[WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS 2 คู่รักเริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจากแบบทดสอบจิตวิทยา

Now you are reading [WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS Chapter 2 คู่รักเริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจากแบบทดสอบจิตวิทยา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่ วันนี้ฉันอยากจะทำอะไรแบบคู่รักกันบ้างอะ”

 

ในวันหนึ่ง ณ ห้องชมรมวรรณกรรม ยซุก็ได้บ่นพึมพำราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา

 

ผมที่กำลังประกอบเครื่องเกมย้อนยุคที่ศิษย์เก่าทิ้งไว้เข้ากับทีวีเก่า ได้เงยหน้าขึ้นมองตามคำพูดของเธอ

 

“จู่ๆ ก็อะไรกันน่ะ”

 

“ไม่ใช่จู่ๆ สิ ก็ฉันกับยามาโตะคุงเริ่มคบกันมาสักระยะหนึ่งแล้วนี่นา แต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรไปเล่าให้ฟังตอนอยู่กับเพื่อนเลย”

 

“โห แล้ว?”

 

เหตุผลที่เราคบกัน…ไม่สิ เหตุผลที่เราทำ ‘สัญญากัน’ เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ผมจึงตั้งใจฟังอย่างจริงจัง

 

“แต่เดิมการที่คนน่ารักสุดๆ อย่างฉันกับยามาโตะคุงผู้มืดมนมาคบกันมันก็แทบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นฉันก็เลยต้องการพูดคุยแบบคู่รักบ้าง เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่สงสัยว่าพวกเราเป็นคู่รักปลอมๆ กันน่ะ”

 

“เอาเถอะ ถ้านั่นเป็นเหตุผลฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความร่วมมือนั่นแหละ แล้วเราต้องทำยังไงกันล่ะ”

 

“ถ้าพูดถึงคู่รักแล้ว ก็ต้องนี่เลย!”

 

หลังจากพูดจบ ยูซุก็ได้หยิบมือถือขึ้นมาและโชว์หน้าจอให้ผมดู

 

“อะไรเนี่ย…แบบทดสอบจิตวิทยา?”

 

“ใช่แล้ว! มันเป็นแบบทดสอบจิตวิทยาที่แสดงให้เห็นว่าคู่รักรักกันแค่ไหนเชียวนะ ต้องลองดูให้ได้สักครั้งเลยนะ”

 

“ไม่ล่ะ ต่อให้จะทำแบบนั้นกับคู่รักปลอมๆ ไป…มันก็มีแต่จะเจอกับค่าความรักเป็น 0 เท่านั้นแหละ”

 

ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดของยูซุ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะตื่นเต้นกับมันมากจนคำพูดของผมไม่อาจหยุดเธอได้

 

“เอาน่าๆ ลองทำดูหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย งั้นฉันจะเป็นคนตั้งคำถามก่อน ส่วนยามาโตะคุงก็เป็นคนตอบนะ”

 

“ไม่มีทางเลือกสินะ…”

 

ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้

 

“งั้นก็ ‘หากคุณโดนวางยาจนไม่อาจขยับไปไหนได้ คุณคิดว่ายานั้นจะถูกใส่ไว้กับสิ่งไหน ในซุป ในน้ำ ในเนื้อ หรือว่าในของหวาน’ ”

 

รู้สึกกังวลหน่อยๆ แฮะที่ต้องมาตอบแบบทดสอบเกี่ยวกับอะไรไม่รู้…แต่ก็ช่างเถอะ ตอบไปเลยดีกว่า  

 

“งั้นก็… ซุปมั้ง”

 

ผมตอบไปโดยสัญชาตญาณ

 

จากนั้นใบหน้าของยูซุก็ได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันไม่พึงประสงค์

 

“โฮ่… โฮ่ๆๆ”

 

ลางสังหรณ์ของผมรู้สึกถึงความแหม่งๆ จากนั้นยูซุก็ได้เปิดเผยความจริงออกมาด้วยใบหน้ามีความสุข

 

“สิ่งที่แบบทดสอบนี้บอกมานั่นก็คือ! ‘คุณกำลังตกหลุมรักอยู่’ นั่นเอง!”

 

“อะ อะไรนะ!?”

 

“สำหรับคนที่เลือกซุป! คุณเป็นคนประเภทที่ ‘ชอบทำเป็นเก๊ก’ เป็นโรคประเภทที่ไม่สามารถซื่อสัตย์กับตัวเองได้ แม้ว่าภายในจะตื่นเต้นมาก แต่ภายนอกกลับเสแสร้งเย็นชาค่า!”

 

“บะ บ้าไปแล้ว…!”

 

ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงทำให้ผมเผลออารมณ์เสีย

 

จากนั้นยูซุก็ได้ซุกหน้าเข้ามาใกล้ราวกับเจอของเล่นที่ดีที่สุด

 

“เข้าใจแล้ว ฉันก็คิดมาตลอดนะว่าท่าทางของนายมันเย็นชาจัง แต่บางทีก็แค่อาจจะบอกไปตรงๆ ไม่ได้นี่นา ช่วยไม่ได้นี่เน้อ~ ก็นายเล่นรักฉันมากขนาดนี้ แต่ซื่อสัตย์กับตัวเองไม่ได้ใช่มั้ยล่า~”

 

“ตะ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ! ฉันขอทำใหม่!”

 

“ขอปฏิเสธค่ะ! เอ่อ…เมื่อกี้ใครพูดไว้ว่ายังไงนะ? ‘ต่อให้จะทำแบบนั้นกับคู่รักปลอมๆ ไป…มันก็มีแต่จะเจอกับค่าความรักเป็น 0 เท่านั้นแหละ’ ใช่มั้ย? นั่นสิเน้อ~ ค่าความรักเป็น 0% เลยล่ะนั่นแหละเน้อ~”

 

ยูซุจงใจทำท่าทางเลียนแบบผม อะไรกันฟะยัยนี่! ชักจะน่ารำคาญจนไม่รู้ลิมิตแล้วนะ!

 

“หมดเวลาแล้ว! ขอเรียกร้องให้เปลี่ยนฝั่งด้วย! คราวนี้ฉันจะเป็นคนถาม แล้วเธอเป็นคนตอบบ้าง!”

 

ในเมื่อรับรู้แล้วว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงบรรยากาศได้ ผมจึงพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่อง

 

“แน่นอนว่าต้องได้อยู่แล้ว ก็ในเมื่อยามาโตะคุงที่ซื่อสัตย์กับตัวเองไม่เป็นเป็นคนขอมาเองเลยนี่นา ในฐานะแฟนสาว ฉันไปปฏิเสธนายได้ยังไง”

 

ยูซุยอมเปลี่ยนมาเป็นคนโดนถามพร้อมด้วยรอยยิ้มอันเล่ห์เหลี่ยม ทั้งที่ตอนผมขอทำแบบทดสอบใหม่เธอยังปฏิเสธแท้ๆ ช่างเป็นคนที่สองมาตรฐานชะมัด

 

“ถึงมันจะเป็นการเปิดเผยให้เห็นว่าฉันรักยามาโตะคุงแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็ไม่มีปัญหาหรอก ก็ฉันบอกรักยามาโตะคุงตลอดเวลาอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”

 

ยูซุเชิดหน้าอกอย่างไม่ยี่ระ คอยดูเถอะนะ

 

ผมใช้งานโทรศัพท์ของตัวเอง จากนั้นก็ได้พบกับแบบทดสอบทางจิตวิทยาที่คล้ายคลึงกัน

 

“งั้นก็ ‘คุณกำลังซื้อเครื่องดื่มจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ทว่าเครื่องดื่มที่คุณซื้อนั้นกลับไม่มีฉลากติดอยู่ทำให้ไม่รู้ชื่อของผลิตภัณฑ์ ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังรู้สึกหิวน้ำจนอยากจะซื้อบางอย่างอยู่ดี ถ้าอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้คุณจะซื้อเครื่องดื่มเป็นสีอะไร’ ”

 

“ถ้าเป็นตอนนี้ก็คงสีน้ำตาลมั้ง พอดีฉันอยากดื่มชาน่ะ”

 

ยูซุตอบกลับมาแบบดูไม่ค่อยกังวล

 

เมื่อฟังเสร็จผมก็ได้เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อหาคำตอบ

 

“คำตอบก็คือ…อ๊ะ โทษทีนะ ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่แบบทดสอบจิตวิทยาคู่รักหรอก แต่มันเป็นแบบทดสอบว่าคุณเป็นโรคจิตหรือเปล่าน่ะ”

 

“เอาอะไรมาให้ฉันทำกันยะ!?”

 

“ส่วนคำตอบก็…เห~ อย่างนี้เองเหรอ อื้มๆ”

 

“อะไรยะ!? นี่นายรู้อะไรเกี่ยวกับฉัน!?”

 

โอ๊ะ เผลอออกนอกเรื่องไปหน่อย โต้ดๆ

 

“งั้นก็พอแค่นี้แล้วไปหาอันอื่นดีกว่า”

 

“จะไปไหนกันยะ!? ฉันไม่ยอมให้นายหนีไปไหนจนกว่าจะได้คำตอบหรอกนะ!”

 

ยูซุหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหากดคำตอบราวกับว่าเธอทนไม่ไหว

 

ในระหว่างนั้นผมก็ได้ตรวจดูคำตอบของแบบทดสอบจิตวิทยาคู่รักในตอนนั้นไปด้วย

 

“นี่ เราจะเริ่มทำแบบทดสอบของจริงกันแล้วนะ”

 

“ค่อยยังชั่ว…ก็ดูดีนี่ เอ้า! หวังว่าคราวนี้นายจะทำให้มันถูกต้องนะ”

 

ยูซุหันหน้ามามองผมด้วยความโล่งใจเมื่อได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่โรคจิต

 

ผมเองพอได้ยืนยันคำตอบแล้วก็ละหน้าจอจากโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน

 

“ ‘คุณกำลังจะมอบดอกไม้ให้กับคนรักด้วยดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว โดยในช่อนั้นจะมีทั้งสองสีคละกัน 20 ดอก คุณจะจัดช่อดอกไม้โดยใช้สีละกี่ดอก’ ”

 

หลังจากอ่านคำถามดังๆ ยูซุก็ได้คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา

 

“กุหลาบแดง 19 กุหลาบขาว 1 มั้ง เพราะว่าการที่มีกุหลาบที่สีต่างกันมันเด่นดีน่ะ”

 

ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับคำตอบนั้น

 

“เอ่อ ความหมายคือ… ‘กุหลาบแดงเป็นตัวแทนของหัวใจที่ทุ่มเทให้กับคู่รัก ส่วนกุหลาบขาวเป็นตัวแทนของหัวใจที่ต้องการจากคู่รัก’ เธอเนี่ย ทั้งที่เป็นคนหลงตัวเองแท้ๆ แต่กลับเป็นประเภทที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับคนรักสินะ”

 

“พะ พูดเรื่องอะไรกันน่ะ”

 

สำหรับผมมันเป็นแค่เรื่องเซอร์ไพรส์ธรรมดา แต่สำหรับยูซุดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่น่าอายมากจนหน้าของเธอแดงแปร๊ดทันที

 

เมื่อได้เห็นสิ่งนี้เข้า ต่อให้เป็นผมก็อดที่จะหยอกล้อไม่ได้

 

“แหมๆ ไม่เห็นจะต้องปิดบังไปเลยนี่นา ฉันผิดที่ไม่ทันสังเกตเอง ไม่คิดเลยว่าเธอจะทุ่มเทเพื่อฉันขนาดนี้”

 

“มะ ไม่จริงสักหน่อย! ฉันคิดถึงแต่ตัวเองต่างหาก! นั่นก็เพราะฉันรักตัวเองยังไงล่ะ!”

 

“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย แม่สาวกุหลาบแดง 19 ดอก เอาจริงๆ แม้แต่แบบทดสอบจิตวิทยานี่เธอก็คงคิดมาเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับฉันใช่ม้า ขอบคุณน้ายูซุจัง มีแฟนแบบนี้ฉันนี่ช่างมีความสุขจริงๆ”

 

“หยุดแหย่ฉันกลับได้แล้ว! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรเอามาพูดนะ! เบื้องหลังความพยายามของฉัน!”

 

ยูซุเริ่มยกมือขึ้นมาปิดหน้า แจ๋ว ถ้าทำได้ขนาดนี้เราก็พอใจแล้วล่ะ

 

“ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าฉันได้เจอสิ่งที่น่าสนใจมาเยอะพอแล้ว ถ้างั้นคงได้เวลาพอแล้วล่ะนะ”

 

พูดเสร็จผมก็ปิดแบบทดสอบทางจิตวิทยา และเอื้อมมือออกไปยังเครื่องเกมที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมการ

 

ทว่าชายเสื้อของผมกลับถูกดึงจากข้างหลัง

 

และเมื่อหันหลังกลับไปก็ได้พบเห็นยูซุที่กำลังทำหน้าบวมอยู่

 

“นี่ ยังมีกุหลาบขาวอยู่ 1 ดอกนะ”

 

จู่ๆ เธอก็พึมพำออกมาอย่างไม่รู้จุดประสงค์

 

“เอ๊ะ หมายความว่าไงน่ะ”

 

“…”

 

ผมถาม แต่ยูซุไม่ตอบ ดูเหมือนว่าผมคงต้องคิดเอาเอง

 

กุหลาบขาวก็คือ—ความรู้สึกอยากได้รับสิ่งตอบแทนสินะ

 

อ๋อ เข้าใจแล้ว

 

หลังจากถอนหายใจ ผมก็หยุดเตรียมเครื่องเกม และหันหน้าไปเผชิญหน้ากับยูซุ

 

“ขอบคุณที่เตรียมของมาให้พวกเราได้เพลิดเพลินกันนะ เพื่อเป็นการตอบแทนวันนี้ผมจะรับฟังสิ่งที่ยูซุพูดเองครับ”  

 

“พูดจริงใช่มั้ย”

 

ทันใดนั้นใบหน้าของยูก็เจิดจ้าขึ้น ยัยคนเปลี่ยนใจง่ายนิ

 

“พูดจริงๆ”

 

“ฉันมีร้านคาเฟ่ที่อยากไปอยู่พอดีเลย เพราะคิดว่านายอาจจะไม่ชอบฉันก็เลยไม่ได้ชวนน่ะ”

 

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะไปกับเธอเอง”

 

“อื้ม! ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ!”

 

จากนั้นผมก็ถูกนำตัวออกไปจากชมรมวรรณกรรมโดยยูซุผู้ที่จูงมือผมอย่างร่าเริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS 2 คู่รักเริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจากแบบทดสอบจิตวิทยา

Now you are reading [WN] มาคบกับฉันผู้แสนน่ารักซะดีๆ! SS Chapter 2 คู่รักเริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจากแบบทดสอบจิตวิทยา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่ วันนี้ฉันอยากจะทำอะไรแบบคู่รักกันบ้างอะ”

 

ในวันหนึ่ง ณ ห้องชมรมวรรณกรรม ยซุก็ได้บ่นพึมพำราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา

 

ผมที่กำลังประกอบเครื่องเกมย้อนยุคที่ศิษย์เก่าทิ้งไว้เข้ากับทีวีเก่า ได้เงยหน้าขึ้นมองตามคำพูดของเธอ

 

“จู่ๆ ก็อะไรกันน่ะ”

 

“ไม่ใช่จู่ๆ สิ ก็ฉันกับยามาโตะคุงเริ่มคบกันมาสักระยะหนึ่งแล้วนี่นา แต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรไปเล่าให้ฟังตอนอยู่กับเพื่อนเลย”

 

“โห แล้ว?”

 

เหตุผลที่เราคบกัน…ไม่สิ เหตุผลที่เราทำ ‘สัญญากัน’ เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ผมจึงตั้งใจฟังอย่างจริงจัง

 

“แต่เดิมการที่คนน่ารักสุดๆ อย่างฉันกับยามาโตะคุงผู้มืดมนมาคบกันมันก็แทบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นฉันก็เลยต้องการพูดคุยแบบคู่รักบ้าง เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่สงสัยว่าพวกเราเป็นคู่รักปลอมๆ กันน่ะ”

 

“เอาเถอะ ถ้านั่นเป็นเหตุผลฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความร่วมมือนั่นแหละ แล้วเราต้องทำยังไงกันล่ะ”

 

“ถ้าพูดถึงคู่รักแล้ว ก็ต้องนี่เลย!”

 

หลังจากพูดจบ ยูซุก็ได้หยิบมือถือขึ้นมาและโชว์หน้าจอให้ผมดู

 

“อะไรเนี่ย…แบบทดสอบจิตวิทยา?”

 

“ใช่แล้ว! มันเป็นแบบทดสอบจิตวิทยาที่แสดงให้เห็นว่าคู่รักรักกันแค่ไหนเชียวนะ ต้องลองดูให้ได้สักครั้งเลยนะ”

 

“ไม่ล่ะ ต่อให้จะทำแบบนั้นกับคู่รักปลอมๆ ไป…มันก็มีแต่จะเจอกับค่าความรักเป็น 0 เท่านั้นแหละ”

 

ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดของยูซุ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะตื่นเต้นกับมันมากจนคำพูดของผมไม่อาจหยุดเธอได้

 

“เอาน่าๆ ลองทำดูหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย งั้นฉันจะเป็นคนตั้งคำถามก่อน ส่วนยามาโตะคุงก็เป็นคนตอบนะ”

 

“ไม่มีทางเลือกสินะ…”

 

ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้

 

“งั้นก็ ‘หากคุณโดนวางยาจนไม่อาจขยับไปไหนได้ คุณคิดว่ายานั้นจะถูกใส่ไว้กับสิ่งไหน ในซุป ในน้ำ ในเนื้อ หรือว่าในของหวาน’ ”

 

รู้สึกกังวลหน่อยๆ แฮะที่ต้องมาตอบแบบทดสอบเกี่ยวกับอะไรไม่รู้…แต่ก็ช่างเถอะ ตอบไปเลยดีกว่า  

 

“งั้นก็… ซุปมั้ง”

 

ผมตอบไปโดยสัญชาตญาณ

 

จากนั้นใบหน้าของยูซุก็ได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันไม่พึงประสงค์

 

“โฮ่… โฮ่ๆๆ”

 

ลางสังหรณ์ของผมรู้สึกถึงความแหม่งๆ จากนั้นยูซุก็ได้เปิดเผยความจริงออกมาด้วยใบหน้ามีความสุข

 

“สิ่งที่แบบทดสอบนี้บอกมานั่นก็คือ! ‘คุณกำลังตกหลุมรักอยู่’ นั่นเอง!”

 

“อะ อะไรนะ!?”

 

“สำหรับคนที่เลือกซุป! คุณเป็นคนประเภทที่ ‘ชอบทำเป็นเก๊ก’ เป็นโรคประเภทที่ไม่สามารถซื่อสัตย์กับตัวเองได้ แม้ว่าภายในจะตื่นเต้นมาก แต่ภายนอกกลับเสแสร้งเย็นชาค่า!”

 

“บะ บ้าไปแล้ว…!”

 

ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงทำให้ผมเผลออารมณ์เสีย

 

จากนั้นยูซุก็ได้ซุกหน้าเข้ามาใกล้ราวกับเจอของเล่นที่ดีที่สุด

 

“เข้าใจแล้ว ฉันก็คิดมาตลอดนะว่าท่าทางของนายมันเย็นชาจัง แต่บางทีก็แค่อาจจะบอกไปตรงๆ ไม่ได้นี่นา ช่วยไม่ได้นี่เน้อ~ ก็นายเล่นรักฉันมากขนาดนี้ แต่ซื่อสัตย์กับตัวเองไม่ได้ใช่มั้ยล่า~”

 

“ตะ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ! ฉันขอทำใหม่!”

 

“ขอปฏิเสธค่ะ! เอ่อ…เมื่อกี้ใครพูดไว้ว่ายังไงนะ? ‘ต่อให้จะทำแบบนั้นกับคู่รักปลอมๆ ไป…มันก็มีแต่จะเจอกับค่าความรักเป็น 0 เท่านั้นแหละ’ ใช่มั้ย? นั่นสิเน้อ~ ค่าความรักเป็น 0% เลยล่ะนั่นแหละเน้อ~”

 

ยูซุจงใจทำท่าทางเลียนแบบผม อะไรกันฟะยัยนี่! ชักจะน่ารำคาญจนไม่รู้ลิมิตแล้วนะ!

 

“หมดเวลาแล้ว! ขอเรียกร้องให้เปลี่ยนฝั่งด้วย! คราวนี้ฉันจะเป็นคนถาม แล้วเธอเป็นคนตอบบ้าง!”

 

ในเมื่อรับรู้แล้วว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงบรรยากาศได้ ผมจึงพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่อง

 

“แน่นอนว่าต้องได้อยู่แล้ว ก็ในเมื่อยามาโตะคุงที่ซื่อสัตย์กับตัวเองไม่เป็นเป็นคนขอมาเองเลยนี่นา ในฐานะแฟนสาว ฉันไปปฏิเสธนายได้ยังไง”

 

ยูซุยอมเปลี่ยนมาเป็นคนโดนถามพร้อมด้วยรอยยิ้มอันเล่ห์เหลี่ยม ทั้งที่ตอนผมขอทำแบบทดสอบใหม่เธอยังปฏิเสธแท้ๆ ช่างเป็นคนที่สองมาตรฐานชะมัด

 

“ถึงมันจะเป็นการเปิดเผยให้เห็นว่าฉันรักยามาโตะคุงแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็ไม่มีปัญหาหรอก ก็ฉันบอกรักยามาโตะคุงตลอดเวลาอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”

 

ยูซุเชิดหน้าอกอย่างไม่ยี่ระ คอยดูเถอะนะ

 

ผมใช้งานโทรศัพท์ของตัวเอง จากนั้นก็ได้พบกับแบบทดสอบทางจิตวิทยาที่คล้ายคลึงกัน

 

“งั้นก็ ‘คุณกำลังซื้อเครื่องดื่มจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ทว่าเครื่องดื่มที่คุณซื้อนั้นกลับไม่มีฉลากติดอยู่ทำให้ไม่รู้ชื่อของผลิตภัณฑ์ ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังรู้สึกหิวน้ำจนอยากจะซื้อบางอย่างอยู่ดี ถ้าอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้คุณจะซื้อเครื่องดื่มเป็นสีอะไร’ ”

 

“ถ้าเป็นตอนนี้ก็คงสีน้ำตาลมั้ง พอดีฉันอยากดื่มชาน่ะ”

 

ยูซุตอบกลับมาแบบดูไม่ค่อยกังวล

 

เมื่อฟังเสร็จผมก็ได้เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อหาคำตอบ

 

“คำตอบก็คือ…อ๊ะ โทษทีนะ ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่แบบทดสอบจิตวิทยาคู่รักหรอก แต่มันเป็นแบบทดสอบว่าคุณเป็นโรคจิตหรือเปล่าน่ะ”

 

“เอาอะไรมาให้ฉันทำกันยะ!?”

 

“ส่วนคำตอบก็…เห~ อย่างนี้เองเหรอ อื้มๆ”

 

“อะไรยะ!? นี่นายรู้อะไรเกี่ยวกับฉัน!?”

 

โอ๊ะ เผลอออกนอกเรื่องไปหน่อย โต้ดๆ

 

“งั้นก็พอแค่นี้แล้วไปหาอันอื่นดีกว่า”

 

“จะไปไหนกันยะ!? ฉันไม่ยอมให้นายหนีไปไหนจนกว่าจะได้คำตอบหรอกนะ!”

 

ยูซุหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหากดคำตอบราวกับว่าเธอทนไม่ไหว

 

ในระหว่างนั้นผมก็ได้ตรวจดูคำตอบของแบบทดสอบจิตวิทยาคู่รักในตอนนั้นไปด้วย

 

“นี่ เราจะเริ่มทำแบบทดสอบของจริงกันแล้วนะ”

 

“ค่อยยังชั่ว…ก็ดูดีนี่ เอ้า! หวังว่าคราวนี้นายจะทำให้มันถูกต้องนะ”

 

ยูซุหันหน้ามามองผมด้วยความโล่งใจเมื่อได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่โรคจิต

 

ผมเองพอได้ยืนยันคำตอบแล้วก็ละหน้าจอจากโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน

 

“ ‘คุณกำลังจะมอบดอกไม้ให้กับคนรักด้วยดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว โดยในช่อนั้นจะมีทั้งสองสีคละกัน 20 ดอก คุณจะจัดช่อดอกไม้โดยใช้สีละกี่ดอก’ ”

 

หลังจากอ่านคำถามดังๆ ยูซุก็ได้คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา

 

“กุหลาบแดง 19 กุหลาบขาว 1 มั้ง เพราะว่าการที่มีกุหลาบที่สีต่างกันมันเด่นดีน่ะ”

 

ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับคำตอบนั้น

 

“เอ่อ ความหมายคือ… ‘กุหลาบแดงเป็นตัวแทนของหัวใจที่ทุ่มเทให้กับคู่รัก ส่วนกุหลาบขาวเป็นตัวแทนของหัวใจที่ต้องการจากคู่รัก’ เธอเนี่ย ทั้งที่เป็นคนหลงตัวเองแท้ๆ แต่กลับเป็นประเภทที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับคนรักสินะ”

 

“พะ พูดเรื่องอะไรกันน่ะ”

 

สำหรับผมมันเป็นแค่เรื่องเซอร์ไพรส์ธรรมดา แต่สำหรับยูซุดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่น่าอายมากจนหน้าของเธอแดงแปร๊ดทันที

 

เมื่อได้เห็นสิ่งนี้เข้า ต่อให้เป็นผมก็อดที่จะหยอกล้อไม่ได้

 

“แหมๆ ไม่เห็นจะต้องปิดบังไปเลยนี่นา ฉันผิดที่ไม่ทันสังเกตเอง ไม่คิดเลยว่าเธอจะทุ่มเทเพื่อฉันขนาดนี้”

 

“มะ ไม่จริงสักหน่อย! ฉันคิดถึงแต่ตัวเองต่างหาก! นั่นก็เพราะฉันรักตัวเองยังไงล่ะ!”

 

“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย แม่สาวกุหลาบแดง 19 ดอก เอาจริงๆ แม้แต่แบบทดสอบจิตวิทยานี่เธอก็คงคิดมาเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับฉันใช่ม้า ขอบคุณน้ายูซุจัง มีแฟนแบบนี้ฉันนี่ช่างมีความสุขจริงๆ”

 

“หยุดแหย่ฉันกลับได้แล้ว! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรเอามาพูดนะ! เบื้องหลังความพยายามของฉัน!”

 

ยูซุเริ่มยกมือขึ้นมาปิดหน้า แจ๋ว ถ้าทำได้ขนาดนี้เราก็พอใจแล้วล่ะ

 

“ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าฉันได้เจอสิ่งที่น่าสนใจมาเยอะพอแล้ว ถ้างั้นคงได้เวลาพอแล้วล่ะนะ”

 

พูดเสร็จผมก็ปิดแบบทดสอบทางจิตวิทยา และเอื้อมมือออกไปยังเครื่องเกมที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมการ

 

ทว่าชายเสื้อของผมกลับถูกดึงจากข้างหลัง

 

และเมื่อหันหลังกลับไปก็ได้พบเห็นยูซุที่กำลังทำหน้าบวมอยู่

 

“นี่ ยังมีกุหลาบขาวอยู่ 1 ดอกนะ”

 

จู่ๆ เธอก็พึมพำออกมาอย่างไม่รู้จุดประสงค์

 

“เอ๊ะ หมายความว่าไงน่ะ”

 

“…”

 

ผมถาม แต่ยูซุไม่ตอบ ดูเหมือนว่าผมคงต้องคิดเอาเอง

 

กุหลาบขาวก็คือ—ความรู้สึกอยากได้รับสิ่งตอบแทนสินะ

 

อ๋อ เข้าใจแล้ว

 

หลังจากถอนหายใจ ผมก็หยุดเตรียมเครื่องเกม และหันหน้าไปเผชิญหน้ากับยูซุ

 

“ขอบคุณที่เตรียมของมาให้พวกเราได้เพลิดเพลินกันนะ เพื่อเป็นการตอบแทนวันนี้ผมจะรับฟังสิ่งที่ยูซุพูดเองครับ”  

 

“พูดจริงใช่มั้ย”

 

ทันใดนั้นใบหน้าของยูก็เจิดจ้าขึ้น ยัยคนเปลี่ยนใจง่ายนิ

 

“พูดจริงๆ”

 

“ฉันมีร้านคาเฟ่ที่อยากไปอยู่พอดีเลย เพราะคิดว่านายอาจจะไม่ชอบฉันก็เลยไม่ได้ชวนน่ะ”

 

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะไปกับเธอเอง”

 

“อื้ม! ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ!”

 

จากนั้นผมก็ถูกนำตัวออกไปจากชมรมวรรณกรรมโดยยูซุผู้ที่จูงมือผมอย่างร่าเริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+