ลิขิตกลกาล 162 จุดที่เหมาะสม

Now you are reading ลิขิตกลกาล Chapter 162 จุดที่เหมาะสม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อย่างนั้นเมื่อคืนวานนี้คุณหนู…” หยาเอ่อร์ผู้ที่มีท่าทีตกตะลึงที่สุด เวลานี้ก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเรื่องราวทั้งหมด “เมื่อคืนวานคุณหนูใหญ่ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

 

 

“คงจะไม่เป็นไรกระมัง” หลานเย่ว์กำหมัดแน่นแล้วเอ่ยอย่างสงบ “หากมีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ คุณหนูใหญ่คงจะตะโกนเรียกสุดเสียงไปแล้ว แต่เมื่อวานคุณหนูไม่ได้…ก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกระมัง…อีกอย่างก็แค่องครักษ์มา! เจ้านายของเขา…ไม่จำเป็นต้องมาด้วย…” เมื่อเอ่ยจนจบ แม้แต่ตัวหลานเย่ว์เองก็ฟังออกถึงความไม่มั่นใจในน้ำเสียงของตัวเอง

 

 

เนื่องจากในใจของเขาตอนนี้ก็มีคำตอบที่กระจ่างชัด พวกเขาตั้งใจใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำเช่นนั้น…หากบอกว่าต้วนเฉินเซวียนไม่มาด้วย?

 

 

นั่นจะเป็นไปได้หรือ

 

 

“เช่นนั้นคุณหนูใหญ่ทำอย่างไรเล่า!” ตอนนั้นเองที่หยาเอ่อร์เริ่มร้อนใจขึ้นมาจนแทบจะร้องไห้ “คุณชายต้วนผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ คุณหนูของพวกเรา คงจะไม่ คงจะไม่…” คำพูดต่อจากนี้หยาเอ่อร์ได้แต่กลืนน้ำลายลงไปและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

 

ทว่าการไม่พูดออกมาไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะนั่นเท่ากับเป็นการทำให้พวกเขาจินตานาการไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด…

 

 

“คุณหนูใหญ่ไม่เป็นไร” เมื่อหลีมู่เห็นท่าทางของพวกเขาก็ทนไม่ได้จึงรีบอธิบายออกไป “เมื่อคืนนี้คุณหนูใหญ่จะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน! ข้า วันนี้ตอนข้าไปเก็บกวาดห้องให้คุณหนู ข้าไม่เห็นว่ามีร่องรอยอะไรเกิดขึ้น!

 

 

“อีกอย่างคุณหนูใหญ่ของพวกเราวรยุทธ์ก็ไม่ได้แย่อะไร…หากต้องต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ก็คงยากจะรู้ได้ว่าผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ?”

 

 

“ถูกต้อง จะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน” ผูหลิวพยักหน้า “อีกอย่างวันนี้ตอนคุณหนูตื่นขึ้นมาตอนเช้าสีหน้าก็เป็นปกติดี ทั้งตัวข้าเองก็มีความรู้ด้านการแพทย์…ข้ามองออกได้!”

 

 

อีกอย่างวันนั้นตอนที่ต้วนเฉินเซวียนมา ผูหลิวก็พอมองออกว่าคุณชายต้วนผู้นั้น…อันที่จริงแล้วก็มีใจชอบคุณหนูอยู่เหมือนกัน เพียงแค่ไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้นกระมัง?

 

 

 

 

ผูหลิวเชื่อว่า การชอบคนผู้หนึ่ง อย่างน้อยที่สุดเราก็คงจะลงมือทำร้ายคนผู้นั้นไม่ได้ ดังนั้นซูเหลียนอวิ้นในตอนนี้…ผูหลิวคิดว่านางแค่เจ็บปวดทางใจค่อนข้างมากเท่านั้น แต่ร่างกายภายนอกคงจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร

 

 

“เชื่อข้าเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” ผูหลิวหัวเราะและปลอบทุกคน “คำพูดของคุณหนูในตอนนั้น ข้าเชื่อว่าทุกคนคงได้ยินกันหมดแล้ว คุณหนูใหญ่เป็นคนจิตใจดี ไม่ได้สอบสวนอะไรพวกเรา แต่เรื่องนี้เป็นความเลินเล่อของพวกเรา ดังนั้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าหวังว่าไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน พวกเราต้องคอยเฝ้าคุณหนูให้ดี

 

 

“อีกอย่างคุณหนูไม่เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา พวกเราก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน แต่หากใครยังอยากจะปากมากอยู่อีก…พวกเราแยกย้ายกันตรงนี้กันเถิด มาจากไหนก็กลับไปตรงนั้น ดีหรือไม่?”

 

 

“พวกเรารู้จักแบ่งแยกเรื่องใดสำคัญเรื่องใดไม่สำคัญ” สีหน้าของอวี่ซางไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเขาอาจจะไม่ค่อยชอบซูเหลียนอวิ้นเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้กลับพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด “คืนนี้ให้เป็นเวรข้ากับอั้นอิ่งเฝ้าห้องคุณหนูก็แล้วกัน”

 

 

“อื้ม” อั้นอิ่งพยักหน้า “พี่หลานเย่ว์ ข้ากับอวี่ซางจะเฝ้าห้องของคุณหนูเอง พวกเจ้าสามคนไปคอยเฝ้ารอบลานบ้านก็แล้วกัน ส่วนผูหลิวเจ้าไปนอนเป็นเพื่อนคุณหนูที่ห้อง พวกเจ้าว่าแผนนี้ดีหรือไม่?”

 

 

“ข้าไม่มีปัญหา”

 

 

“ข้าก็เหมือนกัน”

 

 

“ข้าก็ด้วย”

 

 

“พวกเจ้าตกลงกันดีแล้วก็ตามนั้น” หลีมู่ถอนใจ “ข้า ช่วงนี้ข้าจะนอนกับเนี่ยนเอ๋อร์ก็แล้วกัน เนี่ยนเอ๋อร์ยังเด็ก เรื่องราวที่ทำให้วุ่นวายใจพวกนี้มิต้องให้นางรับรู้หรอก ทั้งตัวข้าเองก็ไม่มีวรยุทธ์ใดๆ ดังนั้นจึงไม่ขอเป็นภาระให้แก่พวกเจ้า”

 

 

“ได้ อย่างนั้นคืนนี้เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้หากมีเรื่องอื่นเกิดขึ้น ถึงเวลานั้นค่อยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาก็ได้”

 

 

ณ จวนจิ้งอันโหว

 

 

“นายท่านขอรับ! นายท่าน! ” สุดท้ายหลิวจือก็กลับมาถึงเรือนของต้วนเฉินเซวียน ตอนนั้นหลิวจือไม่ได้คิดหน้าคิดหลังอะไรมากมายจึงแหกปากตะโกนขึ้นมา “นายท่าน บ่าวกลับมาแล้ว! “

 

 

“เจ้ายังรู้จักกลับมาอีกหรือ” ต้วนเฉินเซวียนยกมือขึ้นมาเช็ดจมูกแล้วผลักหลิวจือให้ออกไปห่างๆ ตน “ข้านึกว่าเจ้าจะอยู่ที่เรือนของซูเหลียนอวิ้นไปตลอดเสียแล้ว”

 

 

“เหตุใดนายท่านถึงพูดอย่างนี้กับข้า! ” หลิวจือสะบัดดินที่อยู่ตามเนื้อตัวทิ้ง “บ่าวถูกจับตัวขอรับ! “

 

 

“ถูกจับ? ” ต้วนเฉินเซวียนขมวดคิ้ว “และก็โดนทำร้ายด้วยกระมัง”

 

 

“อ่า…”

 

 

“หลิวจือเจ้าทำให้ข้าขายหน้ายิ่ง! แล้วซูเหลียนอวิ้นรู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร” ต้วนเฉินเซวียนเอามือนวดหว่างคิ้วตัวเองแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างเหลือทน  การมีบ่าวที่น่าขายหน้าเช่นนี้…มันช่าง!

 

 

ตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนหวังว่าภาพลักษณ์ของเขาในความคิดซูเหลียนอวิ้น นางคงจะไม่ได้ตัดสินที่หลิวจือเพียงอย่างเดียวกระมัง!

 

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนายกับบ่าวกัน แต่หลิวจือก็คือหลิวจือ พวกเขาสองคนไม่เหมือนกัน! ตนโง่ขนาดนั้นเสียที่ไหน ถูกจับได้ก็แย่แล้ว แต่ยังโดนทำแบบนี้เข้าอีก?

 

 

“ซูเหลียนอวิ้นมีผู้มีวรยุทธ์สูงข้างกายถึงห้าคน!” หลิวจืออดแก้ตัวแทนตัวเองไม่ได้ “ห้าคน! บ่าวทำเต็มที่แล้วนะขอรับ!”

 

 

“เอาล่ะๆ” ต้วนเฉินเซวียนโบกมือ “สภาพแบบนี้ของเจ้าข้าเห็นแล้วปวดหัวยิ่ง หลิวจือเจ้ารีบกลับไปใส่ยาให้ตัวเองเถิด สภาพเช่นนี้คงต้องพักผ่อนให้เต็มที่ เฮ้อ จะว่าไปเมื่อวานเจ้าก็เหนื่อยมากแล้วเช่นกัน!”

 

 

เมื่อนึกถึงรสสัมผัสนุ่มนวลเมื่อวาน …ดังนั้นแม้ว่าสภาพของหลิวจือจะเป็นเช่นนี้แต่ต้วนเฉินเซวียนกลับยังรู้สึกว่าไม่ขัดหูขัดตามากเท่าไหร่นัก! เพราะคุณงามความดีที่หลิวจือได้ทำไว้ถือว่าไม่อาจมองข้ามได้!

 

 

“นายท่านจำบ่าวได้ก็พอแล้ว…” ตอนนั้นหลิวจือรู้สึกซาบซึ้งมาก “อย่างนั้นบ่าวไปก่อนนะขอรับ”

 

 

“ไปเถอะ”

 

 

“ใช่สิ นายท่าน บ่าวยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรเอ่ยกับท่านดีหรือไม่…” เดิมทีหลิวจือเดินไปครึ่งทางแล้ว จู่ๆ เขาพลันนึกถึงสายตาของซูเหลียนอวิ้นที่ใช้มองตนครานั้น ดังนั้นจึงรีบเลี้ยวกลับมาทันที

 

 

นั่นเป็นเพราะสายตาของนางนั้นอาฆาตแรงมาก! ตอนนี้พอมาคิดย้อนดู หลิวจือรู้สึกว่าใจของตนเริ่มสั่นรัวขึ้นมาเบาๆ เสียแล้ว!

 

 

“ยังมีเรื่องอีกรึ” ต้วนเฉินเซวียนเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด เพราะตั้งแต่ที่เยียลี่ว์เยี่ยนเดินทางมาถึงต้าชั่ว เรื่องราวในหัวของเขาก็เพิ่มขึ้นในพริบตา ไหนจะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตระกูลหยางเรื่องนั้นอีก แม้ว่าเขาอาจจะไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนักแต่เขาก็ยังคงต้องดำเนินการขั้นต่อไป

 

 

“ยังมีเรื่องขอรับ” หลิวจือพยักหน้างึกงัก “เกี่ยวข้องกับคุณหนูซูด้วย”

 

 

มือของต้วนเฉินเซวียนที่พลิกของไปมาอยู่ชะงักลง “ว่ามา”

 

 

“ดูเหมือนว่าคุณหนูซูจะเจอกับเรื่องอะไรบางอย่างเข้าแล้ว! อารมณ์เลวร้ายมาก!”

 

 

“อย่างนั้นหรือ” ต้วนเฉินเซวียนทำท่าเหมือนได้ยินเรื่องราวน่าสนใจอะไรบางอย่างเข้า เขานึกว่าหลิวจือจะพูดเรื่องอะไร คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องนี้ การที่ซูเหลียนอวิ้นจะโกรธ…เขาก็พอรู้และเข้าใจได้ เพราะเมื่อวานเขาจูบนางโดยที่นางไม่ยินยอม ทว่าเรื่องนี้…ช่างเถอะ บางทีโดนจูบหลายๆ ครั้งซูเหลียนอวิ้นอาจจะอาการดีขึ้นกระมัง?

 

 

ฝึกบ่อยเข้าก็จะชำนาญไปเอง พอผ่านไปหลายๆ ครั้งเข้าก็คงจะเริ่มชินไปโดยปริยาย?

 

 

“นายท่าน?” หลิวจือลองเรียกหยั่งเชิงดู เนื่องจากเมื่อเห็นอาการของเจ้านายตัวเองที่ไม่เพียงแค่ไม่ร้อนรนแต่ยังดูเชื่องช้าขึ้นอีก?  นี่…นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน

 

 

“หลิวจือเจ้ามิต้องกังวลเรื่องนี้หรอก” พักใหญ่เมื่อต้วนเฉินเซวียนครุ่นคิดเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้ารู้จุดที่เหมาะสม วางใจเถิด” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด