คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 167 ความปรารถนาของนาง ความช่วยเหลือของฉังคง

Now you are reading คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า Chapter 167 ความปรารถนาของนาง ความช่วยเหลือของฉังคง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 167 ความปรารถนาของนาง ความช่วยเหลือของฉังคง

เถียนเอ้อร์สองสามีภรรยาปรากฏตัวต่อหน้าฉินหลิวซีอีกครั้ง เป็นสองวันต่อมาแล้ว ทั้งสองคุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง

“นี่คือการเลือกที่จะจากไปนี่นา” ฉินหลิวซีมองคู่รักสองคนตรงหน้า อีกหมู่บ้านมีอนาคตที่สดใสขึ้น ดวงชะตาไม่คลุมเครือเหมือนเมื่อวานแล้ว

เถียนเอ้อร์ยิ้มเจื่อน เอ่ย “ท่านอาจารย์ทำนายถูกแล้ว ข้ามิใช่ลูกแท้ๆ ของตระกูลเถียนจริงๆ ขอรับ”

“มิใช่ลูกแท้ๆ แต่นับว่ามีบุญคุณเลี้ยงดูต่อท่าน นับว่าเป็นหนึ่งเหตุผล เหตุผลนี้จบสิ้นไปแล้ว จากนี้ไปท่านก็ไม่ต้องติดค้างอีกแล้ว นับจากนี้ไปจะจนจะรวย ล้วนเป็นชีวิตของท่านเอง” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ

เถียนเหนียงจื่อ เอ่ย “ท่านอาจารย์ เงินค่าขายตัวของพวกเรามอบให้ตระกูลเถียนแล้ว นับว่าจบสิ้นแล้วหรือไม่เจ้าคะ”

“แน่นอน”

เถียนเหนียงจื่อได้ยินเช่นนั้น จึงมองไปยังเถียนเอ้อร์ เอ่ย “ท่านได้ยินแล้ว เงินนี้มอบให้พวกเขาไปแล้ว ท่านก็ไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อตระกูลเถียนอีกแล้ว”

แม้จะเป็นการจัดฉากแสดงละคร แต่ตระกูลเถียนนั้นจิตใจโหดร้ายไร้เมตตา ไม่เพียงไม่ยอมออกเงินช่วยเหลือ แม้แต่เงินขายตัวของพวกเขายังยึดไปด้วย จิตใจเลวร้ายอย่างแท้จริงแน่นอน

แต่ยามนี้ได้ยินว่าใช้เงินทดแทนเลิกแล้วต่อกัน ทั้งสองฝ่ายไม่ติดค้างกัน เช่นนั้นถือว่าถอนตัวออกมาได้แล้ว

“ทั้งสองฝ่ายไม่ติดค้าง ดี” เถียนเอ้อร์ลูบจมูก เม้มริมฝีปาก

อวี้ฉังคงโบกมือ เอ่ย “ลุงเฉียน คืนสารกรมธรรม์[1]ให้พวกเขาเถิด”

สองสามีชะงัก ไม่นานใบหน้าก็แดงขึ้นมา เอ่ย “คุณชาย สารกรมธรรม์นี้ลงนามไปแล้ว พวกเรายินดียกท่านเป็นเจ้านาย ทำงานเพื่อคุณชาย”

เถียนเหนียงจื่อมองออกแล้ว เทพเซียนอย่างอวี้ฉังคง พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นบ่าวรับใช้ เพียงเสนอตัวติดตามเขาเท่านั้น

อวี้ฉังคงเอ่ย “ข้างกายข้าไม่ขาดบ่าวรับใช้”

เถียนเอ้อร์ใบหน้าแดงระเรื่อยิ่งขึ้น เอ่ย “แต่ แต่ว่า พวกเราไม่มีเงินมาคืนคุณชายนะขอรับ”

ขายตัวไปตั้งสามสิบตำลึง เป็นเงินจริงๆ ที่ลุงเฉียนออกให้ แม่แต่สารกรมธรรม์ก็มีพยานรู้เห็นในการลงนาม เรียกได้ว่าเป็นความจริง ยามนี้อวี้ฉังคงไม่ต้องการพวกเขา เงินขายตัวนั้นพวกเขาคืนไม่ไหวนะ

ตอนพวกเขาออกมาจากบ้านตระกูลเถียนก็มีเพียงห่อผ้าเล็กๆ สองห่อ เรียกได้ว่าออกมาตัวเปล่า เงินแม้เพียงนิดก็ไม่ได้หยิบติดตัวมา คนตระกูลเถียนย่อมไม่มีทางให้พวกเขานำออกมาด้วยอย่างแน่นอน

“เงินนั้น ถือเสียว่าข้าให้พวกท่านยืม ยังมอบอีกยี่สิบตำลึงให้อีก” อวี้ฉังคงส่งสัญญาณให้ลุงเฉียน อีกคนหยิบสารกรมธรรม์ออกมาและเงินย่อยจำนวนกว่ายี่สิบตำลึงออกมา เก็บเอาไว้ในห่อผ้ายื่นไปให้

“สามสิบตำลึง ดึงพวกท่านออกมาจากโคลนตม ยี่สิบตำลึง ให้พวกท่านได้ตั้งตัว จะตั้งตัวได้หรือไม่ คงต้องดูจากตัวพวกท่านเองแล้ว” อวี้ฉังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เดินออกจากประตูนี้ไป พวกท่านจำเอาไว้ หากไม่สำเร็จอย่าได้กล่าวโทษคำชี้แนะของอาจารย์ เพราะล้วนเป็นการตัดสินใจของพวกเจ้า เช่นเดียวกัน อนาคตจะทุกข์ทนหรือมีอุปสรรคก็เป็นปัญหาของพวกท่านเอง ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น”

ฉินหลิวซีเป็นเพียงนักพรตเต๋า เปิดกว้าง อาจไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่เขารู้ว่านิสัยของคนนั้นเห็นแก่ตัว วาจาเหล่านี้เพียงเอ่ยดักเอาไว้ก่อนเท่านั้น

ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว เหลือบมองอวี้ฉังคงเล็กน้อย

“คุณชายและท่านอาจารย์วางใจ แม้พวกเราจะเกิดในตระกูลชาวนา แต่ก็รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้ว่าคนไม่ควรจิตใจเหี้ยมโหด อนาคตเป็นอย่างไรมิกล้าโทษท่านทั้งสอง” ทั้งสองคุกเข่าลง เอ่ยขึ้น “คุณชาย ตอนนี้ท่านยังไม่ทวงเงินคืนจากพวกเรา พวกเราก็รู้สึกขอบคุณแล้ว จะกล้ารับเงินจากคุณชายอีกได้อย่างไร”

ยี่สิบตำลึง ต่อให้เป็นตระกูลเถียนของพวกเขา หนึ่งปียังไม่อาจหายี่สิบตำลึงได้ แต่คุณชายกลับให้พวกเขายืม

บอกว่ายืม ความจริงไม่ต่างกับมอบให้ อย่างไรเขาก็ไม่ได้เอ่ยถึงที่อยู่ อีกฝ่ายไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะคืนหรือไม่

“พวกท่านออกมาตัวเปล่า อีกทั้งต้องเดินทางไปไกลจากพื้นที่เดิม ไม่มีเงินติดตัวจะลำบาก อีกอย่างก็ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้ว” อวี้ฉังคงเอ่ยต่อ “ทั้งหมดห้าสิบตำลึง อนาคตหากพวกท่านสำเร็จแล้ว เช่นนั้นขอให้พวกท่านคืนให้เป็นค่าน้ำมันตะเกียงอารามชิงผิงสิบเท่าหรือร้อยเท่า แน่นอนมิได้เป็นการบีบบังคับ แล้วแต่น้ำใจของพวกท่าน”

เขาครุ่นคิดตามสิ่งที่ฉินหลิวซีเอ่ย พวกเขาจะมีบุตรชายหนึ่งคน หากเลี้ยงดูเติบใหญ่ จะกลายเป็นมีโชคลาภ

ความปรารถนาของนาง เขาเต็มใจช่วยเหลือ

ยี่สิบตำลึง หากประหยัดสักหน่อย ครอบครัวสามคนย่อมต้องเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน มากกว่านี้ก็ไม่ได้ เขารู้ว่าจิตใจคนยากจะเติมเต็ม ให้มากกว่านี้อีกฝ่ายจะรู้สึกว่าได้มาง่ายดาย มองไม่เห็นคุณค่า

นิสัยเช่นนี้ของคน เขาไม่อยากลอง

เถียนเหนียงจื่อรีบเอ่ย “ข้าเฉินฟังกล้าตั้งปณิธาน หากอนาคตสำเร็จลุล่วง มีกำลัง จะต้องคืนค่าน้ำมันตะเกียงร้อยเท่าอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นคงทำให้ข้าไม่…”

“นี่ๆๆ ไม่ต้องทำเยี่ยงนี้” ฉินหลิวซีเอ่ยขัดนาง เอ่ย “ไม่จำเป็นต้องคืนให้อารามชิงผิง หลังจากนี้ต่อไปพวกท่านเดินในทางที่ดี จิตใจเมตตา แน่นอนว่าหากศรัทธาต่ออารามชิงผิงของข้า นั่นก็คือการทำความดีเพื่ออารามชิงผิง”

เถียนเหนียงจื่อและเถียนเอ้อร์มองสบตากัน เอ่ย “พวกเราจะปฏิบัติตามคำของท่านอาจารย์อย่างแน่นอน”

“โชคลาภอยู่ทางตะวันออก พวกท่านเดินทางมุ่งหน้าไปทางตะวันออกดวงอาทิตย์ขึ้น ความปรารถนาจะสำเร็จได้”

เถียนเหนียงจื่อหัวใจกระตุก “ท่านอาจารย์หมายความว่าพวกเราสองคนจะ…”

“ดวงชะตาไม่อาจเปิดเผย” ฉินหลิวซียิ้มบาง เอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค “แต่การทำดี ไม่จำเป็นต้องถามถึงอนาคต”

นางมอบยันต์อยู่เย็นเป็นสุขให้ทั้งสอง “ท่านปรมาจารย์จะปกปักรักษาพาพวกท่านราบรื่น ออกเดินทางเถิด”

ทั้งสองรับมา โขกศีรษะคำนับพวกเขาเหล่านั้นอีกครั้ง เอ่ย “บุญคุณของท่านอาจารย์และคุณชาย พวกเราสองสามีภรรยาจะจดจำเอาไว้ในใจ อนาคตหากมีรากฐานมั่นคง จะต้องเป็นกำลังสำคัญให้พวกท่านอย่างแน่นอน”

เอ่ยประโยคนี้จบ พวกเขาก็ออกเดินทางแล้ว

เมื่อออกจากเมืองหลี ทั้งสองมุ่งหน้าไปทางตะวันออก หลังจากผ่านไปสิบวัน พวกเขาเดินทางผ่านป่าที่เรียกว่าเนินเขาหมื่นลี้ ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กทารกจึงตามเสียงนั้นไป กลับพบว่าใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งมีเด็กทารกชายแรกคลอดยังไม่ทันตัดสายสะดือ บนร่างกายมีกางเกงสตรีพันเอาไว้ หนาวจนร่างกายเป็นสีม่วงไปทั้งตัว ร้องไห้จนหายใจไม่ทัน

ข้างกายของเขาเป็นสตรีผมเผ้ารุงรังสวมเสื้อผ้าขาดรุ่ย ล่างกายท่อนล่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยเลือด ตายไปหลายชั่วยามแล้ว

คิดว่าคลอดเด็กออกมานางก็จากไปแล้ว

“สวรรค์ ช่างน่าสงสารนัก” เถียนเหนียงจื่ออุ้มเด็กขึ้นมา มองไปยังสตรีผู้นั้น ร่ำไห้อยู่ในใจ นางไม่แม้แต่จะคิดกัดสายสะดือให้ขาดทันใด หยิบสิ่งที่จะให้ความอบอุ่นกับทารกน้อยออกมา ยื่นให้เถียนเอ้อร์อุ้มเอาไว้ จากนั้นนำเสื้อผ้าของตน สวมให้กับสตรีผู้นั้น

“ท่านพี่ ขุดหลุมให้นางเถิด” เถียนเหนียงจื่อให้เถียนเอ้อร์ขุดหลุมฝังร่างนางเอาไว้ ตั้งป้ายวิญญาณไร้นาม

“แม้ไม่รู้ว่าเจ้าชื่อแซ่อันใด แต่วางใจเถิด พวกเราจะมองว่าเขาเป็นลูกแท้ๆ เลี้ยงดูเขาให้เติบใหญ่” เถียนเหนียงจื่อและเถียนเอ้อร์อุ้มเด็กคำนับให้หนึ่งครั้ง

ดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นทางตะวันออก แสงสว่างสาดส่องเข้ามาในป่า ให้ความรู้สึกอบอุ่น

ทั้งสองมองสบตา จากนั้นมองทารกน้อยตัวผอมในอ้อมแขน เถียนเหนียงจื่อวางยันต์อยู่เย็นเป็นสุขที่ฉินหลิวซีให้มาวางในบนอกของเด็ก เอ่ย “ท่านอาจารย์เก่งกาจแล้ว ท่านพี่ เราเรียกเขาว่าตงหลินเป็นอย่างไร เถียนตงหลิน”

“ได้”

ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก มีบุตรชายมาหา กำเนิดมาเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดินน้ำ

[1] สารกรมธรรม์ คือ หนังสือขายตนเองเป็นทาส หรือขายตนเองให้แก่นายเงินหรือเจ้าของเงิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด