ลิขิตกลกาล 201 รับปาก

Now you are reading ลิขิตกลกาล Chapter 201 รับปาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“อีกอย่างหนึ่ง หากข้ารับปากเจ้าเรื่องนี้ แล้วเจ้าจะรับปากอะไรข้า” ลี่หยวนตี้เอ่ยเสียงแข็ง

 

 

“กระหม่อมก็จะรับปากพระองค์” ต้วนเฉินเซวียนผายมืออย่างไม่แยแส “พระองค์มิได้ได้จดหมายจากกระหม่อมแล้วหรอกหรือ กระหม่อมบอกแล้วมิใช่หรือว่าจะเริ่มจากตำแหน่งเล็กๆ ก่อน เริ่มจาก…ตำแหน่งเล็กๆ ในค่ายทหารก็แล้วกัน ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป”

 

 

คิ้วของลี่หยวนตี้ขมวดแน่นยิ่งขึ้น “เจ้าเองก็รู้ว่าที่ข้าอยากให้เจ้าทำคือ…”

 

 

“พอ!” ต้วนเฉินเซวียนขัดจังหวะ “นั่นเป็นความต้องการของพระองค์ มิใช่ความต้องการของกระหม่อมเสียหน่อย ที่กระหม่อมยอมรับปากก็เป็นเพียงเพราะว่าครั้งนี้กระหม่อมขอให้พระองค์ช่วยเรื่องเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่สุดท้ายพระองค์ก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้นอันที่จริงข้อแลกเปลี่ยนของเราก็ถือว่าไม่สำเร็จ”

 

 

 “ช่างเถิดๆ กระหม่อมจะนั่งเถียงกับพระองค์ทำไมกัน” ต้วนเฉินเซวียนยังคิดจะพูดบางเรื่องกับลี่หยวนตี้ต่อ แต่ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากก็รู้สึกว่าหงุดหงิดใจอย่างถึงที่สุด! ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย ทำไมเขาถึง…รู้สึกโมโหขนาดนี้ นั่นคงเป็นเพราะสิ่งที่ต้วนเฉินเซวียนเกลียดที่สุดคือการโดนผู้อื่นบังคับ

 

 

เฮ้อ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั่นแหละดีที่สุดแล้ว

 

 

ต้วนเฉินเซวียนคิดว่า ตอนนั้นสติปัญญาของเขาคงผิดเพี้ยนไปแล้วกระมังถึงได้เอ่ยปากขอให้ตาแก่นี่ช่วย? พอถึงตอนนี้เห็นไหมเล่าว่าได้ไม่คุ้มเสียเลยสักนิด เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือแล้ว ทั้งหมดคงต้องหาวิธีเอาเอง

 

 

“กลับมาก่อนแล้วนั่งลงเดี๋ยวนี้!” ลี่หยวนตี้ประทับขึ้นแล้วตบโต๊ะด้วยโทสะ “หากวันนี้เจ้ากล้าก้าวออกจากประตูบานนั้นไป ข้าจะมีพระราชโองการให้คุณหนูซูนั่นแต่งงานทันที!

 

 

“เจ้าอย่าคิดว่ามีแต่เจ้าคนเดียวที่คิดจะทำตัวกล้าหาญแบบนี้ ใต้หล้าแห่งนี้ มิเคยขาดละครอย่างบุรุษช่วยโฉมงามเลย! เจ้าลองดูหนังสือพวกนี้สิ” นิ้วชี้ของลี่หยวนตี้ชี้ไปที่ฎีกากองเล็กๆ ที่อยู่ด้านบนสุดของโต๊ะ “พวกนี้คือคนที่มีความคิดเหมือนกับเจ้า! แต่ข้าเพียงไม่ใส่ใจพวกเขาเท่านั้น หากเอาตามความคิดข้า ข้าคิดว่าอีกประเดี๋ยวข้าจะเชิญขุนนางซูมาแล้วให้เขาลองพิจารณาดีๆ ว่าจะเลือกผู้ใด

 

 

“เห็นไหมว่าข้าต่างหากที่เป็นฮ่องเต้ มิใช่เจ้า”

 

 

ต้วนเฉินเซวียนกัดฟันแล้วจ้องไปที่ลี่หยวนตี้ เพราะสิ่งที่ลี่หยวนตี้เอ่ยนั้นถูกต้อง บางครั้งการมีอำนาจก็สามารถบีบคั้นคนให้ตายได้ อีกเรื่องหนึ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้กลับยังมีคนมากมายที่ยังไม่หมดหวังกับซูเหลียนอวิ้นอีก

 

 

เพราะเมื่อก่อนผู้ที่แสดงออกแม้แต่นิดเดียวว่าคิดเรื่องอะไรเช่นนี้กับซูเหลียนอวิ้นล้วนถูกเขาจัดการจนจมดินไปหมดแล้ว เดิมทีต้วนเฉินเซวียนคิดว่าตัวเองจัดการได้อย่างไร้ที่ติแล้ว แต่สุดท้ายแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าคนกลุ่มนี้จะยังคิดกลับมาสู่หนทางเดิมอีก?

 

 

แอบติดต่อลี่หยวนตี้เงียบๆ รึ? อืม ดีมาก! ดูท่าแล้วคำเตือนในวันนั้นคงยังไม่เพียงพอ!

 

 

อันที่จริงหลังจากที่คำพูดเพิ่งจะหลุดจากปากของลี่หยวนตี้ไป และเขาได้เห็นสีหน้าของต้วนเฉินเซวียน เขาก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาตอนนั้นทันที นั่นเป็นเพราะ…สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ต้วนเฉินเซวียนไม่เคยขอร้องให้เขาช่วยอะไรสักเรื่อง ไม่ว่าตัวเขาจะเผชิญกับเรื่องยุ่งยากหรือเดือดร้อนมากขนาดไหนก็ตาม เขาก็จะกัดฟันสู้ด้วยตัวเอง ดังนั้นตอนที่ได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือจากต้วนเฉินเซวียน ลี่หยวนตี้จึงรู้สึกเหนือความคาดหมายไปบ้าง

 

 

เพราะแม้ว่าครั้งนี้ต้วนเฉินเซวียนจะยังคงปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทางดื้อรั้นดังเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเทียบกับเมื่อก่อนก็ถือว่ามีท่าทีอ่อนลงไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าแล้ว

 

 

“ในเมื่อเจ้าเต็มใจที่จะเริ่มจากตำแหน่งเล็กๆ ก่อนก็ตกลงตามนั้นแล้วกัน” ผ่านไปพักใหญ่ ลี่หยวนตี้จึงฝืนเอ่ยปากขึ้น “หวังว่าตอนนั้นเจ้าอย่าเสียดายทีหลังก็พอ”

 

 

“ไม่มีอะไรน่าเสียดาย” ต้วนเฉินเซวียนกรอกตา “กระหม่อมขอตัว”

 

 

ยังดี นี่ถือว่าตกลงแล้วใช่หรือไม่

 

 

ในหัวของต้วนเฉินเซวียนกำลังขบคิด อืม ดูท่าแล้วตัวเขาคงเดาถูก! เพราะความคิดอ่านของลี่หยวนตี้ อันที่จริงแล้วไม่เคยหลุดลอดสายตาของต้วนเฉินเซวียนไปได้ เพราะหากเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ขอลี่หยวนตี้ให้รับปากเรื่องนี้ล่ะก็

 

 

ลี่หยวนตี้จะทำอย่างไรต่อไปในภายภาคหน้านั้น เขาล้วนเดาได้ทั้งหมด! นั่นคือเขาคงจะเหยียบจมูกขึ้นหน้า[1]เขาแล้วใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับเขาไปตลอดชีวิต!

 

 

เขาไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่ ดังนั้นการเติมน้ำมันเข้าไปในกองไฟในช่วงเวลาที่เหมาะสมถือเป็นเรื่องที่จำเป็นมากทีเดียว

 

 

“เดี๋ยวก่อน…” เมื่อลี่หยวนตี้เห็นต้วนเฉินเซวียนกำลังจะย่างกรายออกไปจากห้องก็รีบเอ่ยปากขึ้นว่า “เจ้า…เจ้าไม่ได้ไปเข้าเฝ้าฮองเฮามานานแล้วกระมัง ถึงเวลาที่ต้องไปเยี่ยมนางบ้างแล้ว นางอยู่ในวังหลวงเช่นนี้คงคิดถึงเจ้ามาก อีกอย่างเจ้าวางใจได้เรื่องที่ข้ารับปากเจ้า ข้าจะไม่คืนคำอย่างแน่นอน”

 

 

ร่างกายของต้วนเฉินเซวียนชะงักไป ทว่ายังคงเก็บอาการไว้ได้แล้วฟังคำพูดของลี่หยวนตี้จนจบก่อนที่จะยกมือผลักประตูแล้วเดินออกไป

 

 

“ฝ่าบาท…” เมื่อหลี่กงกงเห็นต้วนเฉินเซวียนเดินออกจากห้องมา เขาก็รีบมุดหน้าลงกับพื้นทันที!

 

 

เพราะถึงแม้ว่าอารมณ์ขุ่นข้องใจในตัวต้วนเฉินเซวียนจะลดน้อยลงบ้างแล้ว ทว่าในความเป็นจริงแล้วโทสะนั้นยังคงเหลืออยู่อีกไม่น้อย

 

 

ต่อหน้าฝ่าบาทยังกล้าแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา โอ้โฮ ถือว่าเก่งกล้าไม่น้อย!  ลี่กงกงเอามือกุมขมับตัวเอง ดังนั้นตัวเขาจึงต้องพยายามหลบไปให้ไกลๆ หน่อย! เพราะหากเรื่องนี้โยงมาถึงเขาทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยคงจะไม่เป็นธรรมกับเขาเอาเสียมากๆ

 

 

“เจ้าหลี่” ลี่หยวนตี้ประทับนั่งลงไปบนเก้าอี้เช่นเดิมแล้วกดขมับของตัวเอง “ช่วยนวดศีรษะให้ข้าหน่อย”

 

 

“พะย่ะค่ะ” ลี่กงกงไม่ได้แสดงท่าทีสงสัยอะไรและรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปเพื่อบีบนวดให้ลี่หยวนตี้อย่างคล่องแคล่ว แต่ถึงแม้ว่าลี่กงกงจะสงสัยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ถึงได้ทำให้ลี่หยวนตี่เหนื่อยล้าเช่นนี้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลี่หยวนตี้มีท่าทางเหนื่อยล้าเช่นนี้ เมื่อก่อนไม่ว่าจะต้องเผชิญเรื่องที่ยากรับมือขนาดไหน ลี่หยวนตี้ก็มิเคยแสดงท่าทางเหมือนเช่นวันนี้ เขาจึง…ทำตัวไม่ค่อยถูกและไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากตรงไหน

 

 

 

 

 

 

ทว่าความสงสัยก็ต้องปล่อยให้เป็นความสงสัยต่อไป สงสัยอยู่ในใจก็เพียงพอ เพราะความลับในวังหลวงเยอะจนนับไม่ไหว ยิ่งสงสัยใคร่รู้มากเท่าไหร่ความตายก็ยิ่งเข้ามาหาตัวเร็วขึ้น

 

 

    ……

 

 

“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกับฮูหยินมาเจ้าค่ะ” หลีมู่ค่อยๆ เอ่ยเตือนนาง “คุณหนูรีบเก็บห้องสักหน่อยเถิด” นางเพิ่งจะเก็บกวาดห้องให้คุณหนูไปไม่นานนี้เอง! เหตุใดตอนที่นางกลับมาห้องถึงรกแบบนี้อีก? หากคุณหนูอยากได้อะไร อยากหาอะไร รอสักนิดสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ ขอแค่อย่าหาเองก็พอ…เฮ้อ จริงๆ เลย! แล้วนี่นางจะเก็บกวาดทันได้อย่างไร

 

 

“ฮะ? ท่านพ่อกับท่านแม่มาหรือ” ซูเหลียนอวิ้นวางหนังสือในมือของตนลงแล้วปัดมือเบาๆ

 

 

 “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนู!” หลีมู่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ “คุณหนูรีบลุกขึ้นให้บ่าวได้เก็บกวาดแถวนี้ให้เรียบร้อยเถิด!”

 

 

“โธ่…หลีมู่ อันที่จริงข้าว่าก็ไม่ได้รกอะไรมากเสียหน่อย” เพราะนางเองก็ไม่ได้รื้ออะไรออกมาเท่าไหร่เลย! แค่ค้นชั้นหนังสือของตัวเองเท่านั้น เพราะหนังสือที่อยู่ในมือนางเมื่อครู่นี้ถูกหลีมู่เอาไปซ่อนไว้ด้านในสุด ทำให้นางต้องรื้อหนังสือด้านนอกออกมาหมดกว่าจะหาเจอได้!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] แปลว่าไม่ให้เกียรติ เหยียบจมูกขึ้นหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด