คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 281 วิธีกำจัดเลือดคั่ง / 282 มีคนซุ่มโจมตี

Now you are reading คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา Chapter 281 วิธีกำจัดเลือดคั่ง / 282 มีคนซุ่มโจมตี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 281 วิธีกำจัดเลือดคั่ง

ซ่งซานเฉียนกวาดสายตามองกระดาษสีเหลืองอ่อนในมืออย่างละเอียด ตัวอักษรบนนั้นเขียนด้วยถ่าน แตกต่างกับตัวอักษรที่ใช้พู่กันหมึกทั่วไปเขียนอย่างมาก นี่ทำให้เขานึกถึงใบสั่งยาที่คุณชายเมิ่งเคยให้เขาดูก่อนหน้านี้ทันที เพราะตัวอักษรคล้ายกันยิ่งนัก แม้กระทั่งใช้ถ่านเขียนเหมือนกันด้วย

เขาช้อนสายตามองหนุ่มสาวตรงหน้าตู้สินค้า บุรุษสูงใหญ่หล่อเหล่า ท่าทางไม่ธรรมดา ส่วนสตรีตัวเล็กทว่างดงาม ดูมีชีวิตชีวายิ่ง

สายตาของซ่งซานเฉียนวาดผ่านใบสั่งยาในมือ “ขมิ้นชัน ซำเล้ง ปลิง ลิ่น?” เขาเงยหน้ามองบุรุษและสตรีตรงหน้าอีกครั้ง แล้วถามซ้ำว่า “ขมิ้นชันและซำเล้งล้วนเป็นยาที่ช่วยไหลเวียนเลือด ทว่าปลิงและลิ่นใช้ทำอะไรกัน”

“ย่อมใช้กำจัดเลือดอุดตันเจ้าค่ะ ท่านหมอซ่ง ท่านทราบหรือไม่เจ้าคะ ว่าจะหาซื้อยาทั้งสี่อย่างนี้ได้ไหนที่บ้าง” ไป๋จื่อเอ่ยถาม

ซ่งซานเฉียนส่ายหน้า “เจ้าซื้อยาที่สี่ชนิดนี้ที่เมืองชิงหยวนไม่ได้หรอก สามปีก่อนข้าไปเมืองหลวงมาครั้งหนึ่ง เคยเห็นปลิงและลิ่นจากร้านสมุนไพรที่เมืองหลวง ทว่าไม่เคยเห็นที่เมืองชิงหยวนมาก่อน”

หมอที่มีฝีมือดีล้วนไปทำมาหากินที่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่อื่นๆ ใครจะอยู่ที่เมืองขนาดเล็กเช่นเมืองชิงหยวนกัน หากไม่มีหมอที่เก่ง ก็ย่อมไม่มีวัตถุดิบยาที่ครบครัน

ไป๋จื่อเดาไว้แล้วว่าจะพบกับเรื่องเช่นนี้ นางถอนใจด้วยความผิดหวังครั้งหนึ่ง แล้วยื่นมือไปรับใบสั่งยาของตนเองกลับมา ก่อนจะกล่าวกับหมอซ่งและผู้ดูแลร้านว่า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ในเมื่อซื้อไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่นแล้ว” โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง น่าจะพอหาปลิงในคูนำหรือตามทุ่งนาได้

ส่วนลิ่น นั่นทำได้แค่ไปยังภูเขาลั่วอิง

เดิมทีชาตินี้นางไม่อยากไปที่ภูเขาลั่วอิงอีกแล้ว ทว่าเวลานี้เหมาะกับการรักษาอาการป่วยของหูเฟิงที่สุด นางไม่อาจยอมแพ้เพราะความหวาดกลัวของตนเองได้

หลังจากพวกเขาทั้งสองคนซื้อขมิ้นชันและซำเล้งได้แล้ว ครั้นเห็นทั้งสองคนจะจากไป หมอซ่งก็รีบเรียกพวกเขาไว้ “แม่นาง ข้ามีเรื่องอยากขอคำชี้แนะ”

ไป๋จื่อเลิกคิ้ว “ท่านหมอซ่งเชิญกล่าว”

ซ่งซานเฉียนชี้ไปที่ใบสั่งยาในมือเด็กสาว “ไม่ทราบว่าหมอท่านใดออกใบสั่งยานี้ให้แม่นางหรือ”

“เหตุใดท่านถึงถามเจ้าคะ” เด็กสาวถาม

หมอซ่งยิ้ม สีหน้ากระอักกระอ่วนอยู่บ้าง “คืออย่างนี้ ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นใบสั่งยาหนึ่ง ลายมือบนนั้นคล้ายกับบนใบสั่งยานี้มาก อีกทั้งเขียนรายละเอียดต่างๆ อย่างละเอียดยิบ ข้าอยากพบผู้มีความสามารถท่านนั้นมาโดนตลอด แต่กลับไม่มีโอกาส”

“วันนี้ได้เห็นใบสั่งยาของแม่นาง ข้าจึงนึกถึงคนผู้นั้นในทันที และหวังว่าแม่นางจะทำให้ข้าสมปรารถนาสักครั้ง”

คล้ายกับลายมือบนใบสั่งยาในมือนาง?

หลังจากที่นางมาถึงโลกใบนี้ ใบสั่งยาที่นางเขียนด้วยตนเอง ก็มีเพียงใบที่มอบให้เมิ่งหนานไปรักษาใบหน้าเมื่อคราวก่อน ทั้งยังเขียนบนแผ่นผ้า ท่านหมอซ่งหมายถึงมันอย่างนั้นหรือ

ดูท่าทางเมิ่งหนานในตอนนั้นจะไม่เชื่อใจนาง ถึงได้นำใบสั่งยาของนางมาให้หมอซ่งดูด้วย

ไป๋จื่อยิ้มจางๆ “ข้าได้ใบสั่งยานี้มาโดยบังเอิญเจ้าค่ะ แท้จริงแล้วใครเป็นคนเขียน ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก ข้าคงช่วยท่านไม่ได้ ขอโทษด้วยนะเจ้าคะ”

หมอซ่งรีบโบกมือ “ไม่เป็นไรๆ เป็นข้าที่ล่วงเกิน ขอแม่นางอย่าได้เข้าใจผิด”

เด็กสาวเห็นคนตรงหน้าช่างเกรงอกเกรงใจ ทั้งยังมีมารยาทเช่นนี้ ทำให้นางประทับใจไม่น้อย นางจึงพูดอีกว่า “ตอนที่ท่านหมอซ่งเข้ามา สีหน้าท่านดูไม่ค่อยดีเลยนะเจ้าคะ ไม่ใช่ว่าการออกตรวจในวันนี้ไม่ราบรื่นกระมัง”

เมื่อพูดถึงเรื่องออกตรวจ สีหน้าของท่านหมอซ่งก็ดูไม่สู้ดีขึ้นมาในทันใด เขาถอนใจยาวเสียงหนึ่ง “คุณชายน้อยของนายอำเภอกู้เป็นไข้หวัด ไอจนคอแห้งผากทีเดียว เขาไม่ยอมกินยาที่ข้าออกให้ ไม่ใช่ว่าวิชาแพทย์ของข้าใช้ไม่ได้ เป็นบุตรชายของพวกเขาต่างหากที่ไม่ยอมกินยา แล้วข้าจะทำอะไรได้ นายอำเภอจึงต่อว่าข้าเสียยกหนึ่ง ไม่ยอมต่ายค่าตรวจให้ข้าอีกต่างหาก ช่างน่าโมโหเสียจริงๆ เลย”

……….

ตอนที่ 282 มีคนซุ่มโจมตี

ไป๋จื่อถามอีกว่า “ตอนที่คุณชายน้อยไอ มีเสียงเสมหะหรือไม่เจ้าคะ เป็นสีใสหรือสีเหลือง เป็นอาการร้อนรุ่มไปทั้งตัว และไออยู่บ่อยๆ ใช่หรือไม่”

หมอซ่งชะงัก จากนั้นก็รีบพยักหน้า “ถูกต้อง มีอาการตามที่เจ้าว่า รวมถึงร้อนใจไม่เป็นสุข ร้องไห้โฮอยู่ตลอด ว่าแต่แม่นางทราบได้อย่างไร”

นางมีสูตรยาจีนอยู่ในใจแล้ว จึงยิ้มกล่าว “เด็กเล็กมักไม่ชอบกินยาขม นี่เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ ตอนเด็กๆ ข้าก็ไม่ชอบกินเช่นกัน ตอนนั้นท่านแม่ของข้าจึงตุ๋นน้ำแกงลูกเดือยปอดหมูให้ข้าถ้วยหนึ่ง แม้จะดูไม่น่ากิน แต่เทียบกับยาขมๆ แล้วก็คล่องคอมากกว่า สรรพคุณใกล้เคียงกับยาเลยทีเดียว กินอยู่สองสามครั้งก็เห็นผลชัดเจนแล้วเจ้าค่ะ หากท่านหมอซ่งเชื่อข้าก็นำไปลองดูได้”

ซ่งซานเฉียนรีบถาม “แม่ของเจ้าเป็นคนเขียนใบสั่งยานี้หรือ”

ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่ใช่เจ้าค่ะ น้ำแกงลูกเดือยปอดหมูเป็นเพียงวิธีการรักษาด้วยอาหาร ไม่ใช่ยาจริงๆ เอาล่ะ พวกข้ายังมีธุระอีก ขอลาก่อนนะเจ้าคะ”

หลังนางออกจากโถงสมุนไพรไปพร้อมกับหูเฟิง หมอซ่งก็เหม่อมองอยู่นาน เขารู้สึกว่าพบความลับอะไรบางอย่างเข้า ทว่าไม่อาจแน่ใจได้ว่ามันคืออะไรในทันที

เด็กสาวยังคงรู้สึกไม่พอใจ จึงพาหูเฟิงไปหาร้านสมุนไพรในเมืองอื่นๆ เสียรอบหนึ่ง ทว่าก็เป็นอย่างที่หมอซ่งพูด ไม่มีที่ใดขายปลิงและลิ่น พวกเขาแม้กระทั่งไม่รู้จักสมุนไพรสองชนิดนี้ด้วยซ้ำ…

ระหว่างทางกลับหมู่บ้านหวงถัว หูเฟิงเห็นไป๋จื่อยังคงมีสีหน้าสบายใจเช่นขามา เขาหาความกังวลเพราะซื้อยาได้ไม่ครบจากบนใบหน้าของนางไม่ได้เลยสักนิด

ความกังวลของเขาจึงหายไปในพริบตาเช่นกัน “ดูท่าเจ้าจะมีวิธีอื่นแล้ว”

ไป๋จื่อเลิกคิ้ว “เหตุใดถึงพูดเช่นนั้น”

หูเฟิงบังคับรถม้าอย่างสบายๆ สายตามองทุ่งนาสีเหลืองทองกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด แววตาสีดำหยั่งลึกไปแสนไกล “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าปลิงคืออะไร แต่ดูจากท่าทางเหมือนมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจแล้ว คงไม่ยากนักที่จะได้มา”

เด็กสาวยักไหล่ “ปลิงน่ะไม่ยาก หาตามนาน้ำก็ได้ ทว่าลิ่นกลับหาได้จากในภูเขาเท่านั้น ข้าว่าพวกเราต้องขึ้นเขาอีกครั้งเท่านั้นแล้ว หวังว่าครั้งนี้อย่าได้เจอเสือหน้าผากขาวตาลอยเป็นดีที่สุด”

“เจอก็ไม่กลัว จะได้ลองกระบี่ที่ข้าเพิ่งซื้อมาพอดี ดูสิว่ามันจะคมกริบได้ถึงระดับใดกัน” หูเฟิงกล่าว

ตอนที่พบเสือหน้าผากขาวตาลอยในป่าเมื่อครั้งก่อน เขาเสียเปรียบระหว่างการต่อสู้ เพราะในมือไม่มีอาวุธใดที่ถนัดมือเลย หากมีอาวุธอยู่ในมือ สำหรับเขาแล้ว การจัดการเสือตาลอยสักตัวหนึ่งไม่นับว่าเหนือบ่ากว่าแรง

เมื่อรถม้าผ่านเส้นทางบนภูเขา มันก็หยุดลงใกล้ๆ กับป่าขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

ไป๋จื่อยื่นหน้าออกมาจากในตัวรถ “เกิดอะไรขึ้น เจ้าจะไปปลดทุกข์อีกหรือ”

หูเฟิงไม่ตอบนาง สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ดินเลนเบื้องหน้า

เด็กสาวมองตามสายตาเขาไป เห็นบนดินเลนมีคนนอนอยู่คนหนึ่ง คนผู้นั้นหันหลังให้พวกเขา สวมเสื้อผ้าสีดำสนิททั้งตัว จึงมองไม่เห็นหน้าตา ทว่าดูจากรูปร่างแล้ว น่าจะเป็นบุรุษในวัยหนุ่ม

นางกำลังจะลงจากรถไปตรวจดู แต่หูเฟิงกลับห้ามนางไว้ “อย่าไป!”

ไป๋จื่อไม่เข้าใจ ทว่าเห็นท่าทางเครียดเกร็งของหูเฟิงแล้ว ในใจของนางก็รู้ว่าเรื่องราวตรงหน้าน่าจะไม่ได้เรียบง่ายเช่นที่นางคิด จึงรีบหดตัวกลับเข้าไปในรถ พลางกดเสียงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“มีคนซุ่มโจมตี” หูเฟิงกล่าว ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองผืนป่าข้างๆ เล็กน้อย

ทันทีที่หูเฟิงพูดจบ เขาก็เห็นว่ามีลูกธนูแหลมคมทะยานอากาศมาจากในป่าโดยพลัน

เขาพลิกฝ่ามือดันไป๋จื่อกลับเข้าไปในรถตามสัญชาตญาณ “หมอบลง”

ครั้นไป๋จื่อได้ยินดังนั้น นางก็หมอบลงกับพื้นรถทันที ตัวเหยียดตรง ไม่กล้าขยับ

ไม่ใช่ว่านางกลัวตาย ทว่าหากนางไม่เชื่อฟังหูเฟิงในสถานการณ์ตอนนี้ กลับจะยิ่งเพิ่งความกังวลให้เขามากขึ้น อย่างไรเสียนางก็ไม่มีประสบการณ์หลบลูกธนูบินมาก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด