแห่งฤดูที่ใกล้เข้ามาล่วงหน้า สงครามน่าจะปะทุขึ้นในไม่ช้านี้

 

“·······”

 

เดือนที่ 4 วันที่ 3

 

เหมันย์ลาจากวสันตฤดูเบ่งบานอีกครั้ง

 

ผู้หญิงคนนี้ทำได้เพียงหลับตาลงก่อนจะหันไปมองเหล่าสายตาคนของเราที่อาเจียนออกมาเป็นเลือดในช่วงประวัติศาสตร์อันมืดบอดนี้ แม้ว่าดอกไม้ทั้งหมดจะมีกลิ่นหอมออกมาตอนที่มันบานสะพรั่ง ผู้หญิงคนนี้ก็ขอหลับตาแบบนี้ตลอดไป แม้แต่อารมณ์เช่นนี้เองก็ยังคงแอบอยู่ในมุมของจิตใจของผู้หญิงคนนี้

 

before the sight of our people trying to vomit blood during this blindness of history, even though the flowers were all respectively emanating a fragrance while in full bloom. This lady wishes to keep her eyes closed like this forever. Even emotions like this dwelled in the corners of this lady’s mind.

 

 

 

“ท่านพี่ใหญ่ไพม่อน ทำไมเรายังไม่ไปไหนอีกคะ? เราควรเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามได้เเล้วนะ”

 

อย่างไรก็ตาม มีเสียงที่ดึงผู้หญิงคนนี้ออกมา

 

เมื่อผู้หญิงคนนี้ลืมตาขึ้น มีจอมมารที่รอคำสั่งของผู้หญิงคนนี้เพียงผู้เดียว ตัวตรงต่อหน้าเธอ ขณะที่ผู้หญิงคนนี้เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ เเละพยักหน้าออกมา

 

“······ใช่. สิตรีและคนอื่นๆ กลับไปที่ค่ายทหารและสั่งให้ทหารของเราเข้าสู่รูปแบบการต่อสู้ สิตรี โปรดยืนเป็นทัพหน้าของเรา ผู้หญิงคนนี้จะอยู่ที่กลางทัพและตามเธอไป”

 

“โอเค. ฝากแนวหน้าไว้ที่ฉันได้เลยท่านพี่! ตั้งแต่ฉันเกิด สิ่งเดียวที่ฉันรู้ก็คือต้องต่อสู้!

 

สิตรีหัวเราะ อีฮิฮิ อย่างไร้เดียงสา คงจะไม่มีให้เห็นที่ไหนที่มีเเม่ทัพกำลังกระโดดเข้าสู่สนามรบในไม่ช้านี้เเละยังยิ้มออกมาได้ ถึงจะเป็นความซื่อของสิตรีเองก็ตามที

 

ไม่เป็นไร หากเธอยังคงความไร้เดียงสานี้ต่อไปได้ ผู้หญิงคนนี้สามารถยิ้มได้ต่อไปอยู่เช่นกัน ผู้หญิงคนนี้ทำได้ แม้ว่าจะเป็นสงครามที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะก่อ ผู้หญิงคนนี้จะทำทุกอย่างเพื่อได้ชัยชนะมาเเน่นอน

 

“ทุกคน. สั่งให้ผู้ถือธงยกธงขึ้นมา เป่าแตร. ถึงเวลายาทตราทัพเเล้ว”

 

”ตามคำสั่ง ท่านผู้บัญชาการ!”

 

ฝ่ายขุนเขาทั้งหมดที่นี่ตอบสนองพร้อมกัน

 

เราไม่ควรโจมตีทัพที่นำโดยเจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งจักรวรรดิ นั่นคือทางเข้าไปสู่นรก กองทัพที่อ่อนแอที่สุดใน พันธมิตรมนุษย์ หรือที่รู้จักในชื่อ พวกครูเซดเดอร์ น่าจะเป็นกองทัพจักรวรรดิของ ฟรานเซีย······· แม้ว่าสาธารณรัฐบัตาเวียจะขึ้นชื่อในด้านความอ่อนแอที่สุดในการทำศึก······ใช่ แน่นอนว่าเราต้องมุ่งเป้าไปที่กองทัพจักรวรรดิอยู่เเล้ว

 

 

⎯⎯ บูนนนนนนนนนนนนนนนน ······.

 

กว่าที่เราจะรู้ตัว ก็ได้ยินเสียงแตรที่เป่าออกมา พวกมันคือเสียงเเตรเขาของ ฝ่ายผืนราบ ดูเหมือนว่าบาร์บาทอสเองก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เมื่อเห็นทิศทางของการเดินทัพ······· พวกเขากำลังมุ่งหน้าตรงไปยังกองทัพของจักรวรรดิแห่งฮับส์บวร์กซึ่งมีเจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งจักรวรรดิเป็นคนคอยสั่งการ ช่างน่าสงสารจัง

 

“ท่านพี่ การเตรียมการเสร็จแล้ว! ขอคำสั่งด้วยค่ะ!”

 

สิตรี วิ่งมาเหมือนสุนัขและจ้องมาที่ผู้หญิงคนนี้

 

“เราควรเดินทัพตอนไหนดี? เราควรฆ่ามนุษย์คนไหนก่อน? ฮับส์บวร์ก? ฟรานเซีย? บริตตานี? โปแลนด์-ลิทัวเนีย? หรือเราควรกวาดล้างให้หมดในคราวเดียวไปเลยคะ?”

 

“ไม่. เราต้องไปกำจัดกองทัพจักรวรรดิแห่งฟรานเซียก่อน”

 

“ตกลงค่ะ!”

 

สิตรี เรียกสนับมือออกมาพร้อมกับเสียงดังตุ๊บ อากาศบริเวณนั้นถูกผลักเข้ามาจนผู้หญิงคนนี้เกือบทำพัดของเธอตก แม้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนธรรมดา แต่เธอก็มีข้อบกพร่องที่ว่าเธอชอบประพฤติตัวหุนหันพลันแล่นไปเสียหน่อย

 

ตอนนี้แล้ว

 

ไม่มีเวลาที่จะลังเล แม้ว่านี่เป็นสงครามที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เริ่มต้นและเป็นสงครามที่แต่เดิมผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วม ไม่ว่าในกรณีใด ผู้หญิงคนนี้กำลังยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้จะเกิดสงครามมากที่สุด โชคดีที่ความอยากให้สันติภาพก่อเกิดแต่ไม่ร่วมทำสงครามคือความประมาทเป็นสิ่งที่กองทัพของผู้หญิงคนนี้เป็นเเละตอนนี้กองทัพทหารของ ฟรานเซีย ก็กำลังป่วยด้วยโรคภัยสีดำ เราสามารถบดขยี้พวกมันได้อย่างง่ายดาย

 

ผู้หญิงคนนี้ยกปลายพัดขนนกของเธอขึ้นและชี้ไปยังทิศทางที่เราต้องไป

 

“ฝ่ายขุนเขา หน้าเดิน.”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

……………………………………….

จริงๆเเล้วเเผนของดันทาเลี่ยนคือหนีเมียเก่ามาหาเมียใหม่สินะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด