จอมมารแค่อยากเป็นคนดี 109 ดาร์ก เดม่อนอัญเชิญแสงแห่งจิตวิญญาณ

Now you are reading จอมมารแค่อยากเป็นคนดี Chapter 109 ดาร์ก เดม่อนอัญเชิญแสงแห่งจิตวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 109 ดาร์ก เดม่อนอัญเชิญแสงแห่งจิตวิญญาณ
บทที่ 109 ดาร์ก เดม่อนอัญเชิญแสงแห่งจิตวิญญาณ

“จงส่องสว่าง แสงแห่งจิตวิญญาณ!”

ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น นิ้วของเทพธิดาแห่งจันทราก็คลายลูกศรศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงจันทร์ แล้วลูกศรก็พุ่งออกไป!

กวางตัวผู้ซึ่งเดิมเป็นของบุตรแห่งวีรบุรุษพลันเงยหน้าขึ้น และแสงสีขาวที่ปล่อยออกมาจากระหว่างเขาทั้งสองก็แข็งแกร่งมาก!

[ท่าไม้ตาย: แสงแห่งจิตวิญญาณ]!

ลูกศรศักดิ์สิทธิ์ถูกแสงสีขาวกลืนหายไปในชั่วพริบตา แต่อันที่จริงแล้วมันไม่มีทางแยกระหว่างทั้งสองออกได้เลย

ลูกธนูพุ่งตรงผ่านแสงสีขาวและยิงตรงไปที่หัวกวาง!

กวางถูกฆ่าตายทันที

แต่แสงแห่งจิตวิญญาณถูกปล่อยออกไปแล้ว และมันยังคงส่องไปยังเทพธิดา!

เทพธิดาแห่งจันทรากรีดร้องทันที

ดาร์กยืนหันหลังพิงกำแพงอยู่ตรงหัวมุม มือจับการ์ด [สัตว์อสูรมายา: กวาง] ไว้แน่น พลังเวทมนตร์ยังคงหลั่งไหลเข้าไปในการ์ดอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรมายาที่สร้างโดยบุตรแห่งวีรบุรุษ แต่เวอร์เธอร์ยังไม่ได้ค้นพบพลังที่ซ่อนอยู่ในการ์ดเวทมนตร์นี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อดาร์กคิดว่าสัตว์อสูรมายาของเขาคือกวาง เขาก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างพิเศษ

ท้ายที่สุด ในหนังสือต้นฉบับของ <โรงเรียนเวทมนตร์> ผู้พิทักษ์ของตัวเอกก็เป็นกวางตัวผู้ที่เปล่งประกาย!

ยิ่งไปกว่านั้น ท่าไม้ตายยังเป็นสกิลที่เรียกว่า ‘แสงแห่งจิตวิญญาณ’ ด้วย

ท่าไม้ตายของสปิริตไม่เคยถูกตั้งชื่อแบบสุ่ม

เนื่องจากถูกเรียกว่า ‘แสงแห่งจิตวิญญาณ’ มันก็ย่อมต้องเป็นการสำแดงพลังทางจิตวิญญาณ

และเมื่อพูดถึงพลังทางจิตวิญญาณ ใคร ๆ ก็ต้องนึกถึงจอมเวทสีชาด และการอัญเชิญพันธะวิญญาณของจอมเวทสีชาดทันที!

ดาร์กบังเอิญได้อ่าน ‘เคล็ดการอัญเชิญของจอมเวทสีชาด – ความแตกต่างระหว่างการอัญเชิญสปิริตกับการอัญเชิญเวทมนตร์อื่น ๆ’ จึงทำให้เขาพอจะเข้าใจเรื่องการอัญเชิญพันธะอยู่บ้าง

พื้นฐานของการอัญเชิญพันธะทางจิตวิญญาณคือ สิ่งที่เรียกว่า ‘โซ่ตรวน’

นั่นคือการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณระหว่างจอมเวทกับสปิริตของพวกเขา!

ในที่สุด การสะสมความรู้ก็ประสบผลสำเร็จ!

และในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง ดาร์กก็สามารถใช้ ‘แสงแห่งจิตวิญญาณ’ เป็นสื่อกลางและสร้างการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณกับ ‘รุกกี้เดวิมอน’ ได้อีกครั้ง

แม้ว่าดาร์กจะมองว่ารุกกี้เดวิมอนเป็นตัวทดลอง แต่วันแล้ววันเล่าที่ผ่านมา ความสัมพันธ์กลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกสะสมไม่ต่างกับความรู้ และความไว้วางใจที่ตัดไม่ขาดก็กลายเป็นพันธะที่ผูกมัดพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา

ผ่านการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณ ดาร์ก ‘เห็น’ ว่า ‘รุกกี้เดวิมอน’ ในร่างของเดอะเลดี้กำลังนอนกอดเข่าและหลับใหลอยู่ในร่างของเทพธิดาแห่งจันทรา!

ดาร์กพยายามปลุกเธอว่า “หกโมงแล้วนะ”

มันเป็นประโยคที่ธรรมดามาก

แต่ ‘รุกกี้เดวิมอน’ ตัวสั่นไปทั้งตัวและลืมตาทั้งอย่างนั้น “หกโมงแล้ว ได้เวลาไปโรงอาหารเพื่อซื้ออาหารเช้าและหนังสือพิมพ์ให้นายท่านแล้ว”

และในตอนนั้นเอง

เทพธิดาแห่งจันทราพลันส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

‘รุกกี้เดวิมอน’ หรือพูดให้ถูกคือ ‘เดอะเลดี้’ ในตอนนี้

หลังจากตื่นขึ้น เดอะเลดี้ก็เริ่มต่อสู้กับเทพธิดาแห่งจันทราอีกครั้งเพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการควบคุมร่างกาย

จิตสำนึกของทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดในโลกวิญญาณ

ไม่ว่าจะมองมุมใด เดอะเลดี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพลังวิญญาณของดาร์กก็ไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อเทพธิดาแห่งจันทรา ซึ่งฟื้นขึ้นมาจากจิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น

เมื่อการต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผิวหนังของ ‘เดอะแองเจล’ ก็ดูบิดเบี้ยวและบวมมากขึ้น กระทั่งปีกสีขาวทั้งแปดคู่ของเธอก็ค่อย ๆ กลายเป็นสีดำ มือและเท้าของเธอเริ่มต่อสู้กันเอง

“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า!”

ผิวของ ‘เดอะแองเจล’ พลันปริแตกทุกตารางนิ้ว

มวลสีดำชอนไชออกมาจากผิวของเธอ และเกาะกลุ่มกลับขึ้นมาบนผิวของ ‘เดอะแองเจล’ ราวกับสไลม์

เทพธิดาแห่งจันทราไร้ซึ่งความสง่างามอีกต่อไป ร่างทั้งร่างค่อย ๆ งองุ้ม ขณะที่มือก็กุมหัวของเธอ

เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างของเธอก็ถูกฝังอยู่ในมวลสีดำอีกครั้ง

ดาร์กหลับตาแน่น เขายังคงรักษาสายสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณกับเดอะเลดี้

เพียะ!

มือขวาของเดอะเลดี้สะบัดตบแก้มขาวของเทพธิดาอย่างรุนแรง

เพียะ!

เทพธิดาแห่งจันทราตอบโต้ด้วยความโกรธ

ในโลกวิญญาณ เดอะเลดี้และเทพธิดาแห่งจันทรายังคงต่อสู้กันเอง ตั้งแต่การสบถใส่กันจนถึงการตบตีในปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายต่างเหนื่อยและหอบไม่น้อย

เดอะเลดี้ผู้ซึ่งพบว่าร่างของเทพธิดาเริ่มจะพังทลายแล้ว ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งทันที “เรือนร่างอันสูงส่งของข้า หาใช่สิ่งที่พวกชั้นต่ำเช่นเจ้าจะมาครอบครองได้หรือ?”

เพียะ!

นัยน์ตาของเทพธิดาแห่งจันทราแดงก่ำ “เป็นแค่ปีศาจ…”

เพียะ!

เดอะเลดี้ “ข้าคือเดอะเลดี้ผู้สูงศักดิ์ต่างหากล่ะ!”

เพียะ!

เทพธิดาแห่งจันทรา “ข้าขอท้าให้เจ้าต่อสู้กับข้าตัวต่อตัวในการประลอง!”

เพียะ!

เดอะเลดี้ “ผู้ชายของข้าหนุนหลังอยู่ เจ้ากล้าหรือ?”

เพียะ!

เทพธิดาแห่งจันทรา “บัดซบ! (〃>皿< ) อ๊า ๆๆ!”

เพียะ!

ต่างจากสงครามในโลกวิญญาณ เส้นทางลับนั้นตกอยู่ในความเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด

หลังจากนั้นไม่นาน พลันมีนางฟ้าตัวน้อยที่มีปีกผีเสื้อบินเข้ามาทางกำแพงจากด้านบน

ศาสตราจารย์ดีดี้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าดาร์กอย่างเงียบงัน เธอลอยอยู่ข้างหน้าเขาเพียงครึ่งเมตร แต่ดาร์กที่หลับตาลงและจมดิ่งลงไปในจิตใจของเขากลับไม่ได้สังเกตเลย

ศาสตราจารย์ดีดี้มองดูเด็กชายที่ยืนนิ่งอย่างประหลาดเป็นเวลานาน จากนั้นจึงกระพือปีกและบินไปยังมวลสารที่เทพธิดาได้เปลี่ยนแปลงไป

เมื่อเห็นมวลสารที่เหมือนกับเนินเขาดิ้นไปมาอยู่ตลอดเวลา ศาสตราจารย์ดีดี้ก็รู้สึกปวดหัวมาก

เธอไม่เข้าใจว่ามันพัฒนามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

เทพธิดาที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้จะสามารถเติมเต็มความปรารถนาที่รอคอยมานานของเธอได้จริงหรือ?

แต่ในเมื่อเรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว มันก็ไม่อาจหยุดได้อีกต่อไป

เมื่อศาสตราจารย์ดีดี้ยกมือขึ้น นิ้วที่เรียวและซีดของเธอก็ค่อย ๆ ถูกชั้นสีเงินบางปกคลุม

จากนั้นเธอก็กางนิ้วทั้งห้าแล้วกระแทกเข้าใส่ก้อนสสารสีดำ

ในโลกวิญญาณ

ใบหน้าของเทพธิดาหยุดนิ่งไปในทันที

เพียะ!

มือของเดอะเลดี้ตบหน้านางอีกครั้ง แต่เทพธิดากลับยืนนิ่งเป็นหุ่นกระบอกในกรง และไม่ตอบสนองแต่อย่างใด

“?”

เมื่อเดอะเลดี้ยังคงสับสน เทพธิดาแห่งจันทราก็กลายเป็นแอ่งโคลนสีดำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าไปแล้ว

หลังจากสูญเสียการสนับสนุนจากด้านใดด้านหนึ่ง โลกวิญญาณก็พังทลายลงทันที

“อะไรกัน!?”

ดาร์กลืมตาขึ้นทันที นิ้วของเขาหนีบการ์ด [สัตว์อสูรมายา: กวาง] ไว้ ขณะที่ใบหน้าซีดเซียวและอ่อนแรง

ก่อนที่จะทันได้คิดอะไร เขาก็วิ่งออกจากมุมนี้และหันไปมองสถานที่ที่เทพธิดาเคยอยู่

จึงบังเอิญได้เห็นมวลสารสีดำยุบตัวลง ราวกับสูญเสียพลังชีวิตไป และมันก็ไหลลงพื้นดินเหมือนกับโคลน

เมื่อมวลสารสีดำยุบลงจนหมด สิ่งที่ปรากฏในนั้นก็คือมอนสเตอร์โลกดิจิทัลที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ เธอกำลังกอดเข่าและขดตัวเป็นลูกบอล

เดอะเลดี้ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ขณะที่โลกแห่งความจริงในดวงตาของเธอค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ร่างที่คุ้นเคยและอบอุ่นก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ

“รุกกี้เดวิมอน?”

“เดอะเลดี้ต่างหาก”

เธอเดินโซเซเข้ามาหาดาร์ก

แล้วกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเด็กชายผมบลอนด์ทันที

ขนนกสีขาวราวกับหิมะลอยลงมาตามการเคลื่อนไหวของเธอ และมันก็ค่อย ๆ จมลงไปในโคลน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด