ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก 6 ห้องน้ำหญิงกับเหล่าชายฉกรรจ์

Now you are reading ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก Chapter 6 ห้องน้ำหญิงกับเหล่าชายฉกรรจ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 6 ห้องน้ำหญิงกับเหล่าชายฉกรรจ์

 

“สาปเหม็นเน่าได้กลิ่นตั้งแต่ออกจากห้อง ต่อให้พยายามกลบเกลื่อนยังไงสุดท้ายนักฆ่ายังคงเป็นนักฆ่า สันดานต่ำต้อยเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง” รอยยิ้มปรากฏขึ้นมุมปาก

 

ทันทีที่ได้ยินว่า “นักฆ่า” หลุดออกมาจากปากหญิงสาวบรรยากาศหนักหน่วงกดดันจนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ทำอะไรเลขาสาวไม่ได้เลยแม้แต่น้อยกระทั่งหัวคิ้วยังไม่ขมวด

 

หล่อนยังคงล้างมือต่อไป

 

“แรงกดดันเพียงเท่านี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะคะ”

 

“…” ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับมา

 

เมดสาวกล่าวต่อไปฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ พร้อมหยิบเอาเครื่องสำอางเยอะแยะมากมายออกมาวางไว้หน้ากระจก ทำเอาพวกมันมึนงงไปหมด คิดจะแต่งหน้าระหว่างนี้เหรอ บ้าไปแล้วไม่กลัวพวกเขาเลยรึยังไงกัน

 

เสมือนรับรู้ความในใจของผู้บุกรุก

 

“ควรขอบคุณนะคะที่ไม่ฆ่าพวกคุณตั้งแต่อยู่หน้าห้องประธาน” หล่อนกล่าวเสียงเรียบ

 

“เธอเห็น?”

 

“เห็นแก่แขกผู้มาเยือน ฉันจะบอกข้อผิดพลาดให้พวกคุณ เพื่อให้พวกคุณเอาข้อผิดพลาดเหล่านั้นไปปรับปรุงเวลาปฏิบัติงานภายหลัง และอย่าเข้ามาแทรกระหว่างฉันแต่งหน้าเด็ดขาดไม่งั้นอาจถึงตาย” พูดจาง่ายดายเสมือนกับว่าหล่อนสามารถจัดการพวกมันทุกตัวได้ตลอด

 

ช่างเป็นความมั่นใจที่เหนือกว่าใครหน้าไหนที่พวกมันทั้งหมดรู้จักมา

 

“ไล่เรียงแล้ว ข้อผิดพลาดเยอะแยะเต็มไปหมดตั้งแต่อำพรางร่องรอย ท่วงท่าการก้าวเดิน จนกระทั่งฝีมือการสอดแนม เอาแค่นี้ก็พอคาดเดาได้แล้วว่าพวกคุณพึ่งออกสนามครั้งแรก หรือไม่ก็ออกสนามเพียงไม่กี่ครั้ง 2 3 หรือว่า 4 อาจจะมากกว่านั้น แต่ถ้าออกมามากนับ 10 ครั้ง แล้วยังทำได้เพียงเท่านี้ ฉันว่าพวกคุณวางงานนักฆ่าแล้วไปทำอย่างอื่นเถอะดูจะรุ่งกว่า” ถ้อยคำหยาบกระด้างไม่มีรักษาน้ำใจทำเอาอีกฝ่ายรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย

 

หนึ่งเสียงดังขึ้นมาทันทีเพื่อตอบโต้คำพูดของเมดสาวบิว

 

“ปากมาก พึ่งจะรู้เหมือนกันว่าเลขาของประธานบริษัทจะปากมากขนาดนี้”

 

“ก็เป็นมาตั้งนานแล้วค่ะ ไอ้นิสัยชอบพูดคุยเจรจามันติดมาจากผู้เป็นนาย ก็อย่างว่าละนะ อยู่กับใครคนไหนบ่อยเรามักติดนิสัยมาจากคนผู้นั้น โดยเฉพาะนิสัยเสีย ส่วนจะติดมามากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ว่านะ แค่พูดความจริงนิดหน่อยพวกคุณก็เดือดเนื้อร้อนตัวจนต้องขึ้นเสียง” หนึ่งประโยคอธิบายความอีกหนึ่งประโยคสวนกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้ามต่อ

 

“ดูท่าเรื่องควบคุมอารมณ์ก็ต้องปรับเหมือนกัน”

 

“…หัวหน้า?” มีคนทนไม่ได้ต้องการเข้าไปสั่งสอนแต่ก็โดนหัวหน้ามันห้ามเอาไว้ก่อน

 

“ใจเย็นก่อน หล่อนกำลังปั่นหัวพวกเรา ห้ามเดินไปตามเกมส์อีกฝ่ายเด็ดขาด” ตอนนี้งานการเบื้องหน้าสำคัญสุดห้ามเอาอารมณ์เข้ามายุ่งเกี่ยวจนส่งผลกระทบต่องานเด็ดขาด นี่คือหลักพื้นฐานในการทำงาน เขารู้ว่าเลขาสาวกำลังอาศัยช่องทางนี้เล่นงาน

 

ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นเท่าไหร่มันยิ่งส่งผลกระทบต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น

 

“ขอโทษครับ” เหล่าลูกน้องต่างก้มหัวขอโทษเพราะไหลตามไปคำพูดของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว หากหัวหน้าไม่กล่าวทักเตือนเอาไว้ก่อน พวกเขาอาจลงมือทำอะไรที่มันวู่วามเกินไป

 

จนนำไปสู่สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่า

 

“…” หัวหน้าประเมินสิ่งแวดล้อมองค์ประกอบโดยรวม

 

ก่อนเริ่มออกคำสั่งให้ผู้น้อยกว่าปฏิบัติการ

 

“ปิดล้อมให้หมด อย่าให้ใครหน้าไหนเข้ามาขัดขวางได้ เตรียมรถให้พร้อมหลังจากจัดการหล่อนแล้ว เราจะออกเดินทางทันที ให้ใช้เส้นทางสายมืดก่อนตัดเปลี่ยนไปยังสายสว่าง” คำสั่งการถูกกล่าวอธิบายรวดเดียว หลังจากชายฉกรรจ์ทั้งหลายเตรียมพร้อมเสร็จเรียบร้อย

 

ก็ออกเดินนำเข้าหาตัวหญิงสาวเพียงผู้เดียวในห้องน้ำที่กำลังแต่งหน้าแต่งตาไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น

 

“ออกไปหาหล่อนกันเถอะ”

 

“…” สิ้นเสียงกล่าวจบหมดสิ้นร่างชายฉกรรจ์ห้าคนเริ่มก้าวเท้าเข้ามาในห้องน้ำโดยไม่คิดเปิดปากพูดอะไรให้มากความหากคนปกติธรรมดาโดยเฉพาะกับผู้หญิงคงหวาดกลัวจนกรีดร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษา

 

ติดตรงหญิงสาวตรงหน้าพวกมันนิ่งเงียบ

 

“…งื้ออ~งือออ~” ยังล้างมือต่อได้หน้าตาเฉย

 

เห็นหล่อนเมินเฉยไม่นำพา แววตาพวกมันล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าไม่ได้มาดี ทุกทางตอนนี้ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดสิ้นกันไม่ให้หนีรอดไปได้ หนึ่งในนั้นก้าวเท้าเดินเข้ามาหา

 

ซึ่งน่าจะเป็นตัวหัวหน้า

 

“ยินดีที่ได้พบกัน เลขาบิว นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบเจอหน้ากัน ถึงสถานที่จะไม่เอื้ออำนวยสักหน่อย แต่ก็เป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้พบเจอตัวเป็น ๆ ไม่ใช่เห็นภาพคลิปหรือผ่านรูปภาพ” หัวหน้ายิ้มแย้มผิดกับแววตาคมกร้าว

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงหยาบกร้านหล่อนเหลือบหันมามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

 

“นึกว่าพวกคุณจะแอบอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฉันแต่งหน้าเสร็จ” เลขาสาวยิ้มหัวเราะเสียงราบเรียบหากแววตากลับเย็นชาเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันจนใครหลายคนในทีมตรงข้าม

 

หวานสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย

 

…‘แข็งแกร่ง’

 

“…เรือนร่างดงามยอดเยี่ยม ใบหน้าปานเทพธิดา น้ำเสียงก็ไพเราะอ่อนหวาน ช่างเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้ หากไม่ติดว่าพวกเรามาครั้งนี้ด้วยเรื่องงาน ก็อยากจะกินข้าวมื้อเย็นกันสักหน่อย” 

 

“ดีไม่ดีอาจได้ไปต่อกันบนเตียง” หัวหน้าฉีกยิ้มไม่ได้หวาดกลัวด้วยจำนวนคนที่เยอะกว่าพร้อมกับเครื่องไม้เครื่องมือทำให้พวกมันมั่นใจได้ว่า ภารกิจครั้งนี้ย่อมต้องประสบผลสำเร็จได้ ติดตรงระหว่างกระบวนการอาจต้องแลกมาด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ว่ากันไปตามแผนการ ฝีมือของพวกตนและฝีมือของหญิงสาวเบื้องหน้า

 

เลขาสาวแสดงสีหน้าขยะแขยงออกมาชัดเจนให้ได้เห็น

 

“…เห็นแบบนี้แต่ฉันก็เลือกเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่เอาคนอื่นเขาไปมั่วซั่วไม่เลือกหน้าเหมือนกับใครบางคน”

 

“…” หัวคิ้วหัวหน้ากระตุกขึ้นสองสามครั้ง

 

“แล้วก็ขอเตือนเอาไว้ก่อน ในฐานะผู้มากไปด้วยประสบการณ์ อีกทั้งฉันคนนี้ยังเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม เมตตา ไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต บริเวณหน้าห้องของท่านประธาน ตรงบริเวณบันได ช่วงเวลา 10:00 – 11:00 น.” ประโยคความปกติธรรมดาหาค่าอะไรไม่ได้ ทำให้สีหน้าของพวกมันทุกคนต้องแปรเปลี่ยนไปมหาศาล

 

ก่อนเตรียมพร้อมบุกเข้าเล่นงานหล่อนเต็มที่

 

“…” จากท่วงท่าเต็มไปด้วยหยอกล้อ ดูถูก ดูแคลนหญิงสาว ตอนนี้เคร่งเครียดหนักหน่วงจนเทียบกับเมื่อครู่ไม่ติด

 

เมดสาวเมินเฉยยังคงแต่งหน้าต่อ

 

“อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิค่ะ ฉันยิ่งเป็นคนขวัญอ่อนอยู่ด้วย เกิดเผลอร้องตะโกนเรียกให้คนอื่นเข้ามาช่วยเหลือ แผนการพวกคุณอาจต้องล้มเหลว ในฐานะนักฆ่าหากทำงานล้มเหลวบทลงโทษคงไม่พ้น” 

 

“ต้องตาย” น้ำเสียงหล่อนราบเรียบแฝงเอาไว้ด้วยจิตสังหารแรงกล้า

 

“ใครเป็นคนบอกเธอ”

 

“เดิมทีพวกคุณมันก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมายอยู่แล้ว อย่างที่ได้บอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก” เลขาสาวยังกล่าวต่ออธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมดไม่มีกักเก็บ เอาเข้าจริงหล่อนไม่มีความคิดจะกักเก็บตั้งแต่แรกเริ่มด้วยซ้ำ ในเมื่อพวกมันถามหล่อนก็พร้อมตอบ

 

บทสนทนาจึงยืดยาวไปเรื่อย ๆ ตามความต้องการของทั้งสองฝ่าย

 

“พวกคุณมันเป็นเพียงมือสมัครเล่น นักฆ่าอ่อนหัด คิดจะมาลักพาตัวคนอื่นในสถานที่อัดแน่นไปด้วยบุคคลากรระดับโลกนับร้อยนับพัน ดูยังไงมันก็สิ้นคิดเกินไป ไร้หัวคิดเกินไป ไร้สาระสิ้นดี คุณคิดว่าไอ้ที่เดินเล่นกันไปมาไม่มีคนเห็นเหรอ? เห็นกันหมดแหละเพียงแต่ว่าจะพูดรึเปล่ามันก็อีกเรื่องหนึ่ง” น่าตลกมาก น่าตลกเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองมีความสามารถมากพอเดินเล่นในบริษัทระดับโลกโดยไม่มีใครคนอื่นเขาจับได้หรอก

 

หากคิดแบบนี้นั้นก็เท่ากับว่ายื่นขาเข้าโลงไปแล้วครึ่งตัว

 

“…” สีหน้าพวกที่เหลือต่างเคร่งเครียดขึ้นทันตาเห็นทั้งยังมีประกายหวาดหวั่นไม่น้อยกับคำพูดของเมดสาวบิว

 

“กล่องวงจรปิด?”

 

“ไม่เอาน่า ไม่เห็นต้องพึ่งพาของแบบนั้นเลย ลำพังสายตาของฉันมันก็มากพอจับผิด ไล่จับหางพวกคุณได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องไปพึ่งพากล้องวงจรปิดเลย อีกอย่างหากฉันยังไม่รู้ตัวว่าใครกำลังเดินเล่นอยู่ในบ้านตัวเอง ฉันคงสอบตกในฐานะเมดสาวผู้สมบูรณ์แบบและคงอยู่เคียงข้างกายคุณชายไม่ได้อีก เอาเข้าจริงหากพวกคุณอยากจะแอบเข้ามาให้มันแนบเนียน ฉันสามารถให้คำแนะนำได้ค่ะ” เลขาสาวบิวกล่าวด้วยใบหน้าราบเรียบไม่ได้นำพาสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย

 

“เพียงแต่ว่ามันอาจจะมีค่าใช้จ่ายนิดหน่อย”

 

“เอาไว้พวกเราไปคุยกับบนรถเถอะ ดูต้นทางให้เรียบร้อย” หัวหน้าชุดปฏิบัติงานครั้งนี้ตัดสินใจลงมือทันทีไม่อาจปล่อยให้เวลามันล่วงเลยไปมากกว่านี้ได้อีก

 

“…”

 

“อย่าเงียบแบบนั้นสิ พวกเราอึดอัดรู้ไหม?” หนึ่งในนั้นกล่าวหยอกล้อนึกว่าเลขาสาวหวาดกลัวตัวพวกมัน 

 

“อึดอัด? ผู้ชาย 5 คน ตรงเข้ามาในห้องน้ำหญิง ปิดล้อมเส้นทางหลบหนีทั้งหมด ทั้งยังเปิดเผยเจตนาความต้องการชัดเจน พูดตามตรงต้องเป็นฝ่ายฉันต่างหากที่สมควรอึดอัดไม่ใช่พวกคุณ” เลขาสาวยิ้มตอบกลับ

 

“ถึงฉันจะงดงามปานเทพธิดากระทั่งดึงดูดเหล่าแมลงน้อยที่น่าสงสารให้เข้ามาติดกับยังไง แต่ฉันก็ยังมีจิตสำนึกไม่ลงมือปัดพวกมันทันที ไม่ลงมือฆ่าพวกมันให้ตาย จะถือโอกาสให้พวกคุณได้พูดละกันว่าต้องการอะไรจากฉัน”

 

“หยิ่งยโส”

 

“นั้นแหละค่ะ คือตัวตนของฉัน”

 

“เหมือนเธอจะมั่นใจตัวเองไม่น้อย” หัวหน้าหรี่ตามองเริ่มส่งสัญญาณบอกให้พวกที่เหลือปิดล้อมเส้นทาง เตรียมพร้อมบุกเข้าไปจัดการอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้หล่อนมีโอกาสได้หนีไปไหน

 

เลขาสาวเริ่มเก็บเครื่องสำอางเข้ากระเป๋า

 

“…เข้ามาเถอะค่ะ ฉันเกือบแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไหนจะต้องเอามื้อเที่ยงไปให้ท่านประธานอีก คงเสียเวลากับพวกคุณต่อไม่ได้แล้วละนะ”

 

“หวังว่าเธอจะยังปากดีต่อนะ หลังจากที่พวกเราทุกคนลงมือจัดการ” เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายเริ่มแยกย้ายขยายพื้นที่เตรียมพร้อมเข้าจัดการกับหญิงสาว หากคนปกติธรรมดาโดยเฉพาะผู้หญิงตกอยู่ในสถานการณ์เฉกเช่นนี้

 

คงไม่พ้นต้องตกอกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

 

“รอให้ถึงเวลานั้นก่อนละกันค่ะ พวกคุณจะได้รู้เองว่าฉันหยิ่งยโส หรือว่าเป็นฝ่ายพวกคุณที่มันอ่อนแอเกินไป” แต่ไม่ใช่สำหรับเมดสาวเบื้องหน้า หล่อนกวาดสายตามองใจเย็นประเมินเก็บรายละเอียดทั้งหมดพร้อมกล่าวตอบได้ไม่มีติดขัดเสมือนกับว่ากำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน

 

เรียกได้ว่าไม่ได้นำพาเลยแม้แต่น้อยกับสถานการณ์เบื้องหน้า

 

“…” จังหวะเวลาที่ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้น

 

เสียงหวานดันกล่าวแทรกขึ้นมาเสียก่อน

 

“อะ เดี๋ยวก่อนค่ะ อย่าพึ่งลงมือ” เมดสาวบิวถอนหายใจหยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมา ตอนแรกพวกมันตื่นตระหนกเตรียมเข้าต่อสู้กันไม่ให้หล่อนได้มีโอกาสงัดเอาอะไรออกมาต่อสู้ก่อนหยุดลงเพราะเห็นของสิ่งหนึ่งเข้า

 

สิ่งที่หยิบออกมาเป็นเพียงถุงมือสีดำ

 

“…” หัวคิ้วพวกมันขมวดเป็นแถว

 

“ฉันมีเวลาให้พวกคุณทั้งหมด 10 นาที ช่วงเวลา 10 นาที คือช่วงเวลาที่พวกคุณทุกคนต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อพิชิตฉัน ทำให้ฉันหมดสติก่อนอาหารของคุณชายจะถูกจัดเตรียมเรียบร้อย” นิ้วเรียวดึงถูกมือให้กระชับเข้าที่เข้าทาง

 

เมดสาวยังกล่าวต่อไป

 

“หากผ่านพ้นช่วงเวลา 10 นาทีไปเมื่อไหร่ อาหารจะเริ่มสูญเสียความร้อนทำให้รสชาติอาหารลดลงจากรสชาติที่ควรจะเป็น ซึ่งในฐานะเมดสาวคงยากจะแบกรับความผิดพลาดครั้งนี้ได้”

 

“เพราะฉะนั้นหากคุณทนได้ 10 นาที หรือมากกว่านั้น ฉันอาจพิจารณาเล่นงานพวกคุณถึงตาย แต่ถ้าภายใน 10 นาที พวกคุณโดนฉันเล่นงานจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ โดนเล่นงานจนหมดสติ ถือว่าพวกคุณดวงดีรอดตัวไป” ถ้อยถูกพูดออกเหยียดหยามไม่เปิดช่องทางให้โอนอ่อน

 

ปลุกโทสะพวกมันได้ทุกตัวไม่มียกเว้น

 

“อย่ามาดูถูกกันนะ!”

 

“เปล่าคะ ฉันไม่ได้ดูถูกเพียงแต่ว่ามาตรฐานของพวกคุณมันไม่ได้อยู่ในระดับที่ทำให้ฉันต้องเสียเวลาชีวิตด้วยมันก็เท่านั้นเอง แล้วก็รู้เอาไว้ด้วยว่าการกระทำของพวกคุณ” เส้นผมถูกมัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ให้เกะกะเวลาเคลื่อนไหว บรรยากาศกดดันจนพวกมันเริ่มหายใจไม่ออก

 

เมดสาวยิ้มเมินเฉยก่อนเก็บรอยยิ้มทั้งหมด

 

“ล้วนต้องมีผลตอบแทนเป็นธรรมดา”

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก 6 ห้องน้ำหญิงกับเหล่าชายฉกรรจ์

Now you are reading ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก Chapter 6 ห้องน้ำหญิงกับเหล่าชายฉกรรจ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 6 ห้องน้ำหญิงกับเหล่าชายฉกรรจ์

 

“สาปเหม็นเน่าได้กลิ่นตั้งแต่ออกจากห้อง ต่อให้พยายามกลบเกลื่อนยังไงสุดท้ายนักฆ่ายังคงเป็นนักฆ่า สันดานต่ำต้อยเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง” รอยยิ้มปรากฏขึ้นมุมปาก

 

ทันทีที่ได้ยินว่า “นักฆ่า” หลุดออกมาจากปากหญิงสาวบรรยากาศหนักหน่วงกดดันจนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ทำอะไรเลขาสาวไม่ได้เลยแม้แต่น้อยกระทั่งหัวคิ้วยังไม่ขมวด

 

หล่อนยังคงล้างมือต่อไป

 

“แรงกดดันเพียงเท่านี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะคะ”

 

“…” ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับมา

 

เมดสาวกล่าวต่อไปฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ พร้อมหยิบเอาเครื่องสำอางเยอะแยะมากมายออกมาวางไว้หน้ากระจก ทำเอาพวกมันมึนงงไปหมด คิดจะแต่งหน้าระหว่างนี้เหรอ บ้าไปแล้วไม่กลัวพวกเขาเลยรึยังไงกัน

 

เสมือนรับรู้ความในใจของผู้บุกรุก

 

“ควรขอบคุณนะคะที่ไม่ฆ่าพวกคุณตั้งแต่อยู่หน้าห้องประธาน” หล่อนกล่าวเสียงเรียบ

 

“เธอเห็น?”

 

“เห็นแก่แขกผู้มาเยือน ฉันจะบอกข้อผิดพลาดให้พวกคุณ เพื่อให้พวกคุณเอาข้อผิดพลาดเหล่านั้นไปปรับปรุงเวลาปฏิบัติงานภายหลัง และอย่าเข้ามาแทรกระหว่างฉันแต่งหน้าเด็ดขาดไม่งั้นอาจถึงตาย” พูดจาง่ายดายเสมือนกับว่าหล่อนสามารถจัดการพวกมันทุกตัวได้ตลอด

 

ช่างเป็นความมั่นใจที่เหนือกว่าใครหน้าไหนที่พวกมันทั้งหมดรู้จักมา

 

“ไล่เรียงแล้ว ข้อผิดพลาดเยอะแยะเต็มไปหมดตั้งแต่อำพรางร่องรอย ท่วงท่าการก้าวเดิน จนกระทั่งฝีมือการสอดแนม เอาแค่นี้ก็พอคาดเดาได้แล้วว่าพวกคุณพึ่งออกสนามครั้งแรก หรือไม่ก็ออกสนามเพียงไม่กี่ครั้ง 2 3 หรือว่า 4 อาจจะมากกว่านั้น แต่ถ้าออกมามากนับ 10 ครั้ง แล้วยังทำได้เพียงเท่านี้ ฉันว่าพวกคุณวางงานนักฆ่าแล้วไปทำอย่างอื่นเถอะดูจะรุ่งกว่า” ถ้อยคำหยาบกระด้างไม่มีรักษาน้ำใจทำเอาอีกฝ่ายรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย

 

หนึ่งเสียงดังขึ้นมาทันทีเพื่อตอบโต้คำพูดของเมดสาวบิว

 

“ปากมาก พึ่งจะรู้เหมือนกันว่าเลขาของประธานบริษัทจะปากมากขนาดนี้”

 

“ก็เป็นมาตั้งนานแล้วค่ะ ไอ้นิสัยชอบพูดคุยเจรจามันติดมาจากผู้เป็นนาย ก็อย่างว่าละนะ อยู่กับใครคนไหนบ่อยเรามักติดนิสัยมาจากคนผู้นั้น โดยเฉพาะนิสัยเสีย ส่วนจะติดมามากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ว่านะ แค่พูดความจริงนิดหน่อยพวกคุณก็เดือดเนื้อร้อนตัวจนต้องขึ้นเสียง” หนึ่งประโยคอธิบายความอีกหนึ่งประโยคสวนกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้ามต่อ

 

“ดูท่าเรื่องควบคุมอารมณ์ก็ต้องปรับเหมือนกัน”

 

“…หัวหน้า?” มีคนทนไม่ได้ต้องการเข้าไปสั่งสอนแต่ก็โดนหัวหน้ามันห้ามเอาไว้ก่อน

 

“ใจเย็นก่อน หล่อนกำลังปั่นหัวพวกเรา ห้ามเดินไปตามเกมส์อีกฝ่ายเด็ดขาด” ตอนนี้งานการเบื้องหน้าสำคัญสุดห้ามเอาอารมณ์เข้ามายุ่งเกี่ยวจนส่งผลกระทบต่องานเด็ดขาด นี่คือหลักพื้นฐานในการทำงาน เขารู้ว่าเลขาสาวกำลังอาศัยช่องทางนี้เล่นงาน

 

ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นเท่าไหร่มันยิ่งส่งผลกระทบต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น

 

“ขอโทษครับ” เหล่าลูกน้องต่างก้มหัวขอโทษเพราะไหลตามไปคำพูดของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว หากหัวหน้าไม่กล่าวทักเตือนเอาไว้ก่อน พวกเขาอาจลงมือทำอะไรที่มันวู่วามเกินไป

 

จนนำไปสู่สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่า

 

“…” หัวหน้าประเมินสิ่งแวดล้อมองค์ประกอบโดยรวม

 

ก่อนเริ่มออกคำสั่งให้ผู้น้อยกว่าปฏิบัติการ

 

“ปิดล้อมให้หมด อย่าให้ใครหน้าไหนเข้ามาขัดขวางได้ เตรียมรถให้พร้อมหลังจากจัดการหล่อนแล้ว เราจะออกเดินทางทันที ให้ใช้เส้นทางสายมืดก่อนตัดเปลี่ยนไปยังสายสว่าง” คำสั่งการถูกกล่าวอธิบายรวดเดียว หลังจากชายฉกรรจ์ทั้งหลายเตรียมพร้อมเสร็จเรียบร้อย

 

ก็ออกเดินนำเข้าหาตัวหญิงสาวเพียงผู้เดียวในห้องน้ำที่กำลังแต่งหน้าแต่งตาไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น

 

“ออกไปหาหล่อนกันเถอะ”

 

“…” สิ้นเสียงกล่าวจบหมดสิ้นร่างชายฉกรรจ์ห้าคนเริ่มก้าวเท้าเข้ามาในห้องน้ำโดยไม่คิดเปิดปากพูดอะไรให้มากความหากคนปกติธรรมดาโดยเฉพาะกับผู้หญิงคงหวาดกลัวจนกรีดร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษา

 

ติดตรงหญิงสาวตรงหน้าพวกมันนิ่งเงียบ

 

“…งื้ออ~งือออ~” ยังล้างมือต่อได้หน้าตาเฉย

 

เห็นหล่อนเมินเฉยไม่นำพา แววตาพวกมันล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าไม่ได้มาดี ทุกทางตอนนี้ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดสิ้นกันไม่ให้หนีรอดไปได้ หนึ่งในนั้นก้าวเท้าเดินเข้ามาหา

 

ซึ่งน่าจะเป็นตัวหัวหน้า

 

“ยินดีที่ได้พบกัน เลขาบิว นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบเจอหน้ากัน ถึงสถานที่จะไม่เอื้ออำนวยสักหน่อย แต่ก็เป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้พบเจอตัวเป็น ๆ ไม่ใช่เห็นภาพคลิปหรือผ่านรูปภาพ” หัวหน้ายิ้มแย้มผิดกับแววตาคมกร้าว

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงหยาบกร้านหล่อนเหลือบหันมามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

 

“นึกว่าพวกคุณจะแอบอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฉันแต่งหน้าเสร็จ” เลขาสาวยิ้มหัวเราะเสียงราบเรียบหากแววตากลับเย็นชาเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันจนใครหลายคนในทีมตรงข้าม

 

หวานสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย

 

…‘แข็งแกร่ง’

 

“…เรือนร่างดงามยอดเยี่ยม ใบหน้าปานเทพธิดา น้ำเสียงก็ไพเราะอ่อนหวาน ช่างเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้ หากไม่ติดว่าพวกเรามาครั้งนี้ด้วยเรื่องงาน ก็อยากจะกินข้าวมื้อเย็นกันสักหน่อย” 

 

“ดีไม่ดีอาจได้ไปต่อกันบนเตียง” หัวหน้าฉีกยิ้มไม่ได้หวาดกลัวด้วยจำนวนคนที่เยอะกว่าพร้อมกับเครื่องไม้เครื่องมือทำให้พวกมันมั่นใจได้ว่า ภารกิจครั้งนี้ย่อมต้องประสบผลสำเร็จได้ ติดตรงระหว่างกระบวนการอาจต้องแลกมาด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ว่ากันไปตามแผนการ ฝีมือของพวกตนและฝีมือของหญิงสาวเบื้องหน้า

 

เลขาสาวแสดงสีหน้าขยะแขยงออกมาชัดเจนให้ได้เห็น

 

“…เห็นแบบนี้แต่ฉันก็เลือกเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่เอาคนอื่นเขาไปมั่วซั่วไม่เลือกหน้าเหมือนกับใครบางคน”

 

“…” หัวคิ้วหัวหน้ากระตุกขึ้นสองสามครั้ง

 

“แล้วก็ขอเตือนเอาไว้ก่อน ในฐานะผู้มากไปด้วยประสบการณ์ อีกทั้งฉันคนนี้ยังเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม เมตตา ไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต บริเวณหน้าห้องของท่านประธาน ตรงบริเวณบันได ช่วงเวลา 10:00 – 11:00 น.” ประโยคความปกติธรรมดาหาค่าอะไรไม่ได้ ทำให้สีหน้าของพวกมันทุกคนต้องแปรเปลี่ยนไปมหาศาล

 

ก่อนเตรียมพร้อมบุกเข้าเล่นงานหล่อนเต็มที่

 

“…” จากท่วงท่าเต็มไปด้วยหยอกล้อ ดูถูก ดูแคลนหญิงสาว ตอนนี้เคร่งเครียดหนักหน่วงจนเทียบกับเมื่อครู่ไม่ติด

 

เมดสาวเมินเฉยยังคงแต่งหน้าต่อ

 

“อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิค่ะ ฉันยิ่งเป็นคนขวัญอ่อนอยู่ด้วย เกิดเผลอร้องตะโกนเรียกให้คนอื่นเข้ามาช่วยเหลือ แผนการพวกคุณอาจต้องล้มเหลว ในฐานะนักฆ่าหากทำงานล้มเหลวบทลงโทษคงไม่พ้น” 

 

“ต้องตาย” น้ำเสียงหล่อนราบเรียบแฝงเอาไว้ด้วยจิตสังหารแรงกล้า

 

“ใครเป็นคนบอกเธอ”

 

“เดิมทีพวกคุณมันก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมายอยู่แล้ว อย่างที่ได้บอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก” เลขาสาวยังกล่าวต่ออธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมดไม่มีกักเก็บ เอาเข้าจริงหล่อนไม่มีความคิดจะกักเก็บตั้งแต่แรกเริ่มด้วยซ้ำ ในเมื่อพวกมันถามหล่อนก็พร้อมตอบ

 

บทสนทนาจึงยืดยาวไปเรื่อย ๆ ตามความต้องการของทั้งสองฝ่าย

 

“พวกคุณมันเป็นเพียงมือสมัครเล่น นักฆ่าอ่อนหัด คิดจะมาลักพาตัวคนอื่นในสถานที่อัดแน่นไปด้วยบุคคลากรระดับโลกนับร้อยนับพัน ดูยังไงมันก็สิ้นคิดเกินไป ไร้หัวคิดเกินไป ไร้สาระสิ้นดี คุณคิดว่าไอ้ที่เดินเล่นกันไปมาไม่มีคนเห็นเหรอ? เห็นกันหมดแหละเพียงแต่ว่าจะพูดรึเปล่ามันก็อีกเรื่องหนึ่ง” น่าตลกมาก น่าตลกเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองมีความสามารถมากพอเดินเล่นในบริษัทระดับโลกโดยไม่มีใครคนอื่นเขาจับได้หรอก

 

หากคิดแบบนี้นั้นก็เท่ากับว่ายื่นขาเข้าโลงไปแล้วครึ่งตัว

 

“…” สีหน้าพวกที่เหลือต่างเคร่งเครียดขึ้นทันตาเห็นทั้งยังมีประกายหวาดหวั่นไม่น้อยกับคำพูดของเมดสาวบิว

 

“กล่องวงจรปิด?”

 

“ไม่เอาน่า ไม่เห็นต้องพึ่งพาของแบบนั้นเลย ลำพังสายตาของฉันมันก็มากพอจับผิด ไล่จับหางพวกคุณได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องไปพึ่งพากล้องวงจรปิดเลย อีกอย่างหากฉันยังไม่รู้ตัวว่าใครกำลังเดินเล่นอยู่ในบ้านตัวเอง ฉันคงสอบตกในฐานะเมดสาวผู้สมบูรณ์แบบและคงอยู่เคียงข้างกายคุณชายไม่ได้อีก เอาเข้าจริงหากพวกคุณอยากจะแอบเข้ามาให้มันแนบเนียน ฉันสามารถให้คำแนะนำได้ค่ะ” เลขาสาวบิวกล่าวด้วยใบหน้าราบเรียบไม่ได้นำพาสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย

 

“เพียงแต่ว่ามันอาจจะมีค่าใช้จ่ายนิดหน่อย”

 

“เอาไว้พวกเราไปคุยกับบนรถเถอะ ดูต้นทางให้เรียบร้อย” หัวหน้าชุดปฏิบัติงานครั้งนี้ตัดสินใจลงมือทันทีไม่อาจปล่อยให้เวลามันล่วงเลยไปมากกว่านี้ได้อีก

 

“…”

 

“อย่าเงียบแบบนั้นสิ พวกเราอึดอัดรู้ไหม?” หนึ่งในนั้นกล่าวหยอกล้อนึกว่าเลขาสาวหวาดกลัวตัวพวกมัน 

 

“อึดอัด? ผู้ชาย 5 คน ตรงเข้ามาในห้องน้ำหญิง ปิดล้อมเส้นทางหลบหนีทั้งหมด ทั้งยังเปิดเผยเจตนาความต้องการชัดเจน พูดตามตรงต้องเป็นฝ่ายฉันต่างหากที่สมควรอึดอัดไม่ใช่พวกคุณ” เลขาสาวยิ้มตอบกลับ

 

“ถึงฉันจะงดงามปานเทพธิดากระทั่งดึงดูดเหล่าแมลงน้อยที่น่าสงสารให้เข้ามาติดกับยังไง แต่ฉันก็ยังมีจิตสำนึกไม่ลงมือปัดพวกมันทันที ไม่ลงมือฆ่าพวกมันให้ตาย จะถือโอกาสให้พวกคุณได้พูดละกันว่าต้องการอะไรจากฉัน”

 

“หยิ่งยโส”

 

“นั้นแหละค่ะ คือตัวตนของฉัน”

 

“เหมือนเธอจะมั่นใจตัวเองไม่น้อย” หัวหน้าหรี่ตามองเริ่มส่งสัญญาณบอกให้พวกที่เหลือปิดล้อมเส้นทาง เตรียมพร้อมบุกเข้าไปจัดการอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้หล่อนมีโอกาสได้หนีไปไหน

 

เลขาสาวเริ่มเก็บเครื่องสำอางเข้ากระเป๋า

 

“…เข้ามาเถอะค่ะ ฉันเกือบแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไหนจะต้องเอามื้อเที่ยงไปให้ท่านประธานอีก คงเสียเวลากับพวกคุณต่อไม่ได้แล้วละนะ”

 

“หวังว่าเธอจะยังปากดีต่อนะ หลังจากที่พวกเราทุกคนลงมือจัดการ” เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายเริ่มแยกย้ายขยายพื้นที่เตรียมพร้อมเข้าจัดการกับหญิงสาว หากคนปกติธรรมดาโดยเฉพาะผู้หญิงตกอยู่ในสถานการณ์เฉกเช่นนี้

 

คงไม่พ้นต้องตกอกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

 

“รอให้ถึงเวลานั้นก่อนละกันค่ะ พวกคุณจะได้รู้เองว่าฉันหยิ่งยโส หรือว่าเป็นฝ่ายพวกคุณที่มันอ่อนแอเกินไป” แต่ไม่ใช่สำหรับเมดสาวเบื้องหน้า หล่อนกวาดสายตามองใจเย็นประเมินเก็บรายละเอียดทั้งหมดพร้อมกล่าวตอบได้ไม่มีติดขัดเสมือนกับว่ากำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน

 

เรียกได้ว่าไม่ได้นำพาเลยแม้แต่น้อยกับสถานการณ์เบื้องหน้า

 

“…” จังหวะเวลาที่ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้น

 

เสียงหวานดันกล่าวแทรกขึ้นมาเสียก่อน

 

“อะ เดี๋ยวก่อนค่ะ อย่าพึ่งลงมือ” เมดสาวบิวถอนหายใจหยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมา ตอนแรกพวกมันตื่นตระหนกเตรียมเข้าต่อสู้กันไม่ให้หล่อนได้มีโอกาสงัดเอาอะไรออกมาต่อสู้ก่อนหยุดลงเพราะเห็นของสิ่งหนึ่งเข้า

 

สิ่งที่หยิบออกมาเป็นเพียงถุงมือสีดำ

 

“…” หัวคิ้วพวกมันขมวดเป็นแถว

 

“ฉันมีเวลาให้พวกคุณทั้งหมด 10 นาที ช่วงเวลา 10 นาที คือช่วงเวลาที่พวกคุณทุกคนต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อพิชิตฉัน ทำให้ฉันหมดสติก่อนอาหารของคุณชายจะถูกจัดเตรียมเรียบร้อย” นิ้วเรียวดึงถูกมือให้กระชับเข้าที่เข้าทาง

 

เมดสาวยังกล่าวต่อไป

 

“หากผ่านพ้นช่วงเวลา 10 นาทีไปเมื่อไหร่ อาหารจะเริ่มสูญเสียความร้อนทำให้รสชาติอาหารลดลงจากรสชาติที่ควรจะเป็น ซึ่งในฐานะเมดสาวคงยากจะแบกรับความผิดพลาดครั้งนี้ได้”

 

“เพราะฉะนั้นหากคุณทนได้ 10 นาที หรือมากกว่านั้น ฉันอาจพิจารณาเล่นงานพวกคุณถึงตาย แต่ถ้าภายใน 10 นาที พวกคุณโดนฉันเล่นงานจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ โดนเล่นงานจนหมดสติ ถือว่าพวกคุณดวงดีรอดตัวไป” ถ้อยถูกพูดออกเหยียดหยามไม่เปิดช่องทางให้โอนอ่อน

 

ปลุกโทสะพวกมันได้ทุกตัวไม่มียกเว้น

 

“อย่ามาดูถูกกันนะ!”

 

“เปล่าคะ ฉันไม่ได้ดูถูกเพียงแต่ว่ามาตรฐานของพวกคุณมันไม่ได้อยู่ในระดับที่ทำให้ฉันต้องเสียเวลาชีวิตด้วยมันก็เท่านั้นเอง แล้วก็รู้เอาไว้ด้วยว่าการกระทำของพวกคุณ” เส้นผมถูกมัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ให้เกะกะเวลาเคลื่อนไหว บรรยากาศกดดันจนพวกมันเริ่มหายใจไม่ออก

 

เมดสาวยิ้มเมินเฉยก่อนเก็บรอยยิ้มทั้งหมด

 

“ล้วนต้องมีผลตอบแทนเป็นธรรมดา”

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+