ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก 12 คุณหนูสาวกับประธานบริษัทแสนล้าน

Now you are reading ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก Chapter 12 คุณหนูสาวกับประธานบริษัทแสนล้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 12 คุณหนูสาวกับประธานบริษัทแสนล้าน

 

เหล่านักล่ายามค่ำคืนทั้งหลายที่จ้องจะจับบิวมาทำมิดีมิร้ายต่างหวาดกลัวหัวหดหมด ต่อให้พวกมันกล้าหาญมากพอหยิบมีดวิ่งไล่แทงอริศัตรูนิยมใช้ร่างกายปะทะมากกว่าสมองเข้าสู้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันคิดไม่เป็น โง่เขลาเบาปัญญา 

 

กลับกันเพื่อเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยคาวเลือด พวกมันยิ่งต้องครุ่นคิดให้มากว่าใครหน้าไหนหาเรื่องได้ ทำร้ายได้ ขโมยได้ ข่มเหงได้ และใครหน้าไหนที่ไม่อาจหาเรื่องได้ตลอดกาล หากวันหนึ่งมองคนผิดจนเผลอไปเหยียบตอเหล็กกล้าเข้าก็จะเหมือนเหตุการณ์เมื่อครู่

 

โดนเล่นงานข่มขู่จนร้องออกมาไม่เป็นภาษา

 

“พะ พละกำลังบ้าบออะไรเนี่ย?!”

 

“หรือว่าเป็นมายากล”

 

ภาพหญิงสาวบดขยี้ท่อนเหล็กมันช่างเหนือสามัญสำนึกเหลือเกิน

 

…‘ถะ ถ้าเปลี่ยนจากท่อนเหล็ก เป็นร่างกายพวกเขาแทนละ’

 

“…” แค่คิดก็ขนลุกไปทั่วทั้งตัว หาเรื่องไม่ได้ หาเรื่องไม่ได้เด็ดขาด

 

แก็งอื่นที่คอยจ้องหาโอกาสเข้าแทรกแซง หวังชิงตัวบิวในตอนแรกต่างล้มเลิกแนวคิดบ้าบิ่นของตน พร้อมหันหัวไปเลือกเส้นทางเดียวกับพี่ใหญ่ นั้นคือถอยห่างออกไม่คิดยุ่งเกี่ยวหญิงสาวอีก ห่างได้เท่าไหร่ยิ่งดีกับตัวเองเท่านั้น

 

ขณะเดียวกับกลุ่มหนุ่มผู้ดีกลุ่มสุดท้ายที่ยังหลงเหลือ ก็แสดงเจตจำนงเหมือนกับกลุ่มก่อนหน้านั่น นั้นคือถอยห่างไม่คิดเข้าใกล้ เรียกได้ว่าการสยบครั้งเดียวของบิว เล่นงานพวกมันได้หมดครบทุกกลุ่มไม่มีละเว้น

 

“พี่?”

 

“ถอยกลับก่อนดีกว่า วันนี้ปล่อยไปเถอะ”

 

“สาวสวยแบบนั้น พี่จะปล่อยไปเหรอ?” น้ำเสียงคล้ายไม่พอใจกับการตัดสินใจลูกพี่หนุ่มในชุดสูทดังขึ้น สถานการณ์มีให้เห็นเต็มสองตายังไม่ชัดเจนอีกเหรอ หากยังไม่เข้าใจอีกว่าช่วงจังหวะเวลานี้ควรทำอะไร เจ้าลูกน้องตัวนี้คงมีสมองน้อยยิ่งกว่าเม็ดถั่วหรืออาจไม่มีอะไรเลยในกะโหลกหนาถึงครุ่นคิดไม่ได้ว่าอะไรเป็นอะไร ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปคงปล่อยให้ทำการใหญ่ไม่ได้

 

หนุ่มหล่อส่ายหน้าไม่เอาด้วยเขายังไม่อยากหาเรื่องตายให้ตัวเอง

 

“ใช่ ต้องปล่อยเท่านั้น หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด เว้นแต่นายอยากตาย ถ้านายอยากจะลองดู ฉันจะให้โอกาส”

 

“ไม่เอาดีกว่า ผมยังเด็กยังมีอะไรอยากจะทำอีกเยอะแยะเต็มไปหมด เมื่อกี้แค่พูดไปตามอารมณ์นิดหน่อยเอง ลูกพี่คงไม่โกรธผมใช่ไหม?” ให้ไปหาเรื่องกับคนที่สามารถบดขยี้เหล็กให้กลายเป็นก้อนกลมโดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ทำไมไม่บอกให้มันไปตายแทนละ 

 

เขาโง่แต่ก็ไม่ได้โง่มากพอเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง

 

“…ช่างมันเถอะ”

 

“ขอบคุณครับ” ก่อนรอยยิ้มประจบทั้งหมดจางหายไม่มีหลงเหลือ

 

…‘อุตส่าห์เจอเหยื่อที่ถูกใจ น่าเสียดายวะ’

 

“…” เห็นลูกพี่ตัวเองไม่เอาด้วย มันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ใจนึกว่าหากตนยุให้ลูกพี่ลงสนามอาจพอทำอะไรได้บ้างอย่างน้อยที่สุดก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร สุดท้ายทำได้เพียงถอนหายใจสิ้นหวังยอมเดินกลับบ้านมือเปล่า

 

แน่นอนว่าทุกเหตุการณ์ ทุกความเคลื่อนไหวล้วนอยู่ในสายตาแกรนตลอดเวลา เขาลอบแอบกลืนน้ำลายลงไปหลายต่อหลายครั้งเพียงแค่บริหารเสน่ห์ไปตามอารมณ์กลับทำให้หล่อนต้องเดือดดาลขนาดนี้เลยเหรอ

 

แกรนเนื้อตัวสั่นเล็กน้อย

 

“พี่ชาย?”

 

“มีอะไรเหรอน้องสาว?” ริมฝีปากเขาซีดเซียวกว่าเดิมหลังจากเหลือบมองบิวครั้งสุดท้าย ดูท่าช่วงเวลาแห่งการพิพากษาจะเข้าใกล้มาทุกขณะ และยากจะหลีกเลี่ยง

 

เด็กสาวมัธยมสำรวจใบหน้าเขามองผ่านโครงหน้า

 

“สีหน้าพี่แย่มาก เหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายวัน เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” เห็นหน้าแกรนหม่นหมองลงหลายระดับ ทำเอาเด็กสาวนึกเป็นห่วงเพราะคิดว่าอีกฝ่ายเกิดป่วยหรือว่าอาการโรคเก่ามันกำเริบจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือทันที

 

แต่นั้นไม่ได้ทำให้อาการของแกรนเบาบางกลับยิ่งหนักหน่วงเพิ่มอีกหลายเท่าตัว

 

…‘เธอกำลังมองฉัน? แถมอาการยังหนักกว่าเดิมอีก หรือว่าใกล้จะ—’

 

“…” สัมผัสด้านหลังเสมือนคมดาบไล่จี้เขาไม่มีหยุด

 

รอยยิ้มเบาบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม

 

“เปล่า? ก็แค่นิดหน่อยน่ะ คิดว่าตัวเองอาจโชคร้ายโดนลอบทำร้ายหลังจากออกจากร้านไปน่ะ” ซึ่งแม้จะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นแก้เครียด แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นจริงได้เหมือนกัน เพราะเขาสังเกตเห็นแววตาดำมืดจากหญิงสาวกำลังจ้องมอง คล้ายส่งสัญญาณอันตรายบอกให้ถอยห่างจากผู้อื่นที่ไม่ใช่ตน

 

“ลอบทำร้าย? งั้นให้หนูไปด้วยไหมคะ? ถึงหนูจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่สองคนยังไงก็ต้องดีกว่าคนเดียว” เด็กสาวรีบเสนอตัวช่วยเหลือ และด้วยการเร่งรีบเข้ามาคิดช่วยเหลือ มันก็ทำให้หล่อนเผลอขยับเข้าไปใกล้จนเกือบแนบชิดตัวแนบผสานกายเป็นหนึ่ง ดวงตาแกรนหดแคบลงเตรียมก้าวเท้าถอยหลังเพราะเขารู้ทันทีว่าหากแตะเนื้อตัวกันขนาดนี้

 

บุคคลที่สามคอยจับจ้องมองตลอดย่อมไม่ใจดีปล่อยผ่าน

 

ฟุบ!

 

ของสิ่งหนึ่งแหวกอากาศพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงเฉียดแก้มเขาไปเล็กน้อย ตรงเข้าไปทำลายหลอดไฟบริเวณแถวนั้นทันที ไร้ซึ่งเสียง ไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุ เจ้าหลอดไฟตัวโชคร้ายแตกกระจายกลายเป็นเศษในพริบตา

 

มาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของหญิงสาว

 

“กรี๊ดดดดดดดดด!”

 

“เกิดอะไรขึ้น?!”

 

“มะ เหมือนเมื่อกี้มีอะไรไม่รู้พุ่งเข้ามาตรงหลอดไฟ”

 

“กระสุนปืนรึเปล่า?”

 

“บ้าสิ หากเป็นลูกปืนแกก็ต้องได้ยินเสียง” แตกต่างฝ่ายแสดงความคิดเห็นออกมา ก่อนตัดสินใจร่วมกันว่าจะแจ้งให้ผู้ดูแลเข้ามาจัดการ เนื่องจากพวกเขาเป็นเพียงคนปกติธรรมดาไร้ซึ่งอำนาจในการตัดสินใจ

 

“รีบเรียก รปภ. มาดูก่อน”

 

“ได้”

 

…‘มะ เมื่อกี้อะไรวะ หรือว่าหล่อนลงมือ’

 

“…” คนอื่นไม่รู้ คนอื่นอาจไม่เข้าใจว่าต้นสายปลายเหตุมันมีที่มาที่ไปยังไง แต่แกรนรับรู้ได้ชัดเจนเพื่อยืนยันข้อสมมติฐานของตน คอแข็งเริ่มหันเหลือบมองกลับไปยังจุดตำแหน่งหนึ่งข้างทาง ตำแหน่งเดียวกับที่บิวกำลังนั่งพักผ่อนรอให้เขาเอาไอศกรีมไปให้

 

ใบหน้ารอยยิ้มเปื้อนรอยยิ้ม

 

“…” ส่วนมือโยนลูกหินไปมา

 

“…[อีกครั้ง ฉันจะเล่นงานนายถึงตาย]…” ถ้อยคำไร้เสียงถูกถ่ายทอดให้กับตนไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย แกรนพยักหน้ายิ้มแห้งเสมือนนกหัวขวาน พฤติกรรมแปลกประหลาดล้วนอยู่ในสายตาเด็กสาว

 

“พี่ชาย พี่มองอะไรเหรอ?”

 

“หะ อะ ใช่”

 

“แล้วพี่อยากให้หนูช่วยรึเปล่า?”

 

“มะ ไม่เป็นไร ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ” แกรนรีบส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีจากเด็กสาวข้างกาย หากตัวเองยังบริหารเสน่ห์ไม่เลิก อาจต้องไปบริหารที่นรกแทนก็ได้ ความหึงหวงของหล่อนไม่ใช่สิ่งที่น่าลองมากนักหรอกเว้นแต่อยากสัมผัสเข้ากับความตายในระยะเผาขนนั้นค่อยว่ากันอีกที

 

“ถ้ามีอะไรก็บอกฉันได้นะคะ ฉันพร้อมช่วยเหลือ”

 

“อือ” แกรนยิ้มตอบ

 

ขณะเฝ้าระวังรอบกายตลอดเวลา

 

…‘ไม่ได้ยิน ไม่ได้ยินอะไรเลย สองคนนั้นกำลังคุยอะไรกัน’

 

“…” เนื่องจากอยู่ไกลเกินไปทำให้บิวไม่อาจรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดคุยอะไรกัน แต่หนึ่งสิ่งที่หล่อนรับรู้แน่นอนเลยคือ ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อเกิดทั้งยังขยายตัวรวดเร็วเตรียมเข้าครอบนำหัวใจตัวเอง กระทั่งแววตาใสสะอาดในตอนแรกเริ่มแปรเปลี่ยนทีละนิดทีละนิด

 

ทันใดนั้นเองที่ร่างหนึ่งแทรกเข้ามาด้านหลังเด็กสาวมัธยม เป็นร่างชายโตเดินกร่างโชว์เหนือไล่ผลักทุกคนที่ขัดขวางทางเดิน เรียกได้ว่าไม่เห็นหัวใครหน้าไหน อัธพาลเกินกว่าใครจะรับได้

 

เสียงตะโกนหนากร้าวดังขึ้น

 

“ถอยไปหน่อย! เกะกะขวางทาง”

 

“เห้ย! ไอ้คนไม่มีมารยาท แกจะรีบไปไหนวะ”

 

“ยุ่ง!” มือหนาพุ่งเข้ามาไล่ผลักทุกคน และหนึ่งในนั้นมีร่างเด็กสาวมัธยมด้วย หากปล่อยเอาไว้หล่อนคงไม่พ้นล้มหน้ากระแทกพื้นอุบัติเหตุเฉกเช่นนี้คงยากจะหลีกเลี่ยงบาดแผล

 

“กรี๊ดดดดด!”

 

“ระวัง!”

 

…‘ฉิบหาย!’

 

ด้วยเพราะตกใจจึงครุ่นคิดช้าไปหนึ่งจังหวะ กว่าจะรู้สึกตัวร่างกายเขาก็ขยับเคลื่อนไหวเป็นที่เรียบร้อย โอบกอดแกร่งรองรับเรือนร่างงดงามได้พอดิบพอดี ใบหน้าเด็กสาวตื่นตะลึงตอนแรกก่อนเปล่งประกายแต่งแต้มสีแดงสด

 

ขณะแกรนคิ้วกระตุกยิ้มแข็งค้าง

 

…‘กะ กอดแล้ว ฉันกอดผู้ชาย!’

 

“…” สายตาเขารีบหันไปมองคนผู้หนึ่งทันที

 

คนที่ต้องระเบิดอารมณ์ทำลายล้างทุกอย่างหากพบเห็นฉากเมื่อครู่

 

“ทะ โทรศัพท์อยู่เหรอ พระเจ้าช่วย เกินไปแล้ว น่ากลัวเกินไป” เลขาสาวกำลังหันหน้าเข้าแม่น้ำในมือหล่อนถือโทรศัพท์พูดคุยกับปลายสาย แกรนถอนหายใจโล่งอกหากเมื่อกี้เกิดหล่อนพบเห็นฉากเมื่อกี้เข้า

 

วันนี้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลแทนบ้านแน่นอน

 

…‘ดวงฉันยังแข็งอยู่สินะ’

 

“คือ หนู หนูไม่เป็นไรค่ะ”

 

“โทษที เป็นอะไรไหม?” แกรนใช้มือทั้งสองข้างดันเรือนร่างงดงามห่างกาย สัมผัสนุ่มนิ่มติดมือมาพร้อมกับกลิ่นหอมหวานชายหนุ่มเบือนสายตาหลบออก เพราะหน้าอกคู่งามตรงหน้ามันใหญ่โตเหลือเกิน

 

เด็กสาวเองก็รับรู้เร่งขยับถอยห่างออก

 

“ไม่เป็นไร แค่แผลภายนอก” น่าจะไปเกี่ยวอะไรเข้าเมื่อกี้

 

“เลือด?” แกรนมองเรียวแขน มองบาดแผล

 

“…” เด็กสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยพอได้เห็นเนื้อตรงแขนขาวเนียนของตนมีเลือดออก แววตาใสกระจ่างไม่รู้เบื้องหลังซุกซ่อนแนวคิดอะไรอยู่ ส่วนตัวชายหนุ่มรีบหยิบเอาของสิ่งหนึ่งขึ้นมาทันที

 

เด็กสาวดวงตาเปล่งประกายสงสัย

 

“พลาสเตอร์”

 

“พกของแบบนี้มาด้วยเหรอคะเนี่ย?”

 

“ติดตัวเอาไว้ เพื่อฉุกเฉิน เวลาอยากใช้จะได้มี” บอกไม่ได้ว่าเอามาไว้เผื่อโดนบิวเล่นงาน

 

แกรนย่อตัวลงใช้สายตาจ้องมองบาดแผล

 

“…” ด้วยเพราะหัวสมองไม่ได้คิดอะไรมากความ อีกทั้งยังต้องการสำรวจบาดแผลบนผิวขาวเนียน สุดท้ายแกรนก็ลงมือทำแผลด้วยตัวเองโดยไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวมัธยมร้องปฏิเสธ

 

ใบหน้าเด็กสาวแดงขึ้นทันตาเห็น

 

“คือ ตรงนี้มีคนเยอะแยะ”

 

“ผิวขาวมาก ดูท่าเธอจะดูแลอย่างดีนะ” รอยยิ้มเจ้าชู้ปรากฏขึ้นทันที หากมองให้ดีจะสัมผัสได้ว่าแววตาของชายหนุ่มเริ่มแปรเปลี่ยนเปล่งประกายแสงสีชมพู นิ้วมือจากทำแผลธรรมดาเริ่มลวนลามจับสัมผัส

 

แต่เด็กสาวเพียงหัวเราะไร้เดียงสา

 

“ก็ไม่ได้ดูแลมากมายขนาดนั้นหรอกค่ะ หนูแค่อาบน้ำ—”

 

“นิ พี่ชายกำลังยุให้หนูพูดอะไรออกมา?!” ก่อนรู้สึกตัวว่าตัวเองพึ่งเผลอเปิดปากพูดเรื่องน่าอายออกไป

 

“ก็เปล่า แค่เห็นเธอขาวกว่าปกติ นึกว่าเป็นลูกคุณหนูที่ไหน” แกรนยิ้มหัวเราะไม่ได้สนใจท่าทีเขินอาย ผิวขาวเนียนใบหน้างดงามปานเทพธิดา เครื่องแบบราคาแพง กลิ่นอายสูงศักดิ์ ย่อมไม่ใช่คนปกติธรรมดาแน่นอน

 

เด็กสาวยังกล่าวสีหน้าเหมือนเดิม

 

“…ใครจะรู้ละคะ หนูอาจเป็นลูกคุณหนูจริง ๆ เหมือนกับที่พี่คิดก็ได้” พร้อมทั้งหัวเราะสนุกสนาน

 

“ลูกคุณหนูที่ไหนมาซื้อไอศกรีมข้างทาง”

 

“ก็หนูยังไงละ” ปลายนิ้วเรียวชี้มาทางตัวเอง

 

“ถ้าเธอกลายเป็นคุณหนู พี่คงกลายเป็นประธานบริษัทแสนล้าน” เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมดจนกระทั้งเด็กสาวไม่หลงเหลือความรู้สึกด้านลบ แน่นอนว่าฉากพูดคุยกระซิบหวานชื่นเลขาบิวไม่รู้ตัวเลยสักนิดเดียวเพราะสายที่โทรมาเป็นสายสำคัญ

 

หล่อนเลยทุ่มสมาธิทั้งหมดให้กับปลายสาย

 

…‘ทำไมรู้สึกหงุดหงิดจัง’

 

“…” บิวขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก 12 คุณหนูสาวกับประธานบริษัทแสนล้าน

Now you are reading ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก Chapter 12 คุณหนูสาวกับประธานบริษัทแสนล้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 12 คุณหนูสาวกับประธานบริษัทแสนล้าน

 

เหล่านักล่ายามค่ำคืนทั้งหลายที่จ้องจะจับบิวมาทำมิดีมิร้ายต่างหวาดกลัวหัวหดหมด ต่อให้พวกมันกล้าหาญมากพอหยิบมีดวิ่งไล่แทงอริศัตรูนิยมใช้ร่างกายปะทะมากกว่าสมองเข้าสู้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันคิดไม่เป็น โง่เขลาเบาปัญญา 

 

กลับกันเพื่อเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยคาวเลือด พวกมันยิ่งต้องครุ่นคิดให้มากว่าใครหน้าไหนหาเรื่องได้ ทำร้ายได้ ขโมยได้ ข่มเหงได้ และใครหน้าไหนที่ไม่อาจหาเรื่องได้ตลอดกาล หากวันหนึ่งมองคนผิดจนเผลอไปเหยียบตอเหล็กกล้าเข้าก็จะเหมือนเหตุการณ์เมื่อครู่

 

โดนเล่นงานข่มขู่จนร้องออกมาไม่เป็นภาษา

 

“พะ พละกำลังบ้าบออะไรเนี่ย?!”

 

“หรือว่าเป็นมายากล”

 

ภาพหญิงสาวบดขยี้ท่อนเหล็กมันช่างเหนือสามัญสำนึกเหลือเกิน

 

…‘ถะ ถ้าเปลี่ยนจากท่อนเหล็ก เป็นร่างกายพวกเขาแทนละ’

 

“…” แค่คิดก็ขนลุกไปทั่วทั้งตัว หาเรื่องไม่ได้ หาเรื่องไม่ได้เด็ดขาด

 

แก็งอื่นที่คอยจ้องหาโอกาสเข้าแทรกแซง หวังชิงตัวบิวในตอนแรกต่างล้มเลิกแนวคิดบ้าบิ่นของตน พร้อมหันหัวไปเลือกเส้นทางเดียวกับพี่ใหญ่ นั้นคือถอยห่างออกไม่คิดยุ่งเกี่ยวหญิงสาวอีก ห่างได้เท่าไหร่ยิ่งดีกับตัวเองเท่านั้น

 

ขณะเดียวกับกลุ่มหนุ่มผู้ดีกลุ่มสุดท้ายที่ยังหลงเหลือ ก็แสดงเจตจำนงเหมือนกับกลุ่มก่อนหน้านั่น นั้นคือถอยห่างไม่คิดเข้าใกล้ เรียกได้ว่าการสยบครั้งเดียวของบิว เล่นงานพวกมันได้หมดครบทุกกลุ่มไม่มีละเว้น

 

“พี่?”

 

“ถอยกลับก่อนดีกว่า วันนี้ปล่อยไปเถอะ”

 

“สาวสวยแบบนั้น พี่จะปล่อยไปเหรอ?” น้ำเสียงคล้ายไม่พอใจกับการตัดสินใจลูกพี่หนุ่มในชุดสูทดังขึ้น สถานการณ์มีให้เห็นเต็มสองตายังไม่ชัดเจนอีกเหรอ หากยังไม่เข้าใจอีกว่าช่วงจังหวะเวลานี้ควรทำอะไร เจ้าลูกน้องตัวนี้คงมีสมองน้อยยิ่งกว่าเม็ดถั่วหรืออาจไม่มีอะไรเลยในกะโหลกหนาถึงครุ่นคิดไม่ได้ว่าอะไรเป็นอะไร ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปคงปล่อยให้ทำการใหญ่ไม่ได้

 

หนุ่มหล่อส่ายหน้าไม่เอาด้วยเขายังไม่อยากหาเรื่องตายให้ตัวเอง

 

“ใช่ ต้องปล่อยเท่านั้น หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด เว้นแต่นายอยากตาย ถ้านายอยากจะลองดู ฉันจะให้โอกาส”

 

“ไม่เอาดีกว่า ผมยังเด็กยังมีอะไรอยากจะทำอีกเยอะแยะเต็มไปหมด เมื่อกี้แค่พูดไปตามอารมณ์นิดหน่อยเอง ลูกพี่คงไม่โกรธผมใช่ไหม?” ให้ไปหาเรื่องกับคนที่สามารถบดขยี้เหล็กให้กลายเป็นก้อนกลมโดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ทำไมไม่บอกให้มันไปตายแทนละ 

 

เขาโง่แต่ก็ไม่ได้โง่มากพอเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง

 

“…ช่างมันเถอะ”

 

“ขอบคุณครับ” ก่อนรอยยิ้มประจบทั้งหมดจางหายไม่มีหลงเหลือ

 

…‘อุตส่าห์เจอเหยื่อที่ถูกใจ น่าเสียดายวะ’

 

“…” เห็นลูกพี่ตัวเองไม่เอาด้วย มันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ใจนึกว่าหากตนยุให้ลูกพี่ลงสนามอาจพอทำอะไรได้บ้างอย่างน้อยที่สุดก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร สุดท้ายทำได้เพียงถอนหายใจสิ้นหวังยอมเดินกลับบ้านมือเปล่า

 

แน่นอนว่าทุกเหตุการณ์ ทุกความเคลื่อนไหวล้วนอยู่ในสายตาแกรนตลอดเวลา เขาลอบแอบกลืนน้ำลายลงไปหลายต่อหลายครั้งเพียงแค่บริหารเสน่ห์ไปตามอารมณ์กลับทำให้หล่อนต้องเดือดดาลขนาดนี้เลยเหรอ

 

แกรนเนื้อตัวสั่นเล็กน้อย

 

“พี่ชาย?”

 

“มีอะไรเหรอน้องสาว?” ริมฝีปากเขาซีดเซียวกว่าเดิมหลังจากเหลือบมองบิวครั้งสุดท้าย ดูท่าช่วงเวลาแห่งการพิพากษาจะเข้าใกล้มาทุกขณะ และยากจะหลีกเลี่ยง

 

เด็กสาวมัธยมสำรวจใบหน้าเขามองผ่านโครงหน้า

 

“สีหน้าพี่แย่มาก เหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายวัน เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” เห็นหน้าแกรนหม่นหมองลงหลายระดับ ทำเอาเด็กสาวนึกเป็นห่วงเพราะคิดว่าอีกฝ่ายเกิดป่วยหรือว่าอาการโรคเก่ามันกำเริบจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือทันที

 

แต่นั้นไม่ได้ทำให้อาการของแกรนเบาบางกลับยิ่งหนักหน่วงเพิ่มอีกหลายเท่าตัว

 

…‘เธอกำลังมองฉัน? แถมอาการยังหนักกว่าเดิมอีก หรือว่าใกล้จะ—’

 

“…” สัมผัสด้านหลังเสมือนคมดาบไล่จี้เขาไม่มีหยุด

 

รอยยิ้มเบาบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม

 

“เปล่า? ก็แค่นิดหน่อยน่ะ คิดว่าตัวเองอาจโชคร้ายโดนลอบทำร้ายหลังจากออกจากร้านไปน่ะ” ซึ่งแม้จะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นแก้เครียด แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นจริงได้เหมือนกัน เพราะเขาสังเกตเห็นแววตาดำมืดจากหญิงสาวกำลังจ้องมอง คล้ายส่งสัญญาณอันตรายบอกให้ถอยห่างจากผู้อื่นที่ไม่ใช่ตน

 

“ลอบทำร้าย? งั้นให้หนูไปด้วยไหมคะ? ถึงหนูจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่สองคนยังไงก็ต้องดีกว่าคนเดียว” เด็กสาวรีบเสนอตัวช่วยเหลือ และด้วยการเร่งรีบเข้ามาคิดช่วยเหลือ มันก็ทำให้หล่อนเผลอขยับเข้าไปใกล้จนเกือบแนบชิดตัวแนบผสานกายเป็นหนึ่ง ดวงตาแกรนหดแคบลงเตรียมก้าวเท้าถอยหลังเพราะเขารู้ทันทีว่าหากแตะเนื้อตัวกันขนาดนี้

 

บุคคลที่สามคอยจับจ้องมองตลอดย่อมไม่ใจดีปล่อยผ่าน

 

ฟุบ!

 

ของสิ่งหนึ่งแหวกอากาศพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงเฉียดแก้มเขาไปเล็กน้อย ตรงเข้าไปทำลายหลอดไฟบริเวณแถวนั้นทันที ไร้ซึ่งเสียง ไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุ เจ้าหลอดไฟตัวโชคร้ายแตกกระจายกลายเป็นเศษในพริบตา

 

มาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของหญิงสาว

 

“กรี๊ดดดดดดดดด!”

 

“เกิดอะไรขึ้น?!”

 

“มะ เหมือนเมื่อกี้มีอะไรไม่รู้พุ่งเข้ามาตรงหลอดไฟ”

 

“กระสุนปืนรึเปล่า?”

 

“บ้าสิ หากเป็นลูกปืนแกก็ต้องได้ยินเสียง” แตกต่างฝ่ายแสดงความคิดเห็นออกมา ก่อนตัดสินใจร่วมกันว่าจะแจ้งให้ผู้ดูแลเข้ามาจัดการ เนื่องจากพวกเขาเป็นเพียงคนปกติธรรมดาไร้ซึ่งอำนาจในการตัดสินใจ

 

“รีบเรียก รปภ. มาดูก่อน”

 

“ได้”

 

…‘มะ เมื่อกี้อะไรวะ หรือว่าหล่อนลงมือ’

 

“…” คนอื่นไม่รู้ คนอื่นอาจไม่เข้าใจว่าต้นสายปลายเหตุมันมีที่มาที่ไปยังไง แต่แกรนรับรู้ได้ชัดเจนเพื่อยืนยันข้อสมมติฐานของตน คอแข็งเริ่มหันเหลือบมองกลับไปยังจุดตำแหน่งหนึ่งข้างทาง ตำแหน่งเดียวกับที่บิวกำลังนั่งพักผ่อนรอให้เขาเอาไอศกรีมไปให้

 

ใบหน้ารอยยิ้มเปื้อนรอยยิ้ม

 

“…” ส่วนมือโยนลูกหินไปมา

 

“…[อีกครั้ง ฉันจะเล่นงานนายถึงตาย]…” ถ้อยคำไร้เสียงถูกถ่ายทอดให้กับตนไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย แกรนพยักหน้ายิ้มแห้งเสมือนนกหัวขวาน พฤติกรรมแปลกประหลาดล้วนอยู่ในสายตาเด็กสาว

 

“พี่ชาย พี่มองอะไรเหรอ?”

 

“หะ อะ ใช่”

 

“แล้วพี่อยากให้หนูช่วยรึเปล่า?”

 

“มะ ไม่เป็นไร ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ” แกรนรีบส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีจากเด็กสาวข้างกาย หากตัวเองยังบริหารเสน่ห์ไม่เลิก อาจต้องไปบริหารที่นรกแทนก็ได้ ความหึงหวงของหล่อนไม่ใช่สิ่งที่น่าลองมากนักหรอกเว้นแต่อยากสัมผัสเข้ากับความตายในระยะเผาขนนั้นค่อยว่ากันอีกที

 

“ถ้ามีอะไรก็บอกฉันได้นะคะ ฉันพร้อมช่วยเหลือ”

 

“อือ” แกรนยิ้มตอบ

 

ขณะเฝ้าระวังรอบกายตลอดเวลา

 

…‘ไม่ได้ยิน ไม่ได้ยินอะไรเลย สองคนนั้นกำลังคุยอะไรกัน’

 

“…” เนื่องจากอยู่ไกลเกินไปทำให้บิวไม่อาจรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดคุยอะไรกัน แต่หนึ่งสิ่งที่หล่อนรับรู้แน่นอนเลยคือ ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อเกิดทั้งยังขยายตัวรวดเร็วเตรียมเข้าครอบนำหัวใจตัวเอง กระทั่งแววตาใสสะอาดในตอนแรกเริ่มแปรเปลี่ยนทีละนิดทีละนิด

 

ทันใดนั้นเองที่ร่างหนึ่งแทรกเข้ามาด้านหลังเด็กสาวมัธยม เป็นร่างชายโตเดินกร่างโชว์เหนือไล่ผลักทุกคนที่ขัดขวางทางเดิน เรียกได้ว่าไม่เห็นหัวใครหน้าไหน อัธพาลเกินกว่าใครจะรับได้

 

เสียงตะโกนหนากร้าวดังขึ้น

 

“ถอยไปหน่อย! เกะกะขวางทาง”

 

“เห้ย! ไอ้คนไม่มีมารยาท แกจะรีบไปไหนวะ”

 

“ยุ่ง!” มือหนาพุ่งเข้ามาไล่ผลักทุกคน และหนึ่งในนั้นมีร่างเด็กสาวมัธยมด้วย หากปล่อยเอาไว้หล่อนคงไม่พ้นล้มหน้ากระแทกพื้นอุบัติเหตุเฉกเช่นนี้คงยากจะหลีกเลี่ยงบาดแผล

 

“กรี๊ดดดดด!”

 

“ระวัง!”

 

…‘ฉิบหาย!’

 

ด้วยเพราะตกใจจึงครุ่นคิดช้าไปหนึ่งจังหวะ กว่าจะรู้สึกตัวร่างกายเขาก็ขยับเคลื่อนไหวเป็นที่เรียบร้อย โอบกอดแกร่งรองรับเรือนร่างงดงามได้พอดิบพอดี ใบหน้าเด็กสาวตื่นตะลึงตอนแรกก่อนเปล่งประกายแต่งแต้มสีแดงสด

 

ขณะแกรนคิ้วกระตุกยิ้มแข็งค้าง

 

…‘กะ กอดแล้ว ฉันกอดผู้ชาย!’

 

“…” สายตาเขารีบหันไปมองคนผู้หนึ่งทันที

 

คนที่ต้องระเบิดอารมณ์ทำลายล้างทุกอย่างหากพบเห็นฉากเมื่อครู่

 

“ทะ โทรศัพท์อยู่เหรอ พระเจ้าช่วย เกินไปแล้ว น่ากลัวเกินไป” เลขาสาวกำลังหันหน้าเข้าแม่น้ำในมือหล่อนถือโทรศัพท์พูดคุยกับปลายสาย แกรนถอนหายใจโล่งอกหากเมื่อกี้เกิดหล่อนพบเห็นฉากเมื่อกี้เข้า

 

วันนี้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลแทนบ้านแน่นอน

 

…‘ดวงฉันยังแข็งอยู่สินะ’

 

“คือ หนู หนูไม่เป็นไรค่ะ”

 

“โทษที เป็นอะไรไหม?” แกรนใช้มือทั้งสองข้างดันเรือนร่างงดงามห่างกาย สัมผัสนุ่มนิ่มติดมือมาพร้อมกับกลิ่นหอมหวานชายหนุ่มเบือนสายตาหลบออก เพราะหน้าอกคู่งามตรงหน้ามันใหญ่โตเหลือเกิน

 

เด็กสาวเองก็รับรู้เร่งขยับถอยห่างออก

 

“ไม่เป็นไร แค่แผลภายนอก” น่าจะไปเกี่ยวอะไรเข้าเมื่อกี้

 

“เลือด?” แกรนมองเรียวแขน มองบาดแผล

 

“…” เด็กสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยพอได้เห็นเนื้อตรงแขนขาวเนียนของตนมีเลือดออก แววตาใสกระจ่างไม่รู้เบื้องหลังซุกซ่อนแนวคิดอะไรอยู่ ส่วนตัวชายหนุ่มรีบหยิบเอาของสิ่งหนึ่งขึ้นมาทันที

 

เด็กสาวดวงตาเปล่งประกายสงสัย

 

“พลาสเตอร์”

 

“พกของแบบนี้มาด้วยเหรอคะเนี่ย?”

 

“ติดตัวเอาไว้ เพื่อฉุกเฉิน เวลาอยากใช้จะได้มี” บอกไม่ได้ว่าเอามาไว้เผื่อโดนบิวเล่นงาน

 

แกรนย่อตัวลงใช้สายตาจ้องมองบาดแผล

 

“…” ด้วยเพราะหัวสมองไม่ได้คิดอะไรมากความ อีกทั้งยังต้องการสำรวจบาดแผลบนผิวขาวเนียน สุดท้ายแกรนก็ลงมือทำแผลด้วยตัวเองโดยไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวมัธยมร้องปฏิเสธ

 

ใบหน้าเด็กสาวแดงขึ้นทันตาเห็น

 

“คือ ตรงนี้มีคนเยอะแยะ”

 

“ผิวขาวมาก ดูท่าเธอจะดูแลอย่างดีนะ” รอยยิ้มเจ้าชู้ปรากฏขึ้นทันที หากมองให้ดีจะสัมผัสได้ว่าแววตาของชายหนุ่มเริ่มแปรเปลี่ยนเปล่งประกายแสงสีชมพู นิ้วมือจากทำแผลธรรมดาเริ่มลวนลามจับสัมผัส

 

แต่เด็กสาวเพียงหัวเราะไร้เดียงสา

 

“ก็ไม่ได้ดูแลมากมายขนาดนั้นหรอกค่ะ หนูแค่อาบน้ำ—”

 

“นิ พี่ชายกำลังยุให้หนูพูดอะไรออกมา?!” ก่อนรู้สึกตัวว่าตัวเองพึ่งเผลอเปิดปากพูดเรื่องน่าอายออกไป

 

“ก็เปล่า แค่เห็นเธอขาวกว่าปกติ นึกว่าเป็นลูกคุณหนูที่ไหน” แกรนยิ้มหัวเราะไม่ได้สนใจท่าทีเขินอาย ผิวขาวเนียนใบหน้างดงามปานเทพธิดา เครื่องแบบราคาแพง กลิ่นอายสูงศักดิ์ ย่อมไม่ใช่คนปกติธรรมดาแน่นอน

 

เด็กสาวยังกล่าวสีหน้าเหมือนเดิม

 

“…ใครจะรู้ละคะ หนูอาจเป็นลูกคุณหนูจริง ๆ เหมือนกับที่พี่คิดก็ได้” พร้อมทั้งหัวเราะสนุกสนาน

 

“ลูกคุณหนูที่ไหนมาซื้อไอศกรีมข้างทาง”

 

“ก็หนูยังไงละ” ปลายนิ้วเรียวชี้มาทางตัวเอง

 

“ถ้าเธอกลายเป็นคุณหนู พี่คงกลายเป็นประธานบริษัทแสนล้าน” เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมดจนกระทั้งเด็กสาวไม่หลงเหลือความรู้สึกด้านลบ แน่นอนว่าฉากพูดคุยกระซิบหวานชื่นเลขาบิวไม่รู้ตัวเลยสักนิดเดียวเพราะสายที่โทรมาเป็นสายสำคัญ

 

หล่อนเลยทุ่มสมาธิทั้งหมดให้กับปลายสาย

 

…‘ทำไมรู้สึกหงุดหงิดจัง’

 

“…” บิวขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+