The King of Warบทที่ 2009 จำเป็นต้องนำตัวไป

Now you are reading The King of War Chapter บทที่ 2009 จำเป็นต้องนำตัวไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The king of War บทที่ 2009 จำเป็นต้องนำตัวไป
ภายในชั่วขณะ หยางเฉินก็จมดิ่งเข้าไปในความคิดตน

เขาอยากทำลายม่านพลังเพื่อให้ชี่ทิพย์ไหลเข้ามาในโลกมนุษย์มากยิ่งขึ้น ซึ่งนี่จะเป็นการช่วยเหลือการบําเพ็ญเพียรของนักบูโดในโลกมนุษย์มาก ๆ

แต่ทว่าเขากลับไม่เคยพิจารณาเลยว่าทันทีที่ม่านพลังแตก โลกบู๊โบราณและโลกมนุษย์ก็จะรวมกันเป็นหนึ่ง ถึงครานั้นหลังจากผู้แข็งแกร่งแดนนภาในโลกบู๊โบราณเข้ามาในโลกมนุษย์แล้ว มันจะนำพาผลลัพธ์ที่หนักหนาสาหัสมาสู่โลกมนุษย์มากเพียงใด

“หยางเฉิน เจ้าอย่าไปฟังคำโกหกหลอกล่อของพวกมัน ต่อให้ม่านพลังแตกไปแล้ว แต่ก็เป็นเพียงม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์ที่แตกสลาย ส่วนโลกบู๊โบราณกลางและโลกบนก็ยังคงอยู่ในม่านพลังของพวกเขาอยู่เช่นเคย”

และในตอนนี้เอง ลี่เฉินก็เดินขึ้นไปพลางเอ่ยปากพูด: “มาตรแม้นว่าโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์จะรวมกันเป็นหนึ่ง ผู้ที่ศักยภาพแข็งแกร่งมากที่สุดก็เป็นเพียงแดนนภาขั้นสามชั้นยอดเท่านั้น”

“อีกทั้งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดที่แท้จริงก็มีไม่มากนัก มีเพียงเหล่าผู้มีอิทธิพลชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่างเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถึงจะมีศักยภาพระดับนี้”

“ระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกบู๊โบราณกลางก็มีม่านพลังเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ตั้งแต่แดนนภาขั้นสามชั้นยอดเป็นต้นไป ไม่สามารถย่างกรายเข้าไปในโลกบู๊โบราณล่างได้ เช่นเดียวกัน ระหว่างโลกบู๊โบราณกลางและโลกบู๊โบราณบนก็มีม่านพลังเช่นกัน และมีข้อจำกัดต่อศักยภาพของนักบูโด”

“เพราะฉะนั้น บัดนี้ถึงแม้ม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์จะแตกไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่ย่างกรายมายังโลกมนุษย์ ก็มีศักยภาพอยู่ที่แดนนภาขั้นสามชั้นยอดเท่านั้น จากพรสวรรค์ด้านบูโดของเจ้า ใช้เวลาไม่นาน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอด ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า”

เมื่อได้ยินคำพูดของลี่เฉินแล้ว หยางเฉินถึงจะทราบว่าระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกกลาง อีกทั้งโลกบู๊โบราณกลางและโลกบนก็มีม่านพลังเช่นกันอย่างนั้นหรือ

เดิมทีในโลกมนุษย์ เมื่อแดนบูโดบรรลุสู่แดนนภา ก็จะถูกพันธมิตรพิทักษ์ใช้อำนาจนำตัวไปยังโลกบู๊โบราณล่าง ซึ่งในโลกบู๊โบราณล่างก็เป็นแบบเดียวกันเช่นกัน หลังจากแดนบูโดบรรลุสู่แดนนภาขั้นสามชั้นยอดแล้ว ก็จะถูกใช้อำนาจนำตัวไปยังโลกบู๊โบราณกลาง ต่างจะใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อมาประคองให้ม่านพลังเสถียรอยู่เสมอ

แต่ทว่าต่อให้ม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์จะแตกสลายไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดก็ไม่ใช่ผู้ที่หยางเฉินในตอนนี้จะสามารถทำให้สั่นคลอนได้เช่นกัน

แดนนภาขั้นสามชั้นยอดยังคงเป็นความอันตรายที่แฝงเร้นต่อโลกมนุษย์อยู่

หลังจากไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านได้ยินคำพูดของลี่เฉินแล้ว พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจมาก ๆ ราวกับต่างนึกไม่ถึงว่าลี่เฉินจะรู้เยอะเช่นนี้

ไป๋หลี่เย่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก: “ต่อให้ผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกบู๊โบราณล่างจะมีศักยภาพอยู่เพียงแดนนภาขั้นสามชั้นยอด แต่ผู้แข็งแกร่งในโลกมนุษย์ก็ไม่สามารถต้านทานได้อยู่ดี”

เจียงจ้านพูดเช่นกันว่า: “เนื่องจากมีม่านพลังคงอยู่ และมีการสอดส่องจากพันธมิตรพิทักษ์ ไม่อนุญาตให้ผู้แข็งแกร่งแดนนภาย่างกรายเข้ามาในโลกมนุษย์ แต่ทว่าทันทีที่ม่านพลังแตกสลาย เมื่อนั้นผู้แข็งแกร่งแดนนภาก็จะสามารถย่างกรายเข้ามาในโลกมนุษย์ได้ตามอำเภอใจ”

“หากเมื่อครานั้นจริง ๆ โลกมนุษย์ต้องประสบพบเจอกับมหันตภัยอย่างแน่นอน และในโลกบู๊โบราณก็เป็นเช่นนี้แหละ ศักยภาพเป็นตัวตัดสินเรื่องทุกอย่าง ขอเพียงม่านพลังแตกสลายโดยสิ้นเชิง โลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างก็จะรวมกันเป็นหนึ่ง ถึงครานั้นโลกมนุษย์ก็จะกลายเป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้าเช่นกัน”

“พวกเราต่างเป็นนักบูโดเหมือนกัน เจ้าก็น่าจะเข้าใจดีมาก ๆ นะว่าโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้ามันโหดร้ายมากเพียงใด หากพวกเจ้าอยากรักษาความสงบของโลกมนุษย์ละก็ ข้าขอย้ำเตือนพวกเจ้าก่อนว่าทางที่ดีพวกเจ้าอย่าทำเรื่องอะไรที่ทำให้ม่านพลังได้รับความเสียหายจะดีกว่า”

ทั้งสองมิได้มีเจตนาพูดเขย่าขวัญแต่อย่างใด แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงคนธรรมดาทั่วไปในโลกมนุษย์จริง ๆ พวกเขาแค่ไม่อยากสูญเสียโลกบู๊โบราณล่างที่มีชี่ทิพย์มากมายสมบูรณ์เท่านั้น

ทันทีที่ม่านพลังแตกสลายโดยสิ้นเชิง ชี่ทิพย์ในโลกบู๊โบราณล่างก็จะผสมเข้ากับชี่ทิพย์ในโลกมนุษย์โดยสิ้นเชิง ถึงครานั้นมันจะเป็นความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ต่อทุกคนในโลกบู๊โบราณล่าง

ลี่เฉินไม่ได้พูดอะไรอีก สายตาเขาจับจ้องไปทางหยางเฉิน ขอเพียงหยางเฉินบอกว่าจะสู้ เช่นนั้นเขาก็จะร่วมต่อสู้กับหยางเฉินให้ถึงที่สุด

สีหน้าของหยางเฉินดูย่ำแย่อย่างมาก เขาไม่เคยคำนึงถึงเรื่องราวที่มากมายเช่นนี้มาก่อน จนกระทั่งถึงวินาทีนี้เขาถึงจะตระหนักได้ถึงความหนักหนาสาหัสที่จะตามมาเมื่อม่านพลังแตกสลาย

ผ่านไปนานมาก หยางเฉินถึงจะมองไปทางไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านทั้งสองคนพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก: “พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไม่ทำลายม่านพลัง ต่อให้จะทำลายม่านพลังจริง ๆ ข้าจะทำลายก็ต่อเมื่อมีศักยภาพรับมือกับผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่างได้แล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉินล้ว ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านต่างก็แอบถอนหายใจในใจ

“คุณหยางช่างเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งเสียจริง!”

ไป๋หลี่เย่เอ่ยปากพูด

หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “บัดนี้พวกเจ้าไสหัวไปได้แล้ว นี่เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งต่อไปหากยังมีคนอยากได้ตัวผู้คนที่อยู่รอบกายข้าอีก เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

“อีกอย่าง ไสหัวกลับไปบอกกับผู้นำของพวกเจ้าด้วยว่า ข้าหยางเฉินขอประกาศสงครามกับทั้งสองตระกูลของพวกเจ้าอย่างเป็นทางการ ข้ามิได้พูดปากเปล่าเท่านั้น แต่เป็นการประกาศสงครามอย่างแท้จริง!”

ในเมื่อประกาศสงครามแล้ว หยางเฉินจึงไม่มีทางถอนคำพูดตนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ถึงแม้ศักยภาพในตอนนี้ของเขาจะยังอ่อนมาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือแดนบูโดยังไม่บรรลุถึงแดนนภา แต่ทว่าก็ไม่เป็นไร เพราะเขาสร้างสายเลือดของตนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว สายของเขาในปัจจุบันแข็งแกร่งมากกว่าเดิม เอ็นกระดูกก็แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

ใช้เวลาไม่นานเขาก็จะบรรลุสู่แดนนภา กลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่แท้จริงคนหนึ่ง

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉินแล้ว สีหน้าของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านก็ต่างดูย่ำแย่มาก ๆ หลังจากทั้งสองคนสบตากันครั้งหนึ่ง เจียงจ้านก็มองไปทางหยางเฉินพลางพูด: “คุณหยาง ขออภัยจริง ๆ! ข้าได้รับคำสั่งให้มาเชื้อเชิญคุณหนูเฝิงไปตระกูลเจียงเที่ยวหนึ่ง หากไม่สามารถนำตัวคุณหนูเฝิงกลับไปได้ ผู้นำตระกูลต้องพิโรธอย่างแน่นอน! เพราะฉะนั้น วันนี้ข้าจำเป็นต้องพาคุณหนูเฝิงกลับตระกูลเจียง!”

ไป๋หลี่เย่ก็พูดเช่นกันว่า: “ข้าก็ได้รับคำสั่งให้มาเชื้อเชิญคุณหนูเฝิงไปราชวงศ์ไป๋หลี่เช่นกัน ได้โปรดคุณหยางอย่าทำให้พวกข้ารู้สึกลำบากใจเลย แน่นอนอยู่แล้วว่าหากคุณหยางไม่ไว้วางใจ สามารถไปราชวงศ์ไป๋หลี่พร้อมกับคุณหนูเฝิงได้ ข้าเชื่อว่าผู้นำตระกูลเราต้องต้อนรับคุณหยางมากแน่นอน”

“ตู้มม!”

ออร่าบู๊ที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากตัวหยางเฉิน

พลังสายเลือดที่น่าสยดสยอง ทำให้ร่างกายของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านดุจมีภูเขาลูกใหญ่กดทับ สีหน้าของทั้งสองคนต่างดูตึงเครียดเป็นอย่างมาก

“พวกเจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือไร?”

หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา: “ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งนาที ไสหัวไปจากที่นี่ มิเช่นนั้นต่อให้ม่านพลังต้องฉีกขาด ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้า!”

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงเถือก จิตที่จะสู้พรั่งพรูออกมาจากร่างกาย

เมฆครึ้มบนฟ้ากลิ้งม้วนไปมา ราวกับจะบดขยี้ท้องฟ้าผืนนี้ให้แตกสลายยังไงอย่างนั้น

ลี่เฉินก็ปลดปล่อยศักยภาพแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นออกมาเช่นกัน เตรียมพร้อมที่จะลงมือตลอดเวลา

ใบหน้าของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านต่างเปี่ยมล้นไปด้วยความเคร่งขรึม พวกเขาอยากหยุดยั้งไม่ให้หยางเฉินทำลายม่านพลัง แต่ทว่าพวกเขาต่างก็อยากนำตัวเฝิงเสียวหว่านกลับไปเช่นกัน

ระยะเวลาหนึ่งนาทีผ่านไปเร็วดุจชั่วพริบตาเดียว

หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก: “ดูท่าพวกเจ้าเลือกทางตายสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวข้าจะทำให้พวกเจ้าสมความปรารถนาเอง!”

เขาในวินาทีนี้เหมือนปีศาจชั่วร้ายที่มาจากนรก มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แผ่กระจายออกมาจากร่างเขา

ไป๋หลี่เย่พูดเสียงดัง: “หยางเฉิน หรือว่าเจ้าจะทำลายม่านพลังของที่นี่ เจ้าไม่สนใจคนธรรมดานับหมื่นล้านในโลกมนุษย์แล้วหรือ? หากทำลายม่านพลังจริง ๆ แค่อาศัยเจ้าคนเดียว จะต้านทานผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่มากมายเช่นนั้นได้หรือ?”

เจียงจ้านก็พูดเช่นกันว่า: “หากถึงครานั้นจริง ๆ เจ้าก็จะเป็นคนชั่วที่ชั่วร้ายที่สุดในโลกมนุษย์ ผู้คนในโลกมนุษย์มีเพียงจะโทษว่าเจ้าเป็นผู้ทำลายชีวิตอันสงบสุขของพวกเขา เจ้าจะถูกผู้คนในโลกมนุษย์ตอกลงเสาแห่งความอัปยศอดสูในประวัติศาสตร์!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *