Rebuild World 11 เหยื่อ

Now you are reading Rebuild World Chapter 11 เหยื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 11 เหยื่อ

 

ในซากปรักหักพัง เอเลน่าและซาร่ายังคงค้นหารอยเท้า และในที่สุดเธอก็พบรอยเท้าของเด็ก รอยเท้าที่พวกเธอพบนั้นบางมากขนาดที่หากมีลมพัดคงทำให้มันหายไป เหตุผลที่พวกเธอสามารถหาร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ นี้จนเจอได้นั้นก็เพราะความอดทนและทักษะของเอเลน่า และมันคือรอยเท้าของอากิระจริงๆ ดังนั้นพวกเธอจึงค้นหาต่อไปอย่างอารมณ์ดีโดยคาดหวังว่าจะพบพื้นที่ที่ยังไม่ได้สำรวจตามข่าวลือ

 

ถึงจะเป็นอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่ได้ผลลัพท์อะไร พวกเธอเดินตามรอยเท้าเข้าไปในตึกร้างและค้นหาทั่วสถานที่ก็ไม่พบของมีค่าอะไรอยู่ข้างใน ถึงแบบนั้น พวกเธอก็ค้นหาต่อไปตามรอยเท้าที่คล้ายกันในอาคาร ในทางกลับกัน หมอกไร้สีก็หนาขึ้นเรื่อยๆ

 

หลังจากนั้นไม่นานซาร่า ก็ตระหนักว่าหมอกไร้สีนั้นค่อนข้างหนา และการมองเห็นของเธอก็พร่ามัวเมื่อมองผ่านกล้องส่องทางไกล เพื่อความปลอดภัย เธอจึงหันไปถามเอเลน่า

 

“เอเลน่า หมอกไร้สีหนาขึ้นเรื่อยๆ เราจะอยู่ที่นี่ต่องั้นเหรอ?”

 

เอเลน่าตอบคำถามของซาร่า หลังจากหยุดชั่วคราวในที่ที่ไม่มีผู้คน

 

“…นั่นสินะ ถึงมันจะเริ่มส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์รวบรวมข้อมูลแล้ว แต่มันไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่เราต้องถอนตัวจากการค้นหาของเรา”

 

“งั้นเหรอ? ถ้าเธอพูดแบบนั้นก็น่าจะไม่เป็นอะไร”

 

จากนั้นเอเลน่าก็ถามซาร่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

 

“แล้วเธอล่ะ? ตอนนี้เป็นไงบ้าง? ถ้าหากหมอกไร้สีเริ่มส่งผลเสียต่อเครื่องนาโนของเธอเราจะถอนตัวทันที ดังนั้นบอกฉันทันทีและอย่างปิดบังกัน ตกลงไหม?”

 

“ฉันสบายดีน่า อาจจะมีนิดหน่อย แต่ตอนนี้ฉันก็ยังสบายดี”

 

“ถ้าเธอพูดแบบนั้น… เอาเถอะ อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป เข้าใจไหม?”

 

ซาร่าหัวเราะให้เอเลน่าอย่างขี้เล่นเพื่อให้เธอเลิกกังวล

 

“ฉันบอกแล้วไงว่าสบายดี หากมีอะไรเกิดขึ้น ฉันสามารถอุ้มอะไรหนักๆวิ่งหนีได้เลย ฉันยังมีพลังงานสำรองอยู่อีกเยอะขนาดนั้นเลยรู้ไหม?”

 

จากนั้นเอเลน่าก็ตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มอย่างหยอกล้อ

 

“เฮ้ นี่เธอจะบอกว่าฉันอ้วนเรอะ!”

 

“บร้าาาา! ฉันกำลังพูดถึงอุปกรณ์ของเธอต่างหาก ไม่มีความหมายอื่นจริงจริ๊งง…”

 

เอเลน่าและซาร่าหัวเราะขณะที่พวกเธอหยอกล้อกัน เหมือนเป็นสิ่งยืนยันว่าพวกเธอไม่เป็นไรจริงๆ

 

เอเลน่าไม่ได้โกหก แม้ว่าหมอกจะส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์รวบรวมข้อมูล แต่ผลกระทบก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่คงไม่ดีแน่หากหมอกหนาขึ้นไปอีกระดับ และดูจากสภาพหมอกตอนนี้แล้ว มีความเป็นไปได้สูงมาก

 

หากเป็นวันอื่นเอเลน่า คงตัดสินใจถอนตัวเนื่องจากอันตราย แต่วันนี้เธอทำไม่ได้ หากพวกเธอกลับไปมือเปล่า สถานการณ์ทางการเงินของพวกเธอจะแย่ลงไปอีก มีโอกาสที่ซาร่าจะเลื่อนการเติมเครื่องนาโนของเธอออกไป ซึ่งจะเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับซาร่า เพราะแบบนั้นเอเลน่าจึงต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม และเธอก็พยายามค้นหานานขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

และซาร่าก็ไม่ได้โกหกเช่นกัน สถานการณ์ของเธอเหมือนกับอุปกรณ์รวบรวมข้อมูลของเอเลน่า ตอนนี้เธอมีปัญหานิดหน่อย แต่ถ้าซาร่าแนะนำให้เอเลน่าหยุดการค้นหาเพราะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย เอเลน่าคงรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน และหากเธอแสดงอาการอ่อนแอออกมา เอเลน่าอาจจะไปที่ซากปรักหักพังเพียงลำพังโดยไม่มีเธอซึ่งเป็นพลังยิงหลักในทีม และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการให้เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ ซาร่าจึงฝืนตัวเองเพื่อไม่ให้เอเลน่าเป็นห่วงเธอ

 

เอเลน่าและซาร่า มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำงานเป็นนักล่า เมื่อก่อนพวกเธอสามารถสำรวจซากปรักหักพังที่อันตรายกว่านี้เพื่อหาเงิน แต่หลังจากผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากบางอย่าง สภาพทางการเงินของพวกเธอก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ พวกเธอจึงมีเงินน้อยลงในการเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของพวกเธอลดลงเมื่อค้นหาในซากปรักหักพัง พวกเธอเข้าสู่วงจรอุบาทว์ แทนที่จะได้เงิน พวกเธอต้องใช้จ่ายเงินจนไม่เหลือกำไรไปกับการเดินทางแต่ละครั้งตั้งแต่นั้นมา ในการเดินทางครั้งนี้ก็เช่นกัน ซาร่าเลือกที่จะไม่เติมนาโนแมชชีนเพื่อที่จะเดินทางมาตามข่าวลือที่เธอเชื่อ

 

นักล่าที่ตกอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบนั้นจะพยายามเสี่ยงโชคด้วยความหวังว่าจะถูกรางวัลใหญ่ เพื่อจะหนีจากวงจรนั้น หากชนะการเดิมพัน นักล่าจะสามารถฟื้นคืนชีพอีกครั้งในฐานะนักล่าฝีมือดีผู้มั่งคั่ง แต่ถ้าพวกเขาแพ้พนัน พวกเขาจะตกอยู่ในความยากลำบากมากขึ้นเนื่องจากสูญเสียสิ่งที่เดิมพันไป

 

เอเลน่าและซาร่ากำลังเดิมพันกับข่าวลือเพื่อที่จะเปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ของพวกเธอให้ดีขึ้น แต่เนื่องจากความปรารถนาที่จะออกจากสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเธอ ทำให้พวกเธอตัดสินใจโดยประมาทไปอย่างไม่รู้ตัว การที่พวกเธอเชื่อสิ่งที่ไม่มีอะไรยืนยันเลยก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์เรื่องนั้น

 

โดยสถานการณ์ปกติ พวกเธอจะหยุดค้นหาลงตรงนี้ แต่เอเลน่าและซาร่าวางเดิมพันแล้วว่าพวกเธอจะต้องได้อะไรกลับไปบ้าง ทำให้ทั้งคู่ลืมตัวลดความระมัดระวังลง

 

***

 

มีนักล่าอีกหลายคนนอกจากเอเลน่าและซาร่าที่มาที่ซากปรักหักพังของเมืองคุซึซึฮาระเพื่อไล่ตามข่าวลือ แต่ส่วนใหญ่ละทิ้งการค้นหาและเดินทางกลับ แม้แต่พวกที่อยากจะค้างแรมก็ตัดสินใจกลับเช่นกันเนื่องจากหมอกไร้สีที่หนาขึ้น

 

มีนักล่าส่วนน้อยที่ไม่ได้จากไป คนเหล่านี้คือนักล่าตกอับซึ่งถูกล่อลวงด้วยข่าวลือ เนื่องจากอันตรายแถวนี้ค่อนข้างน้อยและนี่ก็เป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะพลิกสถานการณ์ได้ภายในครั้งเดียว นักล่าเหล่านี้จึงยังคงหมกมุ่นอยู่กับการค้นหา

 

แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไรตามข่าวลือในซากปรักหักพังนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มรู้สึกรำคาญและหงุดหงิด ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเขามีแต่จะอารมเสียมากขึ้นเรื่อยๆ

 

พวกเขาไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาเริ่มมองหาวิธีอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งบางอย่าง เพื่อไม่ให้การเดินทางของพวกเขาเสียเปล่า แทนที่จะค้นหาซากปรักหักพังที่มีข่าวลือนี้ต่อไปและเสียความพยายามและเวลาไปเปล่าๆ พวกเขาเริ่มหันเหความสนใจไปที่สิ่งอื่นที่มีค่า…

 

***

 

เอเลน่ากำลังสำรวจซากปรักหักพังด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม หมอกไร้สีหนาขึ้นเร็วกว่าที่เธอคาดไว้ และผลกระทบของมันต่ออุปกรณ์รวบรวมข้อมูลของเธอก็รุนแรงขึ้น ระยะการตรวจจับของอุปกรณ์ลดลงอย่างมาก และด้วยเหตุนี้ โอกาสที่พวกเขาจะถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวก็สูงขึ้นตาม

 

(…แย่มาก ไม่คิดเลยว่าหมอกจะหนาขนาดนี้ในเวลาอันสั้น ทำยังไงดี)

 

เอเลน่าหันไปพูดกับซาร่าในขณะที่รู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจทำการค้นหาต่อ

 

“ซาร่า เราไปต่อไม่ได้แล้ว เราควรกลับเดี๋ยวนี้”

 

“ฉันเข้าใจ…”

 

“ระยะการตรวจจับเล็กลงมาก เราน่าจะกลับตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ขอโทษนะ”

 

“ไม่เป็นไร ไม่ควรมีสัตว์ประหลาดมากนักในเขตชานเมือง ตราบใดที่เรากลับไปอย่างระมัดระวัง คงไม่มีปัญหาอะไร”

 

เมื่อเห็นเอเลน่าโทษตัวเอง ซาร่าก็ยิ้มกลับโดยที่ไม่มีร่องรอยของการตำหนิ เอเลน่ายิ้มตอบและเปลี่ยนอารมณ์เพราะเธอเข้าใจว่าไม่มีความหมายในการเสียใจในตอนนี้

 

เอเลน่าและซาร่าตัดสินใจเดินทางกลับ พวกเธอเคลื่อนผ่านรอบนอกของซากปรักหักพังเพื่อมองหารถที่พวกเธอจอดไว้ โดยปกติแล้ว ชานเมืองเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ตอนนี้มันถูกปกคลุมไปด้วยหมอกไร้สี มันกลายเป็นสถานที่ที่อันตราย

 

เนื่องจากการมองเห็นของพวกเธอแย่ลงเพราะหมอก ความน่าจะเป็นที่จะเผชิญหน้ากระชั้นชิดกับสัตว์ประหลาดจึงเพิ่มขึ้น มันลดอัตราการรอดชีวิตของนักล่าที่อาศัยการโจมตีระยะไกลลงอย่างมาก

 

หากพวกเธอพบกับสัตว์ประหลาดที่มีพลังมหาศาลภายในหมอกนี้ พวกเธอจะถูกบังคับให้ต่อสู้กับมันในระยะประชิด และนั่นจะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก

 

ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ขณะที่เอเลน่าและซาร่ากำลังเคลื่อนไหวอยู่ในหมอก เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยความผิดเพี้ยนของเสียงที่เกิดจากหมอก พวกเธอรู้ว่าแหล่งที่มาของกระสุนปืนนั้นไม่ไกลนัก มันอยู่หลังซากปรักหักพังที่กองอยู่  ซาร่าเตรียมปืนของเธอให้พร้อมในขณะที่เอเลน่าใช้อุปกรณ์รวบรวมข้อมูลของเธอและใช้ฟังก์ชั่นทั้งหมดในการตรวจจับศัตรู

 

“เอเลน่า?”

 

“แปปนึง… ฉันได้สัญญาณบางอย่างที่น่าจะเป็นจุดที่ปืนถูกยิง ดูเหมือนว่านักล่า 8 คนกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาด 1 ตัวและพวกนั้นกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา!”

 

เธอเห็นนักล่ากำลังวิ่งหนีจากจุดที่กระสุนถูกยิง และนักล่าเหล่านี้ยังถูกไล่ล่าโดยสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ แม้ว่าพวกนักล่าจะยิงตอบโต้ในขณะที่วิ่งหนี แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าสัตว์ประหลาดจะถูกฆ่าในเร็ว ๆ นี้

 

เอเลน่าวิเคราะห์สถานการณ์

 

“จากที่ดู ดูเหมือนว่านักล่าพวกนี้ไม่มีอำนาจการยิงระยะใกล้ นอกจากนี้ สัตว์ประหลาดดูเหมือนจะค่อนข้างแข็งแกร่ง… นักล่ากลุ่มนั้นไม่สามารถเอาชนะมันได้ด้วยอุปกรณ์ที่มี เราต้องเข้าร่วมการโจมตี ด้วยระยะนี้มันจะไล่ตามเราทันแม้ว่าเราจะวิ่งหนีก็ตาม เราต้องจัดการมันทันที”

 

“รับทราบ.”

 

ซาร่าเล็งปืนกระบอกใหญ่ของเธอไปที่สัตว์ประหลาด จากนั้นเอเลน่าก็ตะโกนใส่นักล่าที่วิ่งมาทางเธอ

 

“หลบออกข้างไปซะ!”

 

นักล่าที่ได้ยินคำพูดของเธอตอบสนองทันทีและหยุดการยิงกลับไปที่สัตว์ประหลาดและวิ่งไปหาเธอ

 

สัตว์ประหลาดตัวใหญ่มากจนเอเลน่า มองเห็นได้ชัดเจนแม้แต่ในหมอกหนา มันเป็นสัตว์ประหลาดกินเนื้อขนาดใหญ่ ขนเส้นหนาของมันไม่สามารถซ่อนมัดกล้ามเนื้อที่อยู่ภายในได้มิด สัตว์ประหลาดเปิดปากขนาดใหญ่ของมันให้เห็นเขี้ยวอันคมกริบ ในขณะที่มันพยายามที่จะกินนักล่าเหล่านั้น

 

ซาร่าซึ่งกำลังเล็งปืนไปที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นพบบางสิ่งที่แปลกประหลาด ด้วยอุปกรณ์เล็งของเธอ เธอสามารถเห็นว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้แม้จะได้รับการโจมตีจากนักล่า แต่มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย  ในตอนแรกเธอคิดว่าอาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งอันยอดเยี่ยมของมันที่ทำให้สัตว์ประหลาดไล่ล่าเหล่านักล่าโดยไม่สนใจบาดแผลจากกระสุนปืน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น

 

[…ขนหนาๆ ของมันกันกระสุนเหรอ? หรือว่านักล่าพวกนี้ใช้ของกากๆ? หรือว่ากำลังวิ่งหนีก็เลยยิงกันไม่โดน? ช่างแม่ง เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง!]

 

ซาร่าโยนคำถามในใจทิ้งแล้วเหนี่ยวไก กระสุนขนาดใหญ่ที่ยิงออกมาจากปืนใหญ่ของเธอโดนสัตว์ประหลาดตรงหัวของมัน เลือดสดกระเซ็นออกจากหัวของมันและล้มลงกับพื้น ขณะเรื่องนี้เกิดขึ้น เหล่านักล่ายังคงวิ่งต่อไปโดยไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างหลังพวกเขา

 

เอเลน่าเห็นบางอย่างแปลกๆ เกี่ยวกับนักล่าเหล่านี้ พวกเขาน่าจะแสดงสีหน้าสิ้นหวังขณะที่วิ่งหนีในสถานการณ์ความเป็นความตาย แต่กลับไม่มีสีหน้าแสดงความหวาดกลัวหรือแม้แต่ความยินดีที่ได้พบคนที่เข้ามาช่วยพวกเขา

 

เธอไม่มีเวลาคิดเกี่ยวเบื้องลึกเบื้องหลัง เนื่องจากหมอกหนาไร้สี เธอยอมให้สัตว์ประหลาดและนักล่ากลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้พวกเธอ และเนื่องจากเธอให้ความสำคัญกับการกำจัดสัตว์ประหลาด เธอจึงตอบสนองต่อนักล่าเหล่านี้ช้า

 

นักล่าเหล่านี้วิ่งผ่านเอเลน่าและซาร่าไปโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยคำขอบคุณแม้แต่คำเดียว แล้วมีคนหนึ่งโยนบางอย่างไปที่เท้าของเอเลน่า

 

เอเลน่าและซาร่าตกใจมากเมื่อรู้ว่ามันเป็นระเบิดมือ ซาร่าที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วคว้าตัวเอเลน่าทันทีและพยายามวิ่งหนีจากที่นั่น แต่มันก็ช้าไปเล็กน้อย  

 

ระเบิดมือก็ระเบิดและโยนร่างของพวกเธอขึ้นไปในอากาศ

 

ซาร่าช่วยเอเลน่าจากการระเบิดและสามารถปกป้องเธอได้ แต่แรงระเบิดทำให้เธอกระเด็นออกจากเอเลน่าก่อนจะร่วงลงพื้นอย่างแรง หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่เธอก็ตั้งสติได้ในทันทีและตระหนักว่าเธอนอนอยู่บนพื้นโดยไม่มีการป้องกัน เธอรีบลุกไปซ่อนตัวอยู่หลังซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว

 

จากนั้นเธอก็พยายามยืนยันความปลอดภัยของเอเลน่าในทันที แต่เธอไม่พบเอเลน่าในบริเวณใกล้เคียง เธอกำลังจะเรียกหาเอเลน่า แต่กลับมีเสียงของผู้ชายพูดขึ้น

 

“เฮ้ย แกน่ะ!! ทิ้งอาวุธซะ ถ้าไม่อยากให้เพื่อนของแกตาย”

 

จากนั้นซาร่าก็ได้ยินเสียงของเอเลน่าจากทิศทางเดียวกัน

 

“ซาร่า!! อย่านะ!! เธอจะวิ่งหนีหรือยิ่งไอ้เวรนี่ก็ได้แต่อย่ายอมนะ!!”

 

ซาร่าแสดงสีหน้าเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าสถานการณ์ค่อนข้างร้ายแรง เอเลน่าถูกจับตัวไปโดยคนพวกนั้น

 

นักล่าจำนวนมากเดินทางเข้าซากปรักหักพังทุกวันเพื่อค้นหาวัตถุโบราณที่มีค่า จากนั้นพวกเขาจะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในซากปรักหักพัง ด้วยเหตุนี้ นักล่าหลายคนจึงถูกฆ่าตายในซากปรักหักพังและทิ้งอุปกรณ์ของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วซากปรักหักพัง

 

โดยปกติแล้ว คนต่อไปที่พบอุปกรณ์เหล่านั้นจะเป็นเจ้าของคนใหม่ แม้ว่าบางครั้งนักล่าที่ตายไปแล้วจะทิ้งจดหมายขอให้คนที่เอาอุปกรณ์ของพวกเขาไปขายเพื่อเป็นค่าดูแลพิธีฝังศพของเขาหรือเธอ บางครั้งก็ขอให้ส่งสิ่งของบางอย่างให้ครอบครัว… แต่ก็ไม่มีใครทำตามคำขอนั้น คนที่ค้นพบจะเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดที่อีกฝ่ายทิ้งไว้

 

แต่ก็มีนักล่านิสัยเสียบางคนที่จะเปลี่ยนจากการเป็นนักล่าไปเป็นโจรในซากปรักหักพัง แทนที่จะคอยเก็บของจากนักล่าที่ตายไป พวกเขาจะฆ่านักล่าคนอื่นและเอาทรัพย์สินของพวกเขา คนเหล่านี้จะถูกตั้งค่าหัว และพวกมันก็จะตายในฐานะเหยื่อของนักล่าอื่นๆอีกทอดหนึ่ง

 

นี่คือประเภทของนักล่าที่โจมตีเอเลน่าและซาร่า พวกมันอยากได้อุปกรณ์ของเอเลน่า และซาร่า นี่คือวันที่พวกเขาเปลี่ยนอาชีพจากนักล่าฝีมือดีมาเป็นโจรที่โหดเหี้ยม เป็นโชคไม่ดีของเอเลน่าและซาร่า พวกมันจงใจไม่ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น และใช้มันเล่นละครหลอกล่อเอเลน่าและซาร่าให้ลดการป้องกันลง

 

ปืนจ่อไปที่เอเลน่าจากด้านหลังของเธอ เอเลน่าจ้องมองย้อนกลับไปที่นักล่าด้านหลัง แต่ความรู้สึกของปากกระบอกปืนที่กดลงหลังหัวของเธอทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้

 

นักล่ากดปากกระบอกปืนหนักไปที่หัวของเอเลน่าและตะโกน

 

“หุบปาก! อยากตายรึไง?”

 

แต่เอเลน่าไม่แสดงความกลัวและตะโกนกลับ

 

“แค่มึงเหนี่ยวไก ก็ตายห่ากันหมดนี่แหละ!! ซาร่า!! อย่าไปฟังมัน!!”

 

“กูบอกให้หุบปาก!!”

 

นักล่าที่อยู่ข้างหลังเอเลน่าฟาดปืนไปที่หัวของเอเลน่าอย่างรุนแรง และเอเลน่าก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา ซาร่าที่ยังคงซ่อนตัวอยู่หลังซากปรักหักพัง กัดฟันแน่นพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้ง

 

ถ้าเธอทำตามคำพูดของเอเลน่า โดยการไม่สนใจอีกฝ่าย เธออาจจะสามารถฆ่านักล่าทั้งหมดได้ แต่ในทางกลับกัน เอเลน่า จะต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน

 

แต่ถ้าเธอเชื่อฟังคำสั่งของนักล่าและทิ้งอาวุธ เธออาจจะช่วยเอเลน่าได้ แต่ในทางกลับกัน มันจะทำให้สถานการณ์ของพวกเธอแย่ลงไปอีก ไม่มีการรับประกันว่าพวกมันจะทำอะไรพวกเธอหลังจากนั้น

 

ซาร่าไม่สามารถเลือกทางเลือกใดทางหนึ่งได้

 

จากนั้นนักล่าอีกคนก็ตะโกนราวกับว่าเขากำลังพูดให้ซาร่าได้ยิน

 

“ฆ่าเธอทิ้งซะ!! จากนั้นเราค่อยไปฆ่าผู้หญิงคนอื่นทีหลัง!!”

 

“เดี๋ยว!”

 

ซาร่าตะโกนตอบกลับและตัดสินใจ เธอทิ้งอาวุธของเธอและก้าวออกจากซากปรักหักพังโดยชูมือทั้งสองข้างขึ้น

 

เอเลน่าส่ายหัว แต่ซาร่ายิ้มให้เอเลน่า มีร่องรอยของความขมขื่นเล็กน้อยในรอยยิ้มนั้น จากนั้นซาร่าก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหานักล่าพร้อมกับทำหน้าจริงจังเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว

 

เมื่อเห็นซาร่าเดินเข้ามาหาพวกเขาโดยปราศจากอาวุธ พวกนักล่าก็หัวเราะอย่างน่ารังเกียจ ดูเหมือนซาร่าจะว่าง่าย พวกมันบางคนจึงลดปืนลง แต่ปืนที่อยู่ด้านหลังของเอเลน่ายังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม

 

ซาร่าขยับตัวช้าๆในขณะที่วัดระยะห่างระหว่างพวกมัน

 

(…ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกมันตั้งตัวไม่ทัน… มันยังไกลเกินไป… แต่ไม่เป็นไร ถ้าฉันเข้าไปใกล้พวกมันได้มากพอ ฉันสามารถทุบพวกมันได้ด้วยมือเปล่า)

 

หากใช้นาโนแมชชีนและเพิ่มความสามารถทางกายภาพของเธอจนถึงขีดจำกัด เธอจะสามารถเพิ่มความสามารถทางกายภาพของเธอได้ มันน่าจะเพียงพอในการตอบโต้นักล่ากลุ่มนี้ แม้ว่าซาร่าจะไม่เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาก่อนก็ตาม

 

แต่ในทางกลับกัน การเผาผลาญนาโนแมชชีนก็จะมหาศาลเช่นกัน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เธอจะใช้นาโนแมชชีนทั้งหมดของเธอจนหมดและตาย และแม้ว่าจะสามารถจัดการนักล่าเหล่านั้นได้โดยไม่ตาย แต่เธอก็จะเหลือเวลาไม่มากนักก่อนที่เธอจะตาย

 

หากซาร่า ไม่สนใจความปลอดภัยของเอเลน่า และยิงปืนตอบโต้ มันจะเป็นการลดการเผาผลาญนาโนแมชชีนของเธอให้น้อยที่สุด เอเลน่าจ้องมองซาร่าเป็นการบอกว่าเธอต้องการให้ซาร่าเลือกตัวเลือกนั้น แต่ซาร่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

 

ซาร่าได้ตัดสินใจแล้ว เธอเดินหน้าต่อไป เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะเป็นระยะการตอบโต้ของเธอ

 

“หยุดอยู่ตรงนั้น!! หยุดอยู่ตรงนั้นแล้วถอดชุดเสริมพลังและชุดเกราะออกซะ!”

 

นักล่าที่ตะโกนหัวเราะเมื่อเห็นซาร่าหยุดเหมือนกับที่เธอได้รับคำสั่ง

 

“ถึงไม่มีปืน ฉันก็ไม่อยากถูกซ้อมจนตายด้วยการเสริมร่างกายด้วยชุดนั่นหรอกนะ เราลดแรงระเบิดลงเพื่อให้อุปกรณ์ของแกไม่ได้รับความเสียหายก็จริง แต่การที่แกสามารถเอาชีวิตรอดได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บและยังไม่หมดสติ ดูเหมือนว่าแกจะมีอุปกรณ์ที่ดีพอตัว… ไม่ต้องกังวล เราจะใช้อย่างระมัดระวัง ได้ยินแล้วใช่ไหม ค่อยๆ ถอดมันออก”

 

“…โอเค”

 

ซาร่าทำตามที่มันบอก เธอถอดเสื้อผ้าและชุดเกราะของเธอ เธอจ้องมองพวกมันในขณะที่ตัวสั่นเพื่อทำให้อีกฝ่ายลดการป้องกันลงมากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าเธอก็เหลือเพียงชุดชั้นใน เมื่อเห็นสิ่งนี้ เสียงหัวเราะของนักล่าก็ยิ่งน่ากลัวขึ้น

 

ซาร่าต้องทนกับการจ้องมองของพวกมันในขณะที่ประเมินโอกาสในการตอบโต้ของเธอใหม่

 

(พวกมันเข้าใจผิดว่าชุดเกราะของฉันเป็นชุดเกราะเสริมร่างกาย… หมายความว่ามันไม่รู้ว่าฉันใช้นาโนแมชชีนเพื่อเพิ่มพลังกายภาพ ไม่เป็นไร วิธีเดิมยังใช้ได้อยู่)

 

ซาร่ายังคงจ้องมองพวกเขา

 

“…ฉันถอดมันออกไปแล้ว”

 

“อ๋อเหรอ?”

 

ทันใดนั้นกระสุนก็ทะลุต้นขาทั้งสองข้างของซาร่าและซาร่าก็ล้มลงกับพื้น เอเลน่ากรีดร้องและวิ่งไปหาซาร่าโดยลืมว่าเธอมีปืนจ่ออยู่ที่หัวของเธอ

 

คนที่ยิงซาร่าคือหัวหน้ากลุ่มนักล่า บูบาฮา(Bubaha) มันมองไปที่ซาร่า ซึ่งอยู่บนพื้นและยืนยันความปลอดภัยของพวกเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่ลูกน้องของเขาและชี้ไปที่ซาร่าพร้อมกับพูดว่า

 

“ยัยนั่นเป็นเด็กสาวที่ถูกดัดแปลงด้วยเทคโนโลยีนาโนแมชชีน เธอควรจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปสักสองสามเท่า ชุดที่เธอถอดออกมาเป็นเพียงชุดเกราะธรรมดา ไม่ใช่ชุดเสริมประสิทธิภาพร่างกาย ถ้าไม่อยากโดนหักคอ ก็ควรอยู่ให้ห่างจากเด็กนั่นไว้”

 

“อะไรนะ หัวหน้ารู้ได้ไง?”

 

“เหอะ มันสามารถบอกได้จากการเคลื่อนไหวของเธอและชนิดของอุปกรณ์ เพราะพวกแกไม่สามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ ทำให้พวกแกยังเป็นมือสมัครเล่นอยู่ไงล่ะ เมื่อคนที่ได้รับการดัดแปลงด้วยนาโนแมชชีนได้รับบาดเจ็บสาหัส นาโนแมชชีนจะจัดลำดับความสำคัญในการรักษาบาดแผลเป็นอันดับแรก มันทำให้การเคลื่อนไหวได้รับผลกระทบในช่วงเวลานั้น แต่พวกมันก็ยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป ดังนั้นถ้าพวกแกอยากเล่นกับพวกเธอ เล่นกับอีกคนแทนแล้วกัน”

 

จากนั้นบูบาฮา ก็ชี้ไปที่เอเลน่า ทุกคนจึงหันมาสนใจเธอ

 

เอเลน่าที่วิ่งไปหาซาร่ากอดเธอไว้แน่นขณะที่ซาร่ากำลังดิ้นทุรนทุรายบนพื้นด้วยความเจ็บปวด

 

ซาร่ายิ้มอย่างอ่อนโยน เครื่องจักรนาโนในร่างกายของเธอให้ความสำคัญกับการรักษาบาดแผลและการช่วยชีวิตของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อยู่ในสภาพที่จะสู้รบได้ เธออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยพลังของเธอเอง

 

“…ฉันขอโทษ ฉันทำพลาด”

 

“ทำไมไม่หนี…?”

 

เสียงของเอเลน่าสั่น ในขณะที่เธอถามคำถามที่เธอไม่ได้คาดหวังคำตอบ เธอคิดว่าถ้าซาร่าหนีไป อย่างน้อยซาร่าก็น่าจะปลอดภัย

 

“…ขอโทษ.”

 

ตรงกันข้ามกับคำตอบของเธอ ซาร่ายิ้มให้เอเลน่า “ขอโทษ” นั้นเต็มไปด้วยความหมายมากมาย ซาร่าและเอเลน่า มองไปที่นักล่าที่กำลังหัวเราะอย่างน่ารังเกียจขณะที่เดินเข้ามาหาพวกเธอ

 

แต่ในช่วงเวลาต่อมาบูบาฮากลับถูกยิงเข้าที่หน้าผากของเขาและเสียชีวิต

 

เสียงกระสุนปืนยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ นักล่าคนอื่นตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และก่อนที่พวกเขาจะทันตั้งตัว กระสุน 10 นัดก็ยิงใส่พวกเขาแล้ว คนที่ถูกยิงล้มลงกับพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สำหรับคนที่ไม่โดนยิงก็เริ่มสาปแช่งหญิงสาวทั้งสอง โดยคิดว่าพวกเธอยังมีเพื่อนคนอื่นด้วย  

 

“ให้ตายเถอะ!! มึงยังมีเพื่อนอยู่อีกเหรอวะ…!?”

 

เอเลน่าและซาร่าก็ประหลาดใจเช่นกันกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แต่เอเลน่าสามารถตั้งสติได้ในทันที จากนั้นเธอก็หยิบปืนจากนักล่าที่นอนกองอยู่บนพื้นใกล้เธอและยิงไปที่นักล่าคนอื่นๆที่ยังสามารถต่อสู้ได้ หลังจากนั้นเธอก็มองหาใครก็ตามที่ยังหายใจอยู่และยิงปืนเข้าที่ศีรษะคนละ 2 นัด ทำให้พวกมันหยุดหายใจ

 

แน่นอนว่านักล่าคนอื่นๆ ก็คิดที่จะฆ่าเอเลน่าเช่นกัน แต่เนื่องจากยังมีการโจมตีจากกระสุนปริศนาพุ่งเข้าหาพวกมัน ทำให้พวกมันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และทำได้เพียงมุ่งความสนใจไปที่การซ่อนตัวจากแนวสายตาของศัตรู  

เพราะแบบนั้นท่ามกลางความสับสน พวกมันทำได้แค่มุ่งความสนใจไปที่การมองหาซากปรักหักพังเพื่อซ่อนตัว

 

ในขณะที่นักล่ากำลังพยายามซ่อน เอเลน่าลากซาร่าเพื่อที่จะหลบหนี

 

“ซาร่า! เดินได้มั้ย!?”

 

“ไม่ได้!! เอเลน่า!! ทิ้งฉันไว้ แล้วหนีไปจากที่นี่!!”

 

“ไม่! อย่าพูดแบบนั้นกับฉัน!”

 

นักล่าบางคนสังเกตเห็นพวกเธอและพยายามยิงใส่เอเลน่าและซาร่า แต่พวกเขาก็ถูกหยุดจากกระสุนปืนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน

 

ซาร่าที่ถูกเอเลน่าลากไปหยิบปืนที่เธอทำตก ขณะที่เอเลน่าที่ลากซาร่าไปที่ตึกแห่งหนึ่ง ในขณะที่เสียงสะท้อนจากกระสุนปืนดังไม่หยุด

 

พวกเธอสามารถวิ่งไปที่ตึกร้างใกล้ๆ พวกเขาได้ จากนั้นเอเลน่าก็เล็งปากกระบอกปืนของเธอไปข้างนอกและมองดูรอบๆ อย่างระแวดระวัง

 

“…เอเลน่า เธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้น?”

 

“ฉันไม่รู้.. มีใครไม่รู้ที่น่าจะคนละฝ่ายกำลังโจมตีพวกนั้น นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้ตอนนี้ ฉันอยากจะคิดว่าคนๆ นั้นทำไปเพื่อช่วยพวกเรา.. แต่ก็มีโอกาสที่คนๆนั้นพยายามจะขโมยเหยื่อของนักล่าพวกนั้นด้วยเหมือนกัน ซาร่า แผลเธอเป็นยังไงบ้าง?”

 

“…ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ฉันจะเดินได้”

 

“โอเค อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวมากเกินไปในตอนนี้ ให้นาโนแมชชีนรักษาบาดแผลของเธอไป มาวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของเรากันก่อน… จนกว่าสถานการณ์จะสงบลง”

 

เอเลน่าและซาร่าหลบอยู่ในตึกร้างพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด

————————————————————-

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ

กสิกร 475-2-65694-8 นายเมือง บ.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Rebuild World 11 เหยื่อ

Now you are reading Rebuild World Chapter 11 เหยื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 11 เหยื่อ

 

ในซากปรักหักพัง เอเลน่าและซาร่ายังคงค้นหารอยเท้า และในที่สุดเธอก็พบรอยเท้าของเด็ก รอยเท้าที่พวกเธอพบนั้นบางมากขนาดที่หากมีลมพัดคงทำให้มันหายไป เหตุผลที่พวกเธอสามารถหาร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ นี้จนเจอได้นั้นก็เพราะความอดทนและทักษะของเอเลน่า และมันคือรอยเท้าของอากิระจริงๆ ดังนั้นพวกเธอจึงค้นหาต่อไปอย่างอารมณ์ดีโดยคาดหวังว่าจะพบพื้นที่ที่ยังไม่ได้สำรวจตามข่าวลือ

 

ถึงจะเป็นอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่ได้ผลลัพท์อะไร พวกเธอเดินตามรอยเท้าเข้าไปในตึกร้างและค้นหาทั่วสถานที่ก็ไม่พบของมีค่าอะไรอยู่ข้างใน ถึงแบบนั้น พวกเธอก็ค้นหาต่อไปตามรอยเท้าที่คล้ายกันในอาคาร ในทางกลับกัน หมอกไร้สีก็หนาขึ้นเรื่อยๆ

 

หลังจากนั้นไม่นานซาร่า ก็ตระหนักว่าหมอกไร้สีนั้นค่อนข้างหนา และการมองเห็นของเธอก็พร่ามัวเมื่อมองผ่านกล้องส่องทางไกล เพื่อความปลอดภัย เธอจึงหันไปถามเอเลน่า

 

“เอเลน่า หมอกไร้สีหนาขึ้นเรื่อยๆ เราจะอยู่ที่นี่ต่องั้นเหรอ?”

 

เอเลน่าตอบคำถามของซาร่า หลังจากหยุดชั่วคราวในที่ที่ไม่มีผู้คน

 

“…นั่นสินะ ถึงมันจะเริ่มส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์รวบรวมข้อมูลแล้ว แต่มันไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่เราต้องถอนตัวจากการค้นหาของเรา”

 

“งั้นเหรอ? ถ้าเธอพูดแบบนั้นก็น่าจะไม่เป็นอะไร”

 

จากนั้นเอเลน่าก็ถามซาร่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

 

“แล้วเธอล่ะ? ตอนนี้เป็นไงบ้าง? ถ้าหากหมอกไร้สีเริ่มส่งผลเสียต่อเครื่องนาโนของเธอเราจะถอนตัวทันที ดังนั้นบอกฉันทันทีและอย่างปิดบังกัน ตกลงไหม?”

 

“ฉันสบายดีน่า อาจจะมีนิดหน่อย แต่ตอนนี้ฉันก็ยังสบายดี”

 

“ถ้าเธอพูดแบบนั้น… เอาเถอะ อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป เข้าใจไหม?”

 

ซาร่าหัวเราะให้เอเลน่าอย่างขี้เล่นเพื่อให้เธอเลิกกังวล

 

“ฉันบอกแล้วไงว่าสบายดี หากมีอะไรเกิดขึ้น ฉันสามารถอุ้มอะไรหนักๆวิ่งหนีได้เลย ฉันยังมีพลังงานสำรองอยู่อีกเยอะขนาดนั้นเลยรู้ไหม?”

 

จากนั้นเอเลน่าก็ตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มอย่างหยอกล้อ

 

“เฮ้ นี่เธอจะบอกว่าฉันอ้วนเรอะ!”

 

“บร้าาาา! ฉันกำลังพูดถึงอุปกรณ์ของเธอต่างหาก ไม่มีความหมายอื่นจริงจริ๊งง…”

 

เอเลน่าและซาร่าหัวเราะขณะที่พวกเธอหยอกล้อกัน เหมือนเป็นสิ่งยืนยันว่าพวกเธอไม่เป็นไรจริงๆ

 

เอเลน่าไม่ได้โกหก แม้ว่าหมอกจะส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์รวบรวมข้อมูล แต่ผลกระทบก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่คงไม่ดีแน่หากหมอกหนาขึ้นไปอีกระดับ และดูจากสภาพหมอกตอนนี้แล้ว มีความเป็นไปได้สูงมาก

 

หากเป็นวันอื่นเอเลน่า คงตัดสินใจถอนตัวเนื่องจากอันตราย แต่วันนี้เธอทำไม่ได้ หากพวกเธอกลับไปมือเปล่า สถานการณ์ทางการเงินของพวกเธอจะแย่ลงไปอีก มีโอกาสที่ซาร่าจะเลื่อนการเติมเครื่องนาโนของเธอออกไป ซึ่งจะเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับซาร่า เพราะแบบนั้นเอเลน่าจึงต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม และเธอก็พยายามค้นหานานขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

และซาร่าก็ไม่ได้โกหกเช่นกัน สถานการณ์ของเธอเหมือนกับอุปกรณ์รวบรวมข้อมูลของเอเลน่า ตอนนี้เธอมีปัญหานิดหน่อย แต่ถ้าซาร่าแนะนำให้เอเลน่าหยุดการค้นหาเพราะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย เอเลน่าคงรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน และหากเธอแสดงอาการอ่อนแอออกมา เอเลน่าอาจจะไปที่ซากปรักหักพังเพียงลำพังโดยไม่มีเธอซึ่งเป็นพลังยิงหลักในทีม และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการให้เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ ซาร่าจึงฝืนตัวเองเพื่อไม่ให้เอเลน่าเป็นห่วงเธอ

 

เอเลน่าและซาร่า มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำงานเป็นนักล่า เมื่อก่อนพวกเธอสามารถสำรวจซากปรักหักพังที่อันตรายกว่านี้เพื่อหาเงิน แต่หลังจากผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากบางอย่าง สภาพทางการเงินของพวกเธอก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ พวกเธอจึงมีเงินน้อยลงในการเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของพวกเธอลดลงเมื่อค้นหาในซากปรักหักพัง พวกเธอเข้าสู่วงจรอุบาทว์ แทนที่จะได้เงิน พวกเธอต้องใช้จ่ายเงินจนไม่เหลือกำไรไปกับการเดินทางแต่ละครั้งตั้งแต่นั้นมา ในการเดินทางครั้งนี้ก็เช่นกัน ซาร่าเลือกที่จะไม่เติมนาโนแมชชีนเพื่อที่จะเดินทางมาตามข่าวลือที่เธอเชื่อ

 

นักล่าที่ตกอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบนั้นจะพยายามเสี่ยงโชคด้วยความหวังว่าจะถูกรางวัลใหญ่ เพื่อจะหนีจากวงจรนั้น หากชนะการเดิมพัน นักล่าจะสามารถฟื้นคืนชีพอีกครั้งในฐานะนักล่าฝีมือดีผู้มั่งคั่ง แต่ถ้าพวกเขาแพ้พนัน พวกเขาจะตกอยู่ในความยากลำบากมากขึ้นเนื่องจากสูญเสียสิ่งที่เดิมพันไป

 

เอเลน่าและซาร่ากำลังเดิมพันกับข่าวลือเพื่อที่จะเปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ของพวกเธอให้ดีขึ้น แต่เนื่องจากความปรารถนาที่จะออกจากสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเธอ ทำให้พวกเธอตัดสินใจโดยประมาทไปอย่างไม่รู้ตัว การที่พวกเธอเชื่อสิ่งที่ไม่มีอะไรยืนยันเลยก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์เรื่องนั้น

 

โดยสถานการณ์ปกติ พวกเธอจะหยุดค้นหาลงตรงนี้ แต่เอเลน่าและซาร่าวางเดิมพันแล้วว่าพวกเธอจะต้องได้อะไรกลับไปบ้าง ทำให้ทั้งคู่ลืมตัวลดความระมัดระวังลง

 

***

 

มีนักล่าอีกหลายคนนอกจากเอเลน่าและซาร่าที่มาที่ซากปรักหักพังของเมืองคุซึซึฮาระเพื่อไล่ตามข่าวลือ แต่ส่วนใหญ่ละทิ้งการค้นหาและเดินทางกลับ แม้แต่พวกที่อยากจะค้างแรมก็ตัดสินใจกลับเช่นกันเนื่องจากหมอกไร้สีที่หนาขึ้น

 

มีนักล่าส่วนน้อยที่ไม่ได้จากไป คนเหล่านี้คือนักล่าตกอับซึ่งถูกล่อลวงด้วยข่าวลือ เนื่องจากอันตรายแถวนี้ค่อนข้างน้อยและนี่ก็เป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะพลิกสถานการณ์ได้ภายในครั้งเดียว นักล่าเหล่านี้จึงยังคงหมกมุ่นอยู่กับการค้นหา

 

แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไรตามข่าวลือในซากปรักหักพังนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มรู้สึกรำคาญและหงุดหงิด ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเขามีแต่จะอารมเสียมากขึ้นเรื่อยๆ

 

พวกเขาไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาเริ่มมองหาวิธีอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งบางอย่าง เพื่อไม่ให้การเดินทางของพวกเขาเสียเปล่า แทนที่จะค้นหาซากปรักหักพังที่มีข่าวลือนี้ต่อไปและเสียความพยายามและเวลาไปเปล่าๆ พวกเขาเริ่มหันเหความสนใจไปที่สิ่งอื่นที่มีค่า…

 

***

 

เอเลน่ากำลังสำรวจซากปรักหักพังด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม หมอกไร้สีหนาขึ้นเร็วกว่าที่เธอคาดไว้ และผลกระทบของมันต่ออุปกรณ์รวบรวมข้อมูลของเธอก็รุนแรงขึ้น ระยะการตรวจจับของอุปกรณ์ลดลงอย่างมาก และด้วยเหตุนี้ โอกาสที่พวกเขาจะถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวก็สูงขึ้นตาม

 

(…แย่มาก ไม่คิดเลยว่าหมอกจะหนาขนาดนี้ในเวลาอันสั้น ทำยังไงดี)

 

เอเลน่าหันไปพูดกับซาร่าในขณะที่รู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจทำการค้นหาต่อ

 

“ซาร่า เราไปต่อไม่ได้แล้ว เราควรกลับเดี๋ยวนี้”

 

“ฉันเข้าใจ…”

 

“ระยะการตรวจจับเล็กลงมาก เราน่าจะกลับตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ขอโทษนะ”

 

“ไม่เป็นไร ไม่ควรมีสัตว์ประหลาดมากนักในเขตชานเมือง ตราบใดที่เรากลับไปอย่างระมัดระวัง คงไม่มีปัญหาอะไร”

 

เมื่อเห็นเอเลน่าโทษตัวเอง ซาร่าก็ยิ้มกลับโดยที่ไม่มีร่องรอยของการตำหนิ เอเลน่ายิ้มตอบและเปลี่ยนอารมณ์เพราะเธอเข้าใจว่าไม่มีความหมายในการเสียใจในตอนนี้

 

เอเลน่าและซาร่าตัดสินใจเดินทางกลับ พวกเธอเคลื่อนผ่านรอบนอกของซากปรักหักพังเพื่อมองหารถที่พวกเธอจอดไว้ โดยปกติแล้ว ชานเมืองเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ตอนนี้มันถูกปกคลุมไปด้วยหมอกไร้สี มันกลายเป็นสถานที่ที่อันตราย

 

เนื่องจากการมองเห็นของพวกเธอแย่ลงเพราะหมอก ความน่าจะเป็นที่จะเผชิญหน้ากระชั้นชิดกับสัตว์ประหลาดจึงเพิ่มขึ้น มันลดอัตราการรอดชีวิตของนักล่าที่อาศัยการโจมตีระยะไกลลงอย่างมาก

 

หากพวกเธอพบกับสัตว์ประหลาดที่มีพลังมหาศาลภายในหมอกนี้ พวกเธอจะถูกบังคับให้ต่อสู้กับมันในระยะประชิด และนั่นจะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก

 

ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ขณะที่เอเลน่าและซาร่ากำลังเคลื่อนไหวอยู่ในหมอก เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยความผิดเพี้ยนของเสียงที่เกิดจากหมอก พวกเธอรู้ว่าแหล่งที่มาของกระสุนปืนนั้นไม่ไกลนัก มันอยู่หลังซากปรักหักพังที่กองอยู่  ซาร่าเตรียมปืนของเธอให้พร้อมในขณะที่เอเลน่าใช้อุปกรณ์รวบรวมข้อมูลของเธอและใช้ฟังก์ชั่นทั้งหมดในการตรวจจับศัตรู

 

“เอเลน่า?”

 

“แปปนึง… ฉันได้สัญญาณบางอย่างที่น่าจะเป็นจุดที่ปืนถูกยิง ดูเหมือนว่านักล่า 8 คนกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาด 1 ตัวและพวกนั้นกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา!”

 

เธอเห็นนักล่ากำลังวิ่งหนีจากจุดที่กระสุนถูกยิง และนักล่าเหล่านี้ยังถูกไล่ล่าโดยสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ แม้ว่าพวกนักล่าจะยิงตอบโต้ในขณะที่วิ่งหนี แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าสัตว์ประหลาดจะถูกฆ่าในเร็ว ๆ นี้

 

เอเลน่าวิเคราะห์สถานการณ์

 

“จากที่ดู ดูเหมือนว่านักล่าพวกนี้ไม่มีอำนาจการยิงระยะใกล้ นอกจากนี้ สัตว์ประหลาดดูเหมือนจะค่อนข้างแข็งแกร่ง… นักล่ากลุ่มนั้นไม่สามารถเอาชนะมันได้ด้วยอุปกรณ์ที่มี เราต้องเข้าร่วมการโจมตี ด้วยระยะนี้มันจะไล่ตามเราทันแม้ว่าเราจะวิ่งหนีก็ตาม เราต้องจัดการมันทันที”

 

“รับทราบ.”

 

ซาร่าเล็งปืนกระบอกใหญ่ของเธอไปที่สัตว์ประหลาด จากนั้นเอเลน่าก็ตะโกนใส่นักล่าที่วิ่งมาทางเธอ

 

“หลบออกข้างไปซะ!”

 

นักล่าที่ได้ยินคำพูดของเธอตอบสนองทันทีและหยุดการยิงกลับไปที่สัตว์ประหลาดและวิ่งไปหาเธอ

 

สัตว์ประหลาดตัวใหญ่มากจนเอเลน่า มองเห็นได้ชัดเจนแม้แต่ในหมอกหนา มันเป็นสัตว์ประหลาดกินเนื้อขนาดใหญ่ ขนเส้นหนาของมันไม่สามารถซ่อนมัดกล้ามเนื้อที่อยู่ภายในได้มิด สัตว์ประหลาดเปิดปากขนาดใหญ่ของมันให้เห็นเขี้ยวอันคมกริบ ในขณะที่มันพยายามที่จะกินนักล่าเหล่านั้น

 

ซาร่าซึ่งกำลังเล็งปืนไปที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นพบบางสิ่งที่แปลกประหลาด ด้วยอุปกรณ์เล็งของเธอ เธอสามารถเห็นว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้แม้จะได้รับการโจมตีจากนักล่า แต่มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย  ในตอนแรกเธอคิดว่าอาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งอันยอดเยี่ยมของมันที่ทำให้สัตว์ประหลาดไล่ล่าเหล่านักล่าโดยไม่สนใจบาดแผลจากกระสุนปืน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น

 

[…ขนหนาๆ ของมันกันกระสุนเหรอ? หรือว่านักล่าพวกนี้ใช้ของกากๆ? หรือว่ากำลังวิ่งหนีก็เลยยิงกันไม่โดน? ช่างแม่ง เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง!]

 

ซาร่าโยนคำถามในใจทิ้งแล้วเหนี่ยวไก กระสุนขนาดใหญ่ที่ยิงออกมาจากปืนใหญ่ของเธอโดนสัตว์ประหลาดตรงหัวของมัน เลือดสดกระเซ็นออกจากหัวของมันและล้มลงกับพื้น ขณะเรื่องนี้เกิดขึ้น เหล่านักล่ายังคงวิ่งต่อไปโดยไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างหลังพวกเขา

 

เอเลน่าเห็นบางอย่างแปลกๆ เกี่ยวกับนักล่าเหล่านี้ พวกเขาน่าจะแสดงสีหน้าสิ้นหวังขณะที่วิ่งหนีในสถานการณ์ความเป็นความตาย แต่กลับไม่มีสีหน้าแสดงความหวาดกลัวหรือแม้แต่ความยินดีที่ได้พบคนที่เข้ามาช่วยพวกเขา

 

เธอไม่มีเวลาคิดเกี่ยวเบื้องลึกเบื้องหลัง เนื่องจากหมอกหนาไร้สี เธอยอมให้สัตว์ประหลาดและนักล่ากลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้พวกเธอ และเนื่องจากเธอให้ความสำคัญกับการกำจัดสัตว์ประหลาด เธอจึงตอบสนองต่อนักล่าเหล่านี้ช้า

 

นักล่าเหล่านี้วิ่งผ่านเอเลน่าและซาร่าไปโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยคำขอบคุณแม้แต่คำเดียว แล้วมีคนหนึ่งโยนบางอย่างไปที่เท้าของเอเลน่า

 

เอเลน่าและซาร่าตกใจมากเมื่อรู้ว่ามันเป็นระเบิดมือ ซาร่าที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วคว้าตัวเอเลน่าทันทีและพยายามวิ่งหนีจากที่นั่น แต่มันก็ช้าไปเล็กน้อย  

 

ระเบิดมือก็ระเบิดและโยนร่างของพวกเธอขึ้นไปในอากาศ

 

ซาร่าช่วยเอเลน่าจากการระเบิดและสามารถปกป้องเธอได้ แต่แรงระเบิดทำให้เธอกระเด็นออกจากเอเลน่าก่อนจะร่วงลงพื้นอย่างแรง หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่เธอก็ตั้งสติได้ในทันทีและตระหนักว่าเธอนอนอยู่บนพื้นโดยไม่มีการป้องกัน เธอรีบลุกไปซ่อนตัวอยู่หลังซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว

 

จากนั้นเธอก็พยายามยืนยันความปลอดภัยของเอเลน่าในทันที แต่เธอไม่พบเอเลน่าในบริเวณใกล้เคียง เธอกำลังจะเรียกหาเอเลน่า แต่กลับมีเสียงของผู้ชายพูดขึ้น

 

“เฮ้ย แกน่ะ!! ทิ้งอาวุธซะ ถ้าไม่อยากให้เพื่อนของแกตาย”

 

จากนั้นซาร่าก็ได้ยินเสียงของเอเลน่าจากทิศทางเดียวกัน

 

“ซาร่า!! อย่านะ!! เธอจะวิ่งหนีหรือยิ่งไอ้เวรนี่ก็ได้แต่อย่ายอมนะ!!”

 

ซาร่าแสดงสีหน้าเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าสถานการณ์ค่อนข้างร้ายแรง เอเลน่าถูกจับตัวไปโดยคนพวกนั้น

 

นักล่าจำนวนมากเดินทางเข้าซากปรักหักพังทุกวันเพื่อค้นหาวัตถุโบราณที่มีค่า จากนั้นพวกเขาจะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในซากปรักหักพัง ด้วยเหตุนี้ นักล่าหลายคนจึงถูกฆ่าตายในซากปรักหักพังและทิ้งอุปกรณ์ของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วซากปรักหักพัง

 

โดยปกติแล้ว คนต่อไปที่พบอุปกรณ์เหล่านั้นจะเป็นเจ้าของคนใหม่ แม้ว่าบางครั้งนักล่าที่ตายไปแล้วจะทิ้งจดหมายขอให้คนที่เอาอุปกรณ์ของพวกเขาไปขายเพื่อเป็นค่าดูแลพิธีฝังศพของเขาหรือเธอ บางครั้งก็ขอให้ส่งสิ่งของบางอย่างให้ครอบครัว… แต่ก็ไม่มีใครทำตามคำขอนั้น คนที่ค้นพบจะเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดที่อีกฝ่ายทิ้งไว้

 

แต่ก็มีนักล่านิสัยเสียบางคนที่จะเปลี่ยนจากการเป็นนักล่าไปเป็นโจรในซากปรักหักพัง แทนที่จะคอยเก็บของจากนักล่าที่ตายไป พวกเขาจะฆ่านักล่าคนอื่นและเอาทรัพย์สินของพวกเขา คนเหล่านี้จะถูกตั้งค่าหัว และพวกมันก็จะตายในฐานะเหยื่อของนักล่าอื่นๆอีกทอดหนึ่ง

 

นี่คือประเภทของนักล่าที่โจมตีเอเลน่าและซาร่า พวกมันอยากได้อุปกรณ์ของเอเลน่า และซาร่า นี่คือวันที่พวกเขาเปลี่ยนอาชีพจากนักล่าฝีมือดีมาเป็นโจรที่โหดเหี้ยม เป็นโชคไม่ดีของเอเลน่าและซาร่า พวกมันจงใจไม่ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น และใช้มันเล่นละครหลอกล่อเอเลน่าและซาร่าให้ลดการป้องกันลง

 

ปืนจ่อไปที่เอเลน่าจากด้านหลังของเธอ เอเลน่าจ้องมองย้อนกลับไปที่นักล่าด้านหลัง แต่ความรู้สึกของปากกระบอกปืนที่กดลงหลังหัวของเธอทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้

 

นักล่ากดปากกระบอกปืนหนักไปที่หัวของเอเลน่าและตะโกน

 

“หุบปาก! อยากตายรึไง?”

 

แต่เอเลน่าไม่แสดงความกลัวและตะโกนกลับ

 

“แค่มึงเหนี่ยวไก ก็ตายห่ากันหมดนี่แหละ!! ซาร่า!! อย่าไปฟังมัน!!”

 

“กูบอกให้หุบปาก!!”

 

นักล่าที่อยู่ข้างหลังเอเลน่าฟาดปืนไปที่หัวของเอเลน่าอย่างรุนแรง และเอเลน่าก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา ซาร่าที่ยังคงซ่อนตัวอยู่หลังซากปรักหักพัง กัดฟันแน่นพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้ง

 

ถ้าเธอทำตามคำพูดของเอเลน่า โดยการไม่สนใจอีกฝ่าย เธออาจจะสามารถฆ่านักล่าทั้งหมดได้ แต่ในทางกลับกัน เอเลน่า จะต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน

 

แต่ถ้าเธอเชื่อฟังคำสั่งของนักล่าและทิ้งอาวุธ เธออาจจะช่วยเอเลน่าได้ แต่ในทางกลับกัน มันจะทำให้สถานการณ์ของพวกเธอแย่ลงไปอีก ไม่มีการรับประกันว่าพวกมันจะทำอะไรพวกเธอหลังจากนั้น

 

ซาร่าไม่สามารถเลือกทางเลือกใดทางหนึ่งได้

 

จากนั้นนักล่าอีกคนก็ตะโกนราวกับว่าเขากำลังพูดให้ซาร่าได้ยิน

 

“ฆ่าเธอทิ้งซะ!! จากนั้นเราค่อยไปฆ่าผู้หญิงคนอื่นทีหลัง!!”

 

“เดี๋ยว!”

 

ซาร่าตะโกนตอบกลับและตัดสินใจ เธอทิ้งอาวุธของเธอและก้าวออกจากซากปรักหักพังโดยชูมือทั้งสองข้างขึ้น

 

เอเลน่าส่ายหัว แต่ซาร่ายิ้มให้เอเลน่า มีร่องรอยของความขมขื่นเล็กน้อยในรอยยิ้มนั้น จากนั้นซาร่าก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหานักล่าพร้อมกับทำหน้าจริงจังเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว

 

เมื่อเห็นซาร่าเดินเข้ามาหาพวกเขาโดยปราศจากอาวุธ พวกนักล่าก็หัวเราะอย่างน่ารังเกียจ ดูเหมือนซาร่าจะว่าง่าย พวกมันบางคนจึงลดปืนลง แต่ปืนที่อยู่ด้านหลังของเอเลน่ายังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม

 

ซาร่าขยับตัวช้าๆในขณะที่วัดระยะห่างระหว่างพวกมัน

 

(…ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกมันตั้งตัวไม่ทัน… มันยังไกลเกินไป… แต่ไม่เป็นไร ถ้าฉันเข้าไปใกล้พวกมันได้มากพอ ฉันสามารถทุบพวกมันได้ด้วยมือเปล่า)

 

หากใช้นาโนแมชชีนและเพิ่มความสามารถทางกายภาพของเธอจนถึงขีดจำกัด เธอจะสามารถเพิ่มความสามารถทางกายภาพของเธอได้ มันน่าจะเพียงพอในการตอบโต้นักล่ากลุ่มนี้ แม้ว่าซาร่าจะไม่เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาก่อนก็ตาม

 

แต่ในทางกลับกัน การเผาผลาญนาโนแมชชีนก็จะมหาศาลเช่นกัน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เธอจะใช้นาโนแมชชีนทั้งหมดของเธอจนหมดและตาย และแม้ว่าจะสามารถจัดการนักล่าเหล่านั้นได้โดยไม่ตาย แต่เธอก็จะเหลือเวลาไม่มากนักก่อนที่เธอจะตาย

 

หากซาร่า ไม่สนใจความปลอดภัยของเอเลน่า และยิงปืนตอบโต้ มันจะเป็นการลดการเผาผลาญนาโนแมชชีนของเธอให้น้อยที่สุด เอเลน่าจ้องมองซาร่าเป็นการบอกว่าเธอต้องการให้ซาร่าเลือกตัวเลือกนั้น แต่ซาร่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

 

ซาร่าได้ตัดสินใจแล้ว เธอเดินหน้าต่อไป เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะเป็นระยะการตอบโต้ของเธอ

 

“หยุดอยู่ตรงนั้น!! หยุดอยู่ตรงนั้นแล้วถอดชุดเสริมพลังและชุดเกราะออกซะ!”

 

นักล่าที่ตะโกนหัวเราะเมื่อเห็นซาร่าหยุดเหมือนกับที่เธอได้รับคำสั่ง

 

“ถึงไม่มีปืน ฉันก็ไม่อยากถูกซ้อมจนตายด้วยการเสริมร่างกายด้วยชุดนั่นหรอกนะ เราลดแรงระเบิดลงเพื่อให้อุปกรณ์ของแกไม่ได้รับความเสียหายก็จริง แต่การที่แกสามารถเอาชีวิตรอดได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บและยังไม่หมดสติ ดูเหมือนว่าแกจะมีอุปกรณ์ที่ดีพอตัว… ไม่ต้องกังวล เราจะใช้อย่างระมัดระวัง ได้ยินแล้วใช่ไหม ค่อยๆ ถอดมันออก”

 

“…โอเค”

 

ซาร่าทำตามที่มันบอก เธอถอดเสื้อผ้าและชุดเกราะของเธอ เธอจ้องมองพวกมันในขณะที่ตัวสั่นเพื่อทำให้อีกฝ่ายลดการป้องกันลงมากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าเธอก็เหลือเพียงชุดชั้นใน เมื่อเห็นสิ่งนี้ เสียงหัวเราะของนักล่าก็ยิ่งน่ากลัวขึ้น

 

ซาร่าต้องทนกับการจ้องมองของพวกมันในขณะที่ประเมินโอกาสในการตอบโต้ของเธอใหม่

 

(พวกมันเข้าใจผิดว่าชุดเกราะของฉันเป็นชุดเกราะเสริมร่างกาย… หมายความว่ามันไม่รู้ว่าฉันใช้นาโนแมชชีนเพื่อเพิ่มพลังกายภาพ ไม่เป็นไร วิธีเดิมยังใช้ได้อยู่)

 

ซาร่ายังคงจ้องมองพวกเขา

 

“…ฉันถอดมันออกไปแล้ว”

 

“อ๋อเหรอ?”

 

ทันใดนั้นกระสุนก็ทะลุต้นขาทั้งสองข้างของซาร่าและซาร่าก็ล้มลงกับพื้น เอเลน่ากรีดร้องและวิ่งไปหาซาร่าโดยลืมว่าเธอมีปืนจ่ออยู่ที่หัวของเธอ

 

คนที่ยิงซาร่าคือหัวหน้ากลุ่มนักล่า บูบาฮา(Bubaha) มันมองไปที่ซาร่า ซึ่งอยู่บนพื้นและยืนยันความปลอดภัยของพวกเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่ลูกน้องของเขาและชี้ไปที่ซาร่าพร้อมกับพูดว่า

 

“ยัยนั่นเป็นเด็กสาวที่ถูกดัดแปลงด้วยเทคโนโลยีนาโนแมชชีน เธอควรจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปสักสองสามเท่า ชุดที่เธอถอดออกมาเป็นเพียงชุดเกราะธรรมดา ไม่ใช่ชุดเสริมประสิทธิภาพร่างกาย ถ้าไม่อยากโดนหักคอ ก็ควรอยู่ให้ห่างจากเด็กนั่นไว้”

 

“อะไรนะ หัวหน้ารู้ได้ไง?”

 

“เหอะ มันสามารถบอกได้จากการเคลื่อนไหวของเธอและชนิดของอุปกรณ์ เพราะพวกแกไม่สามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ ทำให้พวกแกยังเป็นมือสมัครเล่นอยู่ไงล่ะ เมื่อคนที่ได้รับการดัดแปลงด้วยนาโนแมชชีนได้รับบาดเจ็บสาหัส นาโนแมชชีนจะจัดลำดับความสำคัญในการรักษาบาดแผลเป็นอันดับแรก มันทำให้การเคลื่อนไหวได้รับผลกระทบในช่วงเวลานั้น แต่พวกมันก็ยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป ดังนั้นถ้าพวกแกอยากเล่นกับพวกเธอ เล่นกับอีกคนแทนแล้วกัน”

 

จากนั้นบูบาฮา ก็ชี้ไปที่เอเลน่า ทุกคนจึงหันมาสนใจเธอ

 

เอเลน่าที่วิ่งไปหาซาร่ากอดเธอไว้แน่นขณะที่ซาร่ากำลังดิ้นทุรนทุรายบนพื้นด้วยความเจ็บปวด

 

ซาร่ายิ้มอย่างอ่อนโยน เครื่องจักรนาโนในร่างกายของเธอให้ความสำคัญกับการรักษาบาดแผลและการช่วยชีวิตของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อยู่ในสภาพที่จะสู้รบได้ เธออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยพลังของเธอเอง

 

“…ฉันขอโทษ ฉันทำพลาด”

 

“ทำไมไม่หนี…?”

 

เสียงของเอเลน่าสั่น ในขณะที่เธอถามคำถามที่เธอไม่ได้คาดหวังคำตอบ เธอคิดว่าถ้าซาร่าหนีไป อย่างน้อยซาร่าก็น่าจะปลอดภัย

 

“…ขอโทษ.”

 

ตรงกันข้ามกับคำตอบของเธอ ซาร่ายิ้มให้เอเลน่า “ขอโทษ” นั้นเต็มไปด้วยความหมายมากมาย ซาร่าและเอเลน่า มองไปที่นักล่าที่กำลังหัวเราะอย่างน่ารังเกียจขณะที่เดินเข้ามาหาพวกเธอ

 

แต่ในช่วงเวลาต่อมาบูบาฮากลับถูกยิงเข้าที่หน้าผากของเขาและเสียชีวิต

 

เสียงกระสุนปืนยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ นักล่าคนอื่นตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และก่อนที่พวกเขาจะทันตั้งตัว กระสุน 10 นัดก็ยิงใส่พวกเขาแล้ว คนที่ถูกยิงล้มลงกับพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สำหรับคนที่ไม่โดนยิงก็เริ่มสาปแช่งหญิงสาวทั้งสอง โดยคิดว่าพวกเธอยังมีเพื่อนคนอื่นด้วย  

 

“ให้ตายเถอะ!! มึงยังมีเพื่อนอยู่อีกเหรอวะ…!?”

 

เอเลน่าและซาร่าก็ประหลาดใจเช่นกันกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แต่เอเลน่าสามารถตั้งสติได้ในทันที จากนั้นเธอก็หยิบปืนจากนักล่าที่นอนกองอยู่บนพื้นใกล้เธอและยิงไปที่นักล่าคนอื่นๆที่ยังสามารถต่อสู้ได้ หลังจากนั้นเธอก็มองหาใครก็ตามที่ยังหายใจอยู่และยิงปืนเข้าที่ศีรษะคนละ 2 นัด ทำให้พวกมันหยุดหายใจ

 

แน่นอนว่านักล่าคนอื่นๆ ก็คิดที่จะฆ่าเอเลน่าเช่นกัน แต่เนื่องจากยังมีการโจมตีจากกระสุนปริศนาพุ่งเข้าหาพวกมัน ทำให้พวกมันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และทำได้เพียงมุ่งความสนใจไปที่การซ่อนตัวจากแนวสายตาของศัตรู  

เพราะแบบนั้นท่ามกลางความสับสน พวกมันทำได้แค่มุ่งความสนใจไปที่การมองหาซากปรักหักพังเพื่อซ่อนตัว

 

ในขณะที่นักล่ากำลังพยายามซ่อน เอเลน่าลากซาร่าเพื่อที่จะหลบหนี

 

“ซาร่า! เดินได้มั้ย!?”

 

“ไม่ได้!! เอเลน่า!! ทิ้งฉันไว้ แล้วหนีไปจากที่นี่!!”

 

“ไม่! อย่าพูดแบบนั้นกับฉัน!”

 

นักล่าบางคนสังเกตเห็นพวกเธอและพยายามยิงใส่เอเลน่าและซาร่า แต่พวกเขาก็ถูกหยุดจากกระสุนปืนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน

 

ซาร่าที่ถูกเอเลน่าลากไปหยิบปืนที่เธอทำตก ขณะที่เอเลน่าที่ลากซาร่าไปที่ตึกแห่งหนึ่ง ในขณะที่เสียงสะท้อนจากกระสุนปืนดังไม่หยุด

 

พวกเธอสามารถวิ่งไปที่ตึกร้างใกล้ๆ พวกเขาได้ จากนั้นเอเลน่าก็เล็งปากกระบอกปืนของเธอไปข้างนอกและมองดูรอบๆ อย่างระแวดระวัง

 

“…เอเลน่า เธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้น?”

 

“ฉันไม่รู้.. มีใครไม่รู้ที่น่าจะคนละฝ่ายกำลังโจมตีพวกนั้น นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้ตอนนี้ ฉันอยากจะคิดว่าคนๆ นั้นทำไปเพื่อช่วยพวกเรา.. แต่ก็มีโอกาสที่คนๆนั้นพยายามจะขโมยเหยื่อของนักล่าพวกนั้นด้วยเหมือนกัน ซาร่า แผลเธอเป็นยังไงบ้าง?”

 

“…ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ฉันจะเดินได้”

 

“โอเค อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวมากเกินไปในตอนนี้ ให้นาโนแมชชีนรักษาบาดแผลของเธอไป มาวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของเรากันก่อน… จนกว่าสถานการณ์จะสงบลง”

 

เอเลน่าและซาร่าหลบอยู่ในตึกร้างพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด

————————————————————-

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ

กสิกร 475-2-65694-8 นายเมือง บ.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+