คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 132 สิบสามเข็มประตูวิญญาณ

Now you are reading คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า Chapter 132 สิบสามเข็มประตูวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 132 สิบสามเข็มประตูวิญญาณ
Ink Stone_Romance
อวี๋ชิวไฉกับภรรยาของเขาต่างก็มึนงงอยู่เล็กน้อย หากไม่ได้ถูกครอบงำ แล้วจะเรียกว่าถูกมนต์ดำได้อย่างไร
“เวลาตกฟากของคุณหนูอวี๋เป็นหยิน จึงง่ายต่อการมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ดูเหมือนว่าตอนที่นางยังเด็กพวกท่านได้ไปขอเครื่องรางแคล้วคลาดมาให้นางพกติดตัวใช่หรือไม่”
“ถูกต้องแล้ว มีเรื่องเช่นนั้นจริงๆ ” ฮูหยินอวี๋ก้าวไปข้างหน้า หยิบเชือกสีแดงจากคอบุตรสาวของนาง เชือกเส้นนั้นแขวนเครื่องรางหยกพระจันทร์เสี้ยว เอ่ยว่า “หลังจากเตี๋ยเอ๋อร์คลอดได้ไม่นานนางก็เอาแต่ร้องทั้งวันทั้งคืนจึงได้รับจี้หยกนี้มา พวกเราสองสามีภรรยาพานางไปไหว้สักการะพระพุทธรูปที่วัดแล้วได้รับมาจากพระภิกษุที่เป็นเจ้าอาวาส บอกว่าเด็กอายุยังน้อย การสวมเครื่องรางหยกจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ที่น่าแปลกก็คือหลังจากที่นางสวมหยกพระจันทร์เสี้ยวนี้ก็หยุดร้องไห้จึงได้ใส่มาตลอด หลายปีมานี้ก็เลี้ยงดูมาอย่างราบรื่น ตัวนางเองก็ชอบ จึงไม่ได้ถอดมันออก”
ฉินหลิวซีมองดูหยกพระจันทร์เสี้ยวนั้น ด้านบนแกะสลักตัวอักษรสันสกฤต[1] พยักหน้าพลางเอ่ยว่า “เป็นภาษาสันสกฤต ดูเหมือนว่าอาจารย์ท่านนั้นจะมีวิชาพอสมควร เขาลงมนต์ด้วยตัวเอง มีพุทธภาวะ[2]อยู่บ้าง”
เมื่อพวกเขาทั้งสองได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ แต่แล้วก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “แต่ว่าท่านอาจารย์ ทั้งๆ ที่มีเครื่องรางหยกอยู่ เหตุใดบุตรสาวข้าจึงต้องมนต์ดำ”
“ไม่ใช่ต้องมนต์ดำ แต่ไปชนเข้ากับมนต์ดำต่างหาก” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “เวลาตกฟากนางของอ่อนแอ เดิมทีก็มักจะมองเห็นสิ่งไม่ดีได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เกรงว่านางจะไปเจอกับสิ่งไม่ดีเข้าแล้วตกใจจนเสียขวัญ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
ฮูหยินอวี๋ตัวสั่น “จิตหลุดหรือ”
“มนุษย์มีสามจิตเจ็ดวิญญาณ มีจิตฟ้า จิตดิน จิตชีวิต จิตดินเป็นหลักเรื่องสติ เป็นหยาง จิตดินของนางหายไปนางจึงตกอยู่ในภวังค์แล้วก่อเกิดเป็นสิ่งที่พวกท่านคิดว่าเป็นโรคประสาทหลอน นางมีดวงชะตาอ่อนแอ จิตดินยังหายไป หากไม่มีเครื่องรางหยกนี้คุ้มครองไว้ เกรงว่าจะถูกวิญญาณร้ายครอบงำไปตั้งนานแล้ว”
อย่าว่าแต่ฮูหยินอวี๋เลย อวี๋ชิวไฉที่เป็นบุรุษอกสามศอกได้ยินคำพูดนี้ก็ยังเหงื่อซึมขมับ กลืนน้ำลายแล้วมองไปยังบุตรสาวที่กำลังเหม่อลอยอยู่บนเตียง เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ เช่นนั้นท่านต้องช่วยบุตรสาวของพวกเราให้ได้ ช่วยตามเอาจิตของนางกลับมาด้วยเถิด”
“ไม่ต้องห่วง”
ฉินหลิวซีหันกลับมา ให้ฉีหวงซึ่งแต่งกายเป็นชายไปเตรียมการ ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ตั้งกระถางธูปและแท่นบูชา เผาเครื่องหอมลงยันต์
“ไปเอาเสื้อผ้าของคุณหนูมา” ฉินหลิวซีเอ่ยกับฮูหยินอวี๋ว่า “อีกสักครู่เจ้าต้องไปเรียกดวงจิตด้วยตัวเอง”
“อ่า อ้อๆ”
ฮูหยินอวี๋ถือเสื้อผ้าของบุตรสาวที่ไปหยิบมาด้วยตัวเอง เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ไม่ต้องรอตอนกลางคืนหรือ แม่หมอที่พวกเราเชิญมาก่อนหน้านี้นางทำวิธีเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น”
“ไม่จำเป็น จิตนี้คงจะยังไปได้ไม่ไกล” ฉินหลิวซีปลอบด้วยรอยยิ้มพลางติดยันต์วิญญาณไว้บนหัวเตียงของคุณหนูอวี๋
ฮูหยินอวี๋กับสามีมองหน้ากันด้วยความกังวลเป็นอย่างมาก เมื่อเตรียมพร้อมแล้ว ฉินหลิวซีก็พาพวกเขาออกไปนอกห้อง จุดไฟเผายันต์เรียกวิญญาณ ยกธูปสามดอกขึ้นมาโค้งคำนับสามครั้ง ท่องคาถาว่า “วิญญาณเร่ร่อนอยู่แห่งหนใด วิญญาณทั้งสามลงมา ทวารทั้งเจ็ดยังไม่มา…ประตูสวรรค์เปิด ประตูโลกเปิด เด็กที่ได้รับคำสั่งให้นำวิญญาณมาส่ง ขอผู้เป็นเจ้าโปรดจัดการโดยพลัน!”
นางมองไปที่ฮูหยินอวี๋ “เรียกชื่อนาง”
ฮูหยินอวี๋หัวใจเต้นแรง นางถือเสื้อผ้าแล้วเริ่มเรียกชื่อคุณหนูอวี๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เป็นอย่างที่ฉินหลิวซีเอ่ย ดวงจิตของคุณหนูอวี๋ยังไปไม่ไกล ไม่นานก็กลับมาตามเสียงเรียกด้วยความมึนงง
“มาแล้ว” เมื่อฉินหลิวซีเห็นแล้วก็หยิบธูปล่อวิญญาณเพื่อนำจิตดินกลับไปยังที่ของตัวเอง
ทันทีที่จิตดินคืนสู่ที่เดิม คุณหนูอวี๋ก็พลันมีท่าทีมึนงงก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก นางโบกมือทั้งสองข้างพลางกรีดร้อง “ท่านแม่ มีผี มีผีเต็มไปหมด!”
“มาสยอาจารย์ นี่มัน!” ฮูหยินอวี๋กังวลเล็กน้อย
ฉินหลิวซีโบกมือ กดไปที่จุดข้อศอกคุณหนูอวี๋ จากนั้นก็โน้มตัวไปท่องคาถาที่ข้างหูของนางเบาๆ เมื่อเห็นนางสงบลงจึงได้จับชีพจรใหม่ เลือกจุดฝังเข็ม จับเข็มเงินแทงลงไปที่จุดกุ่ยกงซึ่งก็คือร่องจมูก ปักเข็มลงไปสามส่วน ตามด้วยจุดกุ่ยซิ่น (นิ้วโป้ง) จุดกุ่ยเหล่ย (นิ้วเท้า) ทักษะการฝังเข็มรวดเร็วและแม่นยำ
อวี๋ชิวไฉกับฮูหยินอวี๋มองดูด้วยความมึนงง เรียกจิตกลับมาได้แล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดยังต้องฝังเข็ม
แต่ก็กลัวไปรบกวนฉินหลิวซี ทั้งสองคนจึงไม่กล้าถามอะไร เพียงแต่ยืนจับตาดูอยู่ข้างๆ อย่างตั้งใจ
ฉินหลิวซีใช้เข็มอย่างรวดเร็วราวกับว่าเข็มบินได้ เมื่อเข็มเหล่านี้แทงลงบนจุดฝังเข็มที่สำคัญ นางก็ยกเข็มขึ้นอีกครั้งแล้วฝังลงไปใหม่ จากนั้นจึงปล่อยมือ
เป็นเพราะอวี๋ชิวไฉกับภรรยาของเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจึงไม่รู้ ทว่าหากเป็นผู้เชี่ยวชาญ อย่างเช่นหมอเทพชื่อดังตู้เหรินผู้นั้น ย่อมรู้ได้ว่าวิธีการฝังเข็มของฉินหลิวซีคือการฝังเข็มสิบสามเข็มประตูวิญญาณในตำนาน
เมื่อเห็นฉินหลิวซีวางมือ ฮูหยินอวี๋ก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “อาจารย์ ดวงจิตกลับมาแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงต้องใช้เข็มล่ะเจ้าคะ”
ฉินหลิวซีหันกลับมา ยิ้มพลางเอ่ย “โรคที่เกิดจากการถูกมนต์ดำจนคลุ้มคลั่ง ในเมื่อป่วยก็ย่อมต้องได้รับการรักษา เรียกดวงจิตกลับมาแล้ว แต่ดวงจิตยังไม่มั่นคงสมบูรณ์ ที่ข้าฝังเข็มให้นางก็เพื่อทำให้ดวงจิตมั่นคงและรวบรวมพลังหยาง อย่างไรเสียนางก็สูญเสียดวงจิตไปสองสามวันแล้ว พลังหยางไม่เพียงพอจึงมีอาการคล้ายประสาทหลอน หากต้องการให้ดวงจิตนี้เข้ากับอีกสองจิตกับเจ็ดวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ นางต้องมีพลังหยางเพียงพอ แล้วโรคประสาทหลอนก็จะหายขาด”
ทั้งสองคนดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ แต่ก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่ดี และเชื่อถือได้มากกว่าหมอที่เชิญมาก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
ขณะรอฝังเข็ม ฉินหลิวซีก็นั่งลงบนโต๊ะเขียนใบสั่งยาสองสามแผ่น หลังจากเขียนใบสั่งยาเสร็จนางก็ปั่นเข็มเบาๆ ก่อนดึงเข็มออกอย่างนุ่มนวล หลังจากนั้นไม่นานคุณหนูอวี๋ก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้น
“เตี๋ยเอ๋อร์?”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เหตุใดพวกท่านมาอยู่ที่นี่”
อวี๋ชิวไฉดีใจขึ้นมาทันที เอ่ยว่า “เตี๋ยเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ลูกเป็นอะไรหรือเจ้าคะ ” คุณหนูอวี๋มีนิสัยขี้อาย แต่ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ จู่ๆ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในทันที เอ่ยว่า “ผี มีผีเต็มไปหมด ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกพบผีเยอะแยะเลย”
“ท่านอาจารย์…” เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
ฉินหลิวซียกมือห้าม เอ่ยถามว่า “คนที่เจ้าเห็น พวกเขาเป็นอย่างไร ได้พูดอะไรหรือไม่ ไม่ต้องกลัว บอกข้ามา ไม่เป็นไร”
เสียงของอีกฝ่ายน่าฟังมาก คุณหนูอวี๋จึงสงบลง เอียงศีรษะพลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีอะไร ตอนนั้นข้ากำลังชมจันทร์อยู่ที่ลาน ก็เห็นพวกเขาลอยไปทางทิศตะวันออกอย่างพร้อมเพรียงกันราวกับว่ามีคนนำทางไป ข้าร้องด้วยความตกใจ พวกเขาต่างก็หันมามอง ใบหน้าซีดเผือก จากนั้นข้าก็เป็นลมไป พอฟื้นขึ้นก็เห็นพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีเข้าใจทันที เกรงว่าวิญญาณที่หายไปเหล่านั้นจะถูกเรียกตัวผ่านมาทางนี้ แล้วบังเอิญนางก็ไปเห็นพวกเขาเข้าจึงได้ตกใจกลัวจนสูญเสียดวงจิตไปหนึ่งดวง โชคดีที่มีเครื่องรางหยก มิเช่นนั้นเกรงว่าคงถูกวิญญาณเร่ร่อนเข้าสิงแล้ว
ฮูหยินอวี๋หน้าซีด
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเขาแค่เดินทางผ่านไปเพื่อจะไปเกิด ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายคน เจ้าไม่ต้องกลัว ดูสิ เจ้าก็นั่งอยู่ตรงนี้อย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ” ฉินหลิวซีโกหกด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ให้ยันต์แคล้วคลาดแก่นาง “เก็บยันต์ป้องกันตัวเอาไว้ในกระเป๋าเงินแล้วพกติดตัวไว้”
คุณหนูอวี๋มองไปที่ใบหน้าของฉินหลิวซี กะพริบตาปริบๆ รับยันต์ป้องกันตัวมาด้วยสีหน้าแดงก่ำ ถามอย่างเขินอายว่า “แล้ว แล้วท่านเป็นใคร เหตุใดท่านจึงมาอยู่ในห้องส่วนตัวข้าได้”
ฮูหยินอวี๋เห็นสีหน้าของบุตรสาว “!”
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ข้าเป็นนักพรตเต๋าแห่งอารามชิงผิง”
“นักพรตเต๋า รูปงามเช่นนี้กันหมดเลยหรือ”
อวี๋ชิวไฉที่พึ่งสังเกตเห็น “…”
เดี๋ยวสิ ทำไมบรรยากาศถึงได้เปลี่ยนไปรวดเร็วเช่นนี้
[1]ภาษาสันสกฤต เป็นภาษาที่ใช้ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน
[2] พุทธภาวะ มีสองความหมาย ประการแรกหมายถึง คุณลักษณะของพระพุทธเจ้า ประการที่สองหมายถึง ภาวะ หรือ ความสามารถในการตรัสรู้ธรรมที่มีอยู่ในสรรพสัตว์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด