บัลลังก์พญาหงส์ 608 ข่มขู่

Now you are reading บัลลังก์พญาหงส์ Chapter 608 ข่มขู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฮองเฮาได้ยินว่าถาวจวินหลันจะมาทำความเคารพ ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เบนหน้าครุ่นคิด แล้วถึงได้ยิ้มและพูดว่า “เชิญเข้ามาเถิด”

 

 

ตั้งแต่องค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อสิ้นไป ของตกแต่งภายในห้องฮองเฮาก็น้อยลงไปมาก ที่เหลืออยู่ก็เป็นแค่ของสีพื้นเท่านั้น แม้แต่ตัวฮองเฮาเองก็สวมใส่เสื้อสีพื้นตลอดเวลา ต่อให้ในตอนนี้จะพ้นช่วงเวลาไว้ทุกข์ไปแล้วก็ตาม

 

 

ถาวจวินหลันมองการประดับตกแต่งภายในห้องฮองเฮา ก็อดคิดไม่ได้ว่า ในใจของฮองเฮาคงจะยังมีความรู้สึกที่ไม่อาจปล่อยวางได้กระมัง? อย่างไรองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อก็ถือเป็นยอดดวงใจของนาง สวรรคตไปฉับพลันเช่นนี้ นางทำใจได้เร็วก็ถือเป็นเรื่องแปลก

 

 

ฮองเฮาถอดเสื้อนอก รวมทั้งเครื่องประดับบนศีรษะออกหมด พออยู่ในแสงไฟสีเหลืองสลัว ก็ให้ความรู้สึกว่าฮองเฮาแก่ขึ้นมาก ถาวจวินหลันทำความเคารพฮองเฮา จากนั้นก็นั่งลงอย่างสง่าผ่าเผย

 

 

ฮองเฮาหัวเราะออกมาด้วย น้ำเสียงเย้ยหยัน “ชายารองถาวดูผ่อยคลายเสียจริง”

 

 

ถาวจวินหลันประสานมือเข้าด้วยกันอย่างสบายๆ พิงพนักเก้าอี้ ยิ้มสดใสหันไปพูดกับฮองเฮาว่า “ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย ทำตัวตามสบายเสียหน่อยก็ดีมิใช่หรือเพคะ? คิดว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ควรเอาความกับหม่อมฉันนะเพคะ”

 

 

รอยยิ้มของฮองเฮากระตุก “ดูท่าทางชายารองถาวคงคิดว่าอยู่เหนือข้าแล้วสินะ? ไม่มีเรื่องเดือดร้อนก็จะไม่มาหา ข้าอยากจะถามว่าวันนี้ชายารองถาวมาทำอะไรกันแน่? เพียงแค่มาทำความเคารพเท่านั้นหรือ?”

 

 

“วันนี้หม่อมฉันมาด้วยอยากวิเคราะห์สถานการณ์กับฮองเฮาเหนียงเหนียงเสียหน่อยเพคะ” รอยยิ้มของถาวจวินหลันไม่เปลี่ยนแปลง พูดออกมาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส น้ำเสียงดูเป็นมิตร

 

 

“อย่างนั้นหรือ?” ฮองเฮาดูสนใจขึ้นมาเล็กน้อย เลิกคิ้วเป็นเชิงบอกให้ถาวจวินหลันพูดต่อ

 

 

“ฮองเฮาเหนียงเหนียงคิดว่าพระองค์ยังมีกำลังจะต่อสู้หรือเพคะ?” ถาวจวินหลันเบนตามองฮองเฮาทีหนึ่ง พูดออกมาเรียบๆ “ฮองเฮาเหนียงเหนียงอาจจะไม่ทราบว่าฮ่องเต้สืบพบจุดประสงค์ที่แท้จริงของโรงคุ้มกันหลิงเฟิงแล้ว”

 

 

เมื่อพูดถึง ‘โรงคุ้มกันหลิงเฟิง’ สีหน้าของฮองเฮาก็เปลี่ยนไปในทันใด โรงคุ้มกันหลิงเฟิงนั้นเป็นสถานที่พักของโจรลอบสังหารของตระกูลหวัง ฮองเฮาย่อมไม่อาจทนเฉยกับเรื่องนี้ได้

 

 

ฉับพลันนั้น ฮองเฮาก็มีสีหน้าตกตะลึงและหวาดระแวง

 

 

“หม่อมฉันคิดจะทำข้อตกลงกับฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ หม่อมฉันสามารถพูดเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องให้ทำเรื่องนี้ล่าช้าไปได้บ้าง ให้เวลาตระกูลหวังถอนตัวเองออกมา” ถาวจวินหลันยิ้มแย้ม มองไปยังฮองเฮานิ่ง พูดออกมาเช่นนี้

 

 

ฮองเฮาย่อมไม่เชื่อ “เจ้าจะทำเช่นนี้หรือ?”

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้า “แน่นอนเพคะ หม่อมฉันถาวจวินหลัน แม้ว่าจะไม่ใช่คนดีนักอะไร แต่คำที่พูดออกมาย่อมไม่ใช่เรื่องหลอกเด็ก และยิ่งไม่ใช่เรื่องโกหก แต่ในเมื่อต้องการได้ผลดี เช่นนั้นฮองเฮาเหนียงเหนียงก็จะต้องจ่ายคืนมาด้วยเช่นกันเพคะ”

 

 

ฮองเฮาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ว่า “เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร”

 

 

ถาวจวินหลันยิ้มสดใส น้ำเสียงผ่อนคลาย “ข้าอยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาทเพคะ”

 

 

ฮองเฮาหน้ากระตุกทันที นางอยากจะสั่งสอนถาวจวินหลัน ด่าว่านางอาจหาญ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องกลืนคำพูดลงไป ในตอนนี้นางมีเบี้ยต่ออยู่ในมือ ควรต้องสงวนท่าทีอยู่บางส่วน

 

 

ถาวจวินหลันก็ไม่รีบร้อนเอาคำตอบจากฮองเฮาในทันที นางรออย่างอดทน ว่างสบายไม่มีเรื่องอะไร นางก็ก้มมองเล็บของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจก็คิดว่า รอตอนที่ดอกเทียนบานแล้ว จะตำเอาน้ำดอกไม้ออกมาย้อมสีเล็บ สีแดงสดนางไม่ชอบ แต่สีชมพูอ่อนนั้นดูไม่เลว

 

 

จู่ๆ ฮองเฮาก็หัวเราะออกมา “หากข้าไม่รับปากเล่า”

 

 

“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ต้องเปิดไพ่ตายแล้วเพคะ” ถาวจวินหลันยังคงยิ้ม น้ำเสียงก็เหมือนเดิม “หากว่าฮองเฮาต้องการสนับสนุนอู่อ๋องให้มาสู้กับตวนชินอ๋องจริง หากเรื่ององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อ และสนมของตนลอบมีความสัมพันธ์กันเล็ดรอดไปถึงหูฮ่องเต้ พระองค์ว่าจะได้รับโทษอย่างไรเพคะ? มากพอให้ฮ่องเต้ขุดร่างขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อขึ้นมาสาปส่งหรือไม่เพคะ? มากพอให้ต่อจากนี้ไปองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อถูกคนก่นด่า ลบหลู่หรือไม่เพคะ?”

 

 

ฮองเฮาอดกลั้นอยู่นาน แต่สุดท้ายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดความโกรธพูดออกมา “เจ้ากล้าอย่างนั้นหรือ!”

 

 

“หากหม่อมฉันไม่ได้เป็นพระชายาองค์รัชทายาท หลังจากนี้ต้องรอให้คนอื่นมาลงมือทำร้ายหม่อมฉัน ทำให้หม่อมฉันตายอย่างน่าเวทนา ไม่สู้ว่าวันนี้หม่อมฉันแสดงจุดประสงค์ตรงๆ และลากเบาะรองหลังมาเพิ่มอีกเสียหน่อยไม่ดีกว่าหรือเพคะ” ถาวจวินหลันยิ้มสดใสมองฮองเฮา น้ำเสียงยิ่งอ่อนโยนขึ้น แต่คำที่พูดออกมานั้นกลับยิ่งร้ายกาจ เย็นเยียบมากยิ่งขึ้น

 

 

“อาอู่ยังเด็กขนาดนั้น ฮองเฮาอยากจะเห็นอาอู่พบเจออันตรายอย่างนั้นหรือเพคะ? แต่นั่นเป็นสายเลือดเดียวที่องค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อทิ้งเอาไว้ แม้จะบอกว่าชาติกำเนิดของอาอู่…แต่คิดว่านั่นไม่ใช่ความผิดของเด็ก พระองค์ว่าใช่หรือไม่เพคะ? หม่อมฉันไม่อยากทำร้ายอาอู่เลยจริงๆ”

 

 

“แต่ข้ามีความสามารถเช่นนั้นที่ไหน? สามารถเปลี่ยนความคิดของฮ่องเต้ได้อย่างนั้นหรือ?” ฮองเฮากริ้วโกรธอย่างหนัก แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธจริงๆ ทั้งยังไม่กล้าพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจนเกินไปกับถาวจวินหลัน สุดท้ายแล้วก็พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

 

 

ถาวจวินหลันหุบยิ้ม ใช้นิ้วเคาะพนักเก้าอี้เบาๆ “ฮองเฮาเหนียงเหนียงแสดงความจริงใจออกมาดีกว่านะเพคะ มิเช่นนั้นหม่อมฉันไม่รู้ว่าจะมีข่าวอะไรกระจายออกมา ทั้งยังเรื่องที่พระองค์ช่วยองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อเอาตำแหน่งองค์รัชทายาทมาถือครอง ในตอนนี้หม่อมฉันยังจำได้ชัดเจน อีกอย่างหนึ่งฮ่องเต้ก็คิดจะแต่งตั้งตวนชินอ๋องอยู่แล้ว ขอเพียงพระองค์พูดกล่อมฮ่องเต้ ให้หม่อมฉันเป็นพระชายาองค์รัชทายาทก็พอแล้วเพคะ”

 

 

ฮองเฮายังอยากปฏิเสธ

 

 

แต่แววตาของถาวจวินหลันเย็นลง “ทางที่ดีฮองเฮาเหนียงเหนียงควรคิดให้รอบครอบก่อนพูดนะเพคะ” ความหมายของคำพูดนั้นคือการข่มขู่อย่างชัดเจน

 

 

ริมฝีปากที่อ้าขึ้นมาน้อยๆ ของฮองเฮาค่อยๆ หุบลง

 

 

ถาวจวินหลันมองฮองเฮาอย่างขบขัน “คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงจะรู้งาน คิดว่าเรื่องนี้หม่อมฉันไม่ต้องพูดอะไรมากอีก เอาเช่นนี้ก็แล้วกันเพคะ หม่อมฉันให้เวลาฮองเฮาเหนียงเหนียงสามวัน หลังจากสามวันนี้หากยังทำตามที่หม่อมฉันหวังไม่ได้ ฮองเฮาก็น่าจะรู้ถึงผลที่ตามมานะเพคะ”

 

 

ฮองเฮาไม่ได้ส่งเสียง แต่มือที่อยู่ในชายเสื้อนั้นกำเข้าหากันแน่นในทันใด เล็บจิกเข้าไปภายในเนื้อ

 

 

ถาวจวินหลันลุกขึ้นเดินออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะเริ่มดึกแล้ว ไม่ควรอยู่นาน นางก็ยอมที่จะนั่งดูท่าทีขบขันของฮองเฮา ท่าทางไม่กล้าระเบิดอารมณ์ไม่กล้าพูดเช่นนั้น ช่างน่าอภิรมย์เสียจริง

 

 

ต้องพูดเลยว่านางรู้สึกดีจริงๆ บางทีก่อนหน้านี้ฮองเฮาอาจจะกดดันนางมากเกินไป ดังนั้นในตอนนี้เมื่อสถานการณ์พลิกผัน ก็ยินดีที่ได้แก้แค้น ทั้งสะใจและพอใจจนพูดไม่ออก

 

 

ส่วนฮองเฮาจะทำตามหรือไม่ ถาวจวินหลันกลับไม่เป็นกังวล เพียงดูจากท่าทีของฮองเฮาก็รู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรแต่สุดท้ายก็จะต้องยอมแพ้ต่อคำข่มขู่ของนาง

 

 

ก็เหมือนกับแต่ก่อนที่ต่อให้ในใจจะเกลียดฮองเฮา แต่ก็ต้องอดทนอดกลั้น ทุกสิ่งอย่างผันตามกาลเวลา ในตอนนี้ได้วนมาถึงคราวของฮองเฮาแล้ว

 

 

ฮองเฮากระทำการอย่างรวดเร็ว วันรุ่งขึ้นตระกูลหวังก็เปิดเผยว่าสนับสนุนขุนนางคนอื่นเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาท

 

 

ฮองเฮาแสดงจุดยืนของตนเองออกมาแล้ว ถาวจวินหลันย่อมพอใจ ดังนั้นแม้ว่าสถานการณ์ของหลี่เย่จะไม่ได้ดีมาก แต่นางก็ยังอารมณ์ดีมากเหมือนเดิม

 

 

หลี่เย่เองก็สังเกตเห็น จึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฮองเฮาเพิ่งจะทำเพียงเท่านี้เจ้าก็ดีใจแล้ว ห่กว่าเป็นข้าจะต้องเรียกร้องให้นางทำอะไรบางอย่างถึงจะพอใจ”

 

 

“ชาติกำเนิดของอาอู่ก็อย่างที่รู้กัน ขอเพียงข้าคิด ก็สามารถหาฮองเฮาเพื่อพูดคุยได้ตลอด” ถาวจวินหลันม้วนปอยผมของตัวเองเล่น ยิ้มแย้มมองหลี่เย่ทีหนึ่ง “แล้วทำไมจะต้องร้อนใจเล่าเพคะ? บีบบังคับฮองเฮาก็ไม่เกิดผลดีกับใคร ข้าไม่ทำหรอกเพคะ”

 

 

ตาของหลี่เย่เป็นประกาย “ดูท่าทางเจ้าคิดจะขุนให้อ้วนก่อนแล้วค่อยๆ เฉือนเนื้อกินช้าๆ อย่างนั้นหรือ?”

 

 

“มีเพียงแค่ค่อยๆ ทำไปตามลำดับถึงจะทำให้ฮองเฮาวางใจมากขึ้น ย่อมมีเพียงวิธีแล้วเพคะ” ถาวจวินหลันสีหน้าจนปัญญา จากนั้นก็ขมวดคิ้วน้อยๆ “แต่คิดว่าฮองเฮาคงจะรู้เรื่องโรงคุ้มกันหลิงเฟิงของตระกูลหวังโดนสืบอยู่แล้ว ในตอนนั้นใบหน้าของนางแม้ว่าจะตกใจ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเพียงแค่ตกใจว่าข้ารู้ได้อย่างไรเท่านั้น ดังนั้นข้าคิดว่าฮองเฮาจะต้องมีสายเป็นแน่เพคะ”

 

 

หลี่เย่ยิ้มบางๆ “เจ้าเพิ่งจะเข้าใจเรื่องนี้ แต่เดิมข้าไม่ตั้งความหวังว่าจะทำลายล้างตระกูลหวังได้” ขอเพียงแค่ตัดแหล่งซ่องสุมนั้นได้ก็พอใจแล้ว แน่นอนว่าหากลากพวกตัวเล็กตัวน้อยเข้าไปอีก นั่นก็จะยิ่งดี

 

 

“หากครั้งนี้ตระกูลหวังเปลี่ยนใจเร็วเกินไป คิดว่าฮ่องเต้คงจะต้องสงสัยเป็นแน่” ถาวจวินหลันยิ้มบางๆ “พอเป็นเช่นนี้ถือว่านึกว่าจะได้เปรียบกลับกลายเป็นเสียหายมิใช่หรือเพคะ? ถึงเวลานั้นฮองเฮาจะนึกเสียใจหรือไม่?”

 

 

หลี่เย่ส่ายหน้า “ฮองเฮาไม่ง่ายถึงเพียงนั้น เจ้าลองดูเถิด”

 

 

ถาวจวินหลันไม่ค่อยเชื่อเท่าไร เพียงแค่พูดว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเรามาพนันกันดีหรือไม่เพคะ? หากท่านชนะ จะเรียกร้องอะไรก็ได้ แต่หากข้าชนะ ท่านจะต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่งดีหรือไม่?”

 

 

“ย่อมได้” หลี่เย่ตอบรับอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ เพียงแค่เอ่ยปากไล่ชื่อของว่างออกมาจำนวนหนึ่ง “วันนั้นตอนที่นั่งคุกเข่ารับโทษ ตกดึกข้าหิวมาก แล้วยังคิดถึงของอร่อยเหล่านี้ เกือบจะทำให้ข้าอดใจไม่ไหว เกือบจะไปแอบขโมยที่ห้องเครื่องเสียแล้ว”

 

 

ถาวจวินหลันฟังคำเย้าแหย่ของหลี่เย่ก็หัวเราะออกมา “ดีๆๆ วันนี้ข้าจะทำให้ท่านกินทั้งหมด มิเช่นนั้นเกรงว่าต่อจากนี้ไปคงจะอยากมากแน่นอนเพคะ”

 

 

หน้าตายิ้มแย้มก็จริง ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย คิดว่าหลี่เย่ตั้งแต่เล็กจนโตคงไม่เคยลิ้มรสความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เขายืนหยัดมาได้โดยลำพัง ที่จริงถ้าจะให้นางพูด จะเจ็บปวดก็ดี หรือจะอย่างอื่นก็ดี ก็ไม่สู้ความเจ็บปวดที่เกิดจากความหิว หิวมากๆ ก็จะรู้สึกว่ากระเพาะแสบเหมือนโดนไฟเผา และยิ่งรู้สึกราวกับมีผีร้ายปีนออกมาจากกระเพาะอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกเช่นนั้นยิ่งทำให้คนรู้สึกสิ้นสติได้เร็วขึ้น ตราบจนยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อหมั่นโถวเพียงก้อนเดียว

 

 

นางเคยลิ้มรสชาติความหิวมาก่อน ดังนั้นนางไม่อยากลิ้มรสชาติเช่นนั้นอีกแล้ว

 

 

และเพราะว่านางไม่อยากลิ้มรสชาตินั้นอีก ดังนั้นเมื่อเห็นหลี่เย่หิวจนสลบไป นางก็ยิ่งเจ็บปวด

 

 

“ท่านช่างโง่เขลาเสียจริง” ถาวจวินหลันก็ตีหลี่เย่อย่างแรง “ต่อจากนี้ไปหากกล้าทรมานตนเองเช่นนี้อีก ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอมยกโทษให้ท่าน! กว่าจะทำให้ท่านมีเนื้อมีหนังขึ้นมาได้มันง่ายหรือเพคะ?”

 

 

หลี่เย่กลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ยิ้มยอมรับความผิด “เป็นความผิดของข้า ข้าสะเพร่าเรื่องนี้เอง”

 

 

ถาวจวินหลันถลึงตามองหลี่เย่ทีหนึ่ง แต่ก็ทำใจลงมือไม่ได้อีก

 

 

ต่อจากนั้นเวลานัดก็มาถึง ถาวจวินหลันและหลี่เย่ล้วนแปลกใจว่าสุดท้ายแล้วฮองเฮาจะทำเรื่องนั้นสำเร็จหรือไม่ หากทำได้ เช่นนั้นจะทำสำเร็จได้อย่างไร?

 

 

ตอนที่ทั้งสองคนรอข่าวอยู่นั้นเห็นได้ชัดเจนว่ากระวนกระวาย ถาวจวินหลันก็อดหัวเราะเยาะหลี่เย่ไม่ได้ “ตนเป็นถึงตวนชินอ๋อง แต่เหมือนท่านจะไม่ได้มั่นใจเท่าไรนี่เพคะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด