จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? 13 จะสวมมันอีกครั้งก็คงช้าไป จนพวกเธอหัวเราะ

Now you are reading จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? Chapter 13 จะสวมมันอีกครั้งก็คงช้าไป จนพวกเธอหัวเราะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[…ในที่สุดก็มาถึง]

 

นี่คือวันอาทิตย์ ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งมาตั้งแต่เช้าตรู่

 

เป็นบ้านสองชั้นกับประตูบานใหญ่อีกหนึ่งบาน …ไม่ใช่บ้านใครที่ไหนอีก นอกซะจากบ้านของครอบครัวชินโจ

 

เพราะตั้งแต่ที่ผมรู้จักพวกเธอ พวกเธอก็เอาแต่ชวนผมให้ไปเจอคุณแม่ที่บ้าน เพื่อที่จะได้ขอบคุณผมกับเรื่องเมื่อตอนนั้น

 

[บางทีคงเร็วไปหน่อย…]

 

จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมเรื่องนั้นหรอก แต่ผมรู้สึกเจ็บใจไม่น้อยที่เห็นพวกเธอทำหน้าเสียใจ ตอนที่ผมบอกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

หลังจากอดกลั้นความเจ็บใจไม่ไหว ผมเลยตัดสินใจที่จะไปบ้านของพวกเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น

 

ผมรู้ว่าบ้านพวกเธออยู่ไหน เพราะอยู่ในละแวกเดียวกันกับบ้านผม เลยไม่มีปัญหาเรื่องการไปมาหาสู่กัน

 

ผมยืนอยู่หน้าประตู พร้อมยื่นนิ้วไปที่กริ่งประตู

 

[…ใจเย็นไว้ ไม่ต้องอาย ไม่มีอะไรต้องกลัว]

 

นิ้วของผมสั่นระริกอนึ่งว่ากำลังแสดงความประหม่าออกมา นี่คงเป็นเรื่องปกติสำหรับม.ปลายเพศชายอย่างเราๆ หากได้มาเยี่ยมครอบครัวสาวงามแบบนี้ แล้วยิ่งเป็นสองพี่น้องคู่นี้ก็ยิ่งแล้วใหญ่

 

ผมกดกริ่งประตูเมื่อตัดสินใจได้แล้ว

 

หลังจากนั้นก็รออยู่นิดหน่อย จนกระทั่งประตูเปิดออก

 

[ยินดีต้อนรับ ฮายาโตะคุง!]

 

ไอนะเปิดประตูออกมา

 

เธอใส่เสื้อตัวหนาเหมือนกับผม เพราะตอนนี้เริ่มเข้าเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มหนาวขึ้นเล็กน้อย เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีขาว แต่… ผมบอกได้เลยว่าเสื้อของเธอตัวใหญ่มากเมื่อดูจากรูปร่างของเธอ

 

[หืม? มีอะไรเหรอ?]

 

เมื่อไอนะเอียงน่ามอง หน้าอกของเธอก็สายไปมาในเวลาเดียวกัน ผมสยบตัณหาของผมที่อยากพูดว่า ‘เบิ้มๆ คือลือมาก!’ ออกไปจากหัว

 

[ไม่มีอะไร อรุณสวัสดิ์นะ ไอนะ]

 

[อรุณสวัสดิ์ ฮายาโตะคุง ขอบคุณที่มาวันนี้นะ เข้ามาข้างในก่อนสิ!]

 

[รบกวนด้วยนะครับ]

 

เธอจับมือผมทั้งสองข้างแล้วพาเข้าไปข้างใน ผมมีภาพจำที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์กลับบ้านหลังนี้สักเท่าไหร่

 

[ถึงอย่างนั้นก็เถอะ วันนี้ไอนะดูมีความสุขจังนะ]

 

[แน่นอนอยู่แล้ว เพราะในที่สุดฮายาโตะคุงก็มาสักที รู้ไหม? ทั้งพี่สาวและคุณแม่ก็รอนายมาตั้งนานแล้ว]

 

[แต่ผมว่า… ดูตื่นเต้นไปหน่อยมั้ง]

 

บางทีนั่นอาจเป็นวิธีการแสดงออกของพวกเธอก็ได้ ความรู้สึกที่อยากขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเธอไหว

 

ว่ากันตามตรง ผมไม่ได้อยากได้อะไรแบบนี้เลย แล้วก็เป็นตัวเลือกของผมที่จะไม่รับคำขอบคุณด้วย แต่นั่นก็จะแปลว่าผมไม่สนความหวังดีของพวกเธอไม่ใช่เหรอ? ผมไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลยไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกยังไง

 

ไอนะจับมือผมพาไปที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งมีผู้หญิงสองคนนั่งรอกันอยู่ในนั้น

 

[พี่คะ แม่คะ ฮายาโตะคุงมาแล้ว!]

 

[…ถ้ารู้ว่าเป็นเขาล่ะก็ ฉันคงเดินไปต้อนรับเขาด้วยตัวเองแล้วแท้ๆ… ยินดีต้อนรับนะ ฮายาโตะคุง]

 

[ขอบคุณครับ ผมรบกวรอะไรหรือเปล่า อาริสะ…?]

 

หนึ่งในผู้หญิงสองคนนั้น แน่นอนว่ามีอาริสะอยู่ด้วย

 

เธอสวมเดรสแบบวันพีช แต่มันก็เป็นผ้าหนาเหมือนกับที่ไอนะใส่อยู่ ในบางแง่มุม ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างสองคนนี้

 

ราวกับว่าพวกเธอพยายามจะแข่งกัน ไอนะและอาริสะต่างก็เข้ามาใกล้ตัวผม แต่ทันใดนั้น ผมรู้สึกได้ถึงการจ้องมองที่รุนแรงนอกเหนือจากสองคนนี้ ผมเลยหันความสนใจไปที่เจ้าของสายตานั่น

 

เธอเป็นผู้หญิงที่สวยจนน่าตะลึง หน้าตาคล้ายกับอาริสะและไอนะ สวมเสื้อสเวตเตอร์เหมือนกันกับไอนะ ผมแทบจะเห็นหน้าอกที่นูนออกมาเป็นทรงอย่างชัดเจน เพราะเสื้อของเธอรัดรูปจนผมเห็นสัดส่วนทุกอย่างของเธอ เธอมีผมสีดำยาวลงมาจนถึงแผ่นหลัง เหมือนผมได้เห็นยามาโตะ นาเดชิโกะอวตารลงมา

 

เธอจะต้องเป็นแม่ของสองคนนี้แน่ๆ

 

ซากุนะ ชินโจ

 

ผมอาจจะเคยพูดไปแล้ว ว่าผมไม่เคยคุยกับเธอมาก่อน ผมเคยเห็นเธอแค่จากห่างๆ เท่านั้น แต่พอได้เห็นเธออีกครั้งตอนนี้… เธอเป็นแม่ของสองคนนี้แน่นอน เธอเป็นผู้ใหญ่ที่สวยสมวัยจริงๆ ผมรับประกันเลย

 

[…เป็นเธอเองสินะ]

 

เธอเดินมาหาผม มองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจ จากนั้นก็โค้งตัวลงด้วยท่าทางที่งดงาม

 

[ขอบคุณมากสำหรับสิ่งที่เธอทำให้เราเมื่อตอนนั้น ฉันไม่รู้เลยว่ามันเป็นแบบนั้นกับฉันและลูกสาวได้ยังไง ถ้าตอนนั้นเธอไม่มาช่วยพวกเราล่ะก็ อาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายซะยิ่งกว่าโดนทำร้ายก็ได้]

 

สำหรับผู้หญิงแล้ว หากร่างกายมีมลทินก็เหมือนโดนพรากศักดิ์ศรีไป เป็นเรื่องที่ยากจะให้อภัย แต่กับเรื่องนี้มันอาจแย่ยิ่งกว่านั้น พวกเธออาจถูกฆ่าได้เลย

 

ผมช่วยพวกเธอเอาไว้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นวีรบุรุษหรืออะไรหรอก

 

อาริสะและไอนะยืนถัดจากแม่ของพวกเธอ แล้วก็โค้งตัวลงด้วยเหมือนกัน

 

[ขอบคุณนะ ฮายาโตะคุง]

 

[พวกเราทุกคนเป็นหนี้นาย ขอบคุณนะ]

 

[…เอ่อ]

 

ความรู้สึกอึดอัดที่ถูกขอบคุณแบบนี้ กำลังเขาถาโถมผม

 

ผมตกใจ แต่ก็ยังอ้าปากบอกให้พวกเธอเงยหน้าขึ้นได้แล้ว

 

[เรื่องนั้น… ผมแค่ทำในเรื่องที่คนๆ หนึ่งสมควรทำก็เท่านั้น เพราะงั้นไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมดีใจนะที่ทุกคนไม่เป็นไร ใช่ไหมล่ะ?]

 

[…แต่]

 

อาริสะและไอนะยิ้มอนึ่งรู้ว่าผมจะพูดแบบนั้น แต่จากสีหน้าพวกเธอก็บ่งบอกผมได้ดีว่าแม่ของพวกเธอ หรือซากุนะซังยังคงไม่เห็นด้วย ถึงจะดูหยาบคายไปหน่อย แต่ผมก็วางมือลงบนไหล่ของซากุนะซัง ให้เธอเงยหน้ามองผม

 

[ผมได้รับคำขอบคุณมาแล้ว คุณปลอดภัยแล้ว แล้วคุณก็ไม่ได้มีบาดแผลทางใจจากเหตุการณ์นั้นที่ถึงกับรักษาให้หายขาดไม่ได้หรอก… ใช่รึเปล่า? หรือก็คือ ทั้งอาริสะ ไอนะ หรือแม้แต่คุณก็สามารถใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขต่อไปได้ จากโอกาสที่ผมหยิบยื่นให้]

 

[…อา]

 

ซากุนะซังกลอกตามองไปมากับคำพูดของผม

 

‘ไม่มีอะไรต้องกลัว ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องขอบคุณอีกแล้ว แค่ยิ้มก็พอ’ ผมยิ้มกว้างมากที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้ เพื่อที่จะส่งความรู้สึกไปให้ถึงเธอ ให้รู้ว่าไม่ต้องกังวล

 

[แค่ยิ้มไว้ก็พอ นั่นคือคำขอจากผม อาริสะกับไอนะก็ด้วยเหมือนกัน เข้าใจไหม? แบบว่า กับสถานการณ์แบบนี้ผมก็พูดไม่ค่อยเป๊ะเท่าไหร่ ไม่ไหวเลย… ผมคงต้องกลับไปใส่หน้ากากฟักทองซะแล้วล่ะ]

 

ปกติผมคงไม่พูดยิงมุกในเวลาแบบนี้ นานทีถึงจะทำสักครั้ง เพราะแบบนั้นผมถึงรู้สึกเขินๆ แล้วเอานิ้วเกาแก้มเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้น เห็นแบบนั้น อาริสะกับไอนะก็หัวเราะกันคิกคัก แล้วซากุนะซังก็เข้ามาจับมือผมไว้

 

[เข้าใจแล้ว… แต่ให้ฉันของคุณอีกสักครั้งหน่อยเถอะ ขอบคุณสำหรับน้ำใจของเธอนะ]

 

ซากุนะซังจับมือผมอนึ่งกอบกุมขุมทรัพย์ไว้

 

ถึงจะเหมือนเป็นสิทธิพิเศษที่ได้จับมือกับคนที่สวยเหมือนอาริสะกับไอนะแบบนี้ แต่มันก็มีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผมต้องทำ

 

[เหมือนอย่างเคย ผมฮายาโตะ โดโมโตะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ]

 

[ฉันซากุนะ ชินโจ ถ้าเธอไม่รังเกียจตอนเรียกชื่อลูกสาวฉันล่ะก็ งั้นก็เรียกฉันด้วยชื่อจริงได้เลยนะจ้ะ ไม่ต้องเกรงใจไป]

 

[…งั้น… ซากุนะซัง ได้ใช่ไหมครับ?]

 

[อื่ม… อื้ม!]

 

อย่าพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่น่ารักแบบนั้นไหมครับ ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้… จะเป็นผู้ใหญ่ก็เถอะ

 

 

ตอนนี้เฟิร์สอิมเพรสชั่นของพวกเราก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซากุนะซังปล่อยมือผมแล้วไปเอาเครื่องดื่มมาให้ อาริสะกับไอนะก็เข้ามาดึงแขนผมอนึ่งรอฉวยโอกาส

 

[นี่ ฮายาโตะคุง ไม่เห็นต้องยืนเลยนี่นา นั่งก่อนเถอะ]

 

[ใช่แล้ว ฮ่าฮ่า ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยล่ะว่าฮายาโตะคุงจะมาที่บ้านของพวกเรา]

 

พวกเธอจับมือผมแล้วพาผมนั่งลงบนโซฟาที่ดูจะราคาแพง

 

ผมลองมองไปรอบๆ อีกครั้ง เป็นบ้านที่ตกแต่งนี่สวยจริงๆ แต่เหมือนใหญ่เกินไปที่จะให้ผู้หญิงสามคนอาศัยอยู่ได้ แต่… ใช่แล้ว ถ้าฉุกคิดสักนิด พ่อของพวกเธอเคยอาศัยอยู่ที่นี่

 

[ขอโทษที่ทำให้รอนะ ชาดำคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหมจ้ะ ฮายาโตะคุง?]

 

[ไม่เป็นไรครับ ผมขอแบบนี้แล้วกัน]

 

ผมยกถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ ปกติผมไม่ค่อยดื่มชาดำ แต่ว่านี่มันกลมกล่อมมาก ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นไปถึงทรวงใน และผ่อนคลาย

 

[ของว่างก็มีนะจ้ะ]

 

[ขอบคุณครับ]

 

พวกเธอใจดีกันมากๆ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ ทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นในเรื่อยๆ

 

แบบว่า มีบางอย่างกวนใจผมมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว อนึ่งรู้สึกว่าร่างกายทั้งสองซีกของผมถูกกดทับมานานแสนนานแล้ว ในระดับที่ผมไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปว่ามันไม่รบกวนผม ก็น่าจะเดากันได้ว่ามันคืออะไร

 

[…ทั้งสองคน? ใกล้ไปแล้ว]

 

[หืม?]

 

[งั้นหรอกเหรอ?]

 

ทั้งสองคนเอียงหน้ามองผมด้วยความประหลาดใจ อาริสะแค่เข้ามาสัมผัสผม ในขณะที่หน้าอกของไอนะกำลังกดทับลงที่แขนผมจนรูปร่างมันเริ่มไม่เข้าทรง ไม่ดีแล้ว! นี่มันแย่จริงๆ กับผมที่ทั้งยังไม่มีแฟนแล้วยังเวอร์จิ้นอยู่… แต่ผมต้องอดทนไว้ด้วยใจที่ตั้งมั่น ฮึบ!

 

[พวกลูกสองคนอย่าไปรบกวนฮายาโตะคุงสิ]

 

[ฮายาโตะคุงมีปัญหาเหรอ~?]

 

[…เอ่อ]

 

นี่ อย่าพูดแบบนั้นสิ! ถ้าผมบอกพวกเธอว่ามีปัญหา ยังไงพวกเธอก็ต้องขยับออกไปแน่นอน แต่… แต่…

 

[ถ้าไปรบกวนก็ขอโทษนะ ฮายาโตะคุง]

 

แล้วไอนะก็ปล่อยผมและขยับออกมา

 

[แค่ล้อเล่นน่ะ ก็อย่างที่บอกไป ฉันไม่อยากรบกวนนายมากนักหรอก เอาล่ะพี่คะ อย่าไปรบกวนเขามากสิ]

 

[…ถึงจะไม่อยากก็เถอะ แต่เข้าใจแล้ว]

 

พวกเธอทั้งสองได้ถอยออกไป

 

ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วซากุนะซังก็ยิ้มให้ผม มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเขินอาย… แต่กลับทำให้ผมนึกถึงแม่ขึ้นมา

 

[เธอนี่ช่างเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ เข้าใจแล้วทำไมเด็กสองคนนี้ถึงได้ตามติดเธอถึงขนาดนี้ ความโอบอ้อมอารีแบบนั้น… ถึงจะเป็นเด็ก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่าฉันเจอคนแบบเธอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่… ฟุฟุ♪]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? 13 จะสวมมันอีกครั้งก็คงช้าไป จนพวกเธอหัวเราะ

Now you are reading จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? Chapter 13 จะสวมมันอีกครั้งก็คงช้าไป จนพวกเธอหัวเราะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[…ในที่สุดก็มาถึง]

 

นี่คือวันอาทิตย์ ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งมาตั้งแต่เช้าตรู่

 

เป็นบ้านสองชั้นกับประตูบานใหญ่อีกหนึ่งบาน …ไม่ใช่บ้านใครที่ไหนอีก นอกซะจากบ้านของครอบครัวชินโจ

 

เพราะตั้งแต่ที่ผมรู้จักพวกเธอ พวกเธอก็เอาแต่ชวนผมให้ไปเจอคุณแม่ที่บ้าน เพื่อที่จะได้ขอบคุณผมกับเรื่องเมื่อตอนนั้น

 

[บางทีคงเร็วไปหน่อย…]

 

จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมเรื่องนั้นหรอก แต่ผมรู้สึกเจ็บใจไม่น้อยที่เห็นพวกเธอทำหน้าเสียใจ ตอนที่ผมบอกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

หลังจากอดกลั้นความเจ็บใจไม่ไหว ผมเลยตัดสินใจที่จะไปบ้านของพวกเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น

 

ผมรู้ว่าบ้านพวกเธออยู่ไหน เพราะอยู่ในละแวกเดียวกันกับบ้านผม เลยไม่มีปัญหาเรื่องการไปมาหาสู่กัน

 

ผมยืนอยู่หน้าประตู พร้อมยื่นนิ้วไปที่กริ่งประตู

 

[…ใจเย็นไว้ ไม่ต้องอาย ไม่มีอะไรต้องกลัว]

 

นิ้วของผมสั่นระริกอนึ่งว่ากำลังแสดงความประหม่าออกมา นี่คงเป็นเรื่องปกติสำหรับม.ปลายเพศชายอย่างเราๆ หากได้มาเยี่ยมครอบครัวสาวงามแบบนี้ แล้วยิ่งเป็นสองพี่น้องคู่นี้ก็ยิ่งแล้วใหญ่

 

ผมกดกริ่งประตูเมื่อตัดสินใจได้แล้ว

 

หลังจากนั้นก็รออยู่นิดหน่อย จนกระทั่งประตูเปิดออก

 

[ยินดีต้อนรับ ฮายาโตะคุง!]

 

ไอนะเปิดประตูออกมา

 

เธอใส่เสื้อตัวหนาเหมือนกับผม เพราะตอนนี้เริ่มเข้าเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มหนาวขึ้นเล็กน้อย เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีขาว แต่… ผมบอกได้เลยว่าเสื้อของเธอตัวใหญ่มากเมื่อดูจากรูปร่างของเธอ

 

[หืม? มีอะไรเหรอ?]

 

เมื่อไอนะเอียงน่ามอง หน้าอกของเธอก็สายไปมาในเวลาเดียวกัน ผมสยบตัณหาของผมที่อยากพูดว่า ‘เบิ้มๆ คือลือมาก!’ ออกไปจากหัว

 

[ไม่มีอะไร อรุณสวัสดิ์นะ ไอนะ]

 

[อรุณสวัสดิ์ ฮายาโตะคุง ขอบคุณที่มาวันนี้นะ เข้ามาข้างในก่อนสิ!]

 

[รบกวนด้วยนะครับ]

 

เธอจับมือผมทั้งสองข้างแล้วพาเข้าไปข้างใน ผมมีภาพจำที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์กลับบ้านหลังนี้สักเท่าไหร่

 

[ถึงอย่างนั้นก็เถอะ วันนี้ไอนะดูมีความสุขจังนะ]

 

[แน่นอนอยู่แล้ว เพราะในที่สุดฮายาโตะคุงก็มาสักที รู้ไหม? ทั้งพี่สาวและคุณแม่ก็รอนายมาตั้งนานแล้ว]

 

[แต่ผมว่า… ดูตื่นเต้นไปหน่อยมั้ง]

 

บางทีนั่นอาจเป็นวิธีการแสดงออกของพวกเธอก็ได้ ความรู้สึกที่อยากขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเธอไหว

 

ว่ากันตามตรง ผมไม่ได้อยากได้อะไรแบบนี้เลย แล้วก็เป็นตัวเลือกของผมที่จะไม่รับคำขอบคุณด้วย แต่นั่นก็จะแปลว่าผมไม่สนความหวังดีของพวกเธอไม่ใช่เหรอ? ผมไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลยไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกยังไง

 

ไอนะจับมือผมพาไปที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งมีผู้หญิงสองคนนั่งรอกันอยู่ในนั้น

 

[พี่คะ แม่คะ ฮายาโตะคุงมาแล้ว!]

 

[…ถ้ารู้ว่าเป็นเขาล่ะก็ ฉันคงเดินไปต้อนรับเขาด้วยตัวเองแล้วแท้ๆ… ยินดีต้อนรับนะ ฮายาโตะคุง]

 

[ขอบคุณครับ ผมรบกวรอะไรหรือเปล่า อาริสะ…?]

 

หนึ่งในผู้หญิงสองคนนั้น แน่นอนว่ามีอาริสะอยู่ด้วย

 

เธอสวมเดรสแบบวันพีช แต่มันก็เป็นผ้าหนาเหมือนกับที่ไอนะใส่อยู่ ในบางแง่มุม ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างสองคนนี้

 

ราวกับว่าพวกเธอพยายามจะแข่งกัน ไอนะและอาริสะต่างก็เข้ามาใกล้ตัวผม แต่ทันใดนั้น ผมรู้สึกได้ถึงการจ้องมองที่รุนแรงนอกเหนือจากสองคนนี้ ผมเลยหันความสนใจไปที่เจ้าของสายตานั่น

 

เธอเป็นผู้หญิงที่สวยจนน่าตะลึง หน้าตาคล้ายกับอาริสะและไอนะ สวมเสื้อสเวตเตอร์เหมือนกันกับไอนะ ผมแทบจะเห็นหน้าอกที่นูนออกมาเป็นทรงอย่างชัดเจน เพราะเสื้อของเธอรัดรูปจนผมเห็นสัดส่วนทุกอย่างของเธอ เธอมีผมสีดำยาวลงมาจนถึงแผ่นหลัง เหมือนผมได้เห็นยามาโตะ นาเดชิโกะอวตารลงมา

 

เธอจะต้องเป็นแม่ของสองคนนี้แน่ๆ

 

ซากุนะ ชินโจ

 

ผมอาจจะเคยพูดไปแล้ว ว่าผมไม่เคยคุยกับเธอมาก่อน ผมเคยเห็นเธอแค่จากห่างๆ เท่านั้น แต่พอได้เห็นเธออีกครั้งตอนนี้… เธอเป็นแม่ของสองคนนี้แน่นอน เธอเป็นผู้ใหญ่ที่สวยสมวัยจริงๆ ผมรับประกันเลย

 

[…เป็นเธอเองสินะ]

 

เธอเดินมาหาผม มองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจ จากนั้นก็โค้งตัวลงด้วยท่าทางที่งดงาม

 

[ขอบคุณมากสำหรับสิ่งที่เธอทำให้เราเมื่อตอนนั้น ฉันไม่รู้เลยว่ามันเป็นแบบนั้นกับฉันและลูกสาวได้ยังไง ถ้าตอนนั้นเธอไม่มาช่วยพวกเราล่ะก็ อาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายซะยิ่งกว่าโดนทำร้ายก็ได้]

 

สำหรับผู้หญิงแล้ว หากร่างกายมีมลทินก็เหมือนโดนพรากศักดิ์ศรีไป เป็นเรื่องที่ยากจะให้อภัย แต่กับเรื่องนี้มันอาจแย่ยิ่งกว่านั้น พวกเธออาจถูกฆ่าได้เลย

 

ผมช่วยพวกเธอเอาไว้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นวีรบุรุษหรืออะไรหรอก

 

อาริสะและไอนะยืนถัดจากแม่ของพวกเธอ แล้วก็โค้งตัวลงด้วยเหมือนกัน

 

[ขอบคุณนะ ฮายาโตะคุง]

 

[พวกเราทุกคนเป็นหนี้นาย ขอบคุณนะ]

 

[…เอ่อ]

 

ความรู้สึกอึดอัดที่ถูกขอบคุณแบบนี้ กำลังเขาถาโถมผม

 

ผมตกใจ แต่ก็ยังอ้าปากบอกให้พวกเธอเงยหน้าขึ้นได้แล้ว

 

[เรื่องนั้น… ผมแค่ทำในเรื่องที่คนๆ หนึ่งสมควรทำก็เท่านั้น เพราะงั้นไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมดีใจนะที่ทุกคนไม่เป็นไร ใช่ไหมล่ะ?]

 

[…แต่]

 

อาริสะและไอนะยิ้มอนึ่งรู้ว่าผมจะพูดแบบนั้น แต่จากสีหน้าพวกเธอก็บ่งบอกผมได้ดีว่าแม่ของพวกเธอ หรือซากุนะซังยังคงไม่เห็นด้วย ถึงจะดูหยาบคายไปหน่อย แต่ผมก็วางมือลงบนไหล่ของซากุนะซัง ให้เธอเงยหน้ามองผม

 

[ผมได้รับคำขอบคุณมาแล้ว คุณปลอดภัยแล้ว แล้วคุณก็ไม่ได้มีบาดแผลทางใจจากเหตุการณ์นั้นที่ถึงกับรักษาให้หายขาดไม่ได้หรอก… ใช่รึเปล่า? หรือก็คือ ทั้งอาริสะ ไอนะ หรือแม้แต่คุณก็สามารถใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขต่อไปได้ จากโอกาสที่ผมหยิบยื่นให้]

 

[…อา]

 

ซากุนะซังกลอกตามองไปมากับคำพูดของผม

 

‘ไม่มีอะไรต้องกลัว ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องขอบคุณอีกแล้ว แค่ยิ้มก็พอ’ ผมยิ้มกว้างมากที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้ เพื่อที่จะส่งความรู้สึกไปให้ถึงเธอ ให้รู้ว่าไม่ต้องกังวล

 

[แค่ยิ้มไว้ก็พอ นั่นคือคำขอจากผม อาริสะกับไอนะก็ด้วยเหมือนกัน เข้าใจไหม? แบบว่า กับสถานการณ์แบบนี้ผมก็พูดไม่ค่อยเป๊ะเท่าไหร่ ไม่ไหวเลย… ผมคงต้องกลับไปใส่หน้ากากฟักทองซะแล้วล่ะ]

 

ปกติผมคงไม่พูดยิงมุกในเวลาแบบนี้ นานทีถึงจะทำสักครั้ง เพราะแบบนั้นผมถึงรู้สึกเขินๆ แล้วเอานิ้วเกาแก้มเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้น เห็นแบบนั้น อาริสะกับไอนะก็หัวเราะกันคิกคัก แล้วซากุนะซังก็เข้ามาจับมือผมไว้

 

[เข้าใจแล้ว… แต่ให้ฉันของคุณอีกสักครั้งหน่อยเถอะ ขอบคุณสำหรับน้ำใจของเธอนะ]

 

ซากุนะซังจับมือผมอนึ่งกอบกุมขุมทรัพย์ไว้

 

ถึงจะเหมือนเป็นสิทธิพิเศษที่ได้จับมือกับคนที่สวยเหมือนอาริสะกับไอนะแบบนี้ แต่มันก็มีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผมต้องทำ

 

[เหมือนอย่างเคย ผมฮายาโตะ โดโมโตะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ]

 

[ฉันซากุนะ ชินโจ ถ้าเธอไม่รังเกียจตอนเรียกชื่อลูกสาวฉันล่ะก็ งั้นก็เรียกฉันด้วยชื่อจริงได้เลยนะจ้ะ ไม่ต้องเกรงใจไป]

 

[…งั้น… ซากุนะซัง ได้ใช่ไหมครับ?]

 

[อื่ม… อื้ม!]

 

อย่าพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่น่ารักแบบนั้นไหมครับ ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้… จะเป็นผู้ใหญ่ก็เถอะ

 

 

ตอนนี้เฟิร์สอิมเพรสชั่นของพวกเราก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซากุนะซังปล่อยมือผมแล้วไปเอาเครื่องดื่มมาให้ อาริสะกับไอนะก็เข้ามาดึงแขนผมอนึ่งรอฉวยโอกาส

 

[นี่ ฮายาโตะคุง ไม่เห็นต้องยืนเลยนี่นา นั่งก่อนเถอะ]

 

[ใช่แล้ว ฮ่าฮ่า ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยล่ะว่าฮายาโตะคุงจะมาที่บ้านของพวกเรา]

 

พวกเธอจับมือผมแล้วพาผมนั่งลงบนโซฟาที่ดูจะราคาแพง

 

ผมลองมองไปรอบๆ อีกครั้ง เป็นบ้านที่ตกแต่งนี่สวยจริงๆ แต่เหมือนใหญ่เกินไปที่จะให้ผู้หญิงสามคนอาศัยอยู่ได้ แต่… ใช่แล้ว ถ้าฉุกคิดสักนิด พ่อของพวกเธอเคยอาศัยอยู่ที่นี่

 

[ขอโทษที่ทำให้รอนะ ชาดำคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหมจ้ะ ฮายาโตะคุง?]

 

[ไม่เป็นไรครับ ผมขอแบบนี้แล้วกัน]

 

ผมยกถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ ปกติผมไม่ค่อยดื่มชาดำ แต่ว่านี่มันกลมกล่อมมาก ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นไปถึงทรวงใน และผ่อนคลาย

 

[ของว่างก็มีนะจ้ะ]

 

[ขอบคุณครับ]

 

พวกเธอใจดีกันมากๆ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ ทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นในเรื่อยๆ

 

แบบว่า มีบางอย่างกวนใจผมมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว อนึ่งรู้สึกว่าร่างกายทั้งสองซีกของผมถูกกดทับมานานแสนนานแล้ว ในระดับที่ผมไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปว่ามันไม่รบกวนผม ก็น่าจะเดากันได้ว่ามันคืออะไร

 

[…ทั้งสองคน? ใกล้ไปแล้ว]

 

[หืม?]

 

[งั้นหรอกเหรอ?]

 

ทั้งสองคนเอียงหน้ามองผมด้วยความประหลาดใจ อาริสะแค่เข้ามาสัมผัสผม ในขณะที่หน้าอกของไอนะกำลังกดทับลงที่แขนผมจนรูปร่างมันเริ่มไม่เข้าทรง ไม่ดีแล้ว! นี่มันแย่จริงๆ กับผมที่ทั้งยังไม่มีแฟนแล้วยังเวอร์จิ้นอยู่… แต่ผมต้องอดทนไว้ด้วยใจที่ตั้งมั่น ฮึบ!

 

[พวกลูกสองคนอย่าไปรบกวนฮายาโตะคุงสิ]

 

[ฮายาโตะคุงมีปัญหาเหรอ~?]

 

[…เอ่อ]

 

นี่ อย่าพูดแบบนั้นสิ! ถ้าผมบอกพวกเธอว่ามีปัญหา ยังไงพวกเธอก็ต้องขยับออกไปแน่นอน แต่… แต่…

 

[ถ้าไปรบกวนก็ขอโทษนะ ฮายาโตะคุง]

 

แล้วไอนะก็ปล่อยผมและขยับออกมา

 

[แค่ล้อเล่นน่ะ ก็อย่างที่บอกไป ฉันไม่อยากรบกวนนายมากนักหรอก เอาล่ะพี่คะ อย่าไปรบกวนเขามากสิ]

 

[…ถึงจะไม่อยากก็เถอะ แต่เข้าใจแล้ว]

 

พวกเธอทั้งสองได้ถอยออกไป

 

ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วซากุนะซังก็ยิ้มให้ผม มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเขินอาย… แต่กลับทำให้ผมนึกถึงแม่ขึ้นมา

 

[เธอนี่ช่างเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ เข้าใจแล้วทำไมเด็กสองคนนี้ถึงได้ตามติดเธอถึงขนาดนี้ ความโอบอ้อมอารีแบบนั้น… ถึงจะเป็นเด็ก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่าฉันเจอคนแบบเธอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่… ฟุฟุ♪]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+