World domination system 134 เป้าหมาย

Now you are reading World domination system Chapter 134 เป้าหมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

World domination system

 

WDS Chapter 134 เป้าหมาย

 

วันถัดมา ประตูชายแดนทางเหนือถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ และมีการหลั่งไหลเข้ามาของเกวียนขับเคลื่อนอีเธอร์ที่บรรจุด้วยกล่องไม้จํานวนมาก

 

ราชาได้ออกคําสั่งให้พวกเขารับกล่องเหล่านั้นมาตามจํานวนรายการที่ระบุไว้ หลังจากนําเข้ามาแล้ว พวกมันจะขนย้ายไปยังด้านข้างแทนที่จะนําเข้าไปภายในราชอาณาจัก

 

ได้ยินรายงานการส่งเมล็ดพันธุ์เช่นนั้น ราชากาดําก็รีบติดต่อแดนลเพื่อถามถึงสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังเส้นทางการขนส่งที่แปลกประหลาดนี้

 

ในครั้งนี้ ขณะที่เขาเปิดใช้งานเครื่องประดับเวทมนต์ราชากาดําเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของราชาแห่งแลนธานอร์ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่เขายอมรับข้อตกลง แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับมัน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ และคิดว่ามันเป็นการคิดไปเอง

 

ไม่ว่าอย่างไร ข้อตกลงก็ถูกยอมรับแล้ว มันไม่มีโอกาสที่สถานการณ์ที่อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้จะเกิดขึ้น

 

“เหตุใดเกวียนถึงหยุดอยู่ที่ชายแดน เมล็ดพันธุ์บอบบางเป็นอย่างมาก และจะดีที่สุดหากรีบปลูกมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้กําหนดส่งให้บิ๊กโฟร์ใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราไม่สามารถจะล่าช้าได้อีกแล้ว”

 

“ท่านไม่ต้องกังวลไป อย่างที่ท่านรู้ พวกเรามีฟาร์มจํานวนมากอยู่ที่ชายแดนเช่นกัน ซึ่งข้าได้ตัดสินใจแล้วว่า จะปลูกอีเชอร์ในฟาร์มที่ชายแดนเหล่านั้น ที่นั่นมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมอยู่แล้วข้าเพียงแค่ต้องส่งกําลังคนและทรัพยากรไปมากขึ้นเท่านั้นมันเป็นความตั้งใจของเขา ที่จะลงทุนในพื้นที่รอบๆชายแดน

 

“โอ้ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา การชําระเงินล่วงหน้าจะถูกส่งไปในไม่ช้า ข้าราชการของข้าจะติดต่อไปเพื่อช่วยในช่วงเริ่มปลูก”

 

ในห้องโถงของราชาแห่งแลนธานอร์ หลังจากตัดสายสื่อสารแล้ว แดนีลก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ยออกมาบนใบหน้าของเขา

 

นี่เป็นครั้งแรกที่แดนีลยืนหยัดเพื่อเป็นบุคคลไร้ปราณี ที่ไม่สนใจเกี่ยวกับการตายของผู้คนนับหมื่นๆจากการตัดสินใจของเขาหากความจริงของเสื่อมสภาพดินเกิดขึ้น มันจะมีคนจํานวนน้อยที่จะต้องตายเนื่องจากมันเป็นการทําลายการดํารงชีวิตของพวกเขา แน่นอน สงครามจะส่งผลให้เกิดความสูญเสียมากกว่ามาก

 

ตอนนี้ เขาได้ตัดสินใจที่ยากลําบาก แผนการที่ดีที่สุดที่ระบบเสนอ มันทําให้เขาจําเป็นจะต้องกลายเป็นคนไร้ปราณี อย่างไรก็ตาม แดนีลรู้สึกว่า ยังมีบางอย่างอีกที่ผลักดันให้เขาตัดสินใจเช่นนี้

 

สิ่งที่ปลอบใจเขาได้ก็คือ เขาไม่จําเป็นจะต้องรีบตัดสินใจในตอนนี้ เขาวางมันลงข้างๆ และเลือกที่จะตัดสินใจเรื่องเร่งด่วนในตอนนี้เสียก่อน

 

1 เอลดินอร์ : แม้ราชอาณาจักรเอลดินอร์จะเพียงแค่จับตาดูเขา แต่เขาก็รู้ว่าพวกเขาเป็นภัยคุกคามที่สําคัญ เขาไม่สามารถจะรับประกันได้ว่า บลัฟของเขาจะยื้อพวกเขาได้นานเพียงใดดังนั้น เขาจึงจําเป็นจะต้องหาวิธีสลายภัยคุกคามนี้ก่อนที่มันจะปรากฏขึ้น

 

2 แต้มประสบการณ์ : แดนีลตรวจสอบสถานะราชอาณาจักรอยู่เป็นประจํา ขณะที่เขาหวังว่า เขาจะได้รับแต้มประสบการณ์เพื่อซื้อเครื่องมือเพิ่มเติม มีเครื่องมือบางอย่างที่เขาสนใจซึ่งมันสามารถจะช่วยเขาได้อย่างแน่นอน น่าเศร้าที่ระบบหยุดมอบภารกิจให้เขาอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น เขาจึงต้องได้บรรลุเป้าหมายสําคัญอย่างอย่างหรือเพิ่มระดับความพึงพอใจ

 

3 จิตวิญญาณจักรวรรดิ : เรื่องของจิตวิญญาณจักรวรรดิก็อยู่ในใจของเขาด้วยเช่นกัน การเพิ่มระดับความพึงพอใจ มันเป็นดั่งการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะมันยังจะสามารถทําให้เขาเข้าถึงความรู้ที่มีอยู่ในจิตวิญญาณได้ แดนีลตระหนักดีว่าความรู้มีความสําคัญมากเพียงใด เขาจึงต้องการที่จะค์นหาความรู้ที่เก็บอยู่ภายในจิตวิญญาณ

 

4 คนชั้นสูงที่หลบหนี : เลือดของเขายังคงเดือดพล่านทุกครั้งที่คิดถึงช่วงเวลาที่คนชั้นสูง 2 คน ถูกพาตัวออกไป แม้เขาจะค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับทั้งสองเป็นเวลานาน แต่เขาก็ยังคงไม่ได้รับอะไรมากนัก

 

5 พลังส่วนตัว : นี่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด แม้เขาจะมีเวลาในการฝึกฝนมากขึ้นในช่วงหลังมานี้ แต่เขาก็ยังคงเป็นเพียงจอมเวทย์และนักสู้ผู้โดดเด่นระดับมนุษย์ หากเขาต้องการปกป้องและกลายเป็นดั่งป้อมปราการให้กับแลนธานอร์ด้วยตัวเอง เขาจะต้องรีบหาวิธีที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองอย่างเร็วที่สุดเป็นอีกครั้งที่เขาต้องการแต้มประสบการณ์ เพราะมีเครื่องมือบางอย่างที่สามารถจะช่วยเขาแก้ปัญหานี้ได้

 

หลังจากคิดเกี่ยวกับรายการเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนแล้วแดนลก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่สามารถจะแก้ไขปัญหาหลายๆอย่างได้ก็คือ การเพิ่มระดับความพึงพอใจ

 

ขณะที่เขากําลังจะบอกให้ระบบค้นหาวิธีจัดการกับมันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เมื่อประตูเปิดออก เคลเลอร์ที่ใบหน้าซีดขาวก็เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะกล่าวว่า

 

“โจนาห์อยู่ที่ประตูพระราชวัง”

 

ไม่กี่นาทีต่อมา ภายในห้องบัลลังก์ของราชอาณาจักรแลนธานอร์

 

แดนีลนั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมการแสดงออกที่ประหลาดใจบนใบหน้า อดีตอาจารย์ของเขาปรากฏตัวขึ้นที่ประตูในฉับพลันและร้องขอที่จะพบราชา

 

เขารู้ว่า อดีตอาจารย์ของเขาเข้าใจดีว่าการเข้ามายังพระราชวัง เป็นดั่งการฆ่าตัวตาย เว้นแต่เขาจะเติบโตเป็นผู้ทรงพลังระดับผู้ชนะในฉับพลัน ไม่มีทางที่เขาจะสร้างภัยคุกคามใดๆแก่แดนีลได้

 

เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีอันตราย แดนีลจึงให้โจนาห์มาพบเขาในห้องบัลลังก์

 

ล้อมรอบโดยแอรัน, แคสแซนดร้า และทหารชั้นสูงอีก 50 นายโจนาห์เดินเข้ามาพร้อมยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า

 

ขณะที่แดนีลเห็นเขา เขาก็ตระหนักได้ว่า มีบางอย่างแตกต่างออกไป

 

หลังจากที่โจนาห์เปิดปากกล่าวออกมา ทุกอย่างก็กลายเป็นชัดเจน

 

“แดนล นี่เป็นเพียงร่างโคลน ร่างต้นของข้าอยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ข้าหมายความว่า มันไม่เป็นอันตรายใดและข้าก็เพียงแค่มาบอกเจ้าบางสิ่งด้วยความปรารถนาดีร่างโคลนนี้ไม่มีพลังและไม่ได้มีอะไรติดตัวมาด้วยหากเจ้าต้องการสามารถให้เคลเลอร์ตรวจสอบได้”

 

แดนีลพยักหน้าไปที่เคลเลอร์ เขาเฝ้าดูขณะที่จอมเวทย์ราชสํานักใหญ่ทําการค้นเสื้อผ้าของโจนาห์อย่างละเอียดสําหรับว่าจะเป็นร่างโคลนหรือร่างจริง มันไม่ได้สําคัญมากนักเพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่สามารถจะต้านทานพลังของกรงเล็บมังกรได้

 

“ข้าต้องการที่จะพูดคุยอย่างเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของแอนแกเรีย เจ้ารู้ว่าข้าไม่สามารถจะทําอันตรายกับเจ้าได้”

 

แดนีลพยักหน้าให้เคลเลอร์อีกครั้ง เพื่อออกคําสั่งให้เขาพาทุกคนออกไป

 

ตั้งแต่ที่เขาได้ยินคํากล่าวของเคลเลอร์ในห้องโถงของราชาแดนีลก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองภายในใจ

 

ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเคยเป็นคนที่เขาชื่นชม แดนลมักจะรู้สึกขอบคุณเขาและสาบานว่าจะตอบแทนสําหรับสิ่งที่เขาทํา

 

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาทะลวงสิ่งกีด ขวางและนําคนชั้นสูงออกไป

 

ไม่ว่าแรงจูงใจของเขาจะเป็นอะไรก็ตาม เขาได้ละเมิดต่ออํา

นาจของราชา

 

ดังนั้น เขาจึงเป็นคนทรยศ

 

หลังจากทุกคนออกจากห้องไปแล้ว โจนาห์ก็มองไปยังแดนีลไม่กี่วินาที เมื่อเขาสังเกตเห็นความโกรธเคืองในดวงตาของแดนีลแล้ว เขาก็ถอนหายใจก่อนจะเริ่มกล่าว

 

“แดนีล ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธข้าเพราะสิ่งที่ข้าทํา แม้ข้าจะไม่สามารถบอกเหตุผลที่ข้ากระทําเช่นนั้นกับเจ้าได้ แต่สิ่งที่ข้าสามารถจะบอกเจ้าได้ในตอนนี้ก็คือข้าไม่มีทางเลือก”

 

ได้ยินคํากล่าวเหล่านั้น แดนีลพยายามควบคุมอารมณ์ของ

เขา

“เหตุใดท่านถึงมาที่นี่?” เขาถามขณะกัดฟันแน่น ทําให้โจนาห์อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาที่ได้เห็นความโกรธของศิษย์เก่า

ของเขา

 

“แดนีล สิ่งแรกและเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุด ข้าเป็นชาวแคนธานอร์ ราชอาณาจักรแห่งนี้เป็นบ้านเกิดของข้า และข้ารักมันไม่น้อยไปกว่าเจ้า แม้กระนั้น ข้าก็ยังคงเลือกไปยืนข้างเชิร์ช เจ้าไม่เคยสงสัยหรือว่ามันเป็นเพราะเหตุใด?”

 

แน่นอนว่า คําถามนี้วนเวียนอยู่ภายในหัวของแดนีลหลายต่อหลายครั้ง ในความเป็นจริง และแม้แต่เคลเลอร์ก็ยังยกเรื่องนี้ขึ้นมา

 

“เพราะครอบครัวของท่านถูกสังหารโดยราชาริชาร์ดและท่านต้องการที่จะแก้แค้น”

 

ได้ยินคําตอบเช่นนั้น ความโศกเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโจนาห์

 

“ไม่ แดนีล ข้ามาเพราะข้าต้องการแสดงให้เจ้าเห็นถึงเหตุผลที่ข้าตัดสินใจสาบานตนต่อเชิร์ช หากเจ้าสนใจประชาชนที่เจ้ากําลังปกครองอยู่ในตอนนี้ ก็ตามข้าไปที่กระท่อมเก่าของข้า”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด