Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป 10: ความรู้สึกที่ยังไม่เข้าใจ

Now you are reading Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป Chapter 10: ความรู้สึกที่ยังไม่เข้าใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเมื่อเหลือเพียงทางเลือกเดียวก็คือต้องออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไป เมอร์เซเดสจึงตัดสินใจเดินออกไปจากห้องทันที

“ถ้าอย่างงั้น ฉันขอไปบอกกับคนของฉันก่อนนะว่าเราต้องไปกันแล้ว”

“รีบหน่อยก็ดี คิดว่ากองหนุนของลีซเนปคงใกล้จะมาถึงแล้วล่ะ”

หญิงสาวหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มอย่างตื่นตระหนก

“ไหนบอกว่านายเป็นแค่คนพเนจรไง”

ไลฟ์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

“ฉันเป็นคนพเนจรจริงๆ เพียงแต่ระหว่างทางฉันไปเจอหน่วยสอดแนมของพวกกองหนุนน่ะ แต่ก็ถ่วงเวลาเอาไว้ได้พอสมควรแล้วล่ะ เธอรีบไปซะเถอะ”

เมอร์เซเดสเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะขอร้องให้ชายหนุ่มช่วยนางเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง

“นี่…นาย…ช่วยฉันหน่อยได้รึเปล่า ตอนนี้คนของฉันบาดเจ็บอยู่สองคน ฉันเองไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ”

เจอน้ำเสียงออดอ้อนเข้าไปไลฟ์ถึงกับเงียบไปครู่ใหญ่ แม้จะอยากไปช่วยให้จบๆ เรื่องไปมากแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าเพราะตัวเขาเองก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะยืนอยู่แล้วเช่นกัน “ขอโทษนะ ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ถึงฉันจะมีแรงมากพอจะฆ่าพวกเธอทั้งสามคนได้ง่ายๆ ก็เถอะ แต่ก็บาดเจ็บหนักมากแล้วล่ะ พวกเธอต้องออกไปจากที่นี่แค่สามคนเท่านั้น ฉันช่วยเธอไม่ได้จริงๆ”

หญิงสาวก้มหน้าไม่พูดอะไรก่อนจะเดินออกไปจากห้องเงียบๆ แต่ก็ชะงักเท้าเมื่อไลฟ์เสนอความช่วยเหลือในอีกรูปแบบหนึ่ง

“แต่ฉันเดินไปส่งเธอได้ถึงทางเข้าหมู่บ้านนะ” ไม่มีการตอบรับอะไรมากไปกว่าการพยักหน้าของฝ่ายหญิง แต่รอยยิ้มบางที่มุมปากของนางก็ปรากฏขึ้นเล็กน้อยเพียงแต่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น

ภายใต้ดวงดาวและบรรยากาศอันเงียบสงบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมุ่งหน้ามาที่วิหาร “ทุกคน!! พวกเรามีความหวังแล้ว!!”

เหล่าผู้อพยพที่กำลังพักผ่อนต่างพากันตื่นจากการหลับใหลมารวมตัวกันที่หน้าวิหารอย่างรวดเร็ว ผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้ามาสอบถามเรื่องราว “อะไรกัน ตะโกนโหวกเหวกอะไร ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”

เด็กหนุ่มที่วิ่งมาอย่างสุดกำลังหยุดพัก ก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่พบเจอให้กับทุกคนได้ฟังอย่างยากลำบาก

“ที่หมู่บ้าน…พี่ชาย..ผู้ดูแลวิหาร…”

“ใจเย็นๆ”

“พี่ชายผู้ดูแลวิหาร…เขา…จัดการกับพวกสโจรกาดได้เกือบหมดแล้ว”

ความตกใจระคนประหลาดใจทำให้ผู้เฒ่าต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง

“อะไรนะ พูดให้ชัดๆ อีกทีซิ”

“พี่ชายผู้ดูแลวิหาร…เขาจัดการกับพวกสโจรกาดได้เกือบหมดแล้ว…เหลือแค่พวกผู้หญิงกับนักรบชุดเกราะอีกไม่กี่คนเท่านั้น”

“ผู้ดูแลวิหารเรอะ”

“ใช่แล้วท่านผู้เฒ่า…พี่ชายเขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว”

เมื่อรู้ข่าวดีแบบนี้เหล่าผู้อพยพก็เตรียมตัวกลับไปที่หมู่บ้าน เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานองค์ชายโลริกซ์พร้อมกับหมออีกสามคนก็เดินทางมาถึงวิหารศักดิ์สิทธิ์

“องค์ชาย!!”

ท่าทางของชาวบ้านที่เตรียมตัวเดินทางทำให้โลริกซ์ประหลาดใจอย่างมาก “เกิดอะไรขึ้น”

“ผู้ดูแลวิหาร เขาจัดการกับนักรบของสโจรกาดเกือบหมดแล้วพวกเราเลยจะรีบกลับไปช่วยเขา”

“ผู้ดูแลวิหารเหรอ แสดงว่ากองหนุนของพวกเราไปถึงแล้วใช่มั้ย”

เด็กหนุ่มที่แอบไปสังเกตการณ์ก็เล่าเรื่องราวให้กับองค์ชายฟัง

“พี่ชายเขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวครับ”

“คนเดียวเหรอ”

“ครับคนเดียว ผมเห็นกับตาเลย”

องค์ชายหันไปบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านให้พาผู้คนกลับเข้าไปพักผ่อนอีกสักหน่อยค่อยออกเดินทาง

“เอาเป็นว่าพวกท่านพักผ่อนอีกสักนิดเถอะ ตอนนี้กองหนุนกำลังไปที่หมู่บ้านแล้ว อีกอย่างเราพาหมอมาด้วย ให้พวกเขาได้ดูแลพวกชาวบ้านสักหน่อยเถอะ”

เหตุการณ์ที่หมู่บ้านจากปากคำของผู้อพยพและองค์ชายพูดคุยกัน เทพเฟอัสก์รับรู้ทั้งหมดอย่างชัดเจน การปรากฏตัวของไลฟ์พร้อมกับเมอร์เซเดสทำให้ลอร่าตกตะลึงอย่างมาก แต่ก่อนที่จะได้ขยับตัวเมอร์เซเดสก็บอกให้นางสงบสติอารมณ์แล้วรอคำสั่ง

“ไม่เป็นไร เราสู้เขาไม่ได้หรอก คิอว่านะ พวกเราจะออกไปจากที่นี่กันแล้ว”

“แต่ท่านหญิง”

“ผู้ชายคนนี้เขา…สามารถฆ่าเราได้ในพริบตาเลยล่ะ แถมตอนนี้กองหนุนของลีซเนปคงใกล้จะมาถึงแล้วด้วย เราไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ เธอพาลอเรนออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลย ส่วนเซสเราคงต้องทิ้งเขาไว้ที่นี่”

เมื่อฟังคำอธิบายของเมอร์เซเดส ลอร่าก็นิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ “ค่ะท่านหญิง”

ลอร่าร่ายเวทย์เสริมกำลังก่อนจะแบกร่างที่หมดสติของน้องสาวออกจากห้องไปทันทีโดยมีเมอร์เซเดสและไลฟ์ตามออกไป เมอร์เซเดสชูมือขึ้นดีดนิ้วหนึ่งครั้ง สิ้นเสียงดีดนิ้วลูกไฟขนาดมหึมาก็สลายไปในพริบตา ไลฟ์ที่ยืนส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้นางก็ให้คำสัญญากับหลานสาวแม่ทัพใหญ่แห่งสโจรกาด

“ไม่ต้องห่วง ชายคนนี้จะปลอดภัย พวกเธอล่วงหน้าไปก่อนเลย”

พูดจบไลฟ์ก็เร่งฝีเท้าเข้าไปเดินข้างลอร่า การเข้าประชิดตัวในชั่วพริบตานี้ทำให้ลอร่าเข้าใจในทันทีว่าทำไมท่านหญิงถึงพูดได้เต็มปากว่าพวกนางสู้ชายคนนี้ไม่ได้ และเขาสามารถสังหารพวกนางได้ในพริบตาจริงๆ แต่คำพูดที่ออกจากปากของไลฟ์ทำให้นางประหลาดใจยิ่งกว่า

“เธอน่ะ ช่วยรับปากกับฉันสักอย่างจะได้มั้ย”

ลอร่าหันมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ

“จากนี้ไปเธอช่วยดูแลท่านหญิงให้ดีๆ นะ”

ลอร่าพยักหน้าตอบรับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนไลฟ์หยุดฝีเท้ายืนรอเมอร์เซเดสที่กำลังเดินตามมา ชายหนุ่มกลับหลังไปหาหลานสาวแม่ทัพใหญ่แห่งสโจรกาด ฝ่ายหญิงสาวก็ยื่นดาบสั้นที่ยึดมาจากเขากลับคืนให้

“ดาบของนาย”

ชายหนุ่มไม่เพียงรับดาบสั้นทั้งคู่กลับคืนมาแต่ทว่ากลับเขากุมมือทั้งสองของนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาเอื้อมมือขวาไปจับที่แก้มนุ่มของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้น

“ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ”

ณ เวลานี้ในอกของหญิงสาวเกิดออาการปั่นป่วน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้ในใจมีหลายคำพูดที่จะเอ่ยออกมาแต่ว่ามีบางอย่างที่ทำให้นางไม่สามารถพูดสิ่งต่างๆ ออกมาได้ มีเพียงการตอบรับง่ายๆ ที่สามารถให้กับเขาได้ในตอนนี้

“อื้ม”

คำตอบสั้นๆ กลับทำให้ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขาส่งยิ้มให้นางก่อนจะปล่อยมือจากการเกาะกุมเพื่อเก็บดาบทั้งคู่เอาไว้ที่บั้นเอวอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับว่าไม่ต้องการให้ช่วงเวลานี้จบลง ก่อนจะกลั้นใจเตือนอีกฝ่ายว่าควรรีบไปได้แล้ว

“รีบไปเถอะ หวังว่าถ้าเจอกันอีกครั้ง เราจะไม่ต้องสู้กันอีกแล้วนะ”

หญิงสาวพยักหน้ารับคำพร้อมรอยแดงระเรื่อที่แก้มทั้งสอง ก่อนจะออกเดินตามคนสนิทไปพร้อมรอยยิ้มสดใส

ไลฟ์เองก็รีบไปที่ร่างไร้สติของนักรบเกราะเหล็กและใช้แรงที่เหลืออยู่ลากเขาออกไปซ่อนข้างนอกหมู่บ้านก่อนรีบย้อนกลับมาภายในหมู่บ้านอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป 10: ความรู้สึกที่ยังไม่เข้าใจ

Now you are reading Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป Chapter 10: ความรู้สึกที่ยังไม่เข้าใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเมื่อเหลือเพียงทางเลือกเดียวก็คือต้องออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไป เมอร์เซเดสจึงตัดสินใจเดินออกไปจากห้องทันที

“ถ้าอย่างงั้น ฉันขอไปบอกกับคนของฉันก่อนนะว่าเราต้องไปกันแล้ว”

“รีบหน่อยก็ดี คิดว่ากองหนุนของลีซเนปคงใกล้จะมาถึงแล้วล่ะ”

หญิงสาวหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มอย่างตื่นตระหนก

“ไหนบอกว่านายเป็นแค่คนพเนจรไง”

ไลฟ์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

“ฉันเป็นคนพเนจรจริงๆ เพียงแต่ระหว่างทางฉันไปเจอหน่วยสอดแนมของพวกกองหนุนน่ะ แต่ก็ถ่วงเวลาเอาไว้ได้พอสมควรแล้วล่ะ เธอรีบไปซะเถอะ”

เมอร์เซเดสเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะขอร้องให้ชายหนุ่มช่วยนางเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง

“นี่…นาย…ช่วยฉันหน่อยได้รึเปล่า ตอนนี้คนของฉันบาดเจ็บอยู่สองคน ฉันเองไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ”

เจอน้ำเสียงออดอ้อนเข้าไปไลฟ์ถึงกับเงียบไปครู่ใหญ่ แม้จะอยากไปช่วยให้จบๆ เรื่องไปมากแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าเพราะตัวเขาเองก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะยืนอยู่แล้วเช่นกัน “ขอโทษนะ ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ถึงฉันจะมีแรงมากพอจะฆ่าพวกเธอทั้งสามคนได้ง่ายๆ ก็เถอะ แต่ก็บาดเจ็บหนักมากแล้วล่ะ พวกเธอต้องออกไปจากที่นี่แค่สามคนเท่านั้น ฉันช่วยเธอไม่ได้จริงๆ”

หญิงสาวก้มหน้าไม่พูดอะไรก่อนจะเดินออกไปจากห้องเงียบๆ แต่ก็ชะงักเท้าเมื่อไลฟ์เสนอความช่วยเหลือในอีกรูปแบบหนึ่ง

“แต่ฉันเดินไปส่งเธอได้ถึงทางเข้าหมู่บ้านนะ” ไม่มีการตอบรับอะไรมากไปกว่าการพยักหน้าของฝ่ายหญิง แต่รอยยิ้มบางที่มุมปากของนางก็ปรากฏขึ้นเล็กน้อยเพียงแต่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น

ภายใต้ดวงดาวและบรรยากาศอันเงียบสงบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมุ่งหน้ามาที่วิหาร “ทุกคน!! พวกเรามีความหวังแล้ว!!”

เหล่าผู้อพยพที่กำลังพักผ่อนต่างพากันตื่นจากการหลับใหลมารวมตัวกันที่หน้าวิหารอย่างรวดเร็ว ผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้ามาสอบถามเรื่องราว “อะไรกัน ตะโกนโหวกเหวกอะไร ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”

เด็กหนุ่มที่วิ่งมาอย่างสุดกำลังหยุดพัก ก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่พบเจอให้กับทุกคนได้ฟังอย่างยากลำบาก

“ที่หมู่บ้าน…พี่ชาย..ผู้ดูแลวิหาร…”

“ใจเย็นๆ”

“พี่ชายผู้ดูแลวิหาร…เขา…จัดการกับพวกสโจรกาดได้เกือบหมดแล้ว”

ความตกใจระคนประหลาดใจทำให้ผู้เฒ่าต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง

“อะไรนะ พูดให้ชัดๆ อีกทีซิ”

“พี่ชายผู้ดูแลวิหาร…เขาจัดการกับพวกสโจรกาดได้เกือบหมดแล้ว…เหลือแค่พวกผู้หญิงกับนักรบชุดเกราะอีกไม่กี่คนเท่านั้น”

“ผู้ดูแลวิหารเรอะ”

“ใช่แล้วท่านผู้เฒ่า…พี่ชายเขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว”

เมื่อรู้ข่าวดีแบบนี้เหล่าผู้อพยพก็เตรียมตัวกลับไปที่หมู่บ้าน เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานองค์ชายโลริกซ์พร้อมกับหมออีกสามคนก็เดินทางมาถึงวิหารศักดิ์สิทธิ์

“องค์ชาย!!”

ท่าทางของชาวบ้านที่เตรียมตัวเดินทางทำให้โลริกซ์ประหลาดใจอย่างมาก “เกิดอะไรขึ้น”

“ผู้ดูแลวิหาร เขาจัดการกับนักรบของสโจรกาดเกือบหมดแล้วพวกเราเลยจะรีบกลับไปช่วยเขา”

“ผู้ดูแลวิหารเหรอ แสดงว่ากองหนุนของพวกเราไปถึงแล้วใช่มั้ย”

เด็กหนุ่มที่แอบไปสังเกตการณ์ก็เล่าเรื่องราวให้กับองค์ชายฟัง

“พี่ชายเขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวครับ”

“คนเดียวเหรอ”

“ครับคนเดียว ผมเห็นกับตาเลย”

องค์ชายหันไปบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านให้พาผู้คนกลับเข้าไปพักผ่อนอีกสักหน่อยค่อยออกเดินทาง

“เอาเป็นว่าพวกท่านพักผ่อนอีกสักนิดเถอะ ตอนนี้กองหนุนกำลังไปที่หมู่บ้านแล้ว อีกอย่างเราพาหมอมาด้วย ให้พวกเขาได้ดูแลพวกชาวบ้านสักหน่อยเถอะ”

เหตุการณ์ที่หมู่บ้านจากปากคำของผู้อพยพและองค์ชายพูดคุยกัน เทพเฟอัสก์รับรู้ทั้งหมดอย่างชัดเจน การปรากฏตัวของไลฟ์พร้อมกับเมอร์เซเดสทำให้ลอร่าตกตะลึงอย่างมาก แต่ก่อนที่จะได้ขยับตัวเมอร์เซเดสก็บอกให้นางสงบสติอารมณ์แล้วรอคำสั่ง

“ไม่เป็นไร เราสู้เขาไม่ได้หรอก คิอว่านะ พวกเราจะออกไปจากที่นี่กันแล้ว”

“แต่ท่านหญิง”

“ผู้ชายคนนี้เขา…สามารถฆ่าเราได้ในพริบตาเลยล่ะ แถมตอนนี้กองหนุนของลีซเนปคงใกล้จะมาถึงแล้วด้วย เราไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ เธอพาลอเรนออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลย ส่วนเซสเราคงต้องทิ้งเขาไว้ที่นี่”

เมื่อฟังคำอธิบายของเมอร์เซเดส ลอร่าก็นิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ “ค่ะท่านหญิง”

ลอร่าร่ายเวทย์เสริมกำลังก่อนจะแบกร่างที่หมดสติของน้องสาวออกจากห้องไปทันทีโดยมีเมอร์เซเดสและไลฟ์ตามออกไป เมอร์เซเดสชูมือขึ้นดีดนิ้วหนึ่งครั้ง สิ้นเสียงดีดนิ้วลูกไฟขนาดมหึมาก็สลายไปในพริบตา ไลฟ์ที่ยืนส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้นางก็ให้คำสัญญากับหลานสาวแม่ทัพใหญ่แห่งสโจรกาด

“ไม่ต้องห่วง ชายคนนี้จะปลอดภัย พวกเธอล่วงหน้าไปก่อนเลย”

พูดจบไลฟ์ก็เร่งฝีเท้าเข้าไปเดินข้างลอร่า การเข้าประชิดตัวในชั่วพริบตานี้ทำให้ลอร่าเข้าใจในทันทีว่าทำไมท่านหญิงถึงพูดได้เต็มปากว่าพวกนางสู้ชายคนนี้ไม่ได้ และเขาสามารถสังหารพวกนางได้ในพริบตาจริงๆ แต่คำพูดที่ออกจากปากของไลฟ์ทำให้นางประหลาดใจยิ่งกว่า

“เธอน่ะ ช่วยรับปากกับฉันสักอย่างจะได้มั้ย”

ลอร่าหันมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ

“จากนี้ไปเธอช่วยดูแลท่านหญิงให้ดีๆ นะ”

ลอร่าพยักหน้าตอบรับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนไลฟ์หยุดฝีเท้ายืนรอเมอร์เซเดสที่กำลังเดินตามมา ชายหนุ่มกลับหลังไปหาหลานสาวแม่ทัพใหญ่แห่งสโจรกาด ฝ่ายหญิงสาวก็ยื่นดาบสั้นที่ยึดมาจากเขากลับคืนให้

“ดาบของนาย”

ชายหนุ่มไม่เพียงรับดาบสั้นทั้งคู่กลับคืนมาแต่ทว่ากลับเขากุมมือทั้งสองของนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาเอื้อมมือขวาไปจับที่แก้มนุ่มของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้น

“ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ”

ณ เวลานี้ในอกของหญิงสาวเกิดออาการปั่นป่วน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้ในใจมีหลายคำพูดที่จะเอ่ยออกมาแต่ว่ามีบางอย่างที่ทำให้นางไม่สามารถพูดสิ่งต่างๆ ออกมาได้ มีเพียงการตอบรับง่ายๆ ที่สามารถให้กับเขาได้ในตอนนี้

“อื้ม”

คำตอบสั้นๆ กลับทำให้ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขาส่งยิ้มให้นางก่อนจะปล่อยมือจากการเกาะกุมเพื่อเก็บดาบทั้งคู่เอาไว้ที่บั้นเอวอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับว่าไม่ต้องการให้ช่วงเวลานี้จบลง ก่อนจะกลั้นใจเตือนอีกฝ่ายว่าควรรีบไปได้แล้ว

“รีบไปเถอะ หวังว่าถ้าเจอกันอีกครั้ง เราจะไม่ต้องสู้กันอีกแล้วนะ”

หญิงสาวพยักหน้ารับคำพร้อมรอยแดงระเรื่อที่แก้มทั้งสอง ก่อนจะออกเดินตามคนสนิทไปพร้อมรอยยิ้มสดใส

ไลฟ์เองก็รีบไปที่ร่างไร้สติของนักรบเกราะเหล็กและใช้แรงที่เหลืออยู่ลากเขาออกไปซ่อนข้างนอกหมู่บ้านก่อนรีบย้อนกลับมาภายในหมู่บ้านอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+