World domination system 131 ความฝัน

Now you are reading World domination system Chapter 131 ความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

World domination system

 

WDS Chapter 131 ความฝัน

 

หากมองดูเมืองหลวงของพวกเอลฟ์ เอลฟาเวน จากด้านบนพวกเขาจะเห็นสิ่งหนึ่งอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือ เส้นสีเหลืองที่ยืดยาวจากบนยอดเขาไปยังส่วนอื่นๆ

 

ที่ศูนย์กลางของเส้นนี้ จะมองเห็นวงกลมขนาดใหญ่หลากหลายสีสัน และมันปกคลุมด้วยโดมโปร่งใส

 

ที่นี่คือพระราชวังซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้ปกครองราชอาณาจักรพร้อมกันนั้น เป็นเหล่าข้าราชการที่ดูแลงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานในเอลดินอร์

 

แตกต่างจากพระราชวังของแลนธานอร์ ที่เป็นอาคารขนาดใหญ่และหอคอยแหลมสูงเพียงแห่งเดียว ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่ใจกลาง พระราชวังของเอลดินอร์มีหอคอยหลายแห่งและมีความสูงที่แตกต่างกันออกไป

 

ในห้องนอนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งภายในพระราชวัง เอลดร้านั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ขณะที่มองไปยังทิวทัศน์อันงดงามของเมืองหลวง

 

เธอถือหวีไม้ไว้ในมือ และค่อยๆหวีผมของตัวเองอย่างช้าๆ

 

ในฉับพลัน เสียงเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งมันก็ทําให้เธอตื่นจากภวังค์และรีบตอบรับ

 

เอลฟ์ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาคํานับเธอและส่งจดหมายปิดผนึกให้กับเธอ เช่นเดียวกับเอลฟ์ส่วนใหญ่ ร่างกายของเขาดูอ่อนช้อยเป็นอย่างมาก ราวกับมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความเร็วและความสง่างาม มากกว่าที่จะเป็นความแข็งแกร่ง

 

เธอเปิดจดหมายและหยิบกระดาษออกมา

 

ทั้งเครื่องประดับเวทมนต์ข้อความและเครื่องประดับเวทมนต์สื่อสาร มันต่างก็อยู่ในรูปของกระดาษ และเห็นได้ชัดว่า สิ่งนี้เป็นอย่างแรก

 

“วันนี้ข้าโชคดีนัก ไม่ใช่เชื่อเลยว่าข้าจะพบ

 

หยุดข้อความในใจของตัวเอง เอลดร้าร่ายคาถาพิเศษ ซึ่งทําให้บอลเพลิงสีเงินขนาดเล็กปรากฏขึ้น

 

แทนที่มันจะรุนแรงเหมือนการสังหารสายลับในแลนธานอร์ในครั้งก่อน ในครั้งนี้ มันค่อนข้างจะแผ่วเบา เปลวเพลิงลุกไหม้อยู่บนปลายนิ้วของเธอ รอให้เธอออกคําสั่งกับมัน

 

จากนั้น เธอก็ใช้มันเผากระดาษ หลังจากกระดาษไหม้ทั้งหมดแล้ว มันก็ได้ปรากฏเหรียญโลหะสีเหลี่ยมขนาดเล็กเท่าเล็บมือ

 

นี่เป็นกระดาษพิเศษที่มีการฝังเครื่องประดับเวทมนต์ซ้อนไว้ในขณะสลัก หากใช้เปลวเพลิงปกติเผา มันจะถูกทําลายไปพร้อมกับกระดาษโดยไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ

 

หลังจากฟังข้อความจากภายในเหรียญแล้ว การแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นตระหนกและเธอก็รีบออกไปจากห้อง เดินไปยังห้องประชุมอย่างเร็วที่สุด

 

แตกต่างจากราชอาณาจักรอื่นๆที่มีห้องบัลลังก์ ในฐานะประเทศประชาธิปไตย เอลดินอร์มีห้องประชุมที่ผู้ปกครองจะปรึกษาหารือกับเหล่าผู้แทนจากการเลือกตั้ง เพื่อที่จะสามารถดําเนินเรื่องที่จะทําได้อย่างเป็นเอกฉันท์

 

ในครั้งนี้ เอลดร้าได้ร้องขอให้จัดประชุมกับราชินี, นักยุทธศาสตร์ และเอนชานเตอร์ระดับสูงของราชอาณาจักร เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้จากสายลับ

 

ขณะที่เธอเข้าไป เธอพบว่าตัวแทนที่เหลือถูกสั่งให้ออกไปก่อนที่เธอจะส่งมอบข้อความ

 

หลังจากรอให้พวกเขาทั้งหมดออกไปแล้ว เอลดร้าก็ทําการโค้งคํานับ 45 องศา ที่เป็นการทักทายอย่างเป็นทางการตามมาตรฐานในเอลดินอร์ นี่เป็นผลมาจากลักษณะนิสัยและความภาคภูมิใจในตนเองของพวกเอลฟ์ ซึ่งทําให้พวกเขาดูถูกการคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น เช่นเดียวกับที่ทําในแลนธานอร์

 

“กล่าวมา” ราชินีกล่าวหลังจากที่เธอปิดประตูด้วยคลื่นพลังของเธอ

 

ห้องประชุมเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีที่นั่ง 100 ตัวอยู่ทั้ง 2 ข้าง ระหว่างทางเดินจากประตูสู่เก้าอี้ของผู้ปกครอง ซึ่งมันดูเหมือนจะเป็นเพียงเก้าอี้ไม้สูงธรรมดา แต่หากใครเข้าไปมองใกล้ๆ พวกเขาจะเห็นว่า มีรูปแบบพิเศษมากมายถูกสลักไว้ในไม้ โดยรวมแล้ว หากใครจ้องมันเป็นเวลานาน พวกเขาจะพบว่าตัวเองหลงทางและติดอยู่ในเขาวงกตของลายเส้นและภาพวาดพิเศษ ซึ่งสามารถจะขโมยวิญญาณของผู้มองด้วยความงดงามและความซับซ้อนของมัน

 

เอดร้ายืนอยู่ด้านหน้าเก้าอี้ไม้ ขณะที่มีเอลฟ์อีก 6 คนจดจ้องมาที่เธอ

 

“องค์ราชินี แหล่งข่าวของพวกเรารายงานมาว่า ราชาได้สั่งสร้างโต๊ะยาวสําหรับการสลักจํานวนมากผิดปกติ จากนั้น เขาก็ได้เรียกเหล่าเอนชานเตอร์และช่างตีเหล็กที่เขารับสมัครไปพบในห้องลับ หลังจากที่ทุกคนออกมาจากห้อง ทุกคนต่างก็มีการแสดงออกที่น่าตกใจบนใบหน้า แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจะยังไม่แน่ชัด แต่ข้ารีบนําเรื่องนี้มารายงาน เพราะท่านบอกให้ข้าจัดลําดับความสําคัญต่างๆที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

 

เอลดร้าไม่ได้คาดหวังกับรายงานไว้สูงมากนัก ดังนั้น เธอจึงตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับข่าวว่า ราชาแห่งแลนธานอร์ได้จัดตั้งฝ่ายวิจัยขึ้นมาใหม่ ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นดั่งภัยคุกคามขนาดใหญ่สําหรับเอลดินอร์

 

แม้เธอจะไม่สามารถจินตนาการได้มากนัก และสับสนกับชุดคําสั่งแปลกๆของราชาแห่งแลนธานอร์ แต่เธอก็ยังคงทําหน้าที่ของเธอและรีบรายงานต่อราชินี

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นการแสดงออกที่ประหลาดใจบนใบหน้าของเอลฟ์ทั้งหกและราชินีแล้ว เธอก็รู้ได้ในทันทีว่า พวกเขาได้รับเบาะแสบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว

 

“ท่านปรมาจารย์เซนบาร์ โปรดนําต้นแบบออกมา” ราชินีกล่าวหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้น หนึ่งในเอลฟ์ที่อยู่ในห้องก็พยักหน้าและหายตัวไป

 

พระราชวังของเอลดินอร์ ไม่ได้มีการปิดกั้นมิติโดยสิ้นเชิงเหมือนอย่างพระราชวังของแลนธานอร์ บางบุคคลที่มีสิทธิ์จะสามารถผ่านการปิดกั้นมิติและทําการเทเลพอร์ตได้ จนถึงวันนี้นี่เป็นหนึ่งในความสําเร็จที่เอลดินอร์ภาคภูมิใจ

 

ไม่กี่นาทีต่อมา เอลฟ์คนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งด้านหลังเอลดร้า ขณะที่เธอหันหลังไปมอง เธอก็ได้เห็นว่า เขามาพร้อมกับโต๊ะไม้กลมตัวหนึ่ง

 

รอบโต๊ะตัวนี้ มีเก้าอี้ 6 ตัว ที่ด้านหน้าเป็นพื้นที่สําหรับการสลัก ซึ่งมันทําให้เธอคิดย้อนกลับไปถึงรายงานที่สายลับส่งมา

 

เห็นเธอตกใจ ราชินีก็กล่าวว่า “สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน จากทฤษฎีของเอนชานเตอร์ขั้น 3 ผู้หนึ่ง เขากล่าวว่าหากกระบวนการสลักสัญลักษณ์บนเครื่องประดับเวทมนต์ สามารถจะแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอนได้ ทุกคนจะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในแต่ละขั้นตอน และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้วยการฝึกฝนซ้ำไปซ้ำมาได้ในท้ายที่สุด มันจะทําให้พวกเขาสามารถแสดงประสิทธิภาพได้ถึงขีดสุด ที่แม้แต่เอนชานเตอร์ขั้นต่ำก็สามารถจะสร้างเครื่องประดับเวทมนต์ที่มีความเร็วเทียบเท่าหรือเหนือกว่าเอนชานเตอร์ที่ขันสูงกว่าพวกเขา มันเป็นความรู้ทั่วไปที่เป็นดั่งความฝันสําหรับการผลิตเครื่องประดับเวทมนต์ของพวกเรา สิ่งนี้จะสร้างรากฐานให้กับพวกเรา และปูทางให้พวกเราเข้าควบคุมศูนย์กลางของแอนแกเรียและกลายเป็นส่วนหนึ่งของบิ๊กโฟร์ จําเอาไว้เอลดร้า นี่เป็นเป้าหมายสูงสุดของเอลดินอร์”

 

เห็นเอลดร้าพยักหน้ารับเรื่องที่เธอเล่าแล้ว ราชินีก็กล่าวต่อว่า

 

“น่าเศร้า มันล้มเหลว ท่านปรมาจารย์ ท่านช่วยแสดงให้ดูด้วย”

 

เอลฟ์ที่นําโต๊ะมา หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากประเป๋าเสื้อของเขา

 

เริ่มจากการสลักครั้งแรก เขาใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในสลักแค่ละครั้งจนถึงครั้งสุดท้าย

 

หากแดนีลอยู่ที่นี่ เขาคงจะตกใจเพราะเห็นภาพเช่นเดียวกับที่เขาเคยสาธิตก่อนหน้านี้ แต่มันเสร็จสิ้นใน 30 นาที แทนที่จะเป็น 3 ชั่วโมง นี่แสดงให้เห็นว่า เอลฟ์คนนี้เป็นเอนชานเตอร์ขั้น 3

 

เอนชานเตอร์ขัน 3 ถูกระบุว่าเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ของประเทศใดๆ เพราะพวกเขามีความสามารถในการสร้างเครื่องประดับเวทมนต์สําหรับจอมเวทย์หรือนักสู้ผู้น่ายกย่องระดับมนุษย์ โดยทั่วไปแล้ว ในระดับพลังที่เท่ากัน คนที่ใช้เครื่องประดับเวทมนต์ตรงกับระดับพลังของพวกเขา จะสามารถเอาชนะคนที่ใช้เครื่องประดับเวทมนต์ที่ด้อยกว่าได้อย่างง่ายดาย

 

ในขณะนั้นเอง กระดาษที่อยู่ระหว่างการสลักครั้งสุดท้ายก็ร้อนขึ้น

 

หลังจากนั้นไม่นาน กระดาษก็เริ่มสั่นไหวและถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่านไป

 

การเอนชานท์ล้มเหลว

 

“องค์ราชินี มันเป็นไปไม่ได้ วิธีเดียวคือการปรับผังใหม่ มันเป็นสิ่งที่มีเพียงคนที่อยู่เบื้องหลังเขา ซึ่งสามารถจะวิเคราะห์ยุงและรู้วิธีจัดการกับพวกมันเท่านั้น ที่สามารถจะทําได้”

 

เอลฟ์คนนั้นกล่าวพร้อมกับแสดงสีหน้ายอมแพ้

 

ในเวลานี้ พวกเขาหวังว่าราชาหนุ่มแห่งแดนธานอร์จะเพียงแค่บลัฟพวกเขา ซึ่งสิ่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากความจริงที่ว่า แม้พวกเขาจะพลังของใช้เครือข่ายสายลับพวกเขามากเพียงใด แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ค้นพบร่องรอยใดๆของชายลึกลับผู้นี้

 

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ จากความจริงที่ว่า ราชาได้ครอบครองผังที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่มีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเท่านั้นที่สามารถจะทําได้ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับว่าพวกเขากําลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างมาก

 

ราชินีถอนหายใจออกมา ก่อนที่เธอจะตัดสินใจ

 

“จับตาดูเขาอย่างระมัดระวัง การได้รับผังมาจะทําให้พวกเราสามารถทําฝันของพวกเราให้เป็นจริงได้ แต่หากไม่ได้มา? แล้วเขาเผยแพร่มันออกไป ทั้งแอนแกเรียจะกลืนกินพวกเราจากผลิตภัณฑ์ที่เขาจะนําออกมาขายในไม่ช้า พวกเราสามารถจะนํามันมาศึกษาตั้งการทํางานของมันได้ ไม่ว่าอย่างไรข้าพนันได้เลยว่า มันจะค่อนข้างง่าย ไม่อย่างนั้น ด้วยความสามารถของคนของเขา พวกเขาคงจะไม่สามารถทําอะไรได้มากนัก จําไว้ให้ว่า ไม่มีสายลับคนใดผูกมัดกับพวกเรา ตอนนี้เจ้าออกไปได้แล้ว”

 

เอลดร้ารวบรวมสติของเธอและตอบรับ ก่อนจะออกจากห้องไปตามคําสั่งของราชินี เธอสาบานว่า เธอจะเพิ่มความพยายามในการติดตามการเคลื่อนไหวของราชาแห่งแลนธานอร์ทุกฝีก้าว

 

ในเวลาเดียวกันนั้น ในท่อระบายน้ำเก่าใต้พระราชวังของเอลดินอร์

 

ชายที่มีแลนทองกําลังคลานอยู่ในท่อ ซึ่งมีของเสียจํานวนมากปกคลุมทั่วร่างกายของเขา

 

ในขณะนั้น เขาไม่สนใจกลิ่นเหม็นที่อยู่รอบๆและมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป เขายังคงจดจําได้ว่า ผู้บัญชาการลูเธอร์กล่าวอะไรกับเขาบ้างในระหว่างการฝึกฝน

 

“ในฐานะสายลับ มันเป็นหน้าที่ของพวกเจ้าที่จะทําสิ่งที่ไม่มีใครสามารถจะทําได้ เพื่อรับใช้ราชอาณาจักร หากพวกเจ้าสามารถจะทํามันได้ดี ประชาชนนับล้านในราชอาณาจักรจะสามารถนอนหลับได้อย่างเป็นสุข แม้ว่าพวกเจ้าจะอยู่บนเตียงแห่งความตาย แต่เมื่อพวกเจ้าจดจําความจริงข้อนี้ได้ มันก็จะช่วยให้พวกเจ้าก้าวข้ามสิ่งนั้นและยิ้มอย่างภาคภูมิใจออกมาบนใบหน้าได้”

 

ด้วยคํากล่าวเหล่านี้ เขาไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบๆ ขณะที่ยังคงเดินหน้าต่อไป เขาอยู่คนเดียวในที่มืด ที่มีเพียงแสงจากเปลวเพลิงภายในดวงตาของเขาเท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด