พลิกชะตาชายาสยบแค้น 64 ยืมดาบฆ่าคน

Now you are reading พลิกชะตาชายาสยบแค้น Chapter 64 ยืมดาบฆ่าคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 64 ยืมดาบฆ่าคน ในห้องจัดงานเลี้ยง นางกำนัลยังคงเดินให้บริการเติมผลไม้รวมทั้งของทานเล่นและชงชา รินไวน์ให้แก่เหล่าฮูหยินและบรรดาบุตรสาวของขุนนางมิหยุด บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้  มันมิง่ายเลยที่จะลอบลงมือทำร้ายใครสักคน หลี่ซื่อมองดูนางกำนัลผู้นั้นที่กำลังรินไวน์ผลไม้ให้อันหลิงเกอ และทำการเปลี่ยนผลไม้ใหม่เข้าไปแทนที่ ก่อนที่จะถอยกลับออกมาอย่างสุภาพ โดยมิมีความผิดปกติอันใดในระหว่างกระบวนการทั้งหมด จากนั้นหลี่ซื่อนางแสร้งทำเป็นมิสนใจเดินผ่านอันหลิงเกอไป แต่ก็ทันเห็นอันหลิงเกอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม ส่วนอันหลิงอีมิรู้แผนของแม่ตนเอง แต่เมื่อเห็นใบหน้าท่าทีนั้นของหลี่ซื่อก็รู้โดยทันทีว่าคืนนี้อันหลิงเกอจะต้องติดกับตามแผนแม่ของตนอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงรู้สึกอารมณ์ดีมากพลางชมการแสดงบนเวที และพลางสังเกตการเคลื่อนไหวของอันหลิงเกอไปด้วย หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ใบหน้าของอันหลิงเกอก็แดงระรื่นขึ้น ดวงตาก็เริ่มพร่ามัวเล็กน้อย อันหลิงเกอที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบผลไม้เคลือบน้ำตาลที่อยู่ตรงหน้า แต่ผลไม้เคลือบน้ำตาลนั้นก็กลิ้งหลุดจากมือของนาง และตกลงไปบนเสื้อผ้าของนางเป็นเหตุให้ทิ้งรอยเปื้อน เมื่ออันหลิงเกอเห็นเยี่ยงนั้น คิ้วของนางก็ขมวดขึ้น นางกำนัลที่รินไวน์ให้นางก่อนหน้านั้นก็รีบสาวเท้าก้าวมาข้างหน้าทันที โดยเอนตัวไปด้านข้างอันหลิงเกอรอฟังตำสั่งจากนาง ก่อนที่จะพาอันหลิงเกอลุกจากที่นั่งแล้วเดินออกไป อันหลิงเกอในตอนนี้ครึ่งเมาครึ่งตื่น จึงถูกนางกำนัลพาเดินวนเข้าไปยังในพระราชวัง จนในที่สุดก็ได้มาถึงตำหนักหลังแห่งหนึ่ง “คุณหนูอัน ที่นั้นคือตำหนักของฮองเฮาเหนียงเหนียง ตำหนักใหญ่ตรงกลางมีทหารยามเฝ้าอยู่เยอะมาก ท่านอย่าไปที่ตำหนักใหญ่ตรงกลางนั้นเจ้าคะ ตามบ่าวไปทางตำหนักด้านข้างดีกว่า” นางกำนัลกล่าวเสียงกระซิบบอกอันหลิงเกอ เพื่อหลีกเลี่ยงนางกำนัลผู้คุมเหล่านั้น และพาอันหลิงเกอเดินเข้าไปในห้องตำหนักด้านหลังแทน อันหลิงเกอพยักหน้าด้วยความสะลึมสะลือ  ดูเหมือนจะยืนมิค่อยมั่นคง ร่างนางเอนเข้าไปซบนางกำนัลผู้นั้น พละกำลังของนางกำนัลผู้นี้มีมิน้อย กึ่งประคองกึ่งแบก นำตัวอันหลิงเกอไปนั่งลงบนเก้าอี้นุ่ม ๆ หลังม่าน หลังจากทำเรื่องทั้งหมดนี้แล้วเสร็จ นางก็มองอันหลิงเกอที่หลับตาอยู่ และกล่าวกำชับไปด้วยน้ำเสียงที่มิวางใจไปว่า “คุณหนูอันเจ้าคะ ท่านพักอยู่ที่นี่สักครู่ เดียวบ่าวจะนำซุปแก้อาการเมาค้างมาให้ท่านนะเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอทำราวกับว่าผล็อยหลับไปแล้วหลับตาแน่นนิ่ง  และมิได้ตอบสนองต่อคำกล่าวของนางกำนัลผู้นั้น จากนั้นนางกำนัลผู้นั้นถึงได้หันหลังแล้วเดินออกไปและถือโอกาสปิดประตูอย่างเรียบร้อย เมื่อนางกำนัลเดินออกจากห้องไปได้มินาน  อันหลิงเกอที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นทันที นางมองไปโดยรอบตำหนัก ก็ดูออกว่าได้ว่าห้องนี้หรูหราเยี่ยงนี้มิใช่รูปแบบสง่างามอย่างที่ฮองเฮาทรงโปรด และมิได้วิจิตรงดงามตามแบบของหลี่กุ้ยเฟย  มันน่าจะเป็นตำหนักของนางสนมในวังสักคน อันหลิงเกอเดินไปรอบห้องอย่างเบื่อหน่าย เก็บป้ายของนางกำนัลที่เพิ่งเดินมาส่งของนางเอาไว้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจากนอกประตู นางรีบเข้าไปหลบหลังม่านทันที ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างชายหญิงดังขึ้นเข้ามาใกล้ทุกที “นานมากเพียงใดแล้วที่ท่านมิได้มาหาข้า หรือว่ามีใจเป็นอื่นไปแล้ว มิชอบข้าแล้วใช่หรือไม่ ? ” น้ำเสียงที่ออดอ้อนออเซาะของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่ชายผู้นั้นกลับเข้ามาโอบกอดนางไว้ “เรื่องนี้เจ้าเข้าใจข้าผิดไปแล้ว ในวังคุ้มกันอย่างแน่นหนา  เสด็จพี่ก็มิได้เรียกตัวข้าเข้าวัง ข้าจะเข้าออกวังหลังบ่อย ๆ ได้เยี่ยงไร ? ฉวยโอกาสจากงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ ข้าจึงถือโอกาสมองหาลู่ทางมาหาเจ้า  เยี่ยงนี้ข้ายังรักเจ้ามิพออีกรึ ? ” มือของชายผู้นั้นมิได้อยู่นิ่งลูบไล้ไปตามตัวของหญิงสาวผู้นั้น เป็นเหตุให้มีเสียงหอบหายใจสั่นระรัวออกมาจากหญิงสาวและเอนพิงเข้าหาชายผู้นั้นครึ่งตัว จากนั้นทั้งสองก็นัวเนียกอดรัดกันในทันที อันหลิงเกอเมื่อได้ฟังก็หน้าแดงหูแดงอยู่หลังม่าน เนื้อหาของถ้อยคำเหล่านั้นเป็นเหตุให้นางใจสั่นเต้นระรัว ตอนนี้ฮ่องเต้มีพระอนุชาร่วมบิดาแต่ต่างมารดาเพียงคนเดียวมีนามว่า ติ้งอ๋อง และในงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ มีเพียงซูเฟยเพียงผู้เดียวเพียงเท่านั้นที่มิได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิเนื่องจากล้มป่วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทราบได้ทันทีว่าชายและหญิงที่กำลังเกี้ยวพาราสีกันอยู่นี่คือผู้ใด นั่นคือติ้งอ๋องและซูเฟยนั่นเองที่แอบคบชู้กันมานานแล้ว และได้นัดเจอกันมามิเพียงครั้งสองครั้ง วันนี้ถือโอกาสที่มีงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิเลยแอบมาเล่นชู้กันที่นี่ ! เมื่อเห็นว่าคนสองคนที่อยู่นอกม่านยิ่งเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และกำลังจะเดินมาที่โซฟานุ่มทางด้านนี้ อันหลิงเกอก็กลั้นหายใจขยับขาอย่างเงียบ ๆ และเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง นางที่เพิ่งจะซ่อนตัวได้ ติ้งอ๋องก็ได้กอดซูเฟยกลิ้งลงมาบนเตียงแล้ว เสียงร้องครางดังมาจากเหนือศีรษะของนางเป็นครั้งคราว อันหลิงเกอรู้สึกเขินอายเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้นึกย้อนถึงเหตุการณ์ในงานเลี้ยง ตอนที่นางกำนัลผู้นั้นเดินถือไหไวน์หลิงหลงเข้ามาหานาง นางก็รู้แล้วว่าหลี่ซื่อกำลังคิดจะเล่นงานตัวเองอยู่แล้ว เช่นนั้นจึงแสร้งทำเป็นดื่มไวน์จนมึนหัว เพียงเพื่อดูว่าหลี่ซื่อจะทำอันใดต่อไปกันแน่ นางคิดว่าหลี่ซื่อให้คนมาวางยาตัวเองเสียอีก และอยากจะจัดการกับความไร้เดียงสาของนาง แต่ดูเหมือนว่าหลี่ซื่อจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวระหว่างติ้งอ๋องและซูเฟยมานานแล้ว และคิดที่จะให้นางมาพบเห็นเรื่องนี้ เพื่อให้ติ้งอ๋องและซูเฟยฆ่านางเสียเพื่อมิให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผย แผนยืมดาบฆ่าคนเยี่ยงนี้ มันช่างล้ำลึกยิ่งนัก ถ้ามิใช่เพราะว่าชาติก่อนตัวเองเคยเห็นไหไวท์หลิงหลงมาก่อนและรู้ความลับของไหไวท์หลิงหลง คงจะตกหลุมพรางของหลี่ซื่อเข้าให้แล้ว อันหลิงเกอที่มั่วแต่กำลังครุ่นคิดอย่างใจลอยไปจนมิทันระวังจึงเผลอไปเตะปลายเตียงเข้า จึงเกิดเสียงจนทำให้ทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงตกใจ ติ้งอ๋องรีบลุกขึ้นทันทีและกำลังจะก้มลงไปสำรวจใต้เตียงพอดี แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากข้างนอกประตู “ข้ามิได้มาที่นี่นานแล้ว ก็มิรู้ว่าสุขภาพของซูเฟยเป็นเยี่ยงไรบ้าง” เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นนอกประตู เสียงฝีเท้าที่มั่นคงและทรงพลังเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว ติ้งอ๋องมิทันตรวจดูการเคลื่อนไหวภายใต้เตียง ก็รีบสวมเสื้อผ้าแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ซูเฟยเองก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกไปหน้าประตู อันหลิงเกอฉวยโอกาสนี้คลานออกมาจากใต้เตียง เป็นเหตุให้ป้ายเอวที่แขนเสื้อตกลงใต้เตียง แค่แวบเดียวร่างของนางก็หายไปในพริบตา นางที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องก็มีร่างหนึ่งร่วงลงตรงหน้า แล้วคว้าที่เอวของนางขึ้นไปบนหลังคา และออกไปจากตำหนักหลังนั้นทันที … มู่จวินฮานพาอันหลิงเกอไปยังที่ปลอดภัย แล้วถึงได้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนของเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาและโหดเหี้ยมของเขาในเวลานี้เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม มองมิเห็นรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอันใดอยู่ ? ” ดวงตาหงส์คู่นั้นของเขาจ้องมองอันหลิงเกอเขม็ง  และเขาได้เม้มริมฝีปากเหยียดตรง เห็นได้ชัดว่ากำลังระงับความโกรธเอาไว้ เมื่อย้อนนึกถึงในงานเลี้ยงเมื่อเขาสังเกตเห็นใบหน้าของอันหลิงเกอแดงระเรื่อ คิดว่านางคงดื่มไวน์มากไปจึงมิได้ใส่ใจใครจะรู้ แค่เพียงหันไปพูดคุยกับผู้อื่นได้เพียงมิกี่คำ อันหลิงเกอก็หายตัวไปแล้ว มู่จวินฮานรู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบค้นหาไปทั่ว แม้กระทั่งใช้ความสัมพันธ์ในวังของเขาก็เอามาใช้  ถึงได้ค้นหาตำแหน่งของอันหลิงเกอจนเจอ เขามิได้คาดคิดว่านางจะอยู่ในตำหนักของซูเฟย และเมื่อรู้ว่าติ้งอ่องก็อยู่ที่นี่ด้วย หัวใจของเขาเกือบจะกระโดดออกมาจากอก เพราะกลัวว่าติ้งอ๋องจะจับตัวอันหลิงเกอได้ และถือโอกาสใส่ร้ายและฆ่านางทิ้งเสีย โชคดีที่เขาสามารถลอกเลียนเสียงผู้อื่นได้อยู่บ้าง จึงทำเป็นเลียนเสียงของฮ่องเต้เพื่อทำให้ติ้งอ๋องตกใจกลัวและหนีไป  และหลอกล่อให้ซูเฟยออกมา ถึงได้พาตัวอันหลิงเกอหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น แต่มาตอนนี้เมื่อเห็นดวงตาที่ใสแจ๋วคู่นั้นของอันหลิงเกอ ก็รับรู้ว่านางมิได้เมา แค่จงใจแกล้งทำไปตามแผนการของผู้อื่นเพื่อมาที่นี่ก็เท่านั้น ผู้หญิงคนนี้เอาตัวเข้ามาเสี่ยงอันตรายเยี่ยงนี้โดยมินึกถึงความปลอดภัยของตัวเองบ้างเลยหรือ ? อันหลิงเกอเงยหน้าขึ้นและเผชิญหน้ากับดวงตาที่โกรธจัดของมู่จวินฮาน อารมณ์ในแววตาของเขานั้นขุ่นเคืองและแข็งกร้าวมาก  มันเป็นสิ่งที่นางมิเคยเห็นมันมาก่อน ในรูม่านตาดำที่สะท้อนให้เห็นเพียงเงานางเพียงผู้เดียวเท่านั้น เป็นเหตุให้หัวใจของอันหลิงเกอว้าวุ่นขึ้นมาทันใด และรู้สึกมือไม้อ่อนมิรู้จะทำเยี่ยงไรดี

ตอนที่ 64 ยืมดาบฆ่าคน

ในห้องจัดงานเลี้ยง นางกำนัลยังคงเดินให้บริการเติมผลไม้รวมทั้งของทานเล่นและชงชา รินไวน์ให้แก่เหล่าฮูหยินและบรรดาบุตรสาวของขุนนางมิหยุด บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้  มันมิง่ายเลยที่จะลอบลงมือทำร้ายใครสักคน

หลี่ซื่อมองดูนางกำนัลผู้นั้นที่กำลังรินไวน์ผลไม้ให้อันหลิงเกอ และทำการเปลี่ยนผลไม้ใหม่เข้าไปแทนที่ ก่อนที่จะถอยกลับออกมาอย่างสุภาพ โดยมิมีความผิดปกติอันใดในระหว่างกระบวนการทั้งหมด

จากนั้นหลี่ซื่อนางแสร้งทำเป็นมิสนใจเดินผ่านอันหลิงเกอไป แต่ก็ทันเห็นอันหลิงเกอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม

ส่วนอันหลิงอีมิรู้แผนของแม่ตนเอง แต่เมื่อเห็นใบหน้าท่าทีนั้นของหลี่ซื่อก็รู้โดยทันทีว่าคืนนี้อันหลิงเกอจะต้องติดกับตามแผนแม่ของตนอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงรู้สึกอารมณ์ดีมากพลางชมการแสดงบนเวที และพลางสังเกตการเคลื่อนไหวของอันหลิงเกอไปด้วย

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ใบหน้าของอันหลิงเกอก็แดงระรื่นขึ้น ดวงตาก็เริ่มพร่ามัวเล็กน้อย

อันหลิงเกอที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบผลไม้เคลือบน้ำตาลที่อยู่ตรงหน้า แต่ผลไม้เคลือบน้ำตาลนั้นก็กลิ้งหลุดจากมือของนาง และตกลงไปบนเสื้อผ้าของนางเป็นเหตุให้ทิ้งรอยเปื้อน

เมื่ออันหลิงเกอเห็นเยี่ยงนั้น คิ้วของนางก็ขมวดขึ้น นางกำนัลที่รินไวน์ให้นางก่อนหน้านั้นก็รีบสาวเท้าก้าวมาข้างหน้าทันที โดยเอนตัวไปด้านข้างอันหลิงเกอรอฟังตำสั่งจากนาง ก่อนที่จะพาอันหลิงเกอลุกจากที่นั่งแล้วเดินออกไป

อันหลิงเกอในตอนนี้ครึ่งเมาครึ่งตื่น จึงถูกนางกำนัลพาเดินวนเข้าไปยังในพระราชวัง จนในที่สุดก็ได้มาถึงตำหนักหลังแห่งหนึ่ง

“คุณหนูอัน ที่นั้นคือตำหนักของฮองเฮาเหนียงเหนียง ตำหนักใหญ่ตรงกลางมีทหารยามเฝ้าอยู่เยอะมาก ท่านอย่าไปที่ตำหนักใหญ่ตรงกลางนั้นเจ้าคะ ตามบ่าวไปทางตำหนักด้านข้างดีกว่า”

นางกำนัลกล่าวเสียงกระซิบบอกอันหลิงเกอ เพื่อหลีกเลี่ยงนางกำนัลผู้คุมเหล่านั้น และพาอันหลิงเกอเดินเข้าไปในห้องตำหนักด้านหลังแทน

อันหลิงเกอพยักหน้าด้วยความสะลึมสะลือ  ดูเหมือนจะยืนมิค่อยมั่นคง ร่างนางเอนเข้าไปซบนางกำนัลผู้นั้น

พละกำลังของนางกำนัลผู้นี้มีมิน้อย กึ่งประคองกึ่งแบก นำตัวอันหลิงเกอไปนั่งลงบนเก้าอี้นุ่ม ๆ หลังม่าน

หลังจากทำเรื่องทั้งหมดนี้แล้วเสร็จ นางก็มองอันหลิงเกอที่หลับตาอยู่ และกล่าวกำชับไปด้วยน้ำเสียงที่มิวางใจไปว่า “คุณหนูอันเจ้าคะ ท่านพักอยู่ที่นี่สักครู่ เดียวบ่าวจะนำซุปแก้อาการเมาค้างมาให้ท่านนะเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอทำราวกับว่าผล็อยหลับไปแล้วหลับตาแน่นนิ่ง  และมิได้ตอบสนองต่อคำกล่าวของนางกำนัลผู้นั้น จากนั้นนางกำนัลผู้นั้นถึงได้หันหลังแล้วเดินออกไปและถือโอกาสปิดประตูอย่างเรียบร้อย

เมื่อนางกำนัลเดินออกจากห้องไปได้มินาน  อันหลิงเกอที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นทันที นางมองไปโดยรอบตำหนัก ก็ดูออกว่าได้ว่าห้องนี้หรูหราเยี่ยงนี้มิใช่รูปแบบสง่างามอย่างที่ฮองเฮาทรงโปรด และมิได้วิจิตรงดงามตามแบบของหลี่กุ้ยเฟย  มันน่าจะเป็นตำหนักของนางสนมในวังสักคน

อันหลิงเกอเดินไปรอบห้องอย่างเบื่อหน่าย เก็บป้ายของนางกำนัลที่เพิ่งเดินมาส่งของนางเอาไว้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจากนอกประตู

นางรีบเข้าไปหลบหลังม่านทันที ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างชายหญิงดังขึ้นเข้ามาใกล้ทุกที

“นานมากเพียงใดแล้วที่ท่านมิได้มาหาข้า หรือว่ามีใจเป็นอื่นไปแล้ว มิชอบข้าแล้วใช่หรือไม่ ? ”

น้ำเสียงที่ออดอ้อนออเซาะของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่ชายผู้นั้นกลับเข้ามาโอบกอดนางไว้

“เรื่องนี้เจ้าเข้าใจข้าผิดไปแล้ว ในวังคุ้มกันอย่างแน่นหนา  เสด็จพี่ก็มิได้เรียกตัวข้าเข้าวัง ข้าจะเข้าออกวังหลังบ่อย ๆ ได้เยี่ยงไร ? ฉวยโอกาสจากงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ ข้าจึงถือโอกาสมองหาลู่ทางมาหาเจ้า  เยี่ยงนี้ข้ายังรักเจ้ามิพออีกรึ ? ”

มือของชายผู้นั้นมิได้อยู่นิ่งลูบไล้ไปตามตัวของหญิงสาวผู้นั้น เป็นเหตุให้มีเสียงหอบหายใจสั่นระรัวออกมาจากหญิงสาวและเอนพิงเข้าหาชายผู้นั้นครึ่งตัว จากนั้นทั้งสองก็นัวเนียกอดรัดกันในทันที

อันหลิงเกอเมื่อได้ฟังก็หน้าแดงหูแดงอยู่หลังม่าน เนื้อหาของถ้อยคำเหล่านั้นเป็นเหตุให้นางใจสั่นเต้นระรัว

ตอนนี้ฮ่องเต้มีพระอนุชาร่วมบิดาแต่ต่างมารดาเพียงคนเดียวมีนามว่า ติ้งอ๋อง และในงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ มีเพียงซูเฟยเพียงผู้เดียวเพียงเท่านั้นที่มิได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิเนื่องจากล้มป่วย

เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทราบได้ทันทีว่าชายและหญิงที่กำลังเกี้ยวพาราสีกันอยู่นี่คือผู้ใด

นั่นคือติ้งอ๋องและซูเฟยนั่นเองที่แอบคบชู้กันมานานแล้ว และได้นัดเจอกันมามิเพียงครั้งสองครั้ง

วันนี้ถือโอกาสที่มีงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิเลยแอบมาเล่นชู้กันที่นี่ !

เมื่อเห็นว่าคนสองคนที่อยู่นอกม่านยิ่งเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และกำลังจะเดินมาที่โซฟานุ่มทางด้านนี้ อันหลิงเกอก็กลั้นหายใจขยับขาอย่างเงียบ ๆ และเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง

นางที่เพิ่งจะซ่อนตัวได้ ติ้งอ๋องก็ได้กอดซูเฟยกลิ้งลงมาบนเตียงแล้ว เสียงร้องครางดังมาจากเหนือศีรษะของนางเป็นครั้งคราว อันหลิงเกอรู้สึกเขินอายเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อได้นึกย้อนถึงเหตุการณ์ในงานเลี้ยง ตอนที่นางกำนัลผู้นั้นเดินถือไหไวน์หลิงหลงเข้ามาหานาง

นางก็รู้แล้วว่าหลี่ซื่อกำลังคิดจะเล่นงานตัวเองอยู่แล้ว เช่นนั้นจึงแสร้งทำเป็นดื่มไวน์จนมึนหัว เพียงเพื่อดูว่าหลี่ซื่อจะทำอันใดต่อไปกันแน่

นางคิดว่าหลี่ซื่อให้คนมาวางยาตัวเองเสียอีก และอยากจะจัดการกับความไร้เดียงสาของนาง แต่ดูเหมือนว่าหลี่ซื่อจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวระหว่างติ้งอ๋องและซูเฟยมานานแล้ว และคิดที่จะให้นางมาพบเห็นเรื่องนี้ เพื่อให้ติ้งอ๋องและซูเฟยฆ่านางเสียเพื่อมิให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผย

แผนยืมดาบฆ่าคนเยี่ยงนี้ มันช่างล้ำลึกยิ่งนัก ถ้ามิใช่เพราะว่าชาติก่อนตัวเองเคยเห็นไหไวท์หลิงหลงมาก่อนและรู้ความลับของไหไวท์หลิงหลง คงจะตกหลุมพรางของหลี่ซื่อเข้าให้แล้ว

อันหลิงเกอที่มั่วแต่กำลังครุ่นคิดอย่างใจลอยไปจนมิทันระวังจึงเผลอไปเตะปลายเตียงเข้า จึงเกิดเสียงจนทำให้ทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงตกใจ ติ้งอ๋องรีบลุกขึ้นทันทีและกำลังจะก้มลงไปสำรวจใต้เตียงพอดี แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากข้างนอกประตู

“ข้ามิได้มาที่นี่นานแล้ว ก็มิรู้ว่าสุขภาพของซูเฟยเป็นเยี่ยงไรบ้าง”

เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นนอกประตู เสียงฝีเท้าที่มั่นคงและทรงพลังเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว ติ้งอ๋องมิทันตรวจดูการเคลื่อนไหวภายใต้เตียง ก็รีบสวมเสื้อผ้าแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง

ซูเฟยเองก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกไปหน้าประตู อันหลิงเกอฉวยโอกาสนี้คลานออกมาจากใต้เตียง เป็นเหตุให้ป้ายเอวที่แขนเสื้อตกลงใต้เตียง แค่แวบเดียวร่างของนางก็หายไปในพริบตา

นางที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องก็มีร่างหนึ่งร่วงลงตรงหน้า แล้วคว้าที่เอวของนางขึ้นไปบนหลังคา และออกไปจากตำหนักหลังนั้นทันที

มู่จวินฮานพาอันหลิงเกอไปยังที่ปลอดภัย แล้วถึงได้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนของเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาและโหดเหี้ยมของเขาในเวลานี้เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม มองมิเห็นรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย

“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอันใดอยู่ ? ”

ดวงตาหงส์คู่นั้นของเขาจ้องมองอันหลิงเกอเขม็ง  และเขาได้เม้มริมฝีปากเหยียดตรง เห็นได้ชัดว่ากำลังระงับความโกรธเอาไว้

เมื่อย้อนนึกถึงในงานเลี้ยงเมื่อเขาสังเกตเห็นใบหน้าของอันหลิงเกอแดงระเรื่อ คิดว่านางคงดื่มไวน์มากไปจึงมิได้ใส่ใจใครจะรู้ แค่เพียงหันไปพูดคุยกับผู้อื่นได้เพียงมิกี่คำ อันหลิงเกอก็หายตัวไปแล้ว

มู่จวินฮานรู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบค้นหาไปทั่ว แม้กระทั่งใช้ความสัมพันธ์ในวังของเขาก็เอามาใช้  ถึงได้ค้นหาตำแหน่งของอันหลิงเกอจนเจอ

เขามิได้คาดคิดว่านางจะอยู่ในตำหนักของซูเฟย และเมื่อรู้ว่าติ้งอ่องก็อยู่ที่นี่ด้วย หัวใจของเขาเกือบจะกระโดดออกมาจากอก เพราะกลัวว่าติ้งอ๋องจะจับตัวอันหลิงเกอได้ และถือโอกาสใส่ร้ายและฆ่านางทิ้งเสีย

โชคดีที่เขาสามารถลอกเลียนเสียงผู้อื่นได้อยู่บ้าง จึงทำเป็นเลียนเสียงของฮ่องเต้เพื่อทำให้ติ้งอ๋องตกใจกลัวและหนีไป  และหลอกล่อให้ซูเฟยออกมา ถึงได้พาตัวอันหลิงเกอหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น

แต่มาตอนนี้เมื่อเห็นดวงตาที่ใสแจ๋วคู่นั้นของอันหลิงเกอ ก็รับรู้ว่านางมิได้เมา แค่จงใจแกล้งทำไปตามแผนการของผู้อื่นเพื่อมาที่นี่ก็เท่านั้น ผู้หญิงคนนี้เอาตัวเข้ามาเสี่ยงอันตรายเยี่ยงนี้โดยมินึกถึงความปลอดภัยของตัวเองบ้างเลยหรือ ?

อันหลิงเกอเงยหน้าขึ้นและเผชิญหน้ากับดวงตาที่โกรธจัดของมู่จวินฮาน

อารมณ์ในแววตาของเขานั้นขุ่นเคืองและแข็งกร้าวมาก  มันเป็นสิ่งที่นางมิเคยเห็นมันมาก่อน ในรูม่านตาดำที่สะท้อนให้เห็นเพียงเงานางเพียงผู้เดียวเท่านั้น

เป็นเหตุให้หัวใจของอันหลิงเกอว้าวุ่นขึ้นมาทันใด และรู้สึกมือไม้อ่อนมิรู้จะทำเยี่ยงไรดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด