The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ 23 บอสลั่ว

Now you are reading The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ Chapter 23 บอสลั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย อ่านนิยาย

ตอนที่ 23 บอสลั่ว

ผู้จัดการโรงงาน หวางตงหยางรู้สึกได้ถถึงความสิ้นหวังที่เข้ากัดกินหัวใจของเขาเหมือนเถาวัลย์ที่พันเลื้อย เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขานั่นจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเซฟตี้ปืนด้วยทั้งๆที่เหลินเสี่ยวซูเองก็แทบจะไม่เคยได้เห็นหรือจับปืนมาก่อนด้วยซ้ำ เขาจึงได้แต่สงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงรู้เรื่องปืนได้

วินาทีให้หลังเขาพุ่งตัวถอยหลังพยายามที่จะใช้นิ้วปัดเซฟตี้ปืนพก แต่เหลินเสี่ยวซูเข้ามาอยู่ในระยะประชิดเกินกว่าจะยอมให้เขาทำแบบนั้นได้ เหลินเสี่ยวซูพุ่งเข้าใส่หวางตงหยางเหมือนลูกปืนใหญ่ก่อนจะชนเข้าที่ซี่โครงของหวางตงหยาง แรงกระแทกนั้นทำให้ปืนหลุดออกจากมือของเขาทันที

หวางตงหยางตอนนี้ไม่มีอะไรให้พึ่งอีกแล้ว เขานอนกับพื้นกระอักน้ำลายและเลือดจากแรงกระแทก แล้วพยายามพูด “ปล่อยฉันไปเถอะ แล้วฉันจะบอกว่าของฉันอยู่ที่ไหน”

“บอกมาก่อนซิแล้วฉันจะปล่อยแกไป” เหลินเสี่ยวซูพูดอย่างใจเย็น

“คิดว่าฉันโง่รึไงวะ” หวางตงหยางรู้ดีว่าถ้าเกิดเขาพูดออกไปละกัน หมอนี่ก็คงไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ และถึงแม้เหลินเสี่ยวซูจะปล่อยให้เขาหนีไปได้ แล้วคิดเหรอว่าเขาจะได้อยู่อย่างเป็นสุขน่ะ? ตอนที่หวางตงหยางรู้จักเหลินเสี่ยวซูครั้งแรก เขาก็รู้จักในนามของเหลินเสี่ยวซูผู้ไร้ปราณีแล้ว

“ปอดของแกตอนนี้โดนซี่โครงที่หักแทงอยู่ ถึงแกหนีกลับไปที่เมืองได้ แต่ก็คงไปไม่รอดหรอก” เหลินเสี่ยวซูพูด ถึงแม้ว่าเขาจะอยากได้ของของหวางตงหยาง แต่ดูเหมือนว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางบอกที่เก็บของพวกนั้นกับเขาแน่

เหลินเสี่ยวซูจึงเลิกเสียเวลามาอยู่กับหวางตงหยาง เขาไม่รู้ว่าข้างนอกนั้นพวกทหารจะต่อสู้กับหมาป่าจบลงเมื่อไร ถ้าเขามัวแต่อืดอาดยืดยาดละก็มันคงจะจบไม่สวยแน่ถ้ามีฝั่งใดฝั่งหนึ่งเข้าปิดล้อมโรงงานได้

เสียงของมีคมแทงทะลุเนื้อหนังดังขึ้นมาพร้อมเสียงร้องทรมาณของหวางตงหยาง เหลินเสี่ยวซูใช้มีดกระดูกแทงเฉือนกรีดหน้าอกของหวางตงหยางเลียนแบบกรงเล็บของหมาป่า เขาตั้งใจจะสร้างบาดแผลปลอมขึ้นมา ก่อนที่เขาจะรอให้หวางตงหยางตายสนิท แล้วเขาก็หยิบปืนพกขึ้นมาพร้อมแม็กกาซีนอีก 2 อัน จากนั้นเขาก็เดินจากไป

ตอนนี้เขามีกระสุนอยู่ทั้งหมด 36 นัด

ตอนที่เหลินเสี่ยวซูออกมาจากโรงงานนั้น ไม่มีใครเหลือรอดชีวิตอยู่อีกแล้ว เหลินเสี่ยวซูหันหลังกลับไปมองตึกอาคารโรงงานที่เกิดการนองเลือดขึ้น ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าสู่ความมืดในยามค่ำคืน กลับเข้าสู่โลกอันโหดร้ายที่เขาอาศัยอยู่

 

“พี่เป็นอะไรรึเปล่า” หยานหลิวหยวนพูดถามขึ้นมาทันทีที่เห็นเหลินเสี่ยวซูเปิดประตูกระท่อมแล้วเดินเข้ามา เขาเดินวนรอบเหลินเสี่ยวซูเพื่อดูว่ามีบาดแผลหรือรอยเลือดอะไรตรงไหนไหม ก่อนที่เขาจะเริ่มเบาใจลง

“ฉันสบายดี” ในขณะที่เขากำลังพยายามมัดมีดกระดูกกลับเข้าไปที่บริเวณน่อง เหลินเสี่ยวซูก็ถาม “มีอะไรเกิดขึ้นนะเมืองรึเปล่าระหว่างที่ฉันไม่อยู่ แล้วพวกทหารกลับมากันรึยัง?”

“บางคนก็กลับมาแล้ว แถมยังแบกทหารที่บาดเจ็บหนักกลับมาด้วย มีศพของพวกทหารรวมไปถึงซากหมาป่าที่ตายด้วย ฉันได้ยินมาว่าพวกทหารที่เหลือรอดบุกเข้าไปในโรงงานกันต่อหน่ะ” หยานหลิวหยวนพูด

เหลินเสี่ยวซูไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องผิดปรกติอะไร เพราะยังไงไม่ว่าพวกหมาป่าจะแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางเอาชนะกองทัพทหารที่มีอาวุธปืนครบมือแถมยังมีจำนวนที่มากกว่าหลายเท่าตัวด้วย

“พวกนั้นเอาซากหมาป่ากลับมาเท่าไรล่ะ” เหลินเสี่ยวซูถาม

“30 กว่าตัวละมั้ง” หยานหลิวหยวนพูด “พี่ หมาป่าพวกนั้นมันตัวใหญ่ชะมัดเลย”

ก่อนหน้านี้ตอนที่หยานหลิวหยวนถามเหลินเสี่ยวซูว่าพวกหมาป่าตัวใหญ่ประมาณไหน เหลินเสี่ยวซูกลับตอบกลับอธิบายแค่เพียงคำว่า ใหญ่มาก ซึ่งไอ้คำว่าใหญ่มากที่ว่าหยานหลิวหยวนก็พึ่งจะได้เห็นด้วยตาตัวเองก็วันนี้แหล่ะ

เหลินเสี่ยวซูขมวดคิ้ว เขาดีใจที่ตัวเองไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในโรงงานนานเกินไป ไม่งั้นเขาคงจะหนีออกมาเจอเข้ากับพวกทหารที่มาถึงโรงงานพอดี ดูเหมือนว่าพวกหมาป่าจะล่าถอยกันกลับไปเองพอเห็นว่าซุ่มโจมตีไม่สำเร็จ ทำให้การปะทะกับทหารไม่ยืดเยื้อจนเกินไป

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ยินเสียงปืนดังในป่าเลยตอนที่เขาเดินทางกลับมาทางลัด

แต่ถึงอย่างนั้น ทุกวันนี้พวกหมาป่าแกร่งขึ้นไม่พอ มันยังฉลาดขึ้นมากด้วย ถ้าปล่อยพวกมันรอดไปได้รอบนี้ คนในเมืองอาจจะต้องเจอกับการบุกที่หนักกว่าที่เคยเป็นมาก็ได้

ทันใดนั้นเอง เสียงเอะอะก็ดังขึ้นนอกกระท่อม เหลินเสี่ยวซูเปิดประตูออกแล้วออกไปดูว่าข้างนอกนั่นมันเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็เห็นกลุ่มทหารจากกว่า 10 นาย ขับรถวิบากล่วงหน้ากลับมายังเมืองก่อนคนอื่น

เจ้าหน้าที่ในรถนั้นตะโกน “ใครก็ตามที่อาสาแจ้งข้อมูลเบาะแสของคนที่แอบออกนอกเมืองไปในคืนนี้จะได้รับรางวัลอย่างงาม!”

เหลินเสี่ยวซูผงะทันที เพราะเขารู้ดีว่านี่มันคือประกาศจับตัวเขา!

พวกทหารคงบุกเข้าไปยังโรงงานแล้วสำรวจรอบพื้นที่จนพบศพของหวางตงหยางแล้วแน่ๆ ตอนแรกเหลินเสี่ยววูก็คิดว่า คงไม่มีทางที่จะมีคนสังเกตุเห็นถึงความผิดปรกติของบาดแผลบนร่างของหวางตงหยาง เพราะมันเหมือนกับรอยหมาป่ามาก แต่ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่แผล ปัญหาใหญ่เลยคือ ปืนของหวางตงหยางหายไปตั่งหาก!

ถ้าลองสืบสาวราวเรื่องปัญหานี้ดูดีๆละก็ มันก็สามารถสันนิฐานออกมาได้อย่างง่ายดายเลยว่าเรื่องมันเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่เหลินเสี่ยวซูเองก็ไม่อาจยับยั้งได้เหมือนกัน

“พี่” หยานหลิวหยวนเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาเลยมองหน้าเหลินเสี่ยวซู

“ไม่เป็นไรหรอก” เหลินเสี่ยวซูดันหัวของหยานหลิวหยวนที่ยื่นออกมากลับเข้าไปในกระท่อม

เหลินเสี่ยวซูค่อยๆนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้ใช้เส้นทางหลักที่คนปรกติใช้เข้าอออกเมือง และ ถ้าเขาจำไม่ผิด ไม่มีใครรู้เห็นด้วยซ้ำว่าเขาย่องออกจากเมืองไปในยามวิกาล นอกเสียจากหยานหลิวหยวนคนเดียว

ทหารกลุ่มนึงเดินเข้าไปเฝ้าระวังทางเข้าของเมือง จากนั้นหลังจากที่ทหารทุกคนกลับมาจากโรงงานกันแล้ว พวกทหารพวกนั้นก็เริ่มบุกเข้าไปเปิดประตูบ้าน กระท่อมทุกหลังแล้วรื้อค้นทุกอย่างในกล่องของทุกบ้านทีละหลัง

พวกเขากำลังรื้อหาปืนกันอยู่

ทันใดนั้นเอง เสียงพูดที่คุ้นเคยก็ตะโกนขึ้นมา “ผมรู้ว่าใครแอบออกไปข้างนอกกลางดึก”

เหลินเสี่ยววูหันหลังกลับไปยังต้นเสียง ชายคนนั้นคือหมอ(เก๊) ประจำคลินิก หยูตง เขาจ้องหน้าเหลินเสี่ยวซูด้วยรอยยิ้มในขณะที่ยืนอยู่ในระยะไกล เอื้อมไม่ถึง เขากลัวว่าเหลินเสี่ยวซูจะพยายามฆ่าปิดปากเขา

เจ้าหน้าที่ทหารปลี่เข้าหาแล้วถาม “ใครกัน?”

“เขานั่นล่ะ เหลินเสี่ยวซู ผมเห็นเขาออกไปจากเมืองด้วยตาของตัวเองเลย” หยูตงพูดด้วยน้ำเสียงน่าถีบที่สุดที่ทำได้พร้อมรอยยิ้ม

เหลินเสี่ยวซูเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขารู้ดีว่าต่อหน้าพยาน ปฏิเสธไปก็เท่านั้น “ในตอนนั้นห้องน้ำสาธารณะในเมืองถูกเหอจงใช้อยู่ ผมเลยต้องออกไปปลดทุกข์ข้างน่ะครับ”

“ใครคือเหอจง เขาพูดจริงรึเปล่า?” เจ้าหน้าที่ตะโกน

เหอจงที่ยืนอยู่ข้างๆไม่รู้อีโหน่ออีเหน่โดนกล่าวอ้างเลยทำได้แค่ทำหน้ายืนงงท่ามกลางสายตาประชาชีก่อนที่เขาจะพูดความจริงออกมาอย่างตะกุกตะกัก “เออ คือ ผมอาเจียนหนักมากเลยคืนนั้น หลายคนเป็นพยานได้…”

เจ้าหน้าที่หันหลังกลับแล้วมองไปที่เหลินเสี่ยวซู “ไปค้นบ้านเขาซะ!”

หลังจากที่เขาพูดจบ หวางฟู่กุยก็พุ่งตัวออกมาขวางหน้าทหารก่อนที่พวกเขาจะไปถึงกระท่อม “รอเดี๋ยวก่อน เขาเป็นคนที่ถูกหมายตาเอาไว้โดย 1 ในขุนนางของป้อมปราการ ว่าให้ดูแลเป็นพิเศษน่ะครับ พวกคุณจะทำกับเขาแบบนี้ไม่ได้”

พวกทหารผงะ “หมายความว่าไงกัน?”

ตอนบ่ายวันนี้ บอสลั่วหลานจากป้อมปราการออกคำสั่งพิเศษมาว่าให้ปกป้องดูแลเขา แต่แม้แต่เหลินเสี่ยวซูเองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้! ส่วนเรื่องเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงสั่งแบบนั้น พวกคุณทหารก็คงต้องไปถามเขาด้วยตัวเองแล้วล่ะ” หวางฟู่กุยอธิบายทันที

“บอสลั่วเหรอ?”เจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นตกใจเล็กน้อย ทุกคนต่างมีท่าทางที่แปลกออกไปทันทีเมื่อมีคนพูดถึงบอสนามว่าลั่วหลาน เพราะเขาถือเป็นคนใหญ่คนโตคนนึงในป้อมปราการเลย

เจ้าหน้าที่คิดอยู่ซักพักก่อนจะพูด “ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนของบอสลั่ว แต่เราก็ยังต้องค้นตัวเขาอยู่ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ผมจะไปรายงานอธิบายให้บอสลั่วฟังคืนนี้เอง”

หลังจากพูดจบทหารทั้งหลายก็พุ่งเข้าใส่กระท่อมของเหลินเสี่ยวซูแล้วรื้อค้นของทุกอย่างในกระท่อม มีทหาร 2 คนเดินตรงเข้ามาค้นตัวของเหลินเสี่ยวซูด้วย

2 นาทีให้หลัง ทหารทั้งหลายก็เดินกลับมาพร้อมส่ายหัว พวกเขาไม่เจอสิ่งที่พวกเขาตั้งการเลย

เจ้าหน้าที่มองหน้าเหลินเสี่ยวซูแล้วถาม “ถ้างั้นช่วยพาไปตรงจุดที่ปลดทุกข์หน่อยจะได้ไหม”

เหลินเสี่ยวซูขมวดคิ้วแล้วเดินออกไปจากเมือง เขาไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจค้นแบบเอาจริงเอาจังได้ขนาดนี้ หยานหลิวหยวนที่มองดูทุกเหตุการณ์มาตลอด จู่ๆก็วิ่งตรงเข้าไปหาเหลินเสี่ยวซู แต่เหลินเสี่ยวซูกลับหันหลังกลับแล้วตะคอกใส่ “กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้!”

หยานหลิวหยวนตาแดงก่ำ

เหลินเสี่ยวซูนำเจ้าหน้าที่ทหารออกมานอกเมืองก่อนจะชี้ไปที่กองขี้เหม็นที่ฝังอยู่ในดินแล้วพูด “ตรงนี้แหล่ะ ยังสดๆร้อนๆอยู่เลย”

เจ้าหน้าที่พอเห็นแบบนั้นแล้วจึงสั่งทหารออกค้นบ้านอื่นต่อโดยไม่ยุ่งกับเหลินเสี่ยวซูอีก

เหลินเสี่ยวซูถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีทที่เขาวางแผนเตรียมตัวมาดี ก่อนที่เขาจะออกจากเมือง เขาได้สังเกตการณ์รอบข้างออย่างดีและเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ไม่คาดฝันไว้ด้วย ไม่เพียงแต่เขาจะฝังปืนไว้นอกเมืองอย่างเดียว แต่เขายังกลบหลักฐานทุกอย่าง… ด้วยการเบ่งขี้ฝังซ้ำลงไปในหลุมด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด