ยอดรักชายาอัปลักษณ์ 289 ปล่อยเจ้าไป / 290 ผู้มาเยือนที่ไม่ปรารถนาดี

Now you are reading ยอดรักชายาอัปลักษณ์ Chapter 289 ปล่อยเจ้าไป / 290 ผู้มาเยือนที่ไม่ปรารถนาดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 289 ปล่อยเจ้าไป

 

 

หนิงอวี้ถือจอกด้วยใบหน้าซีดขาว ท้องฟ้าดำสลัวไปทั่ว หมัวมัวบนโลกนี้ล้วนแต่โหดร้ายตามคาด

 

 

“อวี้เอ๋อร์ เจ้าสบายดีหรือไม่”

 

 

มู่หรงเหยียนรีบเดินเข้ามา ใบหน้าเป็นกังวลอย่างมิอาจปิดซ่อน หนิงอวี้พยักหน้า หมัวมัวที่อยู่ไม่ห่างจากที่นั่นส่งยิ้มอย่างอ่อนน้อม

 

 

“องค์รัชทายาททรงกำชับ หม่อมฉันจึงระวังเป็นพิเศษเพคะ”

 

 

ทันทีที่เข้าสู่ห้อง นางก็ถูกสตรีร่างใหญ่แรงเยอะสองสามนางคว้าตัว หมัวมัวสำรวจท้องนาง ลูบเคาะดูอายุครรภ์ หนิงอวี้รู้สึกอับอายถึงที่สุด นางไม่ตอบคำถามใดๆ สักคำ

 

 

ครู่หนึ่งผ่านไป หมัวมัวก็สวมชุดให้นางแล้วยกน้ำชามาให้ หนิงอวี้นึกถึงฉากเมื่อครู่ก็อดไม่ได้ที่จะมือสั่น จนน้ำชาในจอกกระเพื่อมขึ้นมา

 

 

มู่หรงเหยียนรู้แก่ใจดี เขาชำเลืองมองหมัวมัวปราดหนึ่งด้วยสีหน้าอันนิ่งเฉย รอยยิ้มมุมปากอันภาคภูมิของหมัวมัวพลันเหือดไป นางรีบค้อมกายลง

 

 

“ประเดี๋ยวฮ่องเต้จะเสด็จ จะทรงถามบางเรื่องจากเจ้า…เจ้าแค่คล้อยตามคำพูดข้าก็พอ”

 

 

ไม่ทันที่หนิงอวี้จะถามกลับ ก็ได้ยินเสียงแหลมเสียงหนึ่งตะโกนเสียงดังขึ้นจากประตู “ฮ่องเต้เสด็จ” ผู้คนในห้องต่างคุกเข่าลงกับพื้น มีเพียงหนิงอวี้เท่านั้นที่ยืนอยู่อย่างหยิ่งผยอง

 

 

นางเป็นนายพลราชวงศ์ใต้ เป็นถึงพระมเหสีองค์แรกของฮ่องเต้ราชวงศ์ใต้ จะคุกเข่าได้อย่างไร มู่หรงเหยียนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขายกมือขึ้นดึงชายเสื้อนาง หนิงอวี้ปล่อยให้เขาสะกิดบอกสัญญาณ ยังคงยืดตัวหลังตรงตระหง่านอยู่อย่างนั้น

 

 

บรรยากาศดูตึงเครียด เสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้นทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดนั้น ฮ่องเต้ราชวงศ์เหนือทรงสรวลพร้อมลูบไปบนพระมัสสุ หัวหน้าขันทีคอยตามติดพระวรกายยิ้มรับอย่างเจ้าเล่ห์

 

 

“หนิงอวี้ เจ้าเหมือนกันกับเซียงเอ๋อร์มาก”

 

 

หนิงอวี้พยักหน้าอย่างสงบนิ่ง ดูแล้วฮ่องเต้จะทรงรู้เชื้อสายของนางเป็นอย่างดี แต่แล้วอย่างไรเล่า มารดาเป็นเพียงเชื้อสายห่างๆ กับเชื้อพระวงศ์รางวงศ์เหนือ ทั้งยังต้องเสียสละความสุขตน เพื่อไปแต่งงานกับกษัตริย์อาณาจักรเล็กๆ แห่งหนึ่ง

 

 

บนกายนาง มิได้มีเพียงสายเลือดราชวงศ์เหนือแต่ยังมีเลือดราชวงศ์ใต้ด้วย นางไม่เชื่อ ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้านางผู้นี้จะยอมปล่อยนางไป หนิงอวี้ยกมือขึ้นลูบบนเอวโดยสัญชาตญาณ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า

 

 

“ตอนนั้นเซียงเอ๋อร์จากไปไม่หวนกลับ หากรู้ว่าบุตรสาวกลับมา เกรงว่านางคงสะท้อนใจมิน้อย” ฮ่องเต้ทรงเปลี่ยนเรื่อง “เจ้าก็อยู่ที่นี่อย่างวางใจเถิด รักษาครรภ์ให้ดี”

 

 

หนิงอวี้นิ่งอึ้ง พระองค์จะปล่อยนางไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ รักษาครรภ์…หรือว่าจะทรงคิด ว่านี่คือลูกของมู่หรงเหยียน หนิงอวี้หลุบสายตาลงทั้งประหลาดใจ ก็สบเข้ากับแววตาที่ดูซับซ้อนของมู่หรงเหยียนพอดี

 

 

“ลุกขึ้นมากันเถอะ”

 

 

มู่หรงเหยียนลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือไปจูงมือหนิงอวี้ เหมือนกับสามีที่รักใคร่หวงแหนภรรยา หนิงอวี้เตรียมจะสลัด ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเขียนบนกลางฝ่ามือ หนิงอวี้พิเคราะห์อยู่ชั่วครู่ จึงรู้ได้ว่านั่นคือคำว่า ‘คล้อยตาม’

 

 

“เราจะเร่งให้ฝ่ายในเตรียมงานมงคลให้พวกเจ้าโดยเร็วเป็นพิเศษ สิ้นเดือนน่าจะแต่งงานได้”

 

 

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ลูกรักใคร่อวี้เอ๋อร์มานานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว พอได้สติกลับก็สัมผัสได้ถึงนิ้วมือที่เลื่อนไปมา นั่นคือคำสามคำที่ว่า ‘ปล่อยเจ้าไป’

 

 

‘ปล่อยข้าไป?’ หนิงอวี้ตาเบิกโพลงแล้วหันหน้าไปมองมู่หรงเหยียนอย่างประหลาดใจ มู่หรงเหยียนไม่ใส่ใจ เขายื่นมือไปลูบไล้เรือนผมนางด้วยท่าทางรักใคร่ลุ่มหลงอย่างมาก

 

 

——

 

 

รถม้าวิ่งโคลงเคลง หนิงอวี้เห็นว่าจากออกมาไกลแล้ว จึงได้ถามขึ้นเสียงทุ้ม “หมายความอย่างไรกัน ยอมปล่อยข้าไปแล้วหรือ”

 

 

มู่หรงเหยียนชำเลืองขึ้น เห็นบนหน้าผากที่มีคราบเลือดของนางกำลังขมวดคิ้วน้อยๆ เขาตอบ “อืม ข้าจะหาโอกาส ส่งเจ้าไปเงียบๆ”

 

 

สำหรับเมื่อไหร่นั้น คงบอกได้ยาก หนิงอวี้ตอนนี้จิตใจไม่สงบ ยากจะยืนยันได้ว่านางจะทำอะไรอันตรายขึ้นอีกหรือไม่ โดยนิสัยนางแล้ว หากอยู่ในสภาวะจนตรอกยิ่งใจร้อนเหลือคณา

 

 

แรกสุดคิดฆ่าตัวตาย คงเพราะไม่อยากเป็นภาระให้กับเว่ยหยวน ตอนนี้เพื่อไม่ใช่ภาระของเขาแล้ว หากจะให้นางตอบรับเป็นชายาตน อวี้เอ๋อร์เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ต้องไม่ยอมตอบรับอย่างแน่นอน

 

 

หากไม่ให้ความหวังนางสักหน่อย เกรงว่าคงก่อเรื่องเอะอะใหญ่โต…มู่หรงเหยียนล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้วเช็ดคราบเลือดบนหน้าผากนางอย่างระมัดระวัง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 290 ผู้มาเยือนที่ไม่ปรารถนาดี

 

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมมิได้ข่าวเว่ยหลิงเลยพ่ะย่ะค่ะ” มั่วหลีก้มลง คุกเข่าลงกับพื้น “ขอฝ่าบาททรงลงอาญาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

พู่กันขนเพียงพอนในมือหยุดขยับ วินาทีถัดมาก็เริ่มเขียนเอกสารราชการอย่างคล่องแคล่วอีกครั้ง เมื่อจบประโยค เว่ยหยวนก็พับเอกสารแล้วถามว่า “ครั้งสุดท้ายปรากฏตัวที่ใด”

 

 

“ชายแดนระหว่างราชวงศ์เหนือและราชวงศ์ใต้ กระหม่อมบกพร่องในหน้าที่ สมควรตายเป็นหมื่นครั้งพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ไม่จำเป็นต้องตายเป็นหมื่นครั้งหรอก งานมงคลเจ้ากับหงหลิงหลังจากนี้อีกไม่กี่เดือนแล้วสินะ”

 

 

มั่วหลีพยักหน้ารับโดยพลัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

 

“ฝ่าบาท นี่….”

 

 

“ออกไป”

 

 

เว่ยหยวนกางจดหมายออก ระงับคำถามเขาไว้อย่างใจเย็น คำสั่งเสียของอวี้เอ๋อร์คือให้หงหลิงได้แต่งงานกับมั่วหลีอย่างสมเกียรติ เขาได้ตระเตรียมการไว้อย่างดี

 

 

แต่อวี้เอ๋อร์ยังมีชีวิต คงจะได้กลับมาในเร็ววัน นางคงหวังจะได้เคียงข้างหงหลิงทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ เว่ยหยวนถอนหายใจหนึ่งที แล้วยื่นมือไปสีหยกประดับบนเอว

 

 

——

 

 

หนิงอวี้เอนกายนอนบนเตียงประดับแก้ว มองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ตำหนักรัชทายาทย่อมหรูหราโอ่อ่ากว่าตำหนักกลางเขาอยู่แล้ว ถ้วยทองตะเกียบเงิน โคมแก้ว ช่างเป็นภาพที่หรูหราฟุ้งเฟ้อฉากหนึ่ง

 

 

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม มู่หรงเหยียนก็มารับอาหารเที่ยง บุคลิกงามสุขุม เปี่ยมด้วยความทระนงแห่งรัชทายาท แต่นางกลับอดมิได้ที่จะคิดถึง เด็กชายที่หน้าตามอมแมมไปด้วยฝุ่นดินเพื่อจับไก่ป่าผู้นั้น

 

 

มู่หรงเหยียนบอกว่าจะปล่อยนางไป เรื่องอื่นนั้นไม่ได้กล่าวถึง หนิงอวี้ย่นคิ้ว บางทีอาจเป็นเพียงคำพูดเพื่อป้องกันไม่ให้นางคิดฆ่าตัวตายเท่านั้น เขาคิดสิ่งใดอยู่ นางไม่อาจรู้และคาดเดาไม่ถูก

 

 

“พระชายารองเสด็จ ยังไม่รีบถวายความเคารพอีก”

 

 

“คารวะพระชายารอง”

 

 

หนิงอวี้ช้อนตาขึ้นมองก็เห็นสตรีนางหนึ่งในชุดหรูหราสีสันสดใส บนศีรษะประดับปิ่นดอกไม้ไหวอยู่หลากหลาย จังหวะก้าวเดินแบบบางพลิ้วไหวดั่งต้นหลิวต้องลม มีเสียงหยกกระทบเงินดังขึ้นเป็นระยะ

 

 

หนิงอวี้ลุกขึ้นนั่ง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เอนกายลงนอนต่อ แม้แต่ฮ่องเต้ราชวงศ์เหนือยังไม่ถวายบังคม ไยจะต้องถวายความเคารพสตรีนางนี้ด้วย อีกทั้งนางยังเป็นพระชายารองมู่หรงเหยียน ต้องมาหาเรื่องอย่างแน่นอน แต่หากผู้มาเยือนไม่ปรารถนาดี คงต้องเอาเรื่องที่นางไม่ถวายความเคารพอย่างแน่นอน

 

 

หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว รู้สึกรำคาญใจเต็มประดา

 

 

“บังอาจ! พบพระชายารองแล้วยังไม่คุกเข่าถวายความเคารพอีก!”

 

 

เสียงตะคอกหนึ่งทำเอาหนิงอวี้เกิดปวดศีรษะขึ้นมา จึงได้แต่ลุกขึ้นนั่งแล้วพูดว่า “ข้าเป็นนายพลราชวงศ์ใต้ นางเป็นพระชายารองในรัชทายาทแห่งราชวงศ์เหนือ ไยข้าจึงต้องถวายความเคารพด้วย”

 

 

“นี่…ในเมื่อเจ้าต้องเป็นสนมขององค์รัชทายาทแล้ว ย่อมต้องคุกเข่าคารวะพระชายารอง”

 

 

หนิงอวี้ชำเลืองขึ้นมองบ่าวหญิงนางนั้นปราดหนึ่ง บ่าวหญิงถูกสายตานางทำให้หวาดกลัวจนก้าวถอยหลังสองสามก้าว

 

 

หลังจากบ่าวหญิงนั้นเผยความหวาดกลัวออกมาก็สังเกตเห็นสีหน้าผู้เป็นนายดูไม่ยินดีนัก จึงได้แต่ก้าวเข้ามาข้างหน้าสองสามก้าว

 

 

“เติบโตกลางป่าเขากลางกองค่ายทหาร ไร้การอบรมสิ้นดี”

 

 

“ซวงหวา ไม่ต้องพูดมาก”

 

 

สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว พระชายารองรัชทายาทสีหน้ากลับไม่ยินดี

 

 

นางถือกำเนิดในตระกูลขุนนางชั้นสูง คนนับไม่ถ้วนล้วนแต่ให้ความนับถือ ทุกสิ่งอย่างล้วนราบรื่นดั่งสายน้ำ จนปีนป่ายขึ้นสู่ตำแหน่งพระชายารอง เพียงรอให้ถึงวันที่นางให้กำเนิดทายาท ก็จะมีพระราชโองการ แต่งตั้งนางให้เป็นชายาเอก

 

 

ท่ามกลางสายตาผู้คนที่ลอบมอง หญิงสาวป่าเถื่อนจากราชวงศ์ใต้กลับกล้าดูแคลนนาง! พระชายารองรัชทายาทโกรธจัด จนใบหน้าอันงามประณีตดวงนั้นไม่อาจปิดซ่อนความโกรธเอาไว้ได้

 

 

“วันนี้ข้าจะอบรมเจ้าให้ดี ให้เจ้ารู้จักระเบียบสักหน่อย แม้นออกไปภายนอก จะเป็นที่ครหาแก่ผู้คน ว่าธรรมเนียมแบบแผนของตำหนักอุดรนั้นเสื่อมทราม”

 

 

“เข้ามา จับนางคุกเข่าลง!”

 

 

หนิงลู่เห็นนางกำลังโมโห จึงพูดเตือนเสียงเบาว่า “นายหญิง องค์รัชทายาททรงโปรดปรานนางนัก ท่าน…”

 

 

ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ เพราะหากกล่าวเรื่องนี้ออกไปพระชายารองคงยิ่งเดือดดาล

 

 

“ฮึ เพียงแค่เป็นที่โปรดปรานก็คิดจะปีนขึ้นเหยียบหัวข้าหรือ เลิกคิดได้เลย!”

 

 

องครักษ์สองสามนายก้าวเข้าไปข้างหน้า หนิงอวี้ลุกขึ้นยืนแล้วกวาดตามอง แล้วคว้าจอกขึ้นมาจากบนโต๊ะประดับแก้ว เหวี่ยงมันไปยังผู้คนอย่างแรง

 

 

“โอ๊ย!”

 

 

เสียงร้องแหลมหนึ่งดังขึ้นกลางผู้คน ครั้นแล้วก็โกลาหลไปทั่ว หนิงอวี้มือหนึ่งกุมท้องน้อย อีกข้างก็หยิบข้าวของปาไปยังผู้คน

 

 

ผู้มาเยือนไม่ปรารถนาดี หากตกอยู่ในอุ้งมือพวกเขาแล้ว ผลที่ตามมาไม่กล้าแม้แต้จะคาดเดา หนิงอวี้ขบฟัน คว้าเอากระถางดอกไม้กระเบื้องโบราณปาไปยังฝูงชน กระถางดอกไม้กระเบื้องโบราณร่วงสู่พื้น ตกลงหน้าเท้าพระชายารองพอดิบพอดี นางกรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมาหนึ่งที “โอ้ย! จับตัวนางเอาไว้ให้ข้า!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด