ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก 19 เลขาสาวคลุ้มคลั่ง

Now you are reading ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก Chapter 19 เลขาสาวคลุ้มคลั่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 19 เลขาสาวคลุ้มคลั่ง

 

บรรยากาศยามค่ำคืนช่างเงียบเหงาเหลือเกิน

 

“…” ระหว่างกำลังเดินกลับทุกอย่างปกติสุขไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเสียงโต้เถียงหรือน้ำเสียงแง่งอน ภายในรถมีเพียงความเงียบงันเท่านั้นที่ก่อเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน

 

แกรนเงียบไม่คิดพูดจาอะไรออกมาให้มากความเขากำลังซึมซับบรรยากาศหายาก เนื่องจากวันปกติธรรมดาเขามักใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการทำงานทำการได้ออกมาเดินครั้งนี้จึงต้องเก็บเกี่ยวกลับไปให้ได้มากที่สุด

 

ไม่ใช่เพียงแกรนคนเดียวที่เงียบไม่คิดพูดอะไรออกมากระทั่งบิวเองก็เงียบปากเฉกเช่นเดียวกัน ที่หล่อนเงียบอาจไม่ใช่เหตุผลเดียวกับแกรนสีหน้าหล่อนเคร่งเครียดเต็มไปด้วยปัญหา แต่ไม่ว่าจะด้วยปัญหาอะไรเขาไม่อยากเปิดประเด็นพูดคุยโดยเฉพาะสถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนี้

 

จนกระทั่งหล่อนเปิดปากถามขึ้นมา

 

“นี่แกรน?”

 

“อะไร?”

 

“เพื่อไอศกรีม นายถึงกับต้องใช้พลังเข้าช่วยเลยเหรอ? พลังของนายมันแตกต่างจากของฉัน แม้ว่าจะเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งได้ยากกว่าแต่พอเข้าทีหนึ่งมันก็สร้างปัญหาให้รู้จักจบสิ้น เพียงเพราะไอศกรีมไม่กี่บาท นายถึงกลับต้องลงไม้ลงมือ หรือเพราะว่าฉันเอาแต่ใจเกินไป” บิวถามขึ้นมากะทันหันทั้งยังใช้น้ำเสียงอ่อนล้าอ่อนแรงรู้สึกผิด

 

แกรนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

 

“มันมีปัญหาต่างหาก ฉันถึงต้องใช้ เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายเหมือนกับที่เธอคิดหรอก เพียงแค่ใช้มันแก้ปัญหาครั้งคราวบ้างเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต่อให้ฉันใช้มันอีกเป็น 10 ครั้ง ก็ไม่มีปัญหา พลังของฉันมันเข้าสู่สภาพคลุ้มคลั่งยากมาก หากจัดการให้ดีตลอดทั้งเดือนก็สามารถอดทนอดกลั้นได้” แต่ถ้าให้เลือก เขาเองก็ไม่ได้อยากจะใช้เหมือนกัน แต่หากไม่ใช้พลังเข้าช่วยเหลือการจัดการปัญหาเบื้องหน้าคงยากจะครอบคลุมความเสียหายให้อยู่ในกรอบ

 

อีกทั้งผลลัพธ์สุดท้ายหลังจากใช้พลังก็ตรงตามความปรารถนาของตน

 

…‘นี่ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วละ เห็นเธออารมณ์ดีฉันก็สบายใจ’

 

“…” บิวยังมองด้วยแววตาเป็นห่วง

 

อารมณ์หล่อนกำลังแปรเปลี่ยนไปรวดเร็ว ซึ่งแม้ว่าเขาจะรู้สึกดีที่เห็นหล่อนมีใจเป็นห่วงไม่ต้องการเห็นตัวเองเป็นอะไรไป แต่การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รวดเร็วเกินไปมันไม่ใช่อะไรที่ดีสำหรับแกรนในตอนนี้เลย

 

นั้นเท่ากับว่าสัญญาณคลุ้มคลั่งของบิวอาจมาถึงเร็วกว่าที่คิด

 

“จริงเหรอ? นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

 

“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ”

 

“อีกอย่างผลลัพธ์สุดท้ายเธอก็ได้กินไอศกรีม ส่วนฉันก็ได้ทำความดีแก่สังคม พวกลูกค้าทั้งหลายก็ได้รับไอศกรีมไปทั่วหน้า ส่วนแม่ค้าก็สามารถจัดการกับเจ้าผู้ชายหยาบกร้านทั้งสองคน ไม่ว่าฝ่ายไหนล้วนได้วินกันหมด” แกรนยังยิ้มหัวเราะพูดคุยโดยไม่พยายามกระตุ้นบิวมากเกินไป

 

“หรือเธอไม่คิดแบบนั้น”

 

หญิงสาวในชุดรัดรูปนิ่งเงียบไม่คิดพูดจาแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาคำพูดของหล่อนก็แทบทำให้แกรนต้องหัวใจวายตาย อยากกระโดดลงจากรถให้มันรู้แล้วรู้รอด

 

“รวมถึงตัวเด็กน้อย นายก็ใช้มันกับเธอ นายใช้พลังเสน่ห์ของนาย ชักจูงให้เด็กน้อยรู้สึกดีด้วย นายกำลังคิดจะเก็บยัยเด็กแก่แดดเข้าบ้านตัวเองใช่ไหมแกรน?” น้ำเงียบราบเรียบไม่ได้แสดงอารมณ์แต่สร้างกดดันให้เขาได้จนเกือบหายใจไม่ออก แกรนคิ้วกระตุกสังเกตเห็นอารมณ์หล่อนกำลังพุ่งดิ่งจนรีบปฏิเสธทันที

 

เขาแค่ให้หยุดนิ่งกับที่ ไม่ได้ใช้พลังโดยตรงใส่เหมือนกับเจ้าสองตัวร้อย

 

“บ้าสิ ถึงฉันจะใช้พลังเข้าแก้ไขปัญหา แต่ก็ไม่ได้ว่างมากพอ หรือว่าสิ้นหัวคิดกระทั่งดึงเด็กน้อยคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างมากก็แค่สะกดไม่ให้พวกเขารับรู้มันก็เท่านั้นเอง” แกรนยิ้มแห้งรีบแก้ตัว

 

“เธอคิดมากเกินไปแล้ว”

 

“แต่เหมือนว่าเด็กน้อยจะคิดเกินเลยกับนายนะ หากนายไม่ใช้พลังเข้าช่วยเหลือทำไมนายกับเด็กสาวมัธยม ถึงได้ดูสนิทสนมกันรวดเร็วขนาดนี้ หากฉันไม่จับตานายตลอดเวลาอาจคิดว่าพวกนายทั้งสองรู้จักกันมาก่อน ไม่ว่าจะมองยังไงเรื่องนี้มันก็ต้องมีบางอย่างที่ผิดแปลกออกไป” บิวหรี่ตามองแหลมคม ทำเอาแกรนต้องเร่งปฏิเสธ ต่อให้มันเป็นจริงก็ห้ามยอมรับไปตามตรงเด็ดขาด

 

ตอนนี้ทำได้เพียงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับเท่านั้น

 

“คิดมากไปรึเปล่า?”

 

“แววตาของเธอมันบอกฉัน และฉันก็เชื่อมากในสัญชาตญาณของผู้หญิง มันกำลังบอกว่านายกับหล่อนมีอะไรที่เกินเลย มีอะไรที่ปกปิดความลับจากฉัน จากฉันคนนี้” บิวหันหน้ามามองด้วยสายตาจับผิด

 

แกรนเหงื่อแตกทันทีที่ได้ยินคำพูดชวนหาเรื่องตายของหล่อน

 

“คิดมาก ฉันกับเธอพึ่งเจอกันวันนี้วันแรกเองนะ”

 

“ฉันบอกว่ามันต้องมีอะไรเกินเลย มันก็ต้องมีสิ” สัญชาตญาณหญิงสาวมันกำลังบอกร้องตะโกนลั่นในจิตใจว่าชายหนุ่มเบื้องหน้ามีบางสิ่งอย่างแอบแฝงซุกซ่อนไม่ให้หล่อนตรวจพบเจอ

 

ไอ้ความรู้สึกไม่พอใจมันกำลังแพร่ขยาย

 

“…”

 

แกรนยังอธิบายเพิ่มเติมกันไม่ให้หล่อนต้องคิดมาเกินควร

 

“อาจเป็นเพราะพลังของฉันก็ได้ ต่อให้มันเบาบางยังไงมันก็น่าจะมีผลกระทบกับคนหัวอ่อนแบบหล่อน ที่ทำให้เด็กนั้นแสดงท่าทีเป็นมิตรขนาดนี้” ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ กลับกันมันออกจะเป็นแนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุดด้วยซ้ำในความคิดของหล่อน หลังจากครุ่นคิดเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับตัวเอง

 

หล่อนจึงยอมปล่อยว่างก่อนถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม หากคำถามนี้แกรนสามารถผ่านพ้นไปได้ หล่อนจะยอมถอยห่างไม่คิดเอาความอีก ทั้งยังไม่คิดสืบสานเรื่องราวเบื้องหลังจะปล่อยให้เป็นไปตามส่วนที่ควรจะเป็น

 

“คำถามสุดท้ายที่ฉันจะถามนาย”

 

“เชิญถามมาได้เลย”

 

“ได้อะไรมารึเปล่า?”

 

“หะ!” แกรนตกใจหัวใจบีบรัดแน่น

 

“ฉันถามว่าได้อะไรมารึเปล่า?” ลางสังหรณ์หญิงสาวแม่นยำมาก มากจนน่ากลัว แกรนตีหน้าราบเรียบเก็บหมดไม่มีหลงเหลือไม่ปล่อยให้หางตัวเองโผล่มา ต้องขอบคุณตัวเองที่อยู่ในวงการธุรกิจมายาวนาน

 

การเก็บความลับจึงยอดเยี่ยมไม่มีขาดตกบกพร่อง

 

“หมายถึงอะไรละที่ได้มา” น้ำเสียงราบเรียบยังคงอยู่ขณะสายตาจ้องมองเส้นทาง

 

เลขาละสายตาจากโทรศัพท์หันมาจ้องมองแกรนเขม็งไม่คิดปล่อยผ่าน

 

“เบอร์โทรศัพท์”

 

“เธอคิดมากเกินไปแล้ว อีกอย่างฉันไม่มีทางเอาเบอร์คนอื่นมาไว้กับตัวหรอก” แกรนตอบจริงจัง บิวเพียงมองนิ่งก่อนละสายตาออกจากร่างกายเขา

 

“หึ! …พลังที่น่ารังเกียจ” 

 

“ออกจะสะดวกเกินไปด้วยซ้ำ อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอได้กินไอศกรีมนะ” แกรนยิ้มแห้งไม่คิดต่อสาวความยื่น ภายในใจหวังให้หล่อนยินยอมปล่อยผ่านไม่คิดสืบสานหาต้นสายปลายเหตุต่อ

 

ไม่งั้นเขาต้องปล่อยให้พิรุธมันหลุดออกมาแน่นอน

 

“…” แววตาสืบสวนต้องการล้วงลับจับผิดช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน

 

“มองหน้าฉันทำไม?”

 

“ไม่ลองใช้งานกับฉันบ้างละ” ไม่รู้ว่าอะไรมันมาดลใจบอกให้หล่อนกล่าวบอกไปแบบนั้น แต่พอมาลองคิดให้ดี ทบทวนหลายต่อหลายรอบหล่อนเองก็อยากมีประสบการณ์โดนพลังครอบนำเหมือนกัน

 

บางทีหากโดนพลังเข้าไปอาจทำให้เรื่องราวหลังจากนี้มันง่ายดายยิ่งขึ้นก็ได้ใครจะไปรู้

 

…‘น่าลองเหมือนกันนะ พอมาคิดดูอีกที’

 

“…”

 

“…ไม่เอาดีกว่า”

 

“นายไม่อยากให้ฉันอยู่ในสภาพแบบนั้น”

 

“เธออยาก?”

 

“ก็เปล่า แค่อยากรู้อยากเห็นว่ามันจะเป็นยังไง?” เลขาสาวเบี่ยงหน้าหลบไม่กล้ามองใบหน้าแกรน ไม่กล้ามองลึกเข้าไปในแววตาอีกฝ่าย กลัวว่าหากมองเข้าไปอาจกักเก็บความปรารถนาเบื้องลึกเอาไว้ไม่อยู่

 

แกรนคิ้วกระตุก

 

“ไม่เห็นน่าลอง”

 

“ถ้าพูดถึงเรื่องพลัง ฉันว่าพลังของเธอต่างหากที่น่าลอง”

 

“…”

 

“ยกระดับความสามารถทางด้านร่างกายไปหลายเท่าตัว ทั้งยังไม่ส่งผลกระทบภายหลังอีก ช่างเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้ มันน่าจะเหมาะสมกับผู้ชายอย่างฉันมากกว่าผู้หญิงอย่างเธอ” เทียบกับพลังของเขาที่ใช้เพื่อบการอีกฝ่ายด้วยความรู้สึก พลังของหล่อนดูน่าเกรงขามกว่าเยอะในด้านภาพลักษณ์

 

ต่อยทำลายหิน ทำลายเหล็กด้วยร่างกาย

 

“จะบอกว่าฉันเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง?”

 

“บ้าสิ ถ้าขนาดกล้าว่าเธอเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ตัวผู้ทั่วทั้งโลกคงเดินหน้ามาฉีกกระชากฉันแน่ เอาเข้าจริงเธอไม่น่ามาถามคำถามนี้กับฉันนะบิว” แกรนถึงกับหัวเราะออกมาพอได้ยินคำพูดของหญิงสาว

 

บิวเงยหน้าไม่เข้าใจ

 

“ทำไม?”

 

“ก็เธอสวยขนาดนี้จะไปเหมือนผู้ชายได้ยังไง ตั้งใจให้ฉันพูดชมเธอรึเปล่าเนี่ย?”

 

“ฉะ ฉันแค่พูดไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง ไม่ได้อยากให้นายชมสักหน่อย”

 

“แน่นะ”

 

“นิดหน่อยน่ะ”

 

“เธอสวยอยู่แล้ว ไอ้ที่ฉันบอกมันก็แค่เปรียบเทียบเท่านั้นเองไม่เห็นต้องไปคิดมาก” แกรนยิ้มหัวเราะเพื่อให้หล่อนกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง เขาพร้อมหยิบเอาทุกกลยุทธ์เข้ามาช่วยเหลือ

 

และมันก็ได้ผลครั้งนี้หล่อนฉีกยิ้มออกมาทั้งเป็นยิ้มหวานเต็มไปด้วยอารมณ์

 

“…ดีที่นายยังมีสติดีไม่พูดอะไรหาเรื่องตาย”

 

ตุบ!

 

“ปากหวานจริง” บิวหน้าแดงก่ำชกแก้เขิน

 

“…” หมัดเล็กกระแทกเข้าแขนเบาบางหากแรงที่กระทำกลับแตกต่างจากที่เห็นภายนอกลิบลับ หัวคิ้วชายหนุ่มขมวดเป็นปมก่อนรู้สึกว่าแขนตัวเองมันบวมกว่าปกติหลังจากโดนต่อยเข้าให้

 

 แกรนหน้าซีดรีบเก็บอาการไม่ปล่อยผ่านให้หล่อนเห็น

 

“กลับบ้านกันเถอะ”

 

“ให้นายไปส่งนะ อย่าลืม”

 

“ไม่ลืมหรอกน่า” หลังจากตกลงกันเสร็จสิ้นทั้งสองก็เตรียมตัวกลับบ้านกลับไปพักผ่อนก่อนกลับมาทำงานต่อในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายแกรนไปส่งบิวถึงบ้านตามคำสัญญา

 

ตลอดเส้นทางหล่อนเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเริ่มล้มตัวนอนในรถ

 

เรือนร่างงดงามนิ่งสงบไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวคล้ายกำลังหลับใหล ขณะแกรนยังคงขับรถเตรียมพาหญิงสาวกลับบ้านทุกสิ่งอย่างปกติเหมือนเดิมหมด จนกระทั่งดวงตาเขาเบิกกว้างเพราะมีของบางสิ่งพุ่งแหวกอากาศเตรียมปักเข้าที่ต้นคอเขา

 

แกรนเอียงตัวหลบ

 

“…” ปากกาปักเข้ากระจกด้านข้างแทน

 

“เวรกรรม!”

 

“สารเลว! เมื่อกี้นายกล้าหยอกล้อฉัน!” เมดสาวบิวแพร่ประกายสังหารพร้อมล่าฆ่าฟันไม่เลิกรา เรียกได้ว่าผิดกับตัวตนหวานชื่นเมื่อครู่ชัดเจน เห็นว่าการลงมือครั้งแรกไม่ได้ผล หล่อนเตรียมลงมือครั้งที่สองทันที

 

แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมต้องไม่ปล่อยให้เกิด

 

“คลุ้มคลั่งแล้วเหรอเนี่ย!”

 

“…หยุด!” ดวงตาเขาเปล่งประกายแสงสีชมพู

 

เรือนร่างงดงามเสมือนโดนตรึงด้วยเชือกที่มองไม่เห็น

 

“กะ แก แกกล้าใช้พลังน่ารังเกียจกับฉันคนนี้ ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!” แต่นั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งหล่อน ไม่ให้หล่อนอาละวาดไปมากกว่านี้ หากยังปล่อยเอาไว้แบบนี้ต่อไป

 

รับรองได้เลยว่านองเลือดแน่นอน

 

“…ไปดับร้อนหน่อยเป็นไง” แกรนพุ่งรถลงข้างทางลงไปยังแม่น้ำเย็นเฉียบ

 

ตูม!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก 19 เลขาสาวคลุ้มคลั่ง

Now you are reading ผมมีชีวิตที่น่าสงสาร(?) เป็นคนเนื้อหอมไปที่ไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับกินตลอด แถมส่วนใหญ่ยังเป็นสาวงามระดับเทพธิดาอีกต่างหาก Chapter 19 เลขาสาวคลุ้มคลั่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 19 เลขาสาวคลุ้มคลั่ง

 

บรรยากาศยามค่ำคืนช่างเงียบเหงาเหลือเกิน

 

“…” ระหว่างกำลังเดินกลับทุกอย่างปกติสุขไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเสียงโต้เถียงหรือน้ำเสียงแง่งอน ภายในรถมีเพียงความเงียบงันเท่านั้นที่ก่อเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน

 

แกรนเงียบไม่คิดพูดจาอะไรออกมาให้มากความเขากำลังซึมซับบรรยากาศหายาก เนื่องจากวันปกติธรรมดาเขามักใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการทำงานทำการได้ออกมาเดินครั้งนี้จึงต้องเก็บเกี่ยวกลับไปให้ได้มากที่สุด

 

ไม่ใช่เพียงแกรนคนเดียวที่เงียบไม่คิดพูดอะไรออกมากระทั่งบิวเองก็เงียบปากเฉกเช่นเดียวกัน ที่หล่อนเงียบอาจไม่ใช่เหตุผลเดียวกับแกรนสีหน้าหล่อนเคร่งเครียดเต็มไปด้วยปัญหา แต่ไม่ว่าจะด้วยปัญหาอะไรเขาไม่อยากเปิดประเด็นพูดคุยโดยเฉพาะสถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนี้

 

จนกระทั่งหล่อนเปิดปากถามขึ้นมา

 

“นี่แกรน?”

 

“อะไร?”

 

“เพื่อไอศกรีม นายถึงกับต้องใช้พลังเข้าช่วยเลยเหรอ? พลังของนายมันแตกต่างจากของฉัน แม้ว่าจะเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งได้ยากกว่าแต่พอเข้าทีหนึ่งมันก็สร้างปัญหาให้รู้จักจบสิ้น เพียงเพราะไอศกรีมไม่กี่บาท นายถึงกลับต้องลงไม้ลงมือ หรือเพราะว่าฉันเอาแต่ใจเกินไป” บิวถามขึ้นมากะทันหันทั้งยังใช้น้ำเสียงอ่อนล้าอ่อนแรงรู้สึกผิด

 

แกรนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

 

“มันมีปัญหาต่างหาก ฉันถึงต้องใช้ เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายเหมือนกับที่เธอคิดหรอก เพียงแค่ใช้มันแก้ปัญหาครั้งคราวบ้างเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต่อให้ฉันใช้มันอีกเป็น 10 ครั้ง ก็ไม่มีปัญหา พลังของฉันมันเข้าสู่สภาพคลุ้มคลั่งยากมาก หากจัดการให้ดีตลอดทั้งเดือนก็สามารถอดทนอดกลั้นได้” แต่ถ้าให้เลือก เขาเองก็ไม่ได้อยากจะใช้เหมือนกัน แต่หากไม่ใช้พลังเข้าช่วยเหลือการจัดการปัญหาเบื้องหน้าคงยากจะครอบคลุมความเสียหายให้อยู่ในกรอบ

 

อีกทั้งผลลัพธ์สุดท้ายหลังจากใช้พลังก็ตรงตามความปรารถนาของตน

 

…‘นี่ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วละ เห็นเธออารมณ์ดีฉันก็สบายใจ’

 

“…” บิวยังมองด้วยแววตาเป็นห่วง

 

อารมณ์หล่อนกำลังแปรเปลี่ยนไปรวดเร็ว ซึ่งแม้ว่าเขาจะรู้สึกดีที่เห็นหล่อนมีใจเป็นห่วงไม่ต้องการเห็นตัวเองเป็นอะไรไป แต่การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รวดเร็วเกินไปมันไม่ใช่อะไรที่ดีสำหรับแกรนในตอนนี้เลย

 

นั้นเท่ากับว่าสัญญาณคลุ้มคลั่งของบิวอาจมาถึงเร็วกว่าที่คิด

 

“จริงเหรอ? นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

 

“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ”

 

“อีกอย่างผลลัพธ์สุดท้ายเธอก็ได้กินไอศกรีม ส่วนฉันก็ได้ทำความดีแก่สังคม พวกลูกค้าทั้งหลายก็ได้รับไอศกรีมไปทั่วหน้า ส่วนแม่ค้าก็สามารถจัดการกับเจ้าผู้ชายหยาบกร้านทั้งสองคน ไม่ว่าฝ่ายไหนล้วนได้วินกันหมด” แกรนยังยิ้มหัวเราะพูดคุยโดยไม่พยายามกระตุ้นบิวมากเกินไป

 

“หรือเธอไม่คิดแบบนั้น”

 

หญิงสาวในชุดรัดรูปนิ่งเงียบไม่คิดพูดจาแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาคำพูดของหล่อนก็แทบทำให้แกรนต้องหัวใจวายตาย อยากกระโดดลงจากรถให้มันรู้แล้วรู้รอด

 

“รวมถึงตัวเด็กน้อย นายก็ใช้มันกับเธอ นายใช้พลังเสน่ห์ของนาย ชักจูงให้เด็กน้อยรู้สึกดีด้วย นายกำลังคิดจะเก็บยัยเด็กแก่แดดเข้าบ้านตัวเองใช่ไหมแกรน?” น้ำเงียบราบเรียบไม่ได้แสดงอารมณ์แต่สร้างกดดันให้เขาได้จนเกือบหายใจไม่ออก แกรนคิ้วกระตุกสังเกตเห็นอารมณ์หล่อนกำลังพุ่งดิ่งจนรีบปฏิเสธทันที

 

เขาแค่ให้หยุดนิ่งกับที่ ไม่ได้ใช้พลังโดยตรงใส่เหมือนกับเจ้าสองตัวร้อย

 

“บ้าสิ ถึงฉันจะใช้พลังเข้าแก้ไขปัญหา แต่ก็ไม่ได้ว่างมากพอ หรือว่าสิ้นหัวคิดกระทั่งดึงเด็กน้อยคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างมากก็แค่สะกดไม่ให้พวกเขารับรู้มันก็เท่านั้นเอง” แกรนยิ้มแห้งรีบแก้ตัว

 

“เธอคิดมากเกินไปแล้ว”

 

“แต่เหมือนว่าเด็กน้อยจะคิดเกินเลยกับนายนะ หากนายไม่ใช้พลังเข้าช่วยเหลือทำไมนายกับเด็กสาวมัธยม ถึงได้ดูสนิทสนมกันรวดเร็วขนาดนี้ หากฉันไม่จับตานายตลอดเวลาอาจคิดว่าพวกนายทั้งสองรู้จักกันมาก่อน ไม่ว่าจะมองยังไงเรื่องนี้มันก็ต้องมีบางอย่างที่ผิดแปลกออกไป” บิวหรี่ตามองแหลมคม ทำเอาแกรนต้องเร่งปฏิเสธ ต่อให้มันเป็นจริงก็ห้ามยอมรับไปตามตรงเด็ดขาด

 

ตอนนี้ทำได้เพียงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับเท่านั้น

 

“คิดมากไปรึเปล่า?”

 

“แววตาของเธอมันบอกฉัน และฉันก็เชื่อมากในสัญชาตญาณของผู้หญิง มันกำลังบอกว่านายกับหล่อนมีอะไรที่เกินเลย มีอะไรที่ปกปิดความลับจากฉัน จากฉันคนนี้” บิวหันหน้ามามองด้วยสายตาจับผิด

 

แกรนเหงื่อแตกทันทีที่ได้ยินคำพูดชวนหาเรื่องตายของหล่อน

 

“คิดมาก ฉันกับเธอพึ่งเจอกันวันนี้วันแรกเองนะ”

 

“ฉันบอกว่ามันต้องมีอะไรเกินเลย มันก็ต้องมีสิ” สัญชาตญาณหญิงสาวมันกำลังบอกร้องตะโกนลั่นในจิตใจว่าชายหนุ่มเบื้องหน้ามีบางสิ่งอย่างแอบแฝงซุกซ่อนไม่ให้หล่อนตรวจพบเจอ

 

ไอ้ความรู้สึกไม่พอใจมันกำลังแพร่ขยาย

 

“…”

 

แกรนยังอธิบายเพิ่มเติมกันไม่ให้หล่อนต้องคิดมาเกินควร

 

“อาจเป็นเพราะพลังของฉันก็ได้ ต่อให้มันเบาบางยังไงมันก็น่าจะมีผลกระทบกับคนหัวอ่อนแบบหล่อน ที่ทำให้เด็กนั้นแสดงท่าทีเป็นมิตรขนาดนี้” ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ กลับกันมันออกจะเป็นแนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุดด้วยซ้ำในความคิดของหล่อน หลังจากครุ่นคิดเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับตัวเอง

 

หล่อนจึงยอมปล่อยว่างก่อนถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม หากคำถามนี้แกรนสามารถผ่านพ้นไปได้ หล่อนจะยอมถอยห่างไม่คิดเอาความอีก ทั้งยังไม่คิดสืบสานเรื่องราวเบื้องหลังจะปล่อยให้เป็นไปตามส่วนที่ควรจะเป็น

 

“คำถามสุดท้ายที่ฉันจะถามนาย”

 

“เชิญถามมาได้เลย”

 

“ได้อะไรมารึเปล่า?”

 

“หะ!” แกรนตกใจหัวใจบีบรัดแน่น

 

“ฉันถามว่าได้อะไรมารึเปล่า?” ลางสังหรณ์หญิงสาวแม่นยำมาก มากจนน่ากลัว แกรนตีหน้าราบเรียบเก็บหมดไม่มีหลงเหลือไม่ปล่อยให้หางตัวเองโผล่มา ต้องขอบคุณตัวเองที่อยู่ในวงการธุรกิจมายาวนาน

 

การเก็บความลับจึงยอดเยี่ยมไม่มีขาดตกบกพร่อง

 

“หมายถึงอะไรละที่ได้มา” น้ำเสียงราบเรียบยังคงอยู่ขณะสายตาจ้องมองเส้นทาง

 

เลขาละสายตาจากโทรศัพท์หันมาจ้องมองแกรนเขม็งไม่คิดปล่อยผ่าน

 

“เบอร์โทรศัพท์”

 

“เธอคิดมากเกินไปแล้ว อีกอย่างฉันไม่มีทางเอาเบอร์คนอื่นมาไว้กับตัวหรอก” แกรนตอบจริงจัง บิวเพียงมองนิ่งก่อนละสายตาออกจากร่างกายเขา

 

“หึ! …พลังที่น่ารังเกียจ” 

 

“ออกจะสะดวกเกินไปด้วยซ้ำ อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอได้กินไอศกรีมนะ” แกรนยิ้มแห้งไม่คิดต่อสาวความยื่น ภายในใจหวังให้หล่อนยินยอมปล่อยผ่านไม่คิดสืบสานหาต้นสายปลายเหตุต่อ

 

ไม่งั้นเขาต้องปล่อยให้พิรุธมันหลุดออกมาแน่นอน

 

“…” แววตาสืบสวนต้องการล้วงลับจับผิดช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน

 

“มองหน้าฉันทำไม?”

 

“ไม่ลองใช้งานกับฉันบ้างละ” ไม่รู้ว่าอะไรมันมาดลใจบอกให้หล่อนกล่าวบอกไปแบบนั้น แต่พอมาลองคิดให้ดี ทบทวนหลายต่อหลายรอบหล่อนเองก็อยากมีประสบการณ์โดนพลังครอบนำเหมือนกัน

 

บางทีหากโดนพลังเข้าไปอาจทำให้เรื่องราวหลังจากนี้มันง่ายดายยิ่งขึ้นก็ได้ใครจะไปรู้

 

…‘น่าลองเหมือนกันนะ พอมาคิดดูอีกที’

 

“…”

 

“…ไม่เอาดีกว่า”

 

“นายไม่อยากให้ฉันอยู่ในสภาพแบบนั้น”

 

“เธออยาก?”

 

“ก็เปล่า แค่อยากรู้อยากเห็นว่ามันจะเป็นยังไง?” เลขาสาวเบี่ยงหน้าหลบไม่กล้ามองใบหน้าแกรน ไม่กล้ามองลึกเข้าไปในแววตาอีกฝ่าย กลัวว่าหากมองเข้าไปอาจกักเก็บความปรารถนาเบื้องลึกเอาไว้ไม่อยู่

 

แกรนคิ้วกระตุก

 

“ไม่เห็นน่าลอง”

 

“ถ้าพูดถึงเรื่องพลัง ฉันว่าพลังของเธอต่างหากที่น่าลอง”

 

“…”

 

“ยกระดับความสามารถทางด้านร่างกายไปหลายเท่าตัว ทั้งยังไม่ส่งผลกระทบภายหลังอีก ช่างเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้ มันน่าจะเหมาะสมกับผู้ชายอย่างฉันมากกว่าผู้หญิงอย่างเธอ” เทียบกับพลังของเขาที่ใช้เพื่อบการอีกฝ่ายด้วยความรู้สึก พลังของหล่อนดูน่าเกรงขามกว่าเยอะในด้านภาพลักษณ์

 

ต่อยทำลายหิน ทำลายเหล็กด้วยร่างกาย

 

“จะบอกว่าฉันเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง?”

 

“บ้าสิ ถ้าขนาดกล้าว่าเธอเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ตัวผู้ทั่วทั้งโลกคงเดินหน้ามาฉีกกระชากฉันแน่ เอาเข้าจริงเธอไม่น่ามาถามคำถามนี้กับฉันนะบิว” แกรนถึงกับหัวเราะออกมาพอได้ยินคำพูดของหญิงสาว

 

บิวเงยหน้าไม่เข้าใจ

 

“ทำไม?”

 

“ก็เธอสวยขนาดนี้จะไปเหมือนผู้ชายได้ยังไง ตั้งใจให้ฉันพูดชมเธอรึเปล่าเนี่ย?”

 

“ฉะ ฉันแค่พูดไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง ไม่ได้อยากให้นายชมสักหน่อย”

 

“แน่นะ”

 

“นิดหน่อยน่ะ”

 

“เธอสวยอยู่แล้ว ไอ้ที่ฉันบอกมันก็แค่เปรียบเทียบเท่านั้นเองไม่เห็นต้องไปคิดมาก” แกรนยิ้มหัวเราะเพื่อให้หล่อนกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง เขาพร้อมหยิบเอาทุกกลยุทธ์เข้ามาช่วยเหลือ

 

และมันก็ได้ผลครั้งนี้หล่อนฉีกยิ้มออกมาทั้งเป็นยิ้มหวานเต็มไปด้วยอารมณ์

 

“…ดีที่นายยังมีสติดีไม่พูดอะไรหาเรื่องตาย”

 

ตุบ!

 

“ปากหวานจริง” บิวหน้าแดงก่ำชกแก้เขิน

 

“…” หมัดเล็กกระแทกเข้าแขนเบาบางหากแรงที่กระทำกลับแตกต่างจากที่เห็นภายนอกลิบลับ หัวคิ้วชายหนุ่มขมวดเป็นปมก่อนรู้สึกว่าแขนตัวเองมันบวมกว่าปกติหลังจากโดนต่อยเข้าให้

 

 แกรนหน้าซีดรีบเก็บอาการไม่ปล่อยผ่านให้หล่อนเห็น

 

“กลับบ้านกันเถอะ”

 

“ให้นายไปส่งนะ อย่าลืม”

 

“ไม่ลืมหรอกน่า” หลังจากตกลงกันเสร็จสิ้นทั้งสองก็เตรียมตัวกลับบ้านกลับไปพักผ่อนก่อนกลับมาทำงานต่อในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายแกรนไปส่งบิวถึงบ้านตามคำสัญญา

 

ตลอดเส้นทางหล่อนเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเริ่มล้มตัวนอนในรถ

 

เรือนร่างงดงามนิ่งสงบไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวคล้ายกำลังหลับใหล ขณะแกรนยังคงขับรถเตรียมพาหญิงสาวกลับบ้านทุกสิ่งอย่างปกติเหมือนเดิมหมด จนกระทั่งดวงตาเขาเบิกกว้างเพราะมีของบางสิ่งพุ่งแหวกอากาศเตรียมปักเข้าที่ต้นคอเขา

 

แกรนเอียงตัวหลบ

 

“…” ปากกาปักเข้ากระจกด้านข้างแทน

 

“เวรกรรม!”

 

“สารเลว! เมื่อกี้นายกล้าหยอกล้อฉัน!” เมดสาวบิวแพร่ประกายสังหารพร้อมล่าฆ่าฟันไม่เลิกรา เรียกได้ว่าผิดกับตัวตนหวานชื่นเมื่อครู่ชัดเจน เห็นว่าการลงมือครั้งแรกไม่ได้ผล หล่อนเตรียมลงมือครั้งที่สองทันที

 

แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมต้องไม่ปล่อยให้เกิด

 

“คลุ้มคลั่งแล้วเหรอเนี่ย!”

 

“…หยุด!” ดวงตาเขาเปล่งประกายแสงสีชมพู

 

เรือนร่างงดงามเสมือนโดนตรึงด้วยเชือกที่มองไม่เห็น

 

“กะ แก แกกล้าใช้พลังน่ารังเกียจกับฉันคนนี้ ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!” แต่นั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งหล่อน ไม่ให้หล่อนอาละวาดไปมากกว่านี้ หากยังปล่อยเอาไว้แบบนี้ต่อไป

 

รับรองได้เลยว่านองเลือดแน่นอน

 

“…ไปดับร้อนหน่อยเป็นไง” แกรนพุ่งรถลงข้างทางลงไปยังแม่น้ำเย็นเฉียบ

 

ตูม!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+