Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita 7: อยู่ร่วมกันงั้นหรอ?

Now you are reading Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita Chapter 7: อยู่ร่วมกันงั้นหรอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฮิโตสึบะ อิเล็คทรอนิกส์ คือ บริษัทที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ครบรอบ 10 ปีพอดีในปีนี้
ธุรกิจของบริษัทไม่ได้จำกัดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวก ยานยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆอีกด้วย

[พ่อของฉัน คาสึฮิโระ ฮิโตสึบะ เป็นประธานรุ่นที่ 4 ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันก็เป็นระบบสืบทอดต่อๆกันมาของครอบครัว มันอาจจะฟังดูล้าสมัยไปหน่อยค่ะ สำหรับยุคปัจจุบันนี้ และนั่นคือสาเหตุที่พ่อของฉันวางแผนที่จะไม่ทำตามธรรมเนียมประเพณีนี้อีกต่อไป นี่ก็หมายถึงคุณเองก็จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีนะคะ หากคิดจะเดินตามรอยเท้าของคุณพ่อของฉันไป]

นี่มันไม่ต่างอะไรจากคำตัดสินประหารชีวิตสำหรับผมเลยจริงๆ ผมเข้าใจที่คุณจะต้องทุ่มเทการทำงานทุกวี่ทุกวันเมื่อได้เข้าไปทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่คิดว่าในฐานะที่ผมเป็นแค่เด็กใหม่ของโรงเรียนมัธยมปลาย จะถูกบอกว่าให้ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้กลายเป็นประธานบริษัทที่มีพนักงานทำงานอยู่หลายหมื่นคน

[ในอนาคตคุณจะถูกถามถึงเรื่องเข้ามหาวิทยาลัย แล้วก็อย่างน้อยที่สุด ก็คงจะต้องเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติของรัฐ แต่เอาตามตรงมันก็ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าจะเป็นที่ไหน ตราบใดที่คุณไม่ได้ไปเข้าที่แปลกๆเข้าล่ะก็นะคะ]
[แต่ว่าถ้าผมเข้ามหาวิทยาลัยล่ะก็ ผมก็คงไม่สามารถทำงานให้กับพ่อของเธอได้นี่?]
[คุณยังอยากจะทำงานหรอคะ? คุณหมายถึงการที่ ไปเสียเวลากับพวกงานพาร์ทไทม์ไม่ก็ พวกงานชมรมอะไรแบบนั้นหรอคะ? หรือว่าคุณอยากจะเข้าชมรมที่มันสังสรรค์เฮฮา ปาร์ตี้ ที่ชอบดื่มอะไรทำนองนั้น ? ไม่ค่ะ นี่คุณยังต้องการที่จะให้พวกรุ่นพี่ที่ทำงานพาร์ทไทม์พวกนั้น มาคอยแคร์ คอยโอ๋คุณ ทั้งๆที่คุณเองก็มีฉันอยู่ในชีวิตของคุณอยู่แล้วอีกหรอคะ?]

นี่เธอจินตนาการอะไรของเธอกันเนี่ย? ผมแค่ถามว่าผมควรต้องทำงานให้พ่อตาของผมในขณะที่ผมเข้าเรียนมหาลัยแล้วรึเปล่า? แค่นั้นเอง เพราะผมคิดว่าผมคงจะได้ไปทำงานงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับระดับหัวหน้าทันทีที่ผมเรียนจบมัธยมปลาย
ก็เขาบอกว่าผมต้องทำงานให้เขาหลังจากที่ผมได้กลายเป็นลูกเขยของเขาแล้ว
แล้วในช่วงเวลาดังกล่าวผมก็คงจะเรียนมหาลัยอยู่

[ยูยะคุง ทั้งหมดที่นายควรที่จะทำนั่นก็คือ จีบฉันค่ะ เห็นฉันเป็นอย่างนี้ แต่ฉันก็เป็นผู้หญิงที่พยามอย่างหนักเหมือนกัน ไม่ว่าความคลั่งไคล้ทางเพศของยูยะคุงจะเป็นแบบไหนก็ตาม ฉันแน่ใจว่าตัวฉันสามารถตอบสนองความคาดหวังและความปรารถนาของยูยะคุงได้ค่ะ]
[อะ อือ]

ถ้ามีคนน่ารักอย่างเธอมองมาแล้วกระพริบตาใส่คุณแบบนี้ คุณคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเห็นด้วยคล้อยตามไปกับเธอ แล้วนี่ผมควรจะตอบเธอยังไงดี?
ถึงกระนั้นเอง ก็ยังมีคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่
ผมไม่แน่ใจว่า ถ้าหากมันเป็นความคิดดีรึเปล่า? ที่จะถามในตอนนี้
หลังจากที่ได้กอดเธอและร้องห่มร้องไห้ไป แต่ตอนนี้ก็มีบางอย่างที่ผมต้องรู้ให้ได้

[นี่! ฮิโตสึบะซัง ทำไมเธอถึงได้พยายามที่จะช่วยผมนักล่ะ? ผมไม่คิดว่าเราจะมีอะไรที่ข้องเกี่ยวกันขนาดนั้น ใช่ไหมล่ะ?]
[นั่นสินะคะ ! ก็จริงอย่างที่ยูยะคุงว่ามาเลยค่ะ ตัวฉันกับยูยะคุงก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากมายที่โรงเรียน แต่ว่าฉันก็จับตามองยูยะคุงอยู่ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ยูยะคุง ซ้อมฟุตบอลหลังเลิกเรียน]

มีบางอย่างที่ผมทำเป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็คือการเล่นฟุตบอล
แต่อย่างไรก็ตาม ทีมฟุตบอล ของโรงเรียนมัธยมปลาย เมวะได นั้นไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย
ตำแหน่งของผมก็คือกองหน้า แต่ว่าตัวผมเองก็ไม่เคยได้บอลเลยสักครั้งเลยด้วย

[ตอนที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ที่ทุกๆคนมุ่งหน้ากลับบ้านไปแล้ว มีนักฟุตบอลเพียงคนเดียวที่เอาแต่ฝึกเตะบอลด้วยตัวเองอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาไม่เคยเหน็ดเหนื่อยเลย เขาเอาแต่เตะบอลไปข้างหน้าเข้าประตูอยู่อย่างนั้น และเขาเองก็เป็นคนที่มีทัศนคติ ที่ฉันไม่ค่อยได้เห็นจากคนอื่น]
[………….]
[ผู้ชายคนนั้นช่างแตกต่างจากผมจังนะ ผมคิดว่าคนๆนั้น มีความสามารถในการพยายามเป็นบ้าเป็นหลัง อย่างที่ตัวผมไม่สามารถที่จะทำได้ ก็หวังว่าความพยายามนี้คงจะตอบแทนเขาในสักวันหนึ่ง]

แต่ว่าความพยายามนั้นก็ไม่ได้ให้ผลตอบแทนใดๆกลับมาเลย
ตัวผมใฝ่ฝันที่จะได้เข้าร่วมในการแข่งขันระดับทีมชาติ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือเราแพ้ในการแข่งขันระดับภูมิภาคในรอบสามทีมสุดท้าย

[แต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้จมไปกับความสิ้นหวังของความพ่ายแพ้ของเขา วันต่อมาเขาก็ยังเอาแต่เตะฟุตบอลของเขาอยู่อย่างนั้นอีกครั้งหนึ่ง ฉันคิดว่าเขาควรที่หยุดพักสักหน่อย หรือ หยุดที่จะซ้อมกับตัวเองสักที ใช่แล้วค่ะ คุณคือคนที่พิเศษ ผู้ที่มีจิตใจที่กล้าแกร่งที่ไม่ยอมแพ้ต่อความสิ้นหวัง แล้วหัวใจของฉันเองก็ถูกตราตรึงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของคุณค่ะ]
[คือผมเองก็ไม่ได้เป็นคนที่วิเศษวิโสอะไรนะ เธอรู้ไหม?]
[มันไม่สำคัญหรอกนะคะ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร แต่ว่าฉันก็ได้ตกหลุมรักความทุ่มเทของคุณ ก่อนที่ใครคนอื่นที่เขายังไม่เอะใจถึงเสน่ห์ชองคุณตรงนี้อีกค่ะ ฉันคือแค่ต้องการทำให้แน่ใจว่าคุณจะมองแค่ฉันเพียงคนเดียวค่ะ]

ผมมีความสุขมากๆเลยที่ฮิโตสึบะซัง ผู้ที่ได้รับการโหวตว่าเป็นเด็กสาวมัธยมปลายที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น เธอคิดแบบนั้นกับผม ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะมาตกหลุมรักผมเพียงเพราะการที่ผมไปเตะบอลไปมาเหมือนพวกบ้าอยู่อย่างนั้นทุกๆวันน่ะ
ซึ่งการที่เธอมาชอบผมอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแบบนี้ นั่นก็หมายความว่า ผมไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับเธอเลย ดังนั้นหากคุณถามผม ว่าผมชอบเธอไหม?
คำตอบของผมก็คงจะเป็น [ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน]

[ก็ขอขอบคุณที่บอกความรู้สึกของเธอกับผมนะ เอาตรงๆคือ มันรู้สึกดีมากๆเลยล่ะที่ถูกชอบโดยผู้หญิงสวยๆอย่างเธอน่ะ ฮิโตสึบะซัง แต่ว่าผมเองก็ยังไม่รู้จักเธอดีพอเลย ดังนั้นก็เลยยังให้คำตอบเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอไม่ได้ในตอนนี้หรอกนะ]
[นั่นก็ไม่เป็นอะไรค่ะ อันที่จริงนั่นก็เป็นอีกเหตุผล ที่คุณเป็นรักแรกพบของฉันด้วยเช่นกัน เพราะว่าที่คุณตอบไม่ได้ ก็เพราะว่าคุณน่ะไม่ได้รุ้จัก ‘ฮิโตสึบะ คาเอเดะ’ เพราะคุณไม่ได้ยอมรับและหลงไหลฉันที่รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกของฉัน และด้วยคำตอบแบบนี้เอง มันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกชอบยูยะคุงมากยิ่งขึ้นนะคะ]

ผมคิดว่าสิ่งสำคัญก็คือต้องรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใครก่อนที่คุณจะตกหลุมรักเขาล่ะนะ
สำหรับผมเองเกณฑ์ของการตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง คือ การที่อยู่กับเธอแล้วรู้สึกสนุกสนานไปด้วยกัน

[ฟุฟุฟุ ถึงแม้ว่าตัวฉันอาจจะเร่งเร้าเกินไปหน่อย แต่ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ในการทำลายการป้องกันตัวของยูยะคุง จะเป็นอันสำเร็จสินะคะ! แม้ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าอะไรยังไง แต่สักวันหนึ่ง ฉันแน่ใจว่าฉันจะสามารถทำให้ยูยะคุงยอมพูดว่า ‘ฉันชอบเธอ’และจากนั้นก็จูบฉัน แล้วจากนั้น ฉันก็จะจับกดยูยะคุงแล้วก็…กุเฮะๆๆ]

ในมโนภาพของเธอ มันไม่ใช่ผมที่เป็นคนจับกดเธอ แต่กลับกลายเป็นฮิโตสึบะซังจับกดผมแทน และที่สำคัญเลยนะ เป็นสาวเป็นนางไม่ควรน้ำลายยืด ร้อง ‘กุเฮะๆ’ แบบนั้นออกมาสิเฮ้ย
แบบนี้มันสวยเสียของจริงๆเลยนะครับ

[อะแฮ่มๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะพูดอะไรดี แต่ผมเองก็คิดว่าผมได้เรียนรู้บางอย่างจากตัวเธอมาบ้างแล้วล่ะ มันก็คือช่องโหว่ขนาดใหญ่ ระหว่างตัวเธอตอนอยู่ที่บ้านกับตอนที่อยู่ที่โรงเรียน]
[มนษย์ทุกๆคนก็ล้วนใส่หน้ากากนี่คะ ยูยะคุงเองก็เหมือนกัน ไม่ว่ายูยะคุงจะรู้ตัวหรือไม่รู้สึกตัวเลยก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเป็นยูยะคุงในตอนนี้หรือจะเป็นยูยะคุงตอนที่เตะฟุตบอล ฉันก็คิดว่าทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันค่ะ แน่นอนว่าฉันหมายถึงในทางที่ดีนะคะ]

ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นมองผมยังไง แต่ว่าเพื่อนของผมเองก็บอกผมประจำว่าตัวผมในตอนที่อยู่บนสนามฟุตบอลนั้น ดูแตกต่างจากตอนปกติที่ผมเป็นอยู่ นั่นก็ทำให้ผมรู้ตัวเองว่า
ผมเองก็มีความก้าวร้าวและอวดดีอยู่หน่อยๆ

[แล้วคุณรู้อย่างนั้นหรอคะ? แล้วคิดว่าอย่างไหนกันล่ะที่เป็นนิสัยที่เป็นตัวตนที่แท้ของฉันน่ะ?]
[ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะ เธอเองก็สามารถที่จะเป็นคนน่ารักเหมือนกับตอนนี้ก็ได้ หรือ จะเป็น คนที่ดูสวยสง่าเหมือนตอนที่อยู่โรงเรียนก็ได้เช่นกัน ผมก็เลยไม่มีทางที่จะตัดสินเธอได้ว่าอย่างไหนคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ ถ้างั้นก็ขอยืมคำพูดของเธอหน่อยก็แล้วกัน งั้นเอาเป็นว่าไว้เราค่อยมาหาคำตอบกันทีหลังก็แล้วกันนะ]

ผมชื่นชมฮิโตสึบะซังที่ดูเท่ห์คนนี้จริงๆ เพราะว่าตัวเธอช่างดูสง่างามเหลือเกิน
ทั้งเจ๋งและดูเป็นคนที่เชื่อถือได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงก็ตาม นอกจากนี้ผมเองก็คิดว่าเธอดูน่ารักมากๆ ตอนที่ทำหน้าตาทะเล้น ในตอนที่เธอกำลังจมไปกับจินตนาการของเธอหรือไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอกำลังเหนียมอายก็ตาม

[อื้มๆ ถูกอย่างที่ยูยะคุงว่านั่นแหละค่ะ ฉันเองก็อยากที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารที่ยูยะคุงชอบ, เสปคผู้หญิงของยูยะคุง,สถานการณ์โปรดของยูยะคุง และก็อื่นๆอีกมากมายเลยค่ะ ดังนั้นเรามาพยายามทำให้ดีที่สุดด้วยกันนะคะ ส่วนสถานการณ์โปรดของฉันนั้นก็คือ เข้ามากระซิบกระซาบว่า-]
[หยุด!!! ไว้คุยกันคราวหน้านะ ก่อนอื่นก็มาทำความรู้จักกันแบบปกติๆก่อนนะ โอเคไหม?]
เมื่อใดก็ตามที่เธอมีโอกาส เธอก็จะขว้างลูกระเบิดใส่ผมด้วยสีหน้าตรงไปตรงมา
มันก็เลยทำให้ผมทำตัวไม่ถูก และถ้าเพียงแค่นั้นล่ะก็ผมก็คงจะไม่รู้สึกวู่วามอะไร
แต่ถ้าหากว่าเธอพูดด้วยสีหน้าที่ลำบากใจเล็กน้อย พร้อมกับเบือนสายตาหนีไปแล้วล่ะก็
หัวใจของผมมันแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วนะ
ทั้งหมดนี่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเธอที่เธอคำนวนไว้แล้วใช่ไหม !!

[ก็นะ ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆค่ะ เอาล่ะ ยูยะคุง ตอนนี้ก็ได้เวลาเก็บข้าวของไปแล้วค่ะ]
[ไป? ไปไหน?]
[มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วสิคะก็ ‘รังรัก’ ของพวกเราไงคะ]

อะไรนะ ไอ้การอยู่ด้วยกันที่ว่าน่ะ มันเริ่มตั้งแต่วันนี้เลยงั้นหรอ?
 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita 7: อยู่ร่วมกันงั้นหรอ?

Now you are reading Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita Chapter 7: อยู่ร่วมกันงั้นหรอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฮิโตสึบะ อิเล็คทรอนิกส์ คือ บริษัทที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ครบรอบ 10 ปีพอดีในปีนี้
ธุรกิจของบริษัทไม่ได้จำกัดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวก ยานยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆอีกด้วย

[พ่อของฉัน คาสึฮิโระ ฮิโตสึบะ เป็นประธานรุ่นที่ 4 ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันก็เป็นระบบสืบทอดต่อๆกันมาของครอบครัว มันอาจจะฟังดูล้าสมัยไปหน่อยค่ะ สำหรับยุคปัจจุบันนี้ และนั่นคือสาเหตุที่พ่อของฉันวางแผนที่จะไม่ทำตามธรรมเนียมประเพณีนี้อีกต่อไป นี่ก็หมายถึงคุณเองก็จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีนะคะ หากคิดจะเดินตามรอยเท้าของคุณพ่อของฉันไป]

นี่มันไม่ต่างอะไรจากคำตัดสินประหารชีวิตสำหรับผมเลยจริงๆ ผมเข้าใจที่คุณจะต้องทุ่มเทการทำงานทุกวี่ทุกวันเมื่อได้เข้าไปทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่คิดว่าในฐานะที่ผมเป็นแค่เด็กใหม่ของโรงเรียนมัธยมปลาย จะถูกบอกว่าให้ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้กลายเป็นประธานบริษัทที่มีพนักงานทำงานอยู่หลายหมื่นคน

[ในอนาคตคุณจะถูกถามถึงเรื่องเข้ามหาวิทยาลัย แล้วก็อย่างน้อยที่สุด ก็คงจะต้องเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติของรัฐ แต่เอาตามตรงมันก็ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าจะเป็นที่ไหน ตราบใดที่คุณไม่ได้ไปเข้าที่แปลกๆเข้าล่ะก็นะคะ]
[แต่ว่าถ้าผมเข้ามหาวิทยาลัยล่ะก็ ผมก็คงไม่สามารถทำงานให้กับพ่อของเธอได้นี่?]
[คุณยังอยากจะทำงานหรอคะ? คุณหมายถึงการที่ ไปเสียเวลากับพวกงานพาร์ทไทม์ไม่ก็ พวกงานชมรมอะไรแบบนั้นหรอคะ? หรือว่าคุณอยากจะเข้าชมรมที่มันสังสรรค์เฮฮา ปาร์ตี้ ที่ชอบดื่มอะไรทำนองนั้น ? ไม่ค่ะ นี่คุณยังต้องการที่จะให้พวกรุ่นพี่ที่ทำงานพาร์ทไทม์พวกนั้น มาคอยแคร์ คอยโอ๋คุณ ทั้งๆที่คุณเองก็มีฉันอยู่ในชีวิตของคุณอยู่แล้วอีกหรอคะ?]

นี่เธอจินตนาการอะไรของเธอกันเนี่ย? ผมแค่ถามว่าผมควรต้องทำงานให้พ่อตาของผมในขณะที่ผมเข้าเรียนมหาลัยแล้วรึเปล่า? แค่นั้นเอง เพราะผมคิดว่าผมคงจะได้ไปทำงานงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับระดับหัวหน้าทันทีที่ผมเรียนจบมัธยมปลาย
ก็เขาบอกว่าผมต้องทำงานให้เขาหลังจากที่ผมได้กลายเป็นลูกเขยของเขาแล้ว
แล้วในช่วงเวลาดังกล่าวผมก็คงจะเรียนมหาลัยอยู่

[ยูยะคุง ทั้งหมดที่นายควรที่จะทำนั่นก็คือ จีบฉันค่ะ เห็นฉันเป็นอย่างนี้ แต่ฉันก็เป็นผู้หญิงที่พยามอย่างหนักเหมือนกัน ไม่ว่าความคลั่งไคล้ทางเพศของยูยะคุงจะเป็นแบบไหนก็ตาม ฉันแน่ใจว่าตัวฉันสามารถตอบสนองความคาดหวังและความปรารถนาของยูยะคุงได้ค่ะ]
[อะ อือ]

ถ้ามีคนน่ารักอย่างเธอมองมาแล้วกระพริบตาใส่คุณแบบนี้ คุณคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเห็นด้วยคล้อยตามไปกับเธอ แล้วนี่ผมควรจะตอบเธอยังไงดี?
ถึงกระนั้นเอง ก็ยังมีคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่
ผมไม่แน่ใจว่า ถ้าหากมันเป็นความคิดดีรึเปล่า? ที่จะถามในตอนนี้
หลังจากที่ได้กอดเธอและร้องห่มร้องไห้ไป แต่ตอนนี้ก็มีบางอย่างที่ผมต้องรู้ให้ได้

[นี่! ฮิโตสึบะซัง ทำไมเธอถึงได้พยายามที่จะช่วยผมนักล่ะ? ผมไม่คิดว่าเราจะมีอะไรที่ข้องเกี่ยวกันขนาดนั้น ใช่ไหมล่ะ?]
[นั่นสินะคะ ! ก็จริงอย่างที่ยูยะคุงว่ามาเลยค่ะ ตัวฉันกับยูยะคุงก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากมายที่โรงเรียน แต่ว่าฉันก็จับตามองยูยะคุงอยู่ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ยูยะคุง ซ้อมฟุตบอลหลังเลิกเรียน]

มีบางอย่างที่ผมทำเป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็คือการเล่นฟุตบอล
แต่อย่างไรก็ตาม ทีมฟุตบอล ของโรงเรียนมัธยมปลาย เมวะได นั้นไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย
ตำแหน่งของผมก็คือกองหน้า แต่ว่าตัวผมเองก็ไม่เคยได้บอลเลยสักครั้งเลยด้วย

[ตอนที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ที่ทุกๆคนมุ่งหน้ากลับบ้านไปแล้ว มีนักฟุตบอลเพียงคนเดียวที่เอาแต่ฝึกเตะบอลด้วยตัวเองอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาไม่เคยเหน็ดเหนื่อยเลย เขาเอาแต่เตะบอลไปข้างหน้าเข้าประตูอยู่อย่างนั้น และเขาเองก็เป็นคนที่มีทัศนคติ ที่ฉันไม่ค่อยได้เห็นจากคนอื่น]
[………….]
[ผู้ชายคนนั้นช่างแตกต่างจากผมจังนะ ผมคิดว่าคนๆนั้น มีความสามารถในการพยายามเป็นบ้าเป็นหลัง อย่างที่ตัวผมไม่สามารถที่จะทำได้ ก็หวังว่าความพยายามนี้คงจะตอบแทนเขาในสักวันหนึ่ง]

แต่ว่าความพยายามนั้นก็ไม่ได้ให้ผลตอบแทนใดๆกลับมาเลย
ตัวผมใฝ่ฝันที่จะได้เข้าร่วมในการแข่งขันระดับทีมชาติ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือเราแพ้ในการแข่งขันระดับภูมิภาคในรอบสามทีมสุดท้าย

[แต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้จมไปกับความสิ้นหวังของความพ่ายแพ้ของเขา วันต่อมาเขาก็ยังเอาแต่เตะฟุตบอลของเขาอยู่อย่างนั้นอีกครั้งหนึ่ง ฉันคิดว่าเขาควรที่หยุดพักสักหน่อย หรือ หยุดที่จะซ้อมกับตัวเองสักที ใช่แล้วค่ะ คุณคือคนที่พิเศษ ผู้ที่มีจิตใจที่กล้าแกร่งที่ไม่ยอมแพ้ต่อความสิ้นหวัง แล้วหัวใจของฉันเองก็ถูกตราตรึงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของคุณค่ะ]
[คือผมเองก็ไม่ได้เป็นคนที่วิเศษวิโสอะไรนะ เธอรู้ไหม?]
[มันไม่สำคัญหรอกนะคะ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร แต่ว่าฉันก็ได้ตกหลุมรักความทุ่มเทของคุณ ก่อนที่ใครคนอื่นที่เขายังไม่เอะใจถึงเสน่ห์ชองคุณตรงนี้อีกค่ะ ฉันคือแค่ต้องการทำให้แน่ใจว่าคุณจะมองแค่ฉันเพียงคนเดียวค่ะ]

ผมมีความสุขมากๆเลยที่ฮิโตสึบะซัง ผู้ที่ได้รับการโหวตว่าเป็นเด็กสาวมัธยมปลายที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น เธอคิดแบบนั้นกับผม ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะมาตกหลุมรักผมเพียงเพราะการที่ผมไปเตะบอลไปมาเหมือนพวกบ้าอยู่อย่างนั้นทุกๆวันน่ะ
ซึ่งการที่เธอมาชอบผมอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแบบนี้ นั่นก็หมายความว่า ผมไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับเธอเลย ดังนั้นหากคุณถามผม ว่าผมชอบเธอไหม?
คำตอบของผมก็คงจะเป็น [ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน]

[ก็ขอขอบคุณที่บอกความรู้สึกของเธอกับผมนะ เอาตรงๆคือ มันรู้สึกดีมากๆเลยล่ะที่ถูกชอบโดยผู้หญิงสวยๆอย่างเธอน่ะ ฮิโตสึบะซัง แต่ว่าผมเองก็ยังไม่รู้จักเธอดีพอเลย ดังนั้นก็เลยยังให้คำตอบเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอไม่ได้ในตอนนี้หรอกนะ]
[นั่นก็ไม่เป็นอะไรค่ะ อันที่จริงนั่นก็เป็นอีกเหตุผล ที่คุณเป็นรักแรกพบของฉันด้วยเช่นกัน เพราะว่าที่คุณตอบไม่ได้ ก็เพราะว่าคุณน่ะไม่ได้รุ้จัก ‘ฮิโตสึบะ คาเอเดะ’ เพราะคุณไม่ได้ยอมรับและหลงไหลฉันที่รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกของฉัน และด้วยคำตอบแบบนี้เอง มันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกชอบยูยะคุงมากยิ่งขึ้นนะคะ]

ผมคิดว่าสิ่งสำคัญก็คือต้องรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใครก่อนที่คุณจะตกหลุมรักเขาล่ะนะ
สำหรับผมเองเกณฑ์ของการตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง คือ การที่อยู่กับเธอแล้วรู้สึกสนุกสนานไปด้วยกัน

[ฟุฟุฟุ ถึงแม้ว่าตัวฉันอาจจะเร่งเร้าเกินไปหน่อย แต่ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ในการทำลายการป้องกันตัวของยูยะคุง จะเป็นอันสำเร็จสินะคะ! แม้ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าอะไรยังไง แต่สักวันหนึ่ง ฉันแน่ใจว่าฉันจะสามารถทำให้ยูยะคุงยอมพูดว่า ‘ฉันชอบเธอ’และจากนั้นก็จูบฉัน แล้วจากนั้น ฉันก็จะจับกดยูยะคุงแล้วก็…กุเฮะๆๆ]

ในมโนภาพของเธอ มันไม่ใช่ผมที่เป็นคนจับกดเธอ แต่กลับกลายเป็นฮิโตสึบะซังจับกดผมแทน และที่สำคัญเลยนะ เป็นสาวเป็นนางไม่ควรน้ำลายยืด ร้อง ‘กุเฮะๆ’ แบบนั้นออกมาสิเฮ้ย
แบบนี้มันสวยเสียของจริงๆเลยนะครับ

[อะแฮ่มๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะพูดอะไรดี แต่ผมเองก็คิดว่าผมได้เรียนรู้บางอย่างจากตัวเธอมาบ้างแล้วล่ะ มันก็คือช่องโหว่ขนาดใหญ่ ระหว่างตัวเธอตอนอยู่ที่บ้านกับตอนที่อยู่ที่โรงเรียน]
[มนษย์ทุกๆคนก็ล้วนใส่หน้ากากนี่คะ ยูยะคุงเองก็เหมือนกัน ไม่ว่ายูยะคุงจะรู้ตัวหรือไม่รู้สึกตัวเลยก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเป็นยูยะคุงในตอนนี้หรือจะเป็นยูยะคุงตอนที่เตะฟุตบอล ฉันก็คิดว่าทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันค่ะ แน่นอนว่าฉันหมายถึงในทางที่ดีนะคะ]

ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นมองผมยังไง แต่ว่าเพื่อนของผมเองก็บอกผมประจำว่าตัวผมในตอนที่อยู่บนสนามฟุตบอลนั้น ดูแตกต่างจากตอนปกติที่ผมเป็นอยู่ นั่นก็ทำให้ผมรู้ตัวเองว่า
ผมเองก็มีความก้าวร้าวและอวดดีอยู่หน่อยๆ

[แล้วคุณรู้อย่างนั้นหรอคะ? แล้วคิดว่าอย่างไหนกันล่ะที่เป็นนิสัยที่เป็นตัวตนที่แท้ของฉันน่ะ?]
[ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะ เธอเองก็สามารถที่จะเป็นคนน่ารักเหมือนกับตอนนี้ก็ได้ หรือ จะเป็น คนที่ดูสวยสง่าเหมือนตอนที่อยู่โรงเรียนก็ได้เช่นกัน ผมก็เลยไม่มีทางที่จะตัดสินเธอได้ว่าอย่างไหนคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ ถ้างั้นก็ขอยืมคำพูดของเธอหน่อยก็แล้วกัน งั้นเอาเป็นว่าไว้เราค่อยมาหาคำตอบกันทีหลังก็แล้วกันนะ]

ผมชื่นชมฮิโตสึบะซังที่ดูเท่ห์คนนี้จริงๆ เพราะว่าตัวเธอช่างดูสง่างามเหลือเกิน
ทั้งเจ๋งและดูเป็นคนที่เชื่อถือได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงก็ตาม นอกจากนี้ผมเองก็คิดว่าเธอดูน่ารักมากๆ ตอนที่ทำหน้าตาทะเล้น ในตอนที่เธอกำลังจมไปกับจินตนาการของเธอหรือไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอกำลังเหนียมอายก็ตาม

[อื้มๆ ถูกอย่างที่ยูยะคุงว่านั่นแหละค่ะ ฉันเองก็อยากที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารที่ยูยะคุงชอบ, เสปคผู้หญิงของยูยะคุง,สถานการณ์โปรดของยูยะคุง และก็อื่นๆอีกมากมายเลยค่ะ ดังนั้นเรามาพยายามทำให้ดีที่สุดด้วยกันนะคะ ส่วนสถานการณ์โปรดของฉันนั้นก็คือ เข้ามากระซิบกระซาบว่า-]
[หยุด!!! ไว้คุยกันคราวหน้านะ ก่อนอื่นก็มาทำความรู้จักกันแบบปกติๆก่อนนะ โอเคไหม?]
เมื่อใดก็ตามที่เธอมีโอกาส เธอก็จะขว้างลูกระเบิดใส่ผมด้วยสีหน้าตรงไปตรงมา
มันก็เลยทำให้ผมทำตัวไม่ถูก และถ้าเพียงแค่นั้นล่ะก็ผมก็คงจะไม่รู้สึกวู่วามอะไร
แต่ถ้าหากว่าเธอพูดด้วยสีหน้าที่ลำบากใจเล็กน้อย พร้อมกับเบือนสายตาหนีไปแล้วล่ะก็
หัวใจของผมมันแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วนะ
ทั้งหมดนี่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเธอที่เธอคำนวนไว้แล้วใช่ไหม !!

[ก็นะ ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆค่ะ เอาล่ะ ยูยะคุง ตอนนี้ก็ได้เวลาเก็บข้าวของไปแล้วค่ะ]
[ไป? ไปไหน?]
[มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วสิคะก็ ‘รังรัก’ ของพวกเราไงคะ]

อะไรนะ ไอ้การอยู่ด้วยกันที่ว่าน่ะ มันเริ่มตั้งแต่วันนี้เลยงั้นหรอ?
 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+