The King of Warบทที่ 2019 จะหลับใหลแล้ว

Now you are reading The King of War Chapter บทที่ 2019 จะหลับใหลแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The king of War บทที่ 2019 จะหลับใหลแล้ว
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ก็ทำเอาทุกคนตื่นตะลึงไปหมด

“แดนภาขั้นสามชั้นยอด!”

สิงจี๋ที่ถูกกระแทกจนถอยหลังกลับไปหลายก้าว พูดด้วยใบหน้าที่ดูย่ำแย่อย่างมาก

เทพมารอาศัยร่างกายของหยางเฉิน ระเบิดศักยภาพแดนนภาขั้นสามชั้นยอดออกมาได้โดยตรง

ใบหน้าของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านทั้งสองคนก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความช็อกเช่นกัน

และในเวลานี้เอง หยางเฉินก็แหงนหน้ามองขึ้นท้องฟ้ากะทันหัน

ปรมาจารย์กู่กำลังนำคณะปรมาจารย์ค่ายกลชั้นสุดยอดในโลกบู๊โบราณล่าง ทำการซ่อมแซมรอยร้าวม่านพลัง สำหรับศึกการต่อสู้ระหว่างสิงจี๋และหยางเฉินนั้น พวกเขาไม่ชายตาลงมามองเลยด้วยซ้ำ

“ไป!”

จู่ ๆ หยางเฉินก็ตะคอกเสียงดังลั่น ในขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกช็อกอยู่นั้น มีดโลหิตก็กลายเป็นลำแสงหนึ่ง ทิ่มแทงเข้าไปกลางค่ายกลภายในชั่วพริบตา

“ปัง!”

เสียงดังลั่นที่สะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นฟ้าดังออกมาจากค่ายกล

มีดโลหิตเหมือนดั่งก้อนหินที่ใหญ่โตมโหฬารตกลงไปในทะเล ตรงกลางค่ายกลเกิดเป็นคลื่นพลังและแผ่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ

ทุกตำแหน่งที่คลื่นพลังเคลื่อนผ่าน ม่านพลังตำแหน่งนั้นก็จะแตกร้าวไปภายในพริบตา

และเสี้ยววินาทีที่มีดโลหิตทิ่มแทงเข้าไปกลางค่ายกล กองกำลังปรมาจารย์ค่ายกลที่มีปรมาจารย์กู่เป็นผู้นำก็แตกกระจายทันที เงาดำแต่ละร่างบินลอยออกไปทั่วทุกสารทิศ

เดิมทีรอยร้าวม่านพลังก็ซ่อมแซมยากมาก ๆ อยู่แล้ว วินาทีนี้รอยร้าวกลับใหญ่มากขึ้น

ปรมาจารย์กู่มองดูค่ายใหญ่บูรณะถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้สีหน้าเขาขาวซีดลงไปอย่างฉับพลัน ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง: “จบแล้ว! ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป บนโลกใบนี้จะไม่มีโลกบู๊โบราณอีกต่อไป!”

“ตู้มตู้มตู้ม!”

เสี้ยววินาทีที่สิ้นเสียงเขา จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดที่รุนแรงดังออกมาจากท้องฟ้า

เห็นเพียงทั่วท้องฟ้าดูมืดครึ้มขึ้น สายฟ้าที่แยงตาจำนวนมากเคลื่อนผ่านขอบฟ้าไป และส่งเสียงดังอย่างน่ากลัว

วินาทีนี้ จำนวนคนที่นับไม่ถ้วนในเยี่ยนตูต่างแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า ใบหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีแห่งความประหลาดใจ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดถึงมีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ปรากฏ?”

“นี่ท้องฟ้ากำลังจะพังทลายลงมาแล้วหรือ?”

……

ผู้คนในเยี่ยนตูล้วนรู้สึกทึ่งอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกัน ผู้คนในโลกบู๊โบราณล่างก็ต่างพากันแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าเช่นกัน พวกเขาเบิ่งตาค้างทำอะไรไม่ถูก เหมือนท้องฟ้าพังทลายลงมายังไงอย่างนั้น แผ่นฟ้าแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยอย่างต่อเนื่อง แล้วหายไปจากโลกนี้

“ม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์ ไร้ซึ่งความหวังที่จะซ่อมแซมให้คืนสู่สภาพเดิมได้อีกแล้ว!”

“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์จะรวมกันเป็นหนึ่งโลก!”

……

นักบูโดในโลกบู๊โบราณล่างต่างเข้าใจดีอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างเอ่ยปากพูดด้วยสีหน้าที่ดูย่ำแย่

ผู้คนในโลกบู๊โบราณล่างสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าชี่ทิพย์กำลังไหลหายไปอย่างรวดเร็วดุจกระแสน้ำ

สำหรับนักบูโดในโลกบู๊โบราณล่างแล้ว นี่เป็นการกระทบจากภัยพิบัติที่รุนแรงชัด ๆ

ม่านพลังระหว่างทั้งสองโลกไม่ได้แตกสลายโดยสิ้นเชิงแต่อย่างใด ทว่าพวกเขาก็สัมผัสได้แล้วว่าชี่ทิพย์ในอากาศเบาบางลงไปเยอะมาก ๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เกรงว่าใช้เวลาไม่นาน ปริมาณชี่ทิพย์ในอากาศก็จะเจือจางจนถึงระดับที่ต่ำสุด จนกระทั่งปริมาณชี่ทิพย์สมดุลกับโลกมนุษย์

ในทางตรงกันข้าม นักบูโดในโลกมนุษย์ล้วนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าชี่ทิพย์กำลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทุกจุดในเยี่ยนตูล้วนมีนักบูโดบรรลุแดน

“ฮ่าฮ่า ข้าบรรลุแล้ว! ในที่สุดข้าก็บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ซะที!”

“ข้าหยุดอยู่ในแดนนี้มาเกือบสิบปีแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะบรรลุในวันนี้!”

“ข้าสามารถบำเพ็ญเพียรได้แล้วอย่างนั้นหรือ! ข้าสามารถบำเพ็ญเพียรได้แล้ว! สายเลือดของข้าราวกับถูกปลุกตื่นกะทันหันยังไงอย่างนั้น สามารถเริ่มบำเพ็ญเพียรได้โดยตรงเลย!”

……

เสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นดีใจดังขึ้นมาจากทุกมุมเยี่ยนตู

มากกว่านั้นคืออดีตคนธรรมดาที่ไม่ได้ย่างกรายลงบนวิถีบู๊ เมื่ออยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ชี่ทิพย์ค่อย ๆ เข้มข้นขึ้น คนเหล่านั้นไม่ได้บำเพ็ญเพียรโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถบำเพ็ญเพียรได้แล้ว

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป บนโลกใบนี้จะไม่มีโลกบู๊โบราณอีก! ไสหัวกลับไปกันได้แล้ว!”

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ หยางเฉินก็ตำหนิเสียงดัง

พอสิ้นเสียงเขา พลังอำนาจบริเวณรอบ ๆ ก็หายวับไปในพริบตา

ออร่าบู๊บนตัวหยางเฉินก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพที่สงบ

วินาทีนี้เทพมารได้ออกจากร่างเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากหยางเฉินกลับมายึดครองร่างตัวเองใหม่อีกครั้ง เขามองดูรอยร้าวบนนภาที่พังทลายไปอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความทอดถอนใจ

เขารู้อยู่ว่าเทพมารแข็งแกร่งมาก ๆ และเข้าใจเช่นกันว่าเทพมารสามารถอาศัยร่างกายของเขา ระเบิดศักยภาพที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งออกมาได้ แต่เขากลับไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเทพมารใช้ร่างกายของเขาที่เพิ่งบรรลุสู่แดนนภาใหม่ ๆ ก็สามารถระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่าแดนนภาขั้นสามชั้นยอดออกมาได้

สามารถโค่นล้มทั่วทั้งโลกบู๊โบราณล่างได้ในช่วงพริบตาเดียว ช่างแข็งแกร่งเสียจริง

ในขณะเดียวกันสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกชื่นใจมาก ๆ คือหลังจากเอ็นและกระดูกของตัวเองถูกหลอมสร้างใหม่โดยสายเลือดของเทพมารโบราณกาล รวมไปถึงราชามนุษย์และเทพธิดาแล้ว มันจะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้

หากเป็นในอดีต การที่หยางเฉินสามารถระเบิดศักยภาพแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมาได้นั้น ก็ถือเป็นขีดจำกัดทางเนื้อหนังของเขาแล้ว

ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่าเนื้อหนังของตัวเอง สามารถต้านทานการโจมตีของผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดแล้วหรือ?

และในตอนนี้เอง เสียงของเทพมารก็ดังขึ้นมาในสมองหยางเฉินกะทันหัน: “ช่วงเวลานับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะจมดิ่งสู่การหลับใหลแล้ว เจ้าอย่าทำตัวเด่นมากนัก หากประสบพบเจอกับปัญหาที่จัดการไม่ได้จริง ๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือหลบหนี เรื่องทุกอย่างคอยข้าฟื้นคืนมาเมื่อใดค่อยว่ากันอีกที”

เมื่อได้ยินคำพูดของเทพมารแล้ว หยางเฉินก็ยืนผงะอยู่ที่ไปในทันที

ผ่านไปนานมากถึงตอบสนองกลับมาได้ ก่อนที่เขาจะรีบถามในสมองว่า: “ท่านจะหลับใหลหรือ? จะหลับนานเท่าไหร่? ท่านอย่าบอกข้านะว่าท่านสร้างเรื่องราวที่ใหญ่โตเช่นนี้แล้ว ท่านกลับจะหลับใหล แล้วโยนปัญหาเละเทะทั้งหมดนี้ให้แก่ข้า? นี่ท่านกำลังล้อเล่นกับข้าอยู่หรือ?”

เทพมารอาศัยเนื้อหนังของเขาทำลายม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์โดยตรง ทันทีที่ข่าวคราวนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่านักบูโดทั่วทั้งโลกบู๊โบราณล่างคงต้องไล่ล่าเขาอย่างแน่นอน

หากเป็นเพียงนักบูโดแดนนภาขั้นหนึ่งก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดผู้ที่มาไล่ล่าเขาคือนักบูโดแดนนภาขั้นสองและนักบูโดแดนนภาขั้นสามละก็ ตนจะรับมืออย่างไร?

เมื่อไม่มีเทพมาร หยางเฉินไม่มีวิธีการที่จะรับมือกับเรื่องที่ใกล้จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ด้วยซ้ำ

เทพมารพูดกระแทกเสียงต่ำ: “เมื่อครู่ข้าฝืนใช้พลังจิตวิญญาณมากเกินขีดจำกัด ซึ่งสิ้นเปลืองจิตวิญญาณของข้าไปเยอะมาก ๆ และข้าอาจเข้าสู่การหลับใหลได้ตลอดเวลา”

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พลังอำนาจที่น่าเกรงขามเมื่อครู่นี้ของข้า เป็นการบอกกับผู้คนในโลกบู๊โบราณล่างว่าข้าจงใจหาประสบการณ์ให้แก่เจ้า เพราะฉะนั้นจึงอนุญาตให้นักบูโดที่อยู่ต่ำกว่าแดนนภาขั้นสองชั้นยอดมาจัดการกับเจ้าเท่านั้น”

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นักบูโดที่อยู่สูงกว่าแดนนภาขั้นสองชั้นยอดก็จะไม่มาหาเรื่องเจ้า จากศักยภาพในปัจจุบันของเจ้า การจัดการนักบูโดแดนนภาขั้นสองชั้นกลางนั้นน่าจะไม่เป็นปัญหามากนัก ในส่วนของนักบูโดแดนนภาขั้นสองชั้นยอดนั้น ต้องดูศักยภาพในช่วงเวลาที่ส่งผลต่อความเป็นความตายของเจ้าอีกทีแล้วล่ะ และมีเพียงทำเช่นนี้ ถึงจะเคี่ยวเข็ญศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้าออกมาได้โดยสิ้นเชิง”

“พอแล้ว เลิกพูดอะไรที่มันไร้สาระได้ละ ข้าจะหลับใหลแล้ว บัดนี้ข้าจะนำวิชาลับเชียนเสวียนถ่ายทอดให้แก่เจ้า หากเจ้าประสบพบเจอนักบูโดแดนนภาขั้นสองชั้นยอดจริง ๆ สามารถใช้วิชาลับดังกล่าวมารับมือได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของเทพมาร หยางเฉินก็ลุกลนขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบพูดว่า: “หากข้าใช้วิชาลับเชียนเสวียนจริง ๆ ก็หมายความว่าข้าต้องตายมิใช่หรือ?”

เทพมารตอบกลับอย่างพิโรธ: “พูดมากเสียจริง! กูแก้ไขวิชาลับเชียนเสวียนของตระกูลเจียงแล้ว วิชาลับเชียนเสวียน ณ บัดนี้ เป็นวิชาลับระดับสูงวิชาหนึ่ง จะไม่สร้างผลข้างเคียงร้าย ๆ ใด ๆ ให้แก่ผู้ใช้วิชา”

หยางเฉินมีความสุขขึ้นมาในทันที แล้วรีบพูดว่า: “ผู้อาวุโส ท่านรีบนำวิชาลับเชียนเสวียนถ่ายทอดให้แก่ข้าเถิด!”

วิชาลับเชียนเสวียนเป็นวิชาลับชั้นยอดของตระกูลเจียงเชียวนะ ยิ่งกว่านั้นคือมีเพียงผู้นำตระกูลและผู้ที่สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้แก่ตระกูลเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์บำเพ็ญ มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ วิชาลับดังกล่าวก็ยังคงเป็นวิชาลับชั้นสุดยอดของตระกูลเจียง

ปัจจุบันเทพมารกลับบอกว่าได้แก้ไขวิชาลับเชียนเสวียนไปแล้ว ซึ่งมันจะไม่สร้างผลข้างเคียงร้าย ๆ ใด ๆ ให้แก่ผู้ใช้วิชา

หลังจากเจียงเผิงใช้วิชาลับเชียนเสวียนแล้ว ศักยภาพของเขาพุ่งจากแดนนภาขั้นสองชั้นกลาง สูงขึ้นถึงแดนนภาขั้นสองชั้นยอดโดยตรง หากหยางเฉินใช้วิชาลับดังกล่าวละก็ กำลังรบของเขาจะพุ่งพรวดขึ้นไปถึงระดับใดกันนะ?

ยิ่งคิดหยางเฉินก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *