ยอดรักชายาอัปลักษณ์ 329 ไม่ยอมกินข้าว ต้องจับตีก้น / 330 คลอดยาก

Now you are reading ยอดรักชายาอัปลักษณ์ Chapter 329 ไม่ยอมกินข้าว ต้องจับตีก้น / 330 คลอดยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 329 ไม่ยอมกินข้าว ต้องจับตีก้น

 

 

“ข้าไม่กิน ออกไป!”

 

 

หนิงอวี้ขมวดคิ้ว สะบัดแขนเสื้อกวาดอาหารที่อยู่บนจานตกคว่ำกับพื้นจนหมด จานชามตกกลิ้งกับพื้นเสียงดังกังวาน หนิงวี้ลุกขึ้นยืน

 

 

เหล่าสาวใช้ต่างคุกเข่าลงแล้วพูดขึ้นเสียงดัง “ฮองเฮา โปรดทรงคำนึงถึงโอรสมังกรในพระครรภ์ เสวยพระกระยาหารด้วยเพคะ”

 

 

หนิงอวี้เห็นพวกนางพูดอย่างน้อยใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันใด อดมิได้ที่จะตำหนิตัวเองที่ขี้โมโหเกินกำลัง นับแต่พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮามาก็ห้าเดือนแล้ว จากหิมะกลางฤดูหนาวกลับกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้บานสะพรั่ง ดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิร่วงโรยไป ดอกบัวฤดูร้อนก็เริ่มเบ่งบาน

 

 

อากาศเริ่มร้อนขึ้น นางจึงใจร้อนอย่างอดมิได้ รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตลอด ตื่นขึ้นมากลับไม่ยอมกินอาหาร เว่ยหยวนกล่อมนางนับพันครั้ง สุดท้ายก็ได้แต่กำชับสาวใช้ให้เฝ้าดูนางกินอาหาร

 

 

กลิ่นหอมของอาหารโชยมา หนิงอวี้กลับรู้สึกอยากจะอาเจียนอย่างมิอาจทนได้จึงยกมือขึ้นป้องปากไว้ สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้าก็ยกอ่างไม้เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน

 

 

หนิงอวี้มองลายดอกโบตั๋นแกะสลักบนอ่างไม้ พยายามห้ามอาเจียนไว้ นางยื่นมือไปส่งสัญญาณให้ถอยออกไป อึดใจเดียว เสียงฝีเท้าก็แว่วเข้ามา

 

 

“ฮองเฮา? รีบไปเอาน้ำชามา!”

 

 

เสียงใสไพเราะชวนหลง หนิงอวี้ช้อนตาขึ้นพลางเหยียดริมฝีปากขาวซีดยิ้มแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “เจ้ามาจนได้”

 

 

หงหลิงพยักหน้า ยกมือขึ้นเรียกสาวใช้ให้รีบเดินเข้ามาแล้วประคองนางนั่งลง

 

 

“ข้าน้อยรู้ว่าพระองค์ไม่ยอมเสวย แต่พระองค์จะไม่เสวยแม้แต่น้อยไม่ได้นะเพคะ”

 

 

น้ำชาถูกยกมา หนิงอวี้จิบเบาๆ หนึ่งคำ นางอ้าปากหมายจะเอ่ยคำก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น สาวใช้สองนางย้าย**บไม้ใบหนึ่งเดินเข้ามา พวกนางเปิด**บไม้ออกล้วงเอาน้ำแข็งออกมาวางไว้ในอ่างไม้กลางห้อง แล้วจึงยอบกายคำนับจากไป

 

 

“สองสามวันนี้มั่วหลีไม่อยู่ เจ้าไม่สู้มาพักที่นี่สักสองสามวันเป็นอย่างไร”

 

 

เมื่อหงหลิงนึกถึงมั่วหลีขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากยิ้ม เพียงอึดใจเดียวมุมปากก็ตกลง นางพูดขึ้นเสียงเบา “ข้าน้อยอยู่บ้านเก็บข้าวของรอเขาดีกว่าเพคะ สองสามวันนี้…เอาแต่คิดถึงเขาอยู่ตลอดเลย”

 

 

หนิงอวี้กุมมือนางไว้ น้ำเสียงดูไร้เรี่ยวแรง “ลำบากเจ้าแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะทูลกับฮ่องเต้ ขอให้พระองค์โปรดให้มั่วหลีกลับมา”

 

 

“ไม่จำเป็นต้องลำบากเลยเพคะ เขามีราชการต้องจัดการ”

 

 

หงหลิงจัดระเบียบแขนเสื้อพลางแสร้งเป็นใจกว้าง ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวจนยากจะซ่อนได้

 

 

——

 

 

ช่วงเวลายามบ่าย เว่ยหยวนเดินเข้ายังท้องพระโรง หลบผ่านฉากบังตาไปก็เห็นหนิงอวี้นอนพักอยู่บนแคร่สนม คงเพราะฤดูร้อนอากาศอบอ้าว ผ้าแพรบางคลุมบนไหล่จึงถูกปล่อยให้เลื่อนลงต่ำ

 

 

สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างคุกเข่าลงกับพื้น มือโบกพัดกลมไปมาไม่หยุด หน้าต่างถูกงับปิดครึ่งหนึ่ง ลมพัดโชยมาเป็นครั้งคราว ม่านแพรบางขยับไหวเบาๆ

 

 

อาจเพราะม่านแพรบางพลิ้วพัดดังสวบสาบ อาจเพราะฤดูร้อนอากาศอบอ้าว หรืออาจเพราะนอนหลับฝัน หนิงอวี้จึงยังคงขมวดคิ้วแน่น

 

 

เว่ยหยวนเห็นเสื้อผ้านางไม่ค่อยเป็นระเบียบก็ย่นคิ้ว เขาเลื่อนสายตาลงเห็นท้องน้อยนางนูนป่องก็อดยิ้มไม่ได้ จะเป็นแม่คนอยู่แล้ว กลับเอาแต่ทำตัวอย่างกับเด็ก

 

 

“ถวายบัง…”

 

 

“ไม่ต้อง”

 

 

เว่ยหยวนเดินเข้าไปสองสามก้าวแล้วรับพัดกลมมาจากมือสาวใช้พลางโบกไปมา

 

 

“ฮองเฮาเสวยอาหารเที่ยงหรือยัง”

 

 

“ทูลฝ่าบาท” สาวใช้พยักหน้าก็เห็นเขาส่งสัญญาณมือให้เงียบจึงลดเสียงพูดต่ออย่างรีบร้อน “ฮองเฮาทรงเสวยหัวผักตุ๋นเห็ดหอมครึ่งถ้วย เห็ดหูหนูขาวตุ๋นหนึ่งถ้วย แล้วก็ไม่เสวยต่ออีกเพคะ”

 

 

เว่ยหยวนเหลียวกลับไปมองหนิงอวี้ที่เพิ่งผ่อนคลายสีหน้าลงปราดหนึ่งแล้วก็ยิ้มเจื่อนพร้อมส่ายหน้า อวี้เอ๋อร์ช่วงนี้นับวันยิ่งขี้โมโห อะไรนิดหน่อยก็เป็นต้องระเบิดอารมณ์

 

 

เขาสั่งกับหัวหน้าขันทีเป็นพิเศษให้กำชับฝ่ายใน ให้เตรียมน้ำแข็งและขนมอุ่นๆ สั่งให้ทั่วแผ่นดินตามหาพ่อครัวเลื่องชื่อมา หวังให้หนิงอวี้ยอมกินอาหารแต่โดยดี วิธีการนับร้อย ในที่สุดก็ทำให้นางยอมอ้าปากกินอาหารบ้าง

 

 

สาวใช้เห็นฮ่องเต้แววพระเนตรอ่อนโยนจดจ้องไปยังฮองเฮาก็รู้ว่าตนเป็นส่วนเกิน จึงก้าวถอยหลังไป แต่มุมกระโปรงเกี่ยวเข้ากับขาค้ำมุมหนึ่งของฉากบังตา วินาทีถัดมาเสียงผ้าฉีกขาดเสียงหนึ่งก็ดังแว่วเข้ามา

 

 

สาวใช้รีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างลนลาน เว่ยหยวนขมวดคิ้วก็เห็นหนิงอวี้ขมวดคิ้วตื่นขึ้น

 

 

“ฝ่าบาททรงระงับโทสะด้วยเพคะ ข้าน้อยสมควรตายเป็นหมื่นๆ ครั้ง”

 

 

“ออกไปเถิด”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 330 คลอดยาก

 

 

หนิงอวี้ลืมตาอย่างลำบากก็เห็นเว่ยหยวนกำลังถือพัดกลมในมือ บนพัดกลมมีภาพสาวน้อยไล่จับผีเสื้อท่ามกลางดอกไม้ เว่ยหยวนเพิ่งออกจากมาจากห้องทรงอักษร ยังคงสวมชุดคลุมสีเหลืองสะดุดตา พัดกลมในมือทำให้เขาดูประหลาดตาไม่น้อย

 

 

หนิงอวี้ชูมือขึ้นบิดขี้เกียจราวกับแมวพันธุ์ล้ำค่าจอมเกียจคร้านตัวหนึ่ง นางยกมือไปพาดบนคอเขาแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “พระองค์เสด็จมาได้อย่างไรเพคะ”

 

 

เว่ยหยวนยื่นมือซ้ายไปโอบนางไว้แน่น มือขวายังคงขยับพัดโบกอยู่

 

 

“ได้พักสักประเดี๋ยว ก็เลยมาดูเจ้า”

 

 

หนิงอวี้หัวเราะเบาๆ รอยยิ้มที่มุมปากยังไม่เลือนหาย

 

 

“ทรงรับสั่งเสียไพเราะ หม่อมฉันว่าทรงมาเพื่อถามว่าหม่อมฉันรับอาหารเที่ยงหรือยังมากกว่า”

 

 

เว่ยหยวนพยักหน้าแล้วปล่อยนางลงบนแคร่สนม เขาดึงผ้าแพรบางบนไหล่นางอย่างระวังมือไปคลุมบนบ่าที่ขาวดั่งหิมะของนาง

 

 

หนิงอวี้เห็นเขาไม่ตอบจึงเข้าใจไปว่าเขาโกรธ เลยได้แต่กล่าวรับปากว่า “วันนี้อากาศอบอ้าวเหลือเกิน ไว้พรุ่งนี้หม่อมฉันจะกินแต่โดยดีเพคะ”

 

 

“อืม ข้ารู้ หมอหลวงบอกว่า เป็นเพราะเจ้า…ร่างกายอ่อนแอมาก ต้องบำรุงให้ดีๆ”

 

 

หนิงอวี้เผยอปาก แต่นั่นก็ไม่ถึงกับต้องทำไก่ตุ๋นโสม หรือปลากะพงอาเจียวเลยนี่ เว่ยหยวนเห็นนางท่าทีน้อยใจก็กล่อมนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “โอ๋ อีกไม่ถึงเดือนแล้ว อดทนอีกหน่อยนะ”

 

 

หนิงอวี้ได้ยิน คำพูดที่ตั้งใจจะพูดในตอนแรกทันใดนั้นก็ต้องกลืนกลับลงไป นางก้มหน้าจ้องเหม่อไปยังมังกรทองไร้เล็บบนชุดคลุมของเขา

 

 

ถ้าหาก นางตายจะเป็นอย่างไร ได้ยินว่าสตรีที่คลอดยากก็ไม่ต่างจากการมีชีวิตรอดจากปากประตูเมืองผี ไหนยัง…มารดาเอง ก็ต้องมาตายไปเพราะนาง

 

 

แต่ก่อนนางไม่เคยเกรงกลัวความตาย แต่ถึงตอนนี้นางก็มีภาระผูกพัน นางได้รู้ด้วยตัวเองจึงเข้าใจความลำบากของบิดา หากนางตายไป เว่ยหยวนจะเป็นอย่างไร ลูกจะคิดเช่นไร จะคอยตำหนิตนเองทุกวี่วันอย่างเช่นนางหรือไม่

 

 

นางเคยแอบถามหัวหน้าสำนักหมอหลวง จึงได้รู้มาว่าสตรีที่คลอดยากนั้นมีไม่น้อยรายเลย เดิมทีนางคิดจะถามว่าตนจะมีโอกาสเพียงใด ทว่าคอกลับตีบตัน ไม่กล้าถามออกไป

 

 

สตรีที่บำรุงครรภ์อย่างดียังไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมการคลอดยาก แล้วนับประสาอะไรกับนาง เรื่องที่นางประสบ ณ ราชวงศ์เหนือ ได้รับบาดเจ็บมานับไม่ถ้วน ลำบากมานับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่า ลูกจะเป็นอย่างไรบ้าง…

 

 

โหรหลวงกำชับว่าต้องบำรุงมาก แต่นางกลับอดไม่ได้ที่จะร้อนรนใจ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็รู้สึกกลัดกลุ้มอย่างห้ามมิได้ ตอนแรกตั้งใจจะระบายกับหงหลิง แต่นางเองก็กำลังกังวลใจด้วยเรื่องของมั่วหลีอยู่

 

 

รออยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบ เว่ยหยวนหันหน้ากลับก็เห็นหนิงอวี้สองตาแดงก่ำ

 

 

“เป็นอะไรหรือ”

 

 

หนิงอวี้มองเขาด้วยดวงตาอันแดงก่ำแล้วขบฟันส่ายหน้า

 

 

เว่ยหยวนขมวดคิ้ว เขาวางพัดกลมในมือลง ยื่นมือไปรวบหนิงอวี้มาไว้ในอ้อมกอดแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เสียใจด้วยเหตุใด”

 

 

“หม่อมฉัน…หากหม่อมฉันตาย…”

 

 

“เหลวไหล!”

 

 

หนิงอวี้จ้องเว่ยหยวน นางยกมือขึ้นกุมท้องน้อยแล้วกล่าวต่อ “หากหม่อมฉันตาย พระองค์ต้องหาฮองเฮาใหม่นะเพคะ…ไม่นะ…ห้ามหา!”

 

 

เว่ยหยวนอึ้งงันไปเล็กน้อย ครั้นพอได้สติกลับคืนก็พูดกล่อมนางอย่างรีบร้อน “ไม่มีอะไรหรอก ข้ารับรอง หัวหน้าสำนักหมอหลวง หรือจะหมอเทวดาที่อยู่ท่ามกลางประชาชนข้าก็จะไปเชิญมา วางใจแล้วดูแลตัวเองให้ดี ต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”

 

 

“แต่ ถ้าหาก…”

 

 

“ไม่มีถ้าหาก เจ้าต้องกินยาแต่โดยดี กินอาหารแต่โดยดีด้วย” เว่ยหยวนกอดนางแน่นยิ่งขึ้น “ข้ารับรอง ว่าจะไม่ให้มีอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อย”

 

 

“หม่อมฉันกังวลว่า…หม่อมฉันจะเป็นเช่นท่านแม่” หนิงอวี้อดทนพยายามฟังคำพูดสองสามประโยคนั้นไว้ แต่ในใจกลับยังคงโศกเศร้าอย่างยิ่ง “หากหม่อมฉันจากไปจริง พระองค์ต้องดูแลลูกให้ดีนะเพคะ”

 

 

เว่ยหยวนหัวเราะด้วยความโกรธ เขากดเสียงต่ำฟังดูดุดัน “หากเจ้าจากไป ข้าจะไปกับเจ้า”

 

 

ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็รู้สึกเสียใจกับน้ำเสียงเมื่อครู่จึงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงให้เบาลงแล้วพูดกล่อม “ในเมื่อกังวล พรุ่งนี้ก็กินอาหารแต่โดยดี ข้าตั้งใจหาคนไปเสาะหายาในหมู่ชาวบ้านมา พรุ่งนี้ห้องเครื่องจะจัดการหุงหาให้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด