The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ 27 โยนภาระ

Now you are reading The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ Chapter 27 โยนภาระ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ่านโดจิน doujinza.com

ตอนที่ 27 โยนภาระ

เหลินเสี่ยวซูเองก็งงนิดหน่อยเหมือนกัน ที่เขาพอพูดความจริงโต้งๆออกไปกลับได้รับคำขอบคุณกลับมาซะอย่างงั้น

ทั้งหยานหลิวหยวนและเขาต่างก็มีความคิดที่ว่า คนเรานั้นจะขอบคุณจากใจจริงต่อเมื่อพวกเขาได้บางอย่างมาฟรีๆ

เหลินเสี่ยวซูเองก็เคยเข้าเรียนหนึ่งในวิชาของอาจารย์ฉาง ที่ว่าด้วยเรื่องความรุ่งเรืองในวัฒนธรรมมนุษย์สมัยอดีตกาล นั้นทำให้เขาได้แต่สงสัย ว่าอารยธรรมอันรุ่งเรืองใช้เวลาก่อสร้างหลายพันปีแบบนั้นถึงพังลงในช่วงเวลาแค่พริบตา

และในวันนี้ คู่สามีภรรยาทำให้เสี่ยวซูพอจะเห็นขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจหรือสัมผัสมันไม่ได้อยู่ดี

ในวันเดียวกันนั้นเอง เหลินเสี่ยวซูให้เสี่ยวหยูเอาป้ายคลินิกนอกชายคาลงแล้วปักคำว่า “รักษาบาดแผล” เพิ่มขึ้นต่อท้ายคำว่า คลินิก

เขาเคยโกหก เคยหลอกลวง เคยขโมยของ แต่ที่เขาทำนั้นก็เพราะเขาไม่มีทางเลือก

นับจากนี้เป็นต้นไป เหลินเสี่ยวซูตัดสินใจแล้ว ว่าเขาจะรักษาเท่าที่เขาสามารถรักษาได้ ถ้าเขาทำไม่ได้ เขาก็จะบอกตรงๆ

ในวันนี้ ไม่มีใครเลยที่แวะเข้ามาในคลินิกด้วยบาดแผลบาดเจ็บ ทุกคนที่แวะเข้ามานั้น มีทั้งอาการบวด อาการ แสบนู้นนี้นั้นที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักษายังไง แต่ที่น่าแปลกใจคือ ทุกครั้งที่เขาบอกคนไข้ตามความจริงว่าเขารักษาไม่ได้ มันกลับทำให้เขาได้รับคำขอบคุณกลับมาอย่างล้นหลามจนตอนนี้ เขาได้เหรียญคำขอบคุณเพิ่มมาถึง 10 เหรียญตอนจบวัน โดยที่ยังไม่ได้ใช้ยาดำเลยซักหยดด้วยซ้ำ

ตอนเย็นวันนั้น เหลินเสี่ยวซูนั่ง งง แตกอยู่ในคลินิก สับสนว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่

เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าทุกคนเอือมละอากับหมอคนเก่าหยูตงมานานขนาดนี้ แต่จากการกระทำของเหลินเสี่ยวซูทำให้มีข่าวแพร่ระบาดไปทั่วเมืองประมาณว่า “อย่างน้อยเหลินเสี่ยวซูผู้ไร้ปราณีก็ยังดีกว่าไอ้หมอเวรหน้าเลือดหยูตงล่ะวะ! อย่างน้อยถ้าเขาไม่รู้ว่าจะรักษายังไง เขาก็จะไม่พยายามเรียกร้องเก็บเงินตื้อให้ซื้อยาปลอมๆที่กินแล้วรักษาไม่หายหรอก!”

ซึ่งพอคนที่เจ็บป่วยเดิมได้ยินแบบนั้นก็เริ่มคิดว่า “เห้ย จริงเหรอ เขาเป็นคนแบบนั้นเหรอเนี่ย” แล้วจากนั้นพวกเขาก็จะลองแวะไปที่คลินิกเพื่อไปเห็นด้วยตาตัวเอง

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดี แต่เหลินเสี่ยวซูกลับคิดว่ามันกลายเป็นเรื่องลำบากสุดๆ เพราะจำนวนคนป่วยที่เข้ามาปรึกษาหมอนั้นมันเยอะเกินจำนวนเหรียญขอบคุณที่เขาได้รับอย่างน้อย 10 เท่า!

บางคนก็มาหาด้วยอาการปวดหัวเฉยๆ หรือบางคนแก้มบวมขึ้นนิดเดียวก็มาคลินิกแล้ว บางคนถึงขั้นมาแบบไม่มีอาการป่วยอะไรเลย แค่มาขอคำปรึกษาแล้วจากไปก็มี

แต่ในเมื่อเหลินเสี่ยวซูตัดสินใจที่จะทำแบบนี้แล้ว เขาก็จะทำต่อไป เขาแนะนำชาวเมืองทุกคนแล้วส่งพวกเขากลับไป แบบเดียวกับที่เขาแนะนำอธิบายให้กับคู่สามีภรรยานั้น

เพราะแบบนั้น ชาวเมืองทุกคนจึงได้รู้ว่า เหลินเสี่ยวซู ไม่คิดจะเก็บเงินค่าปรึกษาจริงๆ แต่จะเก็บเฉพาะค่ายากับค่ารักษาเท่านั้น

ภาพจำแรกที่ชาวเมืองเห็นเหลินเสี่ยวซู คือเขาเป็นคนที่โหดร้าย ทารุณ ไร้ความปราณีและระแวงเกินเหตุ แต่นั้นก็เพราะว่าเขาต้องดูแลหยานหลิวหยวนและต้องเอาตัวรอดมีที่ยืนในเมืองที่โหดร้ายคนตายได้ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสร้างนิสัยความไร้ปราณีกับคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรอด

หลังจากนั้น ภาพจำของทุกคนที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนกลายไปเป็น คนขายยา

แต่ตอนนี้ ทุกคนเริ่มคิดแล้วถ้าเกิดพวกเขาบาดเจ็บมีบาดแผล พวกเขาจะรีบไปที่คลินิกทันทีเพื่อไปรักษากับเหลินเสี่ยวซู

คำพูดปากต่อปากนั้นแพร่กระจายไปรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ซะจนแม้แต่เหลินเสี่ยวซูเองก็ยังตกใจ

ตอนเที่ยงวันนั้นเสี่ยวหยูเข้าไปในเมืองพร้อมตระกร้าสานหวังจะไปซื้อของชำซักหน่อย ช่วงหลังๆมานี้พวกเขาสามารถซื้อของใช้ได้มากขึ้นแล้ว เพราะเงินเก็บพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็น 3400 หยวน เพราะงั้น พวกเขาเลยคิดจะซื้อวัตถุดิบที่ดีขึ้นจากตลาดภายในเมือง

เสี่ยวหยูนานๆทีก็จะซื้อดอกเกลือกับหนังหมูมาด้วย รสสัมผัสของดอกเกลือในปากมันต่างจากเกลือปรกติอย่างเห็นได้ชัด ส่วนน้ำมันที่สกัดออกมาจากหนังหมูเองก็เหมาะกับการนำไปใช้ทอดมาก

เมืองแห่งนี้มีฟาร์มหมูตั้งอยู่บริเวณนอกเมือง หมูปรกติหลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติพวกมันก็วิวัฒนาการไปอีกขั้นนึงด้วยเชช่นกัน แต่ตราบใดที่เลี้ยงพวกมันมาตั้งแต่เล็ก พวกมันก็จะเติบโตขึ้นมาเป็นหมูที่เชื่องกับคน

มนุษย์เป็นสัตว์วายพันธ์ที่ขึ้นชื่อในด้านการปรับตัวที่สุด และใช้ประโยชน์จากสภาวะแวดล้อมได้ดีที่สุด ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนเทียบได้แล้ว

ปรกติ เนื้อหมูดีๆจะถูกส่งเข้าไปให้คนในป้อมปราการกินกันเกือบทั้งหมด จะเหลือเนื้อหมูไว้ขายในเมืองแค่เพียงน้อยนิดเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ หยานหลิวหยวนเองก็เคยฝันว่าตัวเองจะได้เข้าไปในป้อมปราการแล้วไปกินเนื้อดีๆซักมื้อให้ได้เหมือนกัน

เสี่ยวหยูกลับมายังคลินิกพร้อมด้วยตระกร้าผักต่างๆทันทีที่เธอเข้ามา เธอก็พูดขึ้นมากับเหลินเสี่ยวซูด้วยความอารมณ์ดี “นี่ๆ เสี่ยวซู รู้รึเปล่า ตอนนี้คนในเมืองเขาชื่นชมอวยเธอกันใหญ่แล้วนะ?”

เหลินเสี่ยวซูตกใจนิดหน่อย “จริงเหรอ?”

“ใช่น่ะซิ” เสี่ยวหยูยิ้มแล้วเริ่มหั่นผักที่ซื้อมา “เสี่ยวซูของเราได้กลายเป็นหมอแล้ว ทีนี้อนาคตภรรยาของนายก็จะต้องเป็น 1 ในสาวที่สวยที่สุดในเมืองแน่เลย แล้วถ้านายแต่งงานมีลูกเมื่อไรล่ะก็ ฉันก็จะช่วยนายเลี้ยงลูกเอง”

เหลินเสี่ยวซูเริ่มอึดอัดขึ้นมานิดหน่อย “ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลย

เสี่ยวหยูพูดเหมือนโดนขัดใจ “นี่นายอายุเท่าไรกันแล้วน่ะ หะ? ถึงเวลาที่นายควรจะคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้วนะ อ้อ อีกอย่าง วันนี้ฉันซื้อถั่วลิสงมาด้วย สงสัยเหมือนกันว่าพวกคนในเมืองเขาไปขุดเจอกันแถวไหน แต่เดี๋ยวฉันจะทำให้พวกนายกินนะ”

ในตอนนั้นหยานหลิวหยวนก็กลับมาจากที่โรงเรียนพอดี ทุกวันนี้เขาสามารถกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านได้เหมือนเด็กคนอื่นๆแล้ว ก่อนหน้านี้เขารันทดถึงขนาดต้องพกมันฝรั่งไปโรงเรียน 2 ลูกทุกเช้า เอาไว้กินตอนมื้อเที่ยง

หลังจากที่ผ่านเข้าประตูมา เขาก็สังเกตเห็นถั่วลิสงที่อยู่ในตะกร้า เขาจึงเด็ดถั่วขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะได้แกะเปลือก เสี่ยวหยูก็ตีมือของเขา “อย่าพึ่งกินซิ ยังเปื้อนดินอยู่เลยนะ”

หยานหลิวหยวนทุบโต๊ะด้วยความโกรธ “แล้วทำไมคนสวยๆอย่างพี่ต้องมาหยุดผมกินถั่วด้วย!”

เสี่ยวหยูพอได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วพูด “อะอะ ก็ได้ๆ จะกินก็ได้”

หยานหลิวหยวนพอได้ตามใจแล้วก็เริ่มแกะถั่วแล้วพูดกับเหลินเสี่ยวซู “เออ พี่ ฉันเห็นมีหลายคนมารวมตัวกันนอกโรงเรียนวันนี้ เห็นบอกจะมาหาอาจารย์ฉางด้วย แต่อาจารย์ไม่อนุญาติให้พวกเขาเข้ามา แต่พอเลิกเรียนปุ๊บ พวกเขาก็แห่กันเข้ามาทันที ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่อยากจะไปดูสถานการณ์รึเปล่า?”

“หะ?” เหลินเสี่ยวซูอ้ำอึ้งไปซักพักก่อนที่ความรู้สึกแปลกๆจะแล่นเข้าในใจเขา

ในตอนนั้นเอง บุรุษหน้าคุ้นเคยก็พุ่งเปิดประตูเข้ามาในบ้านของเขาด้วยท่าทางโกรธจัด เขาคนนั้นคืออาจารย์ฉางจิงหลินนั่นเอง

เหลินเสี่ยวซูเบิกตากว้าง “อ้าว อาจารย์ฉาง มาได้ไงครับเนี่ย กินข้าวกันก่อนไหมครับ?”

“กินข้าวบ้านเตี่ยนายซิ!” อาจารย์ฉางพูดแบบโกรธจัด “ถ้านายรักษาคนป่วยไม่ได้ ก็ไม่ต้องรักษาซิ จะส่งทุกคนตรงมาถามฉันทำไมละ!”

เหลินเสี่ยวซูเคยพูดกับคู่สามีภรรยาว่า “ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ พวกคุณสามารถไปหาอาจารย์ฉางแล้วขอยืมหนังสือเกี่ยวกับเรื่องวิธีการป้องกันการแท้งลูกได้เลย”

ซึ่งเหลินเสี่ยวซูรู้สึกว่า วิธีนี้มันใช้ได้ผลทีเดียว เขาเลยใช้วิธีนี้กับทุกคนที่เข้ามาหาเขาเมื่อเช้าวันนี้ ใครเป็นอะไรไม่สนใจโยนหาอาจารย์ไว้ก่อน

อาจารย์ฉางพูดต่อด้วยความขมขื่น “ก็ถ้ามันเป็นอาการเจ็บป่วยทั่วไปมันก็ยังพอถูไถไปได้อยู่หรอก แต่นายกลับส่งแม้กระทั้งคนเป็นฮ่องกงฟุตมาด้วยเนี่ยนะ! รู้รึเปล่าว่ากลิ่นเท้าของหมอนั่นมันแย่แค่ไหนตอนที่ถอดรองเท้าออกมาน่ะ! โชคยังดีนะที่ฉันหนีออกมาทัน ไม่งั้นสลบตายคาเท้าแน่!”

เหลินเสี่ยวซูอายนิดหน่อยแล้วยิ้มอย่างสำนึกผิด “ก็… ผมคิดว่าอาจารย์เป็นคนที่มีความรู้ที่สุดแล้วนี่ครับ”

อาจารย์ฉางพูด “ฉันเป็นอาจารย์ ถ้าหมออย่างนายยังรักษาคนไม่ได้ แล้วคิดว่าฉันจะรักษาได้เหรอ? ถ้านายโยนภาระคนไข้มาหาฉันอีกล่ะก็ รับรองได้เลยว่าหยานหลิวหยวนได้เจอการบ้านแบบไม่จบไม่สิ้นแน่!”

หยานหลิวหยวนที่ยืนแกะถั่วอยู่ข้างหลังยืนงง “แล้วเราโดนลากไปเกี่ยวด้วยได้ไงวะเนี่ย!”

เหลินเสี่ยวซูหยิบถั่วลิสงแล้วยัดเข้ามือฉางจิงหลิน “ไม่ต้องเป็นห่วงครับอาจารย์ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมไม่ทำจริงๆ ผมสัญญา!”

อาจารย์ฉางคิดก่อนที่จะกลับไปที่โรงเรียนพลางแกะถั่วแล้วโยนเข้าปากเคี้ยวตุ้ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด