Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita 21: เสียงเชียร์ของคาเอเดะนี่ล่ะที่สุดในญี่ปุ่นเเล้ว!

Now you are reading Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita Chapter 21: เสียงเชียร์ของคาเอเดะนี่ล่ะที่สุดในญี่ปุ่นเเล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“วิ่ง วิ่ง วิ่งสิวะ! วิ่งจนกว่าจะล้มหน้าคะมำไปซะ!”
“ไปไล่บอลสิโว้ย! จะเลิกไล่หาเตี่ยเอ็งเรอะโยชิสุมิ?”
“ทั้งเอ็งทั้งไอ้เจ้าฮิงุเระน่ะ บึ้มไปซะไอ้พวกเวรตะไลเอ้ย!!!”

หลังเลิกเรียนก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทีมฟุตบอลก็ฝึกกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
วันนี้พวกเราเล่นเกมแบ่งฝั่งทีมสีแดงขาว ส่วนผมนั้นอยู่ทีมสีแดงและวิธีที่พวกเขาปฏิบัติกับผมนั้นก็……..ไม่ว่าจะมิตรหรือศัตรูก็แย่เอาเรื่องเลย
เดี๋ยวนะ ว่าแต่ไอ้ประโยคสุดท้ายเมื่อกี้ใครเป็นคนพูดหะ!?
อย่างน้อยๆก็ช่วยเก็บความแค้นส่วนตัวไว้หน่อยเถอะ

“แฮ่ก……..แฮ่ก……..บ้าเอ้ย ไอ้พวกรุ่นพี่มันจะคึกเกินไปล่ะ”

ผมเอามือวางไว้ตรงเสาประตูแล้วพยายามหายใจ
ไอ้การจ่ายบอลนั่นมันบ้าอะไร? จ่ายแบบยิงยาวจากกองหลังไปกองหน้าเลยแบบนั้นไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ แถมจ่ายแบบเน้นส่งยาวๆไว้ก่อนแต่หาความแม่นยำไม่มีเลย แล้วใครมันจะไปไล่บอลแบบนั้นทันล่ะเฮ้ย?
และเพราะแบบนี้ผมถึงได้ถูกบังคับให้วิ่งพล่านไปทั่วอย่างเปล่าประโยชน์

“ก็นะ ส่วนสาเหตุมันก็แน่นอนอยู่แล้ว……….ไหงเธอถึงได้กำลังดูอยู่ด้วยล่ะคาเอเดะ?”

ใช่แล้ว ที่มาของแรงคึกแบบกระทันหันของไอ้พวกรุ่นพี่น่ะก็คือคาเอเดะที่มองออกมาจากทางหน้าต่างของห้องเรียนลงมาที่สนามด้วยรอยยิ้ม
อ๊ะ! เผลอสบตาด้วยจนได้
อย่าโบกมือมาทางนี้สิเฟ้ย! ก็ดีใจอยู่หรอกแต่สายตาที่ไอ้พวกรุ่นพี่มองมาทางนี้มันดูเหมือนอยากจะกินหัวกันอยู่แล้วนะนั่น

“สู้ๆนะคะยูยะคูงง!”

นี่เธอช่วยโบกมือให้พวกเขาด้วยจะได้รึเปล่าครับ? ถ้าเกิดมีแค่ผมคนเดียวที่ถูกเชียร์เป็นการส่วนตัว มันก็เหมือนกับราดน้ำมันเข้าไปในจิตวิญญาณของไอ้พวกรุ่นพี่ที่ไม่ถูกเชียร์นั่นแหละและพวกเขาก็จะยิ่งเล่นผมหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ถูกแฟนสาวที่เป็นคนที่น่ารักที่สุดในญี่ปุ่นมาชอบเนี่ยไม่ง่ายเลยเนอะยูยะ”
“เงียบไปเลย แล้วก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันน่ะ”
“นายพูดว่ายังไม่เป็นงั้นก็หมายความว่าไม่ช้าก็เร็วก็จะได้เป็นถูกมะ? อย่าหัวแข็งไปหน่อยเลยน่ายูยะ หัดซื่อตรงซะบ้างสิ”

แล้วพอผมกลับมาที่ตำแหน่งของตัวเอง ชินจิคู่หูของผมจากทีมสีแดงก็ชวนคุยอย่างไม่ระวังหน้าระวังหลังอะไรเลย ไม่ดิ แล้วว่าแต่นายมาตรงนี้ทำไมเนี่ย? ไม่ใช่ว่านายควรที่จะไปอยู่กันที่กองหลังหรอกเรอะ?

“เอาเถอะ พวกรุ่นพี่เองก็กำลังคึกกันใหญ่เพื่อที่จะได้โชว์พาวให้ฮิโตสึบะซังดูว่าพวกเขามีฝีมือกันแค่ไหนน่ะ เพราะงั้นกองหลังของเราคงกันได้อยู่แล้วต่อให้ไม่มีชั้นหรือยูยะก็ตาม”
“ชั้นว่ามันกรณีเดียวกันที่ทีมสีขาวพยายามเข้ามาโจมตีพวกเราด้วยล่ะนะ เฮ้อ…อิรุงตุงนังไปหมด ถ้าตอนปกติมีแรงคึกกันได้แบบนี้ป่านนี้เราก็คงจะชนะการแข่งที่โตเกียวไปแล้ว”

ปกติทีมฟุตบอลของพวกเราไม่ค่อยมีแรงจูงใจอะไรมากนักแต่ก็ไม่ใช่เพราะว่าทักษะของแต่ละคนมันไม่ดีหรอกนะ ถ้ามีการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมของชินจิแม้แต่กองหน้าอย่างผมก็ยังทำแต้มได้ ตอนนี้เราเหลือแค่ต้องพัฒนาแนวรับกองหลังของเราแล้วตอนนั้นเราถึงจะมีโอกาสชนะได้บ้าง

“ก็ถ้ายูยะคบกับฮิโตสึบะซังแล้วให้เธอมาเป็นผู้จัดการทีมล่ะก็ กะอีแค่คว้าแชมป์ระดับประเทศน่ะเรื่องหมูๆ”
“ฮ่าๆ ตลกตายล่ะ…..ก็ถ้าเกิดว่าคาเอเดะมาเป็นผู้จัดการทีมเข้าจริงๆล่ะก็ ชั้นคงไม่เป็นอันได้พักกันพอดีน่ะสิ เอาล่ะเลิกคุยให้เสียเวลาแล้วเอาเวลาไปทำแต้มกันเถอะ”

ผมกำหมัดแล้วยื่นกำปั้นไปหาคู่หูของผมในขณะที่ใช้มืออีกข้างปัดผมหน้าม้าของตัวเองที่เปียกเพราะเหงื่อออกจากการวิ่งพล่านไปทั่วในช่วงฤดูหนาวนี้
ส่วนชินจิก็ผิวปากและก็เอากำปั้นมากระแทกรับกำปั้นผม

“นั่นสินะ มาแสดงให้ฮิโตสึบะซังเห็นว่ายูยะน่ะเจ๋งแค่ไหนกันเถอะวางใจได้เลยเดี๋ยวจะโยนซีนหล่อๆให้เอง!”
“ฮ่ะๆ ก็ไม่ใช่ว่าพยายามจะโชว์คาเอเดะที่เชียร์มาสักพักแล้วหรอกนะ! แค่อยากจะชนะไอ้เกมสีแดงขาวบ้านี่สักทีต่างหากล่ะ!!”
“ครับๆ พ่อซึนเดเระ หึๆ ยูยะนายเนี่ยน่ารักชะมัดเลยนะตอนที่เป็นแบบนั้นน่ะ”

แล้วชินจิก็เริ่มวิ่งพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
หมายความว่าไง? ผมไม่ได้เป็นซึนเดเระสักหน่อย!!

“ไปเลยค๊า! ยูยะคูงง!!”

อย่าตะโกนเชียร์มานอกหน้าต่างสิเฟ้ย! แล้วไหงวันนี้ถึงได้มาเชียร์ล่ะ? ร้อยวันพันปีไม่ใช่ว่าเธอคอยดูอยู่เงียบๆเพื่อไม่ให้ถูกจับได้หรอกเรอะ?

“แต่ก็นะ…….การถูกเชียร์มันก็ไม่เลว”

ว่ากันว่าการที่ถูกเชียร์จะทำให้เราฮึดสู้ได้เต็มที่
ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมว่าผมจะขอฟังเสียงของคาเอเดะแล้วทุ่มสุดตัวเท่าที่ทำได้ละกัน!
หลังจากนั้นผมก็ทำประตูได้ด้วยการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมจากเจ้าชินจิและไอ้เกมสีแดงขาวนี่ก็สิ้นสุดลงด้วยชัยนะ 3-0 ของทีมสีแดงโดยที่ผมเป็นคนทำประตูทั้งหมดเลยและสุดท้ายผมลงเอยด้วยการทำแฮตทริก
(**TL NOTE : แฮตทริก ศัพท์ในวงการพวกกีฬาประเภทลูกบอลจะหมายถึงการที่ผู้เล่นคนนึงทำคะแนนให้กับทีมได้สัก 3 แต้มได้ในกรณีของกีฬาฟุตบอลก็คือเตะเข้า 3 ประตูอ่านเพิ่มเติมได้บนอากู๋**)
แต่ถึงอย่างนั้นพวกรุ่นพี่ก็ไม่ออกปากชมเลยสักแอะเอาแต่มองมาด้วยความอิจฉาริษยา
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ……

“ยูยะคุงเท่มากเลยค่าาาาาาาาาาา!!!”

อ่า รู้ล่ะ………คิดว่าคงเป็นเพราะคาเอเดะนี่แหละที่ดี๊ด๊าเกินเบอร์
ว่าแต่ไม่ใช่นี่เธอกำลังทำลายคาแรคเตอร์ของตัวเองอยู่เหรอครับเนี่ย?
ปกติเป็นอย่างงี้ด้วยเหรอ? ไม่ใช่ว่าแต่ก่อนก็ดูผมฝึกอยู่เงียบๆหรอกเรอะ?

“เป็นที่รักน่าดูเลยนะยูยะ”
“หุบปากไปเลย….ชินจิ”

รอยยิ้มกึ่งๆยิ้มเยาะบนใบหน้าเจ้าชินจิที่ยิ้มให้กับคู่รักและอีกทั้งให้กับคู่หูที่ดีที่สุดของเขาด้วยนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่สบอารมณ์เอาซะเลย…..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita 21: เสียงเชียร์ของคาเอเดะนี่ล่ะที่สุดในญี่ปุ่นเเล้ว!

Now you are reading Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita Chapter 21: เสียงเชียร์ของคาเอเดะนี่ล่ะที่สุดในญี่ปุ่นเเล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“วิ่ง วิ่ง วิ่งสิวะ! วิ่งจนกว่าจะล้มหน้าคะมำไปซะ!”
“ไปไล่บอลสิโว้ย! จะเลิกไล่หาเตี่ยเอ็งเรอะโยชิสุมิ?”
“ทั้งเอ็งทั้งไอ้เจ้าฮิงุเระน่ะ บึ้มไปซะไอ้พวกเวรตะไลเอ้ย!!!”

หลังเลิกเรียนก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทีมฟุตบอลก็ฝึกกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
วันนี้พวกเราเล่นเกมแบ่งฝั่งทีมสีแดงขาว ส่วนผมนั้นอยู่ทีมสีแดงและวิธีที่พวกเขาปฏิบัติกับผมนั้นก็……..ไม่ว่าจะมิตรหรือศัตรูก็แย่เอาเรื่องเลย
เดี๋ยวนะ ว่าแต่ไอ้ประโยคสุดท้ายเมื่อกี้ใครเป็นคนพูดหะ!?
อย่างน้อยๆก็ช่วยเก็บความแค้นส่วนตัวไว้หน่อยเถอะ

“แฮ่ก……..แฮ่ก……..บ้าเอ้ย ไอ้พวกรุ่นพี่มันจะคึกเกินไปล่ะ”

ผมเอามือวางไว้ตรงเสาประตูแล้วพยายามหายใจ
ไอ้การจ่ายบอลนั่นมันบ้าอะไร? จ่ายแบบยิงยาวจากกองหลังไปกองหน้าเลยแบบนั้นไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ แถมจ่ายแบบเน้นส่งยาวๆไว้ก่อนแต่หาความแม่นยำไม่มีเลย แล้วใครมันจะไปไล่บอลแบบนั้นทันล่ะเฮ้ย?
และเพราะแบบนี้ผมถึงได้ถูกบังคับให้วิ่งพล่านไปทั่วอย่างเปล่าประโยชน์

“ก็นะ ส่วนสาเหตุมันก็แน่นอนอยู่แล้ว……….ไหงเธอถึงได้กำลังดูอยู่ด้วยล่ะคาเอเดะ?”

ใช่แล้ว ที่มาของแรงคึกแบบกระทันหันของไอ้พวกรุ่นพี่น่ะก็คือคาเอเดะที่มองออกมาจากทางหน้าต่างของห้องเรียนลงมาที่สนามด้วยรอยยิ้ม
อ๊ะ! เผลอสบตาด้วยจนได้
อย่าโบกมือมาทางนี้สิเฟ้ย! ก็ดีใจอยู่หรอกแต่สายตาที่ไอ้พวกรุ่นพี่มองมาทางนี้มันดูเหมือนอยากจะกินหัวกันอยู่แล้วนะนั่น

“สู้ๆนะคะยูยะคูงง!”

นี่เธอช่วยโบกมือให้พวกเขาด้วยจะได้รึเปล่าครับ? ถ้าเกิดมีแค่ผมคนเดียวที่ถูกเชียร์เป็นการส่วนตัว มันก็เหมือนกับราดน้ำมันเข้าไปในจิตวิญญาณของไอ้พวกรุ่นพี่ที่ไม่ถูกเชียร์นั่นแหละและพวกเขาก็จะยิ่งเล่นผมหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ถูกแฟนสาวที่เป็นคนที่น่ารักที่สุดในญี่ปุ่นมาชอบเนี่ยไม่ง่ายเลยเนอะยูยะ”
“เงียบไปเลย แล้วก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันน่ะ”
“นายพูดว่ายังไม่เป็นงั้นก็หมายความว่าไม่ช้าก็เร็วก็จะได้เป็นถูกมะ? อย่าหัวแข็งไปหน่อยเลยน่ายูยะ หัดซื่อตรงซะบ้างสิ”

แล้วพอผมกลับมาที่ตำแหน่งของตัวเอง ชินจิคู่หูของผมจากทีมสีแดงก็ชวนคุยอย่างไม่ระวังหน้าระวังหลังอะไรเลย ไม่ดิ แล้วว่าแต่นายมาตรงนี้ทำไมเนี่ย? ไม่ใช่ว่านายควรที่จะไปอยู่กันที่กองหลังหรอกเรอะ?

“เอาเถอะ พวกรุ่นพี่เองก็กำลังคึกกันใหญ่เพื่อที่จะได้โชว์พาวให้ฮิโตสึบะซังดูว่าพวกเขามีฝีมือกันแค่ไหนน่ะ เพราะงั้นกองหลังของเราคงกันได้อยู่แล้วต่อให้ไม่มีชั้นหรือยูยะก็ตาม”
“ชั้นว่ามันกรณีเดียวกันที่ทีมสีขาวพยายามเข้ามาโจมตีพวกเราด้วยล่ะนะ เฮ้อ…อิรุงตุงนังไปหมด ถ้าตอนปกติมีแรงคึกกันได้แบบนี้ป่านนี้เราก็คงจะชนะการแข่งที่โตเกียวไปแล้ว”

ปกติทีมฟุตบอลของพวกเราไม่ค่อยมีแรงจูงใจอะไรมากนักแต่ก็ไม่ใช่เพราะว่าทักษะของแต่ละคนมันไม่ดีหรอกนะ ถ้ามีการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมของชินจิแม้แต่กองหน้าอย่างผมก็ยังทำแต้มได้ ตอนนี้เราเหลือแค่ต้องพัฒนาแนวรับกองหลังของเราแล้วตอนนั้นเราถึงจะมีโอกาสชนะได้บ้าง

“ก็ถ้ายูยะคบกับฮิโตสึบะซังแล้วให้เธอมาเป็นผู้จัดการทีมล่ะก็ กะอีแค่คว้าแชมป์ระดับประเทศน่ะเรื่องหมูๆ”
“ฮ่าๆ ตลกตายล่ะ…..ก็ถ้าเกิดว่าคาเอเดะมาเป็นผู้จัดการทีมเข้าจริงๆล่ะก็ ชั้นคงไม่เป็นอันได้พักกันพอดีน่ะสิ เอาล่ะเลิกคุยให้เสียเวลาแล้วเอาเวลาไปทำแต้มกันเถอะ”

ผมกำหมัดแล้วยื่นกำปั้นไปหาคู่หูของผมในขณะที่ใช้มืออีกข้างปัดผมหน้าม้าของตัวเองที่เปียกเพราะเหงื่อออกจากการวิ่งพล่านไปทั่วในช่วงฤดูหนาวนี้
ส่วนชินจิก็ผิวปากและก็เอากำปั้นมากระแทกรับกำปั้นผม

“นั่นสินะ มาแสดงให้ฮิโตสึบะซังเห็นว่ายูยะน่ะเจ๋งแค่ไหนกันเถอะวางใจได้เลยเดี๋ยวจะโยนซีนหล่อๆให้เอง!”
“ฮ่ะๆ ก็ไม่ใช่ว่าพยายามจะโชว์คาเอเดะที่เชียร์มาสักพักแล้วหรอกนะ! แค่อยากจะชนะไอ้เกมสีแดงขาวบ้านี่สักทีต่างหากล่ะ!!”
“ครับๆ พ่อซึนเดเระ หึๆ ยูยะนายเนี่ยน่ารักชะมัดเลยนะตอนที่เป็นแบบนั้นน่ะ”

แล้วชินจิก็เริ่มวิ่งพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
หมายความว่าไง? ผมไม่ได้เป็นซึนเดเระสักหน่อย!!

“ไปเลยค๊า! ยูยะคูงง!!”

อย่าตะโกนเชียร์มานอกหน้าต่างสิเฟ้ย! แล้วไหงวันนี้ถึงได้มาเชียร์ล่ะ? ร้อยวันพันปีไม่ใช่ว่าเธอคอยดูอยู่เงียบๆเพื่อไม่ให้ถูกจับได้หรอกเรอะ?

“แต่ก็นะ…….การถูกเชียร์มันก็ไม่เลว”

ว่ากันว่าการที่ถูกเชียร์จะทำให้เราฮึดสู้ได้เต็มที่
ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมว่าผมจะขอฟังเสียงของคาเอเดะแล้วทุ่มสุดตัวเท่าที่ทำได้ละกัน!
หลังจากนั้นผมก็ทำประตูได้ด้วยการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมจากเจ้าชินจิและไอ้เกมสีแดงขาวนี่ก็สิ้นสุดลงด้วยชัยนะ 3-0 ของทีมสีแดงโดยที่ผมเป็นคนทำประตูทั้งหมดเลยและสุดท้ายผมลงเอยด้วยการทำแฮตทริก
(**TL NOTE : แฮตทริก ศัพท์ในวงการพวกกีฬาประเภทลูกบอลจะหมายถึงการที่ผู้เล่นคนนึงทำคะแนนให้กับทีมได้สัก 3 แต้มได้ในกรณีของกีฬาฟุตบอลก็คือเตะเข้า 3 ประตูอ่านเพิ่มเติมได้บนอากู๋**)
แต่ถึงอย่างนั้นพวกรุ่นพี่ก็ไม่ออกปากชมเลยสักแอะเอาแต่มองมาด้วยความอิจฉาริษยา
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ……

“ยูยะคุงเท่มากเลยค่าาาาาาาาาาา!!!”

อ่า รู้ล่ะ………คิดว่าคงเป็นเพราะคาเอเดะนี่แหละที่ดี๊ด๊าเกินเบอร์
ว่าแต่ไม่ใช่นี่เธอกำลังทำลายคาแรคเตอร์ของตัวเองอยู่เหรอครับเนี่ย?
ปกติเป็นอย่างงี้ด้วยเหรอ? ไม่ใช่ว่าแต่ก่อนก็ดูผมฝึกอยู่เงียบๆหรอกเรอะ?

“เป็นที่รักน่าดูเลยนะยูยะ”
“หุบปากไปเลย….ชินจิ”

รอยยิ้มกึ่งๆยิ้มเยาะบนใบหน้าเจ้าชินจิที่ยิ้มให้กับคู่รักและอีกทั้งให้กับคู่หูที่ดีที่สุดของเขาด้วยนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่สบอารมณ์เอาซะเลย…..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+