Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita 9: ขอผมอาบนํ้าคนเดียวเถอะนะครับ

Now you are reading Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita Chapter 9: ขอผมอาบนํ้าคนเดียวเถอะนะครับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การเล่นติดตลกกลั่นแกล้งอย่างกับพวกเด็กๆอย่างการเขย่ากระป๋องน้ำอัดลมที่ยังไม่ได้เปิดก่อนที่จะยื่นมันมาให้ผมเปิดจนทำให้มันพุ่งเข้าใส่หน้าและเสื้อผ้าของผมจนเหนียวเหนอะและเปียกชุ่มไปหมด

ผมล่ะอยากจะบ่นถึงไอ้คนที่อยู่เบื้องหลังที่เขย่ากระป๋องนี่จริงๆ แต่พอได้เห็นฮิโตสึบะซังที่กำลังหัวเราะคิกคักสนุกสนานกับการที่เธอประสบความสำเร็จในการกลั่นแกล้งผมแล้ว

สุดท้ายผมก็เลือกที่จะระงับอารมณ์ของตัวเองที่อยากจะบ่นเธอไป

อย่างไรก็ตามพวกเรานั่งกินพิซซ่าของพวกเราขณะที่มันกำลังอุ่นได้ที่อยู่

พิซซ่าสองถาดที่ถาดนึงคือหน้าเนื้อและอีกถาดคือหน้าซีฟู้ด

เราทั้งคู่ต่างคนต่างไม่ได้กินพิซซ่ามาเป็นระยะเวลาที่นานมาพอสมควร

ตอนนี้พวกเราทั้งคู่ต่างก็พากันหิวโหยจนกินแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว

 

“เอาล่ะ ตอนนี้ผมอิ่มแล้วล่ะ ก็เลยคิดว่าขอตัวไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกันนะ แล้วนี่ผมอาบได้ใช่ไหม?”

“แน่นอนสิคะ พวกเรามีทุกอย่างทั้ง แก๊ส,เครื่องใช้ไฟฟ้ารวมถึงน้ำดังนั้นนายไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรหรอกค่ะ”

 

 

ถ้างั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย

ระหว่างทางไปอาบน้ำผมก็ทำการสำรวจรอบๆตัวบ้านไปด้วย

แล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมก็เลยลองไล่เปิดประตูดูทีละบานแต่กลับต้องมาผงะกับเตียงคิงส์ไซส์พร้อมฟูกนอนขนาดใหญ่กับหมอนสองใบซึ่งมันดูเหมือนกับห้องนอนของพวกคู่รักอะไรแบบนั้น

แล้วนี่หมายความว่าผมต้องนอนที่เตียงนี่กับฮิโตสึบะซังอย่างนั้นเรอะ?

ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาเข้านอน

ผมก็เลยเอาคำถามต่างๆนาๆวางไว้ก่อนและมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำ

อ่างอาบน้ำเองก็ขนาดใหญ่จนน่าตกใจไม่แพ้กัน มันมีพื้นที่ที่กว้างขวางมากพอที่ให้เราทั้งคู่อาบพร้อมกันแล้วเหยียดขาได้จนสุดเพื่อผ่อนคลายไปด้วยกันได้

เห๊ะ…..นี่เมื่อกี้นี้ ผมพึ่งคิดว่าสักวันหนึ่งผมจะได้อาบน้ำกับฮิโตสึบะซังอย่างงั้นหรอ?

 

“ถึงกับคิดเรื่องพรรณนั้นได้เนี่ย….นี่อะไรบางอย่างในตัวชั้นมันได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วงั้นสินะ?……”

 

บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องของเวลาจนถึงเหตุผลและความเหมาะสม

นอกจากนี้มันก็จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าภาวะหลงผิดของวัยรุ่นเนี่ยมันอาจจะเป็นอันตรายได้

ถ้าเป็นตอนปกติผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนแบบนี้เลยด้วยซ้ำนะ

แต่ถ้าจู่ๆคุณลองได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับสาวงามระดับเทพธิดาอย่างฮิโตสึบะซังล่ะก็ คุณเองก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเผลอตัวทำผิดพลาดอะไรลงไปบ้าง

 

“ชั้นเองก็ไม่รังเกียจอะไรหรอกนะคะ ถ้าเกิดว่าเกิดพลาดท่าขึ้นมาล่ะก็ อันที่จริงชั้นยินดีกับเรื่องแบบนั้นด้วยซ้ำค่ะ”

 

เอ๊ะ ! นั่นไม่ใช่เสียงของผมนะ แล้วใครพูดกันล่ะ?

ก่อนที่ผมจะรู้ตัวฮิโตสึบะซังเธอก็มายืนอยู่ด้านหลังของผมพร้อมกับกอดแขนของตัวเองและแสดงท่าทางที่ดูสงบเสงี่ยมแต่ว่าขาของเธอดันสั่นงึกๆงักๆแทนซะงั้น

เธอพูดออกมาเองแท้ๆว่ายินดีกับเรื่องแบบนั้นแต่นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอก็แค่พูดข่มไปงั้นๆแหละ

 

“ผมจะไม่ฝืนตัวเองไปทำกับคนที่ไม่เต็มใจด้วยหรอกนะ เธอเองก็ควรที่จะทำเรื่องแบบนั้นก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างฝ่ายต่างมีความรักให้กันและกันจะดีกว่านะ”

“ชั้นยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะคะ แต่ชั้นก็ดีใจนะคะที่ยูยะคุงคิดแบบนั้น แต่ก็ตามนั้นเลยค่ะสำหรับยูยะคุงแล้วชั้นยินดีเสมอค่ะ ดังนั้นช่วยจำไว้ด้วยนะคะ”

 

ช่วยเลิกพูดจาที่ทำให้ใจของชาวบ้านเขาเต้นแรงสักทีจะได้ไหมครับ!!

ขืนเป็นแบบนี้ผมจะหลงรักเธอแบบหัวปักหัวปำแล้วนะ! 

‘เฮ้อ…..’ 

ตอนนี้ผมรู้สึกไม่แน่ไม่นอนกับตัวเองแล้วสิ

ผมถอนหายใจด้วยความรู้สึกหงุดหงิดปนรำคาญหน่อยๆ

อย่างน้อยให้ผมได้ต่อต้านเธอสักหน่อยเถอะนะ

ผมอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย ฮิโตสึบะ คาเอเดะ

 

“แล้วนี่…ยูยะคุงคิดจะอาบน้ำคนเดียว…..หรอคะ?”

“นี่ฮิโตสึบะซัง…..ตัวเองพูดแบบนั้นแท้ๆ แล้วไหงถึงตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าแบบนั้นล่ะครับ?”

“ห๋า?…… นี่ชั้นไม่ได้กำลังสั่นอยู่เลยนะคะ ที่เห็นสั่นๆนั่นคงเป็นเพราะลูกตาของยูยะคุงเองต่างหากล่ะค่ะที่กำลังสั่นอยู่แบบนั้นไม่ใช่รึยังไงกันคะ? เห็นไหม……ชั้นปกติดีค่ะ”

 

เสียงของเธอสั่นเครือแต่การที่ยิ่งไปพูดจี้ใส่เธอก็ยิ่งจะทำให้เธอกระวนกระวายใจเพิ่มมากขึ้นไปเท่านั้น ผมยักไหล่แล้วเดินไปหยิบฝักบัวอาบน้ำวางไว้ที่อ่างอาบน้ำพร้อมกับเปิดก๊อกน้ำและกดปุ่มเครื่องทำความร้อนในอุณหภูมิ 41 องศา

เพียงเท่านี้ก็เตรียมการก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วสำหรับการอาบน้ำที่ผ่อนคลาย

 

“แน่นอนอยู่แล้วว่าผมจะเข้าไปอาบคนเดียว ส่วนเธอจะไปดูทีวีรอก็ได้นะฮิโตสึบะซัง แล้วก็อย่าได้คิดที่จะมาแอบดูเชียวล่ะ”

“ไม่ใช่ว่านี่มันแค่จิตวิทยาย้อนกลับหรอคะ? เช่น ถ้านายบอกว่าอย่าผลัก มันก็จะยิ่งทำให้อยากที่จะผลัก แล้วยิ่งถ้าพูดห้ามแอบดูแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกยุให้แอบดูอยู่เลยค่ะ พูดอีกนัยนึงก็คือจริงๆแล้วยูยะคุงอยากถูกแอบมองใช่ไหมล่ะคะ? แค่ไม่กล้าพูดกับชั้นตรงๆ”

 

“และเธอเองก็เป็นคนประเภทไม่ชอบฟังสิ่งที่ชาวบ้านเขาพูดด้วยเลยยังไงเล่า!

โดยปกติแล้วฮิโตสึบะซังเองก็ควรจะพูดเตือนผมว่าอย่าแอบดูเธอตอนที่เธอกำลังอาบน้ำอะไรแบบนั้นด้วยใช่ไหมล่ะ?”

“ชั้นหรอคะ? เป็นชั้นจะอ้าแขนต้อนรับยูยะคุงอย่างดีเลยค่ะ!”

 

แล้วถ้าเป็นงั้นจริงไหงถึงได้เบือนหน้าหนีแล้วเอาแขนไปกอดตัวเองอยู่แบบนั้นล่ะครับ?

ผมสับสนกับการกระทำที่ดูขัดแย้งกับคำพูดของเธอโครตๆแล้วนะเนี่ย

ฉะนั้นได้โปรดช่วยพูดอะไรแล้วก็ช่วยทำตามอย่างนั้นด้วยเถอะนะครับ

แต่ก็นะแก้มที่แดงระเรื่อของเธอพร้อมกับปากมุ่ยๆของเธอนั้นมันก็ดูน่ารักดีนะ….

 

“อ่าๆ คร้าบๆ ไว้จะไปแอบดูนะครับถ้ามีโอกาสแต่ผมไม่ชอบให้ใครมาแอบดูผม เพราะงั้นขอร้องล่ะครับช่วยอย่าทำแบบนั้นด้วยเถอะนะครับ….”

 

เรื่องท่าทางที่ค่อนข้างน่ารักน่าเอ็นดูของฮิโตสึบะซังนั้นช่างมันก่อนก็แล้วกัน

ผมเอาพวกเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มพวกชุดนอนและผ้าเช็ดตัวของผมออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่ผมจัดเตรียมมา

ด้วยเหตุผลบางอย่างบ้านหลังนี้ติดตั้ง ทีวี,เครื่องบันทึก,เครื่องฟอกอากาศเพื่อเพิ่มความชื้นและเครื่องใช้อื่นๆแต่กลับไม่มีเครื่องซักผ้ากับตู้เย็นเลยแล้วอีกอย่าง

คือทั้ง มีหม้อ,กระทะแล้วก็มีด แต่ดันไม่มีเครื่องใช้ที่เอาไว้ใช้บนโต๊ะอาหารเลยสักนิด

แล้วนี่ผมจะทำยังไงดีกับการที่ไม่มีของพวกนั้นเลยล่ะเนี่ย?

 

“ที่ชั้นบอกว่าเราควรไปซื้อของกันพรุ่งนี้น่ะ  ไว้ช่วงเช้าเราแวะไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนเพื่อเลือกเครื่องซักผ้าและตู้เย็นกันนะคะ จากนั้นก็ไปต่อที่ kappabashi แบบนั้นดีไหมคะ? เพื่อที่จะได้ไปเลือกพวกจานชามกัน อันที่จริงชั้นจะเลือกเองก็ได้แหละค่ะ แต่ว่าชั้นอยากจะไปช้อปปิ้งพร้อมกับยูยะคุงค่ะ!”

(TL NOTE : Kappabashi เป็นย่านถนนที่จะมีร้านอาหารและร้านขายเครื่องครัวจานชามช้อนส้อมอุปกรณ์ทำครัวเรียงรายเต็มไปหมด)

 

เมื่อผมถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนั้นขณะที่กำลังเตรียมตัวรออาบน้ำ

เธอก็สาธยายว่านั่นคือสิ่งที่เธอวางแผนเอาไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง

“ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะว่าชายหญิงที่เพิ่งอยู่ร่วมชายคาเดียวกันถึงได้ไปช้อปปิ้งซื้อของใช้ด้วยกันแต่ว่าเรื่องแบบนี้มันใช้ได้กับเด็ก ม.ปลายได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?

แล้วไหนจะเรื่องเงินอีกล่ะ? อืม…ผมหมายถึง ก็พ่อของเธอเป็นประธานบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ใช่ไหมล่ะ?แล้วทำไมถึงไม่เอาของพวกนั้นจากที่บริษัทซะเลยล่ะ?”

“พ่อของชั้นเคยบอกเอาไว้น่ะค่ะ ว่าเราควรจะเลือกพวกข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าโดยดูว่าอันไหนมันเหมาะกับตัวของเราเองและอีกอย่างคือได้ฟังคำแนะนำของทางพนักงานขายด้วยค่ะ?”

 

งานนี้ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ

และถ้าหากว่าผมบอกว่าผมเห็นด้วยกับเขาเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะซื้ออะไรยังไงก็ได้ขอแค่มันใช้งานได้ก็พอ

แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่คุณใช่มันอยู่เป็นประจำทุกๆวันแล้วล่ะก็ มันคงเป็นการดีกว่าถ้าคุณลงสนามเช็คของพวกนี้ด้วยตัวของคุณเองก่อนที่จะเลือกซื้อมา

 

“อื้ม ผมเห็นด้วยนะเพราะต่อจากนี้เราจะได้อยู่ด้วยกัน เพราะงั้นเรามาเลือกสิ่งที่ทำให้พวกเราทั้งคู่มีความสุขกันดีกว่านะ อื้มๆผมตั้งตารอคอยวันพรุ่งนี้นะ”

 

มันเหมือนกับความฝัน

ผมคิดว่าผมกำลังจะได้กลายเป็นน้องชายของทากะซังไปแล้วซะอีกตอนที่ไอ้พ่อเฮงซวยของผมหนีไปต่างประเทศหลังจากที่ก่อหนี้ก้อนโตเอาไว้

แต่ฮิโตสึบะซังเธอก็เข้ามาช่วยผมเอาไว้และในทางกลับกันเราได้ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ด้วยกันและจะแต่งงานกันในอนาคตโดยที่ไม่คำนึงถึงความเต็มใจของผม

ในมุมมองของคนภายนอกแล้ว นี่อาจจะดูเหมือนเป็นสถานการณ์ที่ วิน-วิน ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและเอาจริงๆผมเองก็แอบคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

 

“ตอนนี้ห้องน้ำพร้อมแล้วนะคะ เข้าไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวชั้นจะถูหลังให้…..“

“อย่ามาตีเนียนขอเข้าด้วยเลยนะ! ถึงแม้ว่าเธอจะโอเค แต่ผมยังรู้สึกอายอยู่ดีนั่นแหละ เพราะงั้นช่วยรออยู่ข้างนอกแต่โดยดีเถอะนะครับ”

 

ผมดีดหน้าผากเธอเบาๆและเดินเข้าไปในห้องน้ำคนเดียวก่อนที่จะล็อคประตูลงกลอนอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการบุกรุกของฮิโตสึบะ คาเอเดะ

จากนั้นลูกบิดประตูก็สั่นสะท้าน

 

“นี่มันจะแปลกเกินไปแล้วนะคะ ยูยะคุง! แง ทำไงดี! ฮึบ! ประตูมันเปิดไม่ออกอ่ะ……”

 

ฮิโตสึบะซังเอะอะส่งเสียงดังแต่ผมก็ไม่ได้สนใจจนในที่สุดเสียงสั่นของลูกบิดประตูก็กลายเป็นเสียงเคาะประตูดัง‘ปังๆ’ ชวนหนวกหูแทน แต่ผมก็เมินเสียงเหล่านั้นทั้งหมด

 

“ผมไม่ต้องการให้เธอมาช่วยอาบให้หรอกนะ”

 

ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าจะทนแบบนี้ไปได้อีกสักกี่วัน

ไม่สิ บางทีตอนนี้ผมอาจจะ……

ผมคิดในใจในขณะที่ค่อยๆแช่ตัวเองลงในอ่างอาบน้ำ

อ่า ใช่สิ….ยังมีอีกหนึ่งปัญหานั่นก็คือเรื่องของห้องนอนสินะ

แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?

นี่ต้องนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเธอจริงๆอย่างนั้นหรอ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita 9: ขอผมอาบนํ้าคนเดียวเถอะนะครับ

Now you are reading Ryoushin no Shakkin wo Katagawari Shite Morau Jouken wa Nihon’ichi Kawaii Joshikousei to Issho ni Kurasu Koto Deshita Chapter 9: ขอผมอาบนํ้าคนเดียวเถอะนะครับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การเล่นติดตลกกลั่นแกล้งอย่างกับพวกเด็กๆอย่างการเขย่ากระป๋องน้ำอัดลมที่ยังไม่ได้เปิดก่อนที่จะยื่นมันมาให้ผมเปิดจนทำให้มันพุ่งเข้าใส่หน้าและเสื้อผ้าของผมจนเหนียวเหนอะและเปียกชุ่มไปหมด

ผมล่ะอยากจะบ่นถึงไอ้คนที่อยู่เบื้องหลังที่เขย่ากระป๋องนี่จริงๆ แต่พอได้เห็นฮิโตสึบะซังที่กำลังหัวเราะคิกคักสนุกสนานกับการที่เธอประสบความสำเร็จในการกลั่นแกล้งผมแล้ว

สุดท้ายผมก็เลือกที่จะระงับอารมณ์ของตัวเองที่อยากจะบ่นเธอไป

อย่างไรก็ตามพวกเรานั่งกินพิซซ่าของพวกเราขณะที่มันกำลังอุ่นได้ที่อยู่

พิซซ่าสองถาดที่ถาดนึงคือหน้าเนื้อและอีกถาดคือหน้าซีฟู้ด

เราทั้งคู่ต่างคนต่างไม่ได้กินพิซซ่ามาเป็นระยะเวลาที่นานมาพอสมควร

ตอนนี้พวกเราทั้งคู่ต่างก็พากันหิวโหยจนกินแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว

 

“เอาล่ะ ตอนนี้ผมอิ่มแล้วล่ะ ก็เลยคิดว่าขอตัวไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกันนะ แล้วนี่ผมอาบได้ใช่ไหม?”

“แน่นอนสิคะ พวกเรามีทุกอย่างทั้ง แก๊ส,เครื่องใช้ไฟฟ้ารวมถึงน้ำดังนั้นนายไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรหรอกค่ะ”

 

 

ถ้างั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย

ระหว่างทางไปอาบน้ำผมก็ทำการสำรวจรอบๆตัวบ้านไปด้วย

แล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมก็เลยลองไล่เปิดประตูดูทีละบานแต่กลับต้องมาผงะกับเตียงคิงส์ไซส์พร้อมฟูกนอนขนาดใหญ่กับหมอนสองใบซึ่งมันดูเหมือนกับห้องนอนของพวกคู่รักอะไรแบบนั้น

แล้วนี่หมายความว่าผมต้องนอนที่เตียงนี่กับฮิโตสึบะซังอย่างนั้นเรอะ?

ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาเข้านอน

ผมก็เลยเอาคำถามต่างๆนาๆวางไว้ก่อนและมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำ

อ่างอาบน้ำเองก็ขนาดใหญ่จนน่าตกใจไม่แพ้กัน มันมีพื้นที่ที่กว้างขวางมากพอที่ให้เราทั้งคู่อาบพร้อมกันแล้วเหยียดขาได้จนสุดเพื่อผ่อนคลายไปด้วยกันได้

เห๊ะ…..นี่เมื่อกี้นี้ ผมพึ่งคิดว่าสักวันหนึ่งผมจะได้อาบน้ำกับฮิโตสึบะซังอย่างงั้นหรอ?

 

“ถึงกับคิดเรื่องพรรณนั้นได้เนี่ย….นี่อะไรบางอย่างในตัวชั้นมันได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วงั้นสินะ?……”

 

บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องของเวลาจนถึงเหตุผลและความเหมาะสม

นอกจากนี้มันก็จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าภาวะหลงผิดของวัยรุ่นเนี่ยมันอาจจะเป็นอันตรายได้

ถ้าเป็นตอนปกติผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนแบบนี้เลยด้วยซ้ำนะ

แต่ถ้าจู่ๆคุณลองได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับสาวงามระดับเทพธิดาอย่างฮิโตสึบะซังล่ะก็ คุณเองก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเผลอตัวทำผิดพลาดอะไรลงไปบ้าง

 

“ชั้นเองก็ไม่รังเกียจอะไรหรอกนะคะ ถ้าเกิดว่าเกิดพลาดท่าขึ้นมาล่ะก็ อันที่จริงชั้นยินดีกับเรื่องแบบนั้นด้วยซ้ำค่ะ”

 

เอ๊ะ ! นั่นไม่ใช่เสียงของผมนะ แล้วใครพูดกันล่ะ?

ก่อนที่ผมจะรู้ตัวฮิโตสึบะซังเธอก็มายืนอยู่ด้านหลังของผมพร้อมกับกอดแขนของตัวเองและแสดงท่าทางที่ดูสงบเสงี่ยมแต่ว่าขาของเธอดันสั่นงึกๆงักๆแทนซะงั้น

เธอพูดออกมาเองแท้ๆว่ายินดีกับเรื่องแบบนั้นแต่นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอก็แค่พูดข่มไปงั้นๆแหละ

 

“ผมจะไม่ฝืนตัวเองไปทำกับคนที่ไม่เต็มใจด้วยหรอกนะ เธอเองก็ควรที่จะทำเรื่องแบบนั้นก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างฝ่ายต่างมีความรักให้กันและกันจะดีกว่านะ”

“ชั้นยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะคะ แต่ชั้นก็ดีใจนะคะที่ยูยะคุงคิดแบบนั้น แต่ก็ตามนั้นเลยค่ะสำหรับยูยะคุงแล้วชั้นยินดีเสมอค่ะ ดังนั้นช่วยจำไว้ด้วยนะคะ”

 

ช่วยเลิกพูดจาที่ทำให้ใจของชาวบ้านเขาเต้นแรงสักทีจะได้ไหมครับ!!

ขืนเป็นแบบนี้ผมจะหลงรักเธอแบบหัวปักหัวปำแล้วนะ! 

‘เฮ้อ…..’ 

ตอนนี้ผมรู้สึกไม่แน่ไม่นอนกับตัวเองแล้วสิ

ผมถอนหายใจด้วยความรู้สึกหงุดหงิดปนรำคาญหน่อยๆ

อย่างน้อยให้ผมได้ต่อต้านเธอสักหน่อยเถอะนะ

ผมอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย ฮิโตสึบะ คาเอเดะ

 

“แล้วนี่…ยูยะคุงคิดจะอาบน้ำคนเดียว…..หรอคะ?”

“นี่ฮิโตสึบะซัง…..ตัวเองพูดแบบนั้นแท้ๆ แล้วไหงถึงตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าแบบนั้นล่ะครับ?”

“ห๋า?…… นี่ชั้นไม่ได้กำลังสั่นอยู่เลยนะคะ ที่เห็นสั่นๆนั่นคงเป็นเพราะลูกตาของยูยะคุงเองต่างหากล่ะค่ะที่กำลังสั่นอยู่แบบนั้นไม่ใช่รึยังไงกันคะ? เห็นไหม……ชั้นปกติดีค่ะ”

 

เสียงของเธอสั่นเครือแต่การที่ยิ่งไปพูดจี้ใส่เธอก็ยิ่งจะทำให้เธอกระวนกระวายใจเพิ่มมากขึ้นไปเท่านั้น ผมยักไหล่แล้วเดินไปหยิบฝักบัวอาบน้ำวางไว้ที่อ่างอาบน้ำพร้อมกับเปิดก๊อกน้ำและกดปุ่มเครื่องทำความร้อนในอุณหภูมิ 41 องศา

เพียงเท่านี้ก็เตรียมการก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วสำหรับการอาบน้ำที่ผ่อนคลาย

 

“แน่นอนอยู่แล้วว่าผมจะเข้าไปอาบคนเดียว ส่วนเธอจะไปดูทีวีรอก็ได้นะฮิโตสึบะซัง แล้วก็อย่าได้คิดที่จะมาแอบดูเชียวล่ะ”

“ไม่ใช่ว่านี่มันแค่จิตวิทยาย้อนกลับหรอคะ? เช่น ถ้านายบอกว่าอย่าผลัก มันก็จะยิ่งทำให้อยากที่จะผลัก แล้วยิ่งถ้าพูดห้ามแอบดูแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกยุให้แอบดูอยู่เลยค่ะ พูดอีกนัยนึงก็คือจริงๆแล้วยูยะคุงอยากถูกแอบมองใช่ไหมล่ะคะ? แค่ไม่กล้าพูดกับชั้นตรงๆ”

 

“และเธอเองก็เป็นคนประเภทไม่ชอบฟังสิ่งที่ชาวบ้านเขาพูดด้วยเลยยังไงเล่า!

โดยปกติแล้วฮิโตสึบะซังเองก็ควรจะพูดเตือนผมว่าอย่าแอบดูเธอตอนที่เธอกำลังอาบน้ำอะไรแบบนั้นด้วยใช่ไหมล่ะ?”

“ชั้นหรอคะ? เป็นชั้นจะอ้าแขนต้อนรับยูยะคุงอย่างดีเลยค่ะ!”

 

แล้วถ้าเป็นงั้นจริงไหงถึงได้เบือนหน้าหนีแล้วเอาแขนไปกอดตัวเองอยู่แบบนั้นล่ะครับ?

ผมสับสนกับการกระทำที่ดูขัดแย้งกับคำพูดของเธอโครตๆแล้วนะเนี่ย

ฉะนั้นได้โปรดช่วยพูดอะไรแล้วก็ช่วยทำตามอย่างนั้นด้วยเถอะนะครับ

แต่ก็นะแก้มที่แดงระเรื่อของเธอพร้อมกับปากมุ่ยๆของเธอนั้นมันก็ดูน่ารักดีนะ….

 

“อ่าๆ คร้าบๆ ไว้จะไปแอบดูนะครับถ้ามีโอกาสแต่ผมไม่ชอบให้ใครมาแอบดูผม เพราะงั้นขอร้องล่ะครับช่วยอย่าทำแบบนั้นด้วยเถอะนะครับ….”

 

เรื่องท่าทางที่ค่อนข้างน่ารักน่าเอ็นดูของฮิโตสึบะซังนั้นช่างมันก่อนก็แล้วกัน

ผมเอาพวกเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มพวกชุดนอนและผ้าเช็ดตัวของผมออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่ผมจัดเตรียมมา

ด้วยเหตุผลบางอย่างบ้านหลังนี้ติดตั้ง ทีวี,เครื่องบันทึก,เครื่องฟอกอากาศเพื่อเพิ่มความชื้นและเครื่องใช้อื่นๆแต่กลับไม่มีเครื่องซักผ้ากับตู้เย็นเลยแล้วอีกอย่าง

คือทั้ง มีหม้อ,กระทะแล้วก็มีด แต่ดันไม่มีเครื่องใช้ที่เอาไว้ใช้บนโต๊ะอาหารเลยสักนิด

แล้วนี่ผมจะทำยังไงดีกับการที่ไม่มีของพวกนั้นเลยล่ะเนี่ย?

 

“ที่ชั้นบอกว่าเราควรไปซื้อของกันพรุ่งนี้น่ะ  ไว้ช่วงเช้าเราแวะไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนเพื่อเลือกเครื่องซักผ้าและตู้เย็นกันนะคะ จากนั้นก็ไปต่อที่ kappabashi แบบนั้นดีไหมคะ? เพื่อที่จะได้ไปเลือกพวกจานชามกัน อันที่จริงชั้นจะเลือกเองก็ได้แหละค่ะ แต่ว่าชั้นอยากจะไปช้อปปิ้งพร้อมกับยูยะคุงค่ะ!”

(TL NOTE : Kappabashi เป็นย่านถนนที่จะมีร้านอาหารและร้านขายเครื่องครัวจานชามช้อนส้อมอุปกรณ์ทำครัวเรียงรายเต็มไปหมด)

 

เมื่อผมถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนั้นขณะที่กำลังเตรียมตัวรออาบน้ำ

เธอก็สาธยายว่านั่นคือสิ่งที่เธอวางแผนเอาไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง

“ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะว่าชายหญิงที่เพิ่งอยู่ร่วมชายคาเดียวกันถึงได้ไปช้อปปิ้งซื้อของใช้ด้วยกันแต่ว่าเรื่องแบบนี้มันใช้ได้กับเด็ก ม.ปลายได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?

แล้วไหนจะเรื่องเงินอีกล่ะ? อืม…ผมหมายถึง ก็พ่อของเธอเป็นประธานบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ใช่ไหมล่ะ?แล้วทำไมถึงไม่เอาของพวกนั้นจากที่บริษัทซะเลยล่ะ?”

“พ่อของชั้นเคยบอกเอาไว้น่ะค่ะ ว่าเราควรจะเลือกพวกข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าโดยดูว่าอันไหนมันเหมาะกับตัวของเราเองและอีกอย่างคือได้ฟังคำแนะนำของทางพนักงานขายด้วยค่ะ?”

 

งานนี้ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ

และถ้าหากว่าผมบอกว่าผมเห็นด้วยกับเขาเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะซื้ออะไรยังไงก็ได้ขอแค่มันใช้งานได้ก็พอ

แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่คุณใช่มันอยู่เป็นประจำทุกๆวันแล้วล่ะก็ มันคงเป็นการดีกว่าถ้าคุณลงสนามเช็คของพวกนี้ด้วยตัวของคุณเองก่อนที่จะเลือกซื้อมา

 

“อื้ม ผมเห็นด้วยนะเพราะต่อจากนี้เราจะได้อยู่ด้วยกัน เพราะงั้นเรามาเลือกสิ่งที่ทำให้พวกเราทั้งคู่มีความสุขกันดีกว่านะ อื้มๆผมตั้งตารอคอยวันพรุ่งนี้นะ”

 

มันเหมือนกับความฝัน

ผมคิดว่าผมกำลังจะได้กลายเป็นน้องชายของทากะซังไปแล้วซะอีกตอนที่ไอ้พ่อเฮงซวยของผมหนีไปต่างประเทศหลังจากที่ก่อหนี้ก้อนโตเอาไว้

แต่ฮิโตสึบะซังเธอก็เข้ามาช่วยผมเอาไว้และในทางกลับกันเราได้ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ด้วยกันและจะแต่งงานกันในอนาคตโดยที่ไม่คำนึงถึงความเต็มใจของผม

ในมุมมองของคนภายนอกแล้ว นี่อาจจะดูเหมือนเป็นสถานการณ์ที่ วิน-วิน ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและเอาจริงๆผมเองก็แอบคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

 

“ตอนนี้ห้องน้ำพร้อมแล้วนะคะ เข้าไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวชั้นจะถูหลังให้…..“

“อย่ามาตีเนียนขอเข้าด้วยเลยนะ! ถึงแม้ว่าเธอจะโอเค แต่ผมยังรู้สึกอายอยู่ดีนั่นแหละ เพราะงั้นช่วยรออยู่ข้างนอกแต่โดยดีเถอะนะครับ”

 

ผมดีดหน้าผากเธอเบาๆและเดินเข้าไปในห้องน้ำคนเดียวก่อนที่จะล็อคประตูลงกลอนอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการบุกรุกของฮิโตสึบะ คาเอเดะ

จากนั้นลูกบิดประตูก็สั่นสะท้าน

 

“นี่มันจะแปลกเกินไปแล้วนะคะ ยูยะคุง! แง ทำไงดี! ฮึบ! ประตูมันเปิดไม่ออกอ่ะ……”

 

ฮิโตสึบะซังเอะอะส่งเสียงดังแต่ผมก็ไม่ได้สนใจจนในที่สุดเสียงสั่นของลูกบิดประตูก็กลายเป็นเสียงเคาะประตูดัง‘ปังๆ’ ชวนหนวกหูแทน แต่ผมก็เมินเสียงเหล่านั้นทั้งหมด

 

“ผมไม่ต้องการให้เธอมาช่วยอาบให้หรอกนะ”

 

ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าจะทนแบบนี้ไปได้อีกสักกี่วัน

ไม่สิ บางทีตอนนี้ผมอาจจะ……

ผมคิดในใจในขณะที่ค่อยๆแช่ตัวเองลงในอ่างอาบน้ำ

อ่า ใช่สิ….ยังมีอีกหนึ่งปัญหานั่นก็คือเรื่องของห้องนอนสินะ

แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?

นี่ต้องนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเธอจริงๆอย่างนั้นหรอ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+