จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? 3 ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

Now you are reading จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? Chapter 3 ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ถ้าบอกว่าน่าเบื่อเพราะอาจารย์สอนหนังสือละก็คงจะไม่ค่อยดีนัก คาบเรียนช่วงบ่ายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในที่สุดก็ถึงเวลาหลังเลิกเรียน

หลังจากเก็บของเสร็จ เพื่อนของผมก็ออกปากชวนให้ไปเล่นที่ไหนสักที่ อย่างเช่นพวกร้านคาราโอเกะ

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่วันนี้ผมคงต้องขอปฏิเสธ หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์สุดตึงเครียดมา วันนี้ผมอยากค่อยๆ ใช้เวลาสำหรับการพักผ่อน

[งั้นหรอ]

[เข้าใจแล้ว ก็ชวนไปงั้นแหละ ไม่ต้องคิดมากหรอก]

เรื่องนั้นผมรู้ดี

ผมเป็นหนึ่งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น ไม่ว่าผมจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อย่างไร แต่ที่แน่นอนก็คือมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นใกล้ๆ ตัวผม บางทีพวกนั้นคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้ผมหายเครียดละมั้ง ผมดีใจนะที่พวกเขาใส่ใจผมขนาดนี้ และมีก็มีความสุขจริงๆ ที่พวกเราได้มาเป็นเพื่อนกัน

ผมวางแผนที่จะใช้เวลาในช่วงฮาโลวีนที่บ้านของเพื่อนตอนสุดสัปดาห์นี้ และสัญญากันไว้ว่าจะเล่นให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น

[เอ่อ ถึงจะยังไม่เข้าน่าหนาว แต่อากาศก็เริ่มจะหนาวแล้ว ผมว่าผมซื้ออะไรอุ่นๆ จากร้านสะดวกซื้อสักหน่อยดีกว่า… หืมม!?]

ผมคิดจะซื้อกาแฟร้อนสักแก้วจากร้านสะดวกซื้อ ในตอนนั้นเองผมก็เห็นอาริสะซังกำลังเดินไปกับนักเรียนชายคนหนึ่งต่อหน้าต่อตา

ชายหญิงสองคน ช่วงเวลาหลังเลิกเรียน เดินขึ้นไปทางดาดฟ้า ผมเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีคีย์เวิร์ดสามคำนี้อยู่ด้วยกัน

[ทั้งๆ ที่พึ่งเจอเรื่องแย่ๆ มาแท้ๆ ขอโทษทีนะที่รบกวน…]

นักเรียนชายที่อยู่กับอาริสะซัง เขาคือหนุ่มหล่อและเป็นเอสของชมรมฟุตบอล บางทีคงจะเรียนอยู่ห้องเดียวกับพี่น้องชินโจละมั้ง

…ให้ตายเถอะ ขนาดเธอพึ่งเจอเรื่องแบบนั้นมาเมื่อวานแท้ๆ ยังจะเรียกเธอมาสารภาพรักอีกงั้นหรอ!? แอบตามไปมันอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

[…ก็นะ บางทีสิ่งนี้เองก็อาจจะมีอะไรเชื่อมต่อกันอยู่ก็ได้]

ผมค่อยๆ แอบตามพวกเขาไปโดยที่ไม่ให้รู้ตัว อย่างที่คิดเอาไว้ที่หมายก็คือดาดฟ้า หนุ่มหล่อหันหน้าเข้าหาอิริสะซังด้วยสีหน้าจริงจังราวกับว่าเขาเตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมแล้ว

ด้านหลังประตูเหล็กสนิมเขรอะที่อ้าออกได้เพียงนิดเดียว เพื่อไม่ให้มีเรื่องอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นอีก ผมตัดสินใจเฝ้าดูการสารภาพรักดังกล่าว

[อาริสะซัง… จะช่วยคบกับชั้นได้มั้ย!?]

ไงละ… กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นการสารภาพรัก

โดยรวมแล้วผมคิดว่าหนุ่มหล่อคนนั้นคงจะต้องเป็นที่นิยมอยู่พอสมควร ผมคิดว่าคงจะมีสาวๆ สักสองสามคนแหละที่กำลังแอบชอบเขาอยู่ ถึงอย่างนั้น… คำตอบที่พ่อหนุ่มหล่อคนนั้นได้รับกลับมามันกลับฟังดูเหมือนเป็นคำตอบแบบขอไปที

[ขอโทษทีนะ พอดีชั้นมีคนที่แอบชอบแล้วคงจะคบกับคุณไม่ได้หรอก]

[…เอ๊ะ!!]

ถึงแม้เขาจะเป็นที่นิยมสักแค่ไหน แต่มันคงจะเอามาใช้อ้างอิงไม่ได้กับพี่น้องชินโจ หืมม!? เดี๋ยวก่อนนะ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าอาริสะซังจะตอบแบบนั้น ใครกันที่ปล่อยข่าวลือว่าเธอเกลียดผู้ชาย… เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?

[หรือมันเป็นเหตุผลที่สะดวกเวลาจะใช้ปฏิเสธละมั้ง?]

[ไม่ พี่สาวชั้นเกลียดผู้ชายเข้าไส้ของแท้เลยละ]

เรื่องจริงงั้นหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ… แต่เดี๋ยวก่อน!! นั่นมันเสียงใคร!? ผมค่อยๆ หันกลับไปมองด้านหลัง ตรงนั้นมีสาวสวยอีกคนที่ให้ความรู้สึกโดดเด่นพอๆ กับอาริสะซัง กำลังยืนอยู่

ใช่!! เธอคือชินโจ ไอนะ เธอยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับผมที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีแดงเข้มของเธอ

[…เอ๊ะ!?]

[เงียบๆ หน่อย ขืนส่งเสียงดังเดี๋ยวพวกนั้นก็รู้ตัวกันพอดี]

ไอนะซังวางนิ้วของเธอลงบนปากของผมเบาๆ ผมรู้สึกสับสนกับการกระทำนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณมันจริงๆ ที่ทำให้ผมไม่เผลอส่งเสียงอะไรแปลกๆ ออกไป

[ก็พี่ชั้นบอกว่าจะรีบกลับมานี่นา ในฐานะน้องสาวก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!? แต่ก็นะ… แบบนี้คงรู้ผลแล้วละ]

เด็กหนุ่มหยุดนิ่งราวกับคนไร้ชีพจร พอพูดแบบนั้นเสร็จไอนะซังก็ส่งเสียงหัวเราะ จากนั้นก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง

[แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่หรอ!?]

[…เอ่~]

การแอบดูความสัมพันธ์ของคนอื่นถือเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด ผมรู้สึกลังเลที่จะพูดนิดหน่อย แต่เพราะไอนะซังยังคงทำหน้ายิ้มแย้มเหมือนเช่นเคย เพราะแบบนั้นผมจึงตัดสินใจบอกความจริงกับเธอว่าผมมาทำอะไรที่นี่

[เมื่อวานพึ่งจะเกิดเรื่องแบบนั้นไปใช่มั้ยล่ะ ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นวันนี้กลับถูกเรียกออกมาสารภาพรักอีก ชั้นแค่คิดว่ามันจะเป็นอะไรมั้ย? ก็แค่นั้นแหละ]

[อย่างนี้นี่เอง เธอนี่เป็นคนอ่อนโยนจังเลยนะ]

[…จะพูดเองก็ยังไงอยู่ แต่เชื่อกันง่ายๆ แบบนี้มันจะดีหรอ!?]

[เธอสามารถเชื่อใจได้ ไม่รู้สิแต่ชั้นรู้สึกแบบนั้น มันก็ดีกว่ามานั่งสงสัยกันไม่ใช่หรอ!?]

[นั่นมัน… ก็จริงนะ]

ดูเหมือนว่าระหว่างที่ผมกับไอนะซังกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น สถานการณ์ทางฝั่งนั้นจะคืบหน้าไปพอสมควร

[ชั้นรู้สึกแย่มากที่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน! มันทำให้ชั้นเจ็บปวดเมื่อรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ! เพราะงั้นแหละช่วยคบกับชั้นได้มั้ย!? เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีกชั้นอยากจะปกป้องเธอ!]

โห่วว หมอนั่นมันหล่อไปจนถึงจิตวิญญาณเลยงั้นหรอ

ผมสังสัยว่าอาริสะซังจะพูดอะไรเพื่อตอบสนองต่อรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มผู้สิ้นหวังคนนั้น เมื่อผมชะเง้อมองเธอผ่านช่องว่างของประตูที่เปิดออกเพียงเล็กน้อย ไอนะซังที่อยู่ข้างหลังผมก็ดันเข้ามาราวกับว่าเธอต้องการที่จะมองมันเช่นกัน

[เอ๊ะ!?]

ร่างกายของเราแนบชิด เธอกดผมด้วยเนินเขาที่แสนจะเย้ายวนคู่นั้น สัมผัสที่นุ่มละมุนราวกับว่ามันกำลังโอบกอดแผ่นหลังของผมเอาไว้ยังไงอย่างงั้นแหละ

[ไม่ว่าหมอนั่นจะพูดอะไร พี่ชั้นก็ไม่มีทางตอบรับอยู่แล้ว ต่อให้หมอนั่นตายตรงนี้ พี่ก็คงจะชี้นิ้วสมน้ำหน้าแล้วหัวเราะเยาะอย่างสะใจเท่านั้นแหละ]

[…คือว่า ชินโจซัง]

[หืมม มีอะไรงั้นหรอ!? หรืออายเพราะโดนหน้าอกของชั้น]

เด็กคนนี้พูดจาตรงสุดๆ ไปเลยแฮะ หน้าอกทั้งสองข้างถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิ๊ตและคาร์ดิแกน ทันทีมันสัมผัสกับแผ่นหลังผมมันก็ค่อยๆ เสียรูปไป ถึงผมจะไม่ได้สัมผัสมันด้วยมือคู่นี้ก็ตาม แต่ความรู้สึกนุ่มละมุนว่าหน้าอกกำลังเสียทรวดทรงนั้นมันถูกส่งผ่านมาหาผมได้อย่างชัดเจน

[จะรู้สึกขอบคุณมาก ถ้าชินโจซังถอยออกไปสักหน่อย]

[โธ่… ทำแบบนั้นชั้นก็มองไม่เห็นนะสิ]

แค่มายืนข้างหน้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอ…?

ผมเดาว่าเธอคงแกล้งผมเล่นนิดหน่อย เธอถอยออกจากผม หัวเราะคิกคัก พร้อมกับขอโทษ หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อ

[ชั้นกับพี่สาวนามสกุลเหมือนกัน ช่วยเรียกชั้นด้วยชื่อได้มั้ย!? เป็นการแลกเปลี่ยนชั้นก็จะเรียกเธอด้วยชื่อเหมือนกัน]

ผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพียงแต่ผมไม่อยากจะมานั่งคิดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะแฝงไปด้วยนัยยะอะไรบางอย่าง แต่ไอนะซังกลับยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่สุดแสนบริสุทธิ์ ถึงมันจะมีบางอย่างแอบแฝง แต่ผมก็อดที่จะเชื่อไม่ได้จริงๆ เชื่อในรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์นั้น

[อ เอ่อ… งั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ไอนะซัง]

[ไม่ต้องเติมซังก็ได้]

[เรื่องนั้นมัน…]

[เอาเถอะ ตอนนี้เอาเป็นแบบนี้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยว่ากันใหม่]

พอเรียกเธอด้วยชื่อแบบนี้ เหมือนกับผมได้ก้าวสู่หนทางของความเป็นเพื่อนแล้วเลย

ทั้งๆ ที่นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกัน ความจริงแล้วผมไม่สนิทพอที่จะเป็นเพื่อนกับไอนะซังเลยด้วยซ้ำ การที่เราได้มาคุยกันแบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้ มันคงจะเกิดจากความบังเอิญอะไรหลายๆ อย่าง

[ถ้างั้นชั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ฮายาโตะคุง]

[อ่า..หืมม!?]

[มีอะไรงั้นหรอ!?]

[เปล่า… แค่สงสัยว่าไอนะซังรู้จักชื่อของชั้นด้วยงั้นหรอ!?]

ผมรู้จักไอนะซังเพราะเธอเป็นพี่น้องที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในโรงเรียน ในทางกลับกันผมเป็นแค่นักเรียนธรรมดา เป็นเพียงตัวประกอบตัวนึง นั่นทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจที่เธอรู้จักชื่อของผม

[ถึงเราจะอยู่คนละห้องกันแต่ก็อยู่ปีเดียวกันไม่ใช่หรอ!? จะรู้ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยหนิ]

[…อ่าา โทษที ไม่ค่อยมีคนรู้ชื่อของชั้นเท่าไหร่ แถมชั้นเองก็จำชื่อของคนอื่นไม่ค่อยได้ด้วย]

[อะฮ่าๆ งั้นหรอ งั้นหลังจากนี้ ก็ค่อยๆ จำไปแล้วกันนะเนอะ?]

เป็นคำพูดที่ฟังดูสมเหตุสมผล ผมพยักหน้ารับ

ขณะที่ผมกำลังพูดคุยกับไอนะซัง ผมก็เสียสมาธิไปจากเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นบนดาดฟ้า

[จะพูดอีกกี่ครั้ง ชั้นก็คบกับนายไม่ได้]

[อ… อืมเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะที่อุส่ามา]

แย่แล้ว เขากำลังเดินมาทางนี้

ตอนที่ผมคิดว่าจะต้องหาที่ซ่อนตัว จู่ๆ ไอนะซังก็ดึงมาเข้าไปหา เนื่องจากมันเป็นเพียงจุดบอดเดียวที่ประตูเปิดอยู่เลยมองไม่เห็น ผมจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

[…]

[…ใกล้งจังเลยนะ♪]

ในระยะที่ใบหน้าเราทั้งคู่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าหนี และเว้นระยะห่างออกจากเธอ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไอนะซังก็เปิดปากของเธออีกครั้ง ในขณะที่หันหน้าไปทางประตูทางออกที่ทอดไปสู่ดาดฟ้า

[ดูเหมือนการสารภาพรักที่ไร้สาระนี่จะจบแล้ว ถ้างั้นชั้นขอไปหาพี่ของชั้นก่อนนะ ขอบคุณที่คอยดูแลนะฮายาโตะคุง]

[ไม่ได้คอยดูแลสักหน่อย.. แต่ว่าเข้าใจแล้ว ชั้นเองก็จะกลับบ้านเหมือนกัน]

[อืมม ไว้เจอกันนะ♪]

ไอนะซังกางแขนแล้วรีบแจ้นไปหาอาริสะซัง

ผมมองดูมัน พร้อมกับขอให้ไม่มีเรื่องอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นอีก ถึงอย่างนั้นกลิ่นหอม และสัมผัสนุ่มนวลก่อนหน้านี้มันยังคงตราตรึง มันช่างให้ความรู้สึกถึงชีวิตม.ปลายอะไรขนาดนั้น

[…อ่าาา ขยะแขยง! หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง!!!!!]

[โธ่ หยาบคายจังเลยนะพี่คะ]

ไอนะส่งรอยยิ้มมีเลศนัยให้กับอาริสะซึ่งไม่สามารถซ่อนความรังเกียจของเธอที่มีต่อเด็กผู้ชายที่สารภาพรักกับเธอก่อนหน้านี้ได้ อย่างไรก็ตามไอนะเองก็สามารถเข้าใจความรู้สึกของอาริสะได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะไอนะเองก็เกลียดเด็กผู้ชายเข้าไส้เหมือนกัน

[ชั้นเองก็ถูกสารภาพรักบ่อย มันก็น่าขยะแขยงจริงๆ นั่นแหละ]

[ใช่แล้ว ผู้ชายมันก็แค่สิ่งมีชีวิตที่ป่าเถื่อน หยาบคายและเลวทราม]

[ใช่ๆ ยกเว้นคุณพ่อละนะ นอกนั้นไม่มีค่าพอที่จะต้องไปยุ่งด้วยเลยสักนิด]

[นั่นนะสิ ชั้นเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไอนะนี่ไม่ชอบผู้ชายหนักกว่าชั้นอีกไม่ใช่หรอ? แค่บังเอิญมือสัมผัสกันก็รู้สึกรังเกียจแล้วไม่ใช่หรอ? เธอนะ]

[ก็มันรู้สึกขยะแขยงนี่นา]

ไอนะ สาวร่าเริงที่มักจะมีรอยยิ้มสดใดบนใบหน้าของเธอเสมอ ใครจะรู้ว่ามีใบหน้าอื่นถูกซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้นของเธอ มีเพียงอาริสะ และแม่ของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

[จะว่าไปไอนะ เธอจำชื่อเด็กผู้ชายในห้องไม่ได้เลยสักคนใช่มั้ย!?]

[ก็มันไม่เห็นจำเป็นเลยนี่นา]

ถึงจะจำนามสกุลได้บ้างแต่ชื่อนั้นฉันจำไม่ได้เลย และถึงแม้จะได้ยินแต่เธอก็ไม่อยากจะใส่ใจ จึงทำให้เธอลืมมันไปในทันทีอีกเช่นกัน

[ช่างมันแล้วกัน… วันนี้หมดเวลาไปกับเรื่องไร้สาระซะได้ รีบๆ กลับบ้านกันเถอะ]

[อืมม♪]

ไอนะเดินตามอาริสะไปยังประตูทางเข้า

แต่ผ่านไปได้ครึ่งทางไอนะก็หยุดกะทันหัน เธอจ้องมองไปที่นิ้วมือของตัวเอง มันเป็นปลายนิ้วที่เธอกดลงบนริมฝีปากของฮายาโตะก่อนหน้านี้

[​…แผล็บ]

เธอเอานิ้วเข้าไปในปากตัวเองด้วยเหตุผลบางอย่าง ขยับลิ้นของเธอไปมาราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินไปกับมัน เธอยังคงเลียมันต่อไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข และคอยระมัดระวังไม่ให้อาริสะเห็น

[…ถ้าทำแบบนี้แล้วท้องได้ คงจะดีสุดๆ ไปเลย อ่าาา ฮายาโตะคุง]

เสียงกระซิบอันแผ่วเบา… ลอยหายไปกับสายลม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? 3 ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

Now you are reading จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? Chapter 3 ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ถ้าบอกว่าน่าเบื่อเพราะอาจารย์สอนหนังสือละก็คงจะไม่ค่อยดีนัก คาบเรียนช่วงบ่ายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในที่สุดก็ถึงเวลาหลังเลิกเรียน

หลังจากเก็บของเสร็จ เพื่อนของผมก็ออกปากชวนให้ไปเล่นที่ไหนสักที่ อย่างเช่นพวกร้านคาราโอเกะ

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่วันนี้ผมคงต้องขอปฏิเสธ หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์สุดตึงเครียดมา วันนี้ผมอยากค่อยๆ ใช้เวลาสำหรับการพักผ่อน

[งั้นหรอ]

[เข้าใจแล้ว ก็ชวนไปงั้นแหละ ไม่ต้องคิดมากหรอก]

เรื่องนั้นผมรู้ดี

ผมเป็นหนึ่งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น ไม่ว่าผมจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อย่างไร แต่ที่แน่นอนก็คือมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นใกล้ๆ ตัวผม บางทีพวกนั้นคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้ผมหายเครียดละมั้ง ผมดีใจนะที่พวกเขาใส่ใจผมขนาดนี้ และมีก็มีความสุขจริงๆ ที่พวกเราได้มาเป็นเพื่อนกัน

ผมวางแผนที่จะใช้เวลาในช่วงฮาโลวีนที่บ้านของเพื่อนตอนสุดสัปดาห์นี้ และสัญญากันไว้ว่าจะเล่นให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น

[เอ่อ ถึงจะยังไม่เข้าน่าหนาว แต่อากาศก็เริ่มจะหนาวแล้ว ผมว่าผมซื้ออะไรอุ่นๆ จากร้านสะดวกซื้อสักหน่อยดีกว่า… หืมม!?]

ผมคิดจะซื้อกาแฟร้อนสักแก้วจากร้านสะดวกซื้อ ในตอนนั้นเองผมก็เห็นอาริสะซังกำลังเดินไปกับนักเรียนชายคนหนึ่งต่อหน้าต่อตา

ชายหญิงสองคน ช่วงเวลาหลังเลิกเรียน เดินขึ้นไปทางดาดฟ้า ผมเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีคีย์เวิร์ดสามคำนี้อยู่ด้วยกัน

[ทั้งๆ ที่พึ่งเจอเรื่องแย่ๆ มาแท้ๆ ขอโทษทีนะที่รบกวน…]

นักเรียนชายที่อยู่กับอาริสะซัง เขาคือหนุ่มหล่อและเป็นเอสของชมรมฟุตบอล บางทีคงจะเรียนอยู่ห้องเดียวกับพี่น้องชินโจละมั้ง

…ให้ตายเถอะ ขนาดเธอพึ่งเจอเรื่องแบบนั้นมาเมื่อวานแท้ๆ ยังจะเรียกเธอมาสารภาพรักอีกงั้นหรอ!? แอบตามไปมันอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

[…ก็นะ บางทีสิ่งนี้เองก็อาจจะมีอะไรเชื่อมต่อกันอยู่ก็ได้]

ผมค่อยๆ แอบตามพวกเขาไปโดยที่ไม่ให้รู้ตัว อย่างที่คิดเอาไว้ที่หมายก็คือดาดฟ้า หนุ่มหล่อหันหน้าเข้าหาอิริสะซังด้วยสีหน้าจริงจังราวกับว่าเขาเตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมแล้ว

ด้านหลังประตูเหล็กสนิมเขรอะที่อ้าออกได้เพียงนิดเดียว เพื่อไม่ให้มีเรื่องอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นอีก ผมตัดสินใจเฝ้าดูการสารภาพรักดังกล่าว

[อาริสะซัง… จะช่วยคบกับชั้นได้มั้ย!?]

ไงละ… กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นการสารภาพรัก

โดยรวมแล้วผมคิดว่าหนุ่มหล่อคนนั้นคงจะต้องเป็นที่นิยมอยู่พอสมควร ผมคิดว่าคงจะมีสาวๆ สักสองสามคนแหละที่กำลังแอบชอบเขาอยู่ ถึงอย่างนั้น… คำตอบที่พ่อหนุ่มหล่อคนนั้นได้รับกลับมามันกลับฟังดูเหมือนเป็นคำตอบแบบขอไปที

[ขอโทษทีนะ พอดีชั้นมีคนที่แอบชอบแล้วคงจะคบกับคุณไม่ได้หรอก]

[…เอ๊ะ!!]

ถึงแม้เขาจะเป็นที่นิยมสักแค่ไหน แต่มันคงจะเอามาใช้อ้างอิงไม่ได้กับพี่น้องชินโจ หืมม!? เดี๋ยวก่อนนะ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าอาริสะซังจะตอบแบบนั้น ใครกันที่ปล่อยข่าวลือว่าเธอเกลียดผู้ชาย… เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?

[หรือมันเป็นเหตุผลที่สะดวกเวลาจะใช้ปฏิเสธละมั้ง?]

[ไม่ พี่สาวชั้นเกลียดผู้ชายเข้าไส้ของแท้เลยละ]

เรื่องจริงงั้นหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ… แต่เดี๋ยวก่อน!! นั่นมันเสียงใคร!? ผมค่อยๆ หันกลับไปมองด้านหลัง ตรงนั้นมีสาวสวยอีกคนที่ให้ความรู้สึกโดดเด่นพอๆ กับอาริสะซัง กำลังยืนอยู่

ใช่!! เธอคือชินโจ ไอนะ เธอยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับผมที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีแดงเข้มของเธอ

[…เอ๊ะ!?]

[เงียบๆ หน่อย ขืนส่งเสียงดังเดี๋ยวพวกนั้นก็รู้ตัวกันพอดี]

ไอนะซังวางนิ้วของเธอลงบนปากของผมเบาๆ ผมรู้สึกสับสนกับการกระทำนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณมันจริงๆ ที่ทำให้ผมไม่เผลอส่งเสียงอะไรแปลกๆ ออกไป

[ก็พี่ชั้นบอกว่าจะรีบกลับมานี่นา ในฐานะน้องสาวก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!? แต่ก็นะ… แบบนี้คงรู้ผลแล้วละ]

เด็กหนุ่มหยุดนิ่งราวกับคนไร้ชีพจร พอพูดแบบนั้นเสร็จไอนะซังก็ส่งเสียงหัวเราะ จากนั้นก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง

[แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่หรอ!?]

[…เอ่~]

การแอบดูความสัมพันธ์ของคนอื่นถือเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด ผมรู้สึกลังเลที่จะพูดนิดหน่อย แต่เพราะไอนะซังยังคงทำหน้ายิ้มแย้มเหมือนเช่นเคย เพราะแบบนั้นผมจึงตัดสินใจบอกความจริงกับเธอว่าผมมาทำอะไรที่นี่

[เมื่อวานพึ่งจะเกิดเรื่องแบบนั้นไปใช่มั้ยล่ะ ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นวันนี้กลับถูกเรียกออกมาสารภาพรักอีก ชั้นแค่คิดว่ามันจะเป็นอะไรมั้ย? ก็แค่นั้นแหละ]

[อย่างนี้นี่เอง เธอนี่เป็นคนอ่อนโยนจังเลยนะ]

[…จะพูดเองก็ยังไงอยู่ แต่เชื่อกันง่ายๆ แบบนี้มันจะดีหรอ!?]

[เธอสามารถเชื่อใจได้ ไม่รู้สิแต่ชั้นรู้สึกแบบนั้น มันก็ดีกว่ามานั่งสงสัยกันไม่ใช่หรอ!?]

[นั่นมัน… ก็จริงนะ]

ดูเหมือนว่าระหว่างที่ผมกับไอนะซังกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น สถานการณ์ทางฝั่งนั้นจะคืบหน้าไปพอสมควร

[ชั้นรู้สึกแย่มากที่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน! มันทำให้ชั้นเจ็บปวดเมื่อรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ! เพราะงั้นแหละช่วยคบกับชั้นได้มั้ย!? เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีกชั้นอยากจะปกป้องเธอ!]

โห่วว หมอนั่นมันหล่อไปจนถึงจิตวิญญาณเลยงั้นหรอ

ผมสังสัยว่าอาริสะซังจะพูดอะไรเพื่อตอบสนองต่อรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มผู้สิ้นหวังคนนั้น เมื่อผมชะเง้อมองเธอผ่านช่องว่างของประตูที่เปิดออกเพียงเล็กน้อย ไอนะซังที่อยู่ข้างหลังผมก็ดันเข้ามาราวกับว่าเธอต้องการที่จะมองมันเช่นกัน

[เอ๊ะ!?]

ร่างกายของเราแนบชิด เธอกดผมด้วยเนินเขาที่แสนจะเย้ายวนคู่นั้น สัมผัสที่นุ่มละมุนราวกับว่ามันกำลังโอบกอดแผ่นหลังของผมเอาไว้ยังไงอย่างงั้นแหละ

[ไม่ว่าหมอนั่นจะพูดอะไร พี่ชั้นก็ไม่มีทางตอบรับอยู่แล้ว ต่อให้หมอนั่นตายตรงนี้ พี่ก็คงจะชี้นิ้วสมน้ำหน้าแล้วหัวเราะเยาะอย่างสะใจเท่านั้นแหละ]

[…คือว่า ชินโจซัง]

[หืมม มีอะไรงั้นหรอ!? หรืออายเพราะโดนหน้าอกของชั้น]

เด็กคนนี้พูดจาตรงสุดๆ ไปเลยแฮะ หน้าอกทั้งสองข้างถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิ๊ตและคาร์ดิแกน ทันทีมันสัมผัสกับแผ่นหลังผมมันก็ค่อยๆ เสียรูปไป ถึงผมจะไม่ได้สัมผัสมันด้วยมือคู่นี้ก็ตาม แต่ความรู้สึกนุ่มละมุนว่าหน้าอกกำลังเสียทรวดทรงนั้นมันถูกส่งผ่านมาหาผมได้อย่างชัดเจน

[จะรู้สึกขอบคุณมาก ถ้าชินโจซังถอยออกไปสักหน่อย]

[โธ่… ทำแบบนั้นชั้นก็มองไม่เห็นนะสิ]

แค่มายืนข้างหน้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอ…?

ผมเดาว่าเธอคงแกล้งผมเล่นนิดหน่อย เธอถอยออกจากผม หัวเราะคิกคัก พร้อมกับขอโทษ หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อ

[ชั้นกับพี่สาวนามสกุลเหมือนกัน ช่วยเรียกชั้นด้วยชื่อได้มั้ย!? เป็นการแลกเปลี่ยนชั้นก็จะเรียกเธอด้วยชื่อเหมือนกัน]

ผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพียงแต่ผมไม่อยากจะมานั่งคิดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะแฝงไปด้วยนัยยะอะไรบางอย่าง แต่ไอนะซังกลับยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่สุดแสนบริสุทธิ์ ถึงมันจะมีบางอย่างแอบแฝง แต่ผมก็อดที่จะเชื่อไม่ได้จริงๆ เชื่อในรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์นั้น

[อ เอ่อ… งั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ไอนะซัง]

[ไม่ต้องเติมซังก็ได้]

[เรื่องนั้นมัน…]

[เอาเถอะ ตอนนี้เอาเป็นแบบนี้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยว่ากันใหม่]

พอเรียกเธอด้วยชื่อแบบนี้ เหมือนกับผมได้ก้าวสู่หนทางของความเป็นเพื่อนแล้วเลย

ทั้งๆ ที่นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกัน ความจริงแล้วผมไม่สนิทพอที่จะเป็นเพื่อนกับไอนะซังเลยด้วยซ้ำ การที่เราได้มาคุยกันแบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้ มันคงจะเกิดจากความบังเอิญอะไรหลายๆ อย่าง

[ถ้างั้นชั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ฮายาโตะคุง]

[อ่า..หืมม!?]

[มีอะไรงั้นหรอ!?]

[เปล่า… แค่สงสัยว่าไอนะซังรู้จักชื่อของชั้นด้วยงั้นหรอ!?]

ผมรู้จักไอนะซังเพราะเธอเป็นพี่น้องที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในโรงเรียน ในทางกลับกันผมเป็นแค่นักเรียนธรรมดา เป็นเพียงตัวประกอบตัวนึง นั่นทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจที่เธอรู้จักชื่อของผม

[ถึงเราจะอยู่คนละห้องกันแต่ก็อยู่ปีเดียวกันไม่ใช่หรอ!? จะรู้ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยหนิ]

[…อ่าา โทษที ไม่ค่อยมีคนรู้ชื่อของชั้นเท่าไหร่ แถมชั้นเองก็จำชื่อของคนอื่นไม่ค่อยได้ด้วย]

[อะฮ่าๆ งั้นหรอ งั้นหลังจากนี้ ก็ค่อยๆ จำไปแล้วกันนะเนอะ?]

เป็นคำพูดที่ฟังดูสมเหตุสมผล ผมพยักหน้ารับ

ขณะที่ผมกำลังพูดคุยกับไอนะซัง ผมก็เสียสมาธิไปจากเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นบนดาดฟ้า

[จะพูดอีกกี่ครั้ง ชั้นก็คบกับนายไม่ได้]

[อ… อืมเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะที่อุส่ามา]

แย่แล้ว เขากำลังเดินมาทางนี้

ตอนที่ผมคิดว่าจะต้องหาที่ซ่อนตัว จู่ๆ ไอนะซังก็ดึงมาเข้าไปหา เนื่องจากมันเป็นเพียงจุดบอดเดียวที่ประตูเปิดอยู่เลยมองไม่เห็น ผมจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

[…]

[…ใกล้งจังเลยนะ♪]

ในระยะที่ใบหน้าเราทั้งคู่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าหนี และเว้นระยะห่างออกจากเธอ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไอนะซังก็เปิดปากของเธออีกครั้ง ในขณะที่หันหน้าไปทางประตูทางออกที่ทอดไปสู่ดาดฟ้า

[ดูเหมือนการสารภาพรักที่ไร้สาระนี่จะจบแล้ว ถ้างั้นชั้นขอไปหาพี่ของชั้นก่อนนะ ขอบคุณที่คอยดูแลนะฮายาโตะคุง]

[ไม่ได้คอยดูแลสักหน่อย.. แต่ว่าเข้าใจแล้ว ชั้นเองก็จะกลับบ้านเหมือนกัน]

[อืมม ไว้เจอกันนะ♪]

ไอนะซังกางแขนแล้วรีบแจ้นไปหาอาริสะซัง

ผมมองดูมัน พร้อมกับขอให้ไม่มีเรื่องอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นอีก ถึงอย่างนั้นกลิ่นหอม และสัมผัสนุ่มนวลก่อนหน้านี้มันยังคงตราตรึง มันช่างให้ความรู้สึกถึงชีวิตม.ปลายอะไรขนาดนั้น

[…อ่าาา ขยะแขยง! หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง!!!!!]

[โธ่ หยาบคายจังเลยนะพี่คะ]

ไอนะส่งรอยยิ้มมีเลศนัยให้กับอาริสะซึ่งไม่สามารถซ่อนความรังเกียจของเธอที่มีต่อเด็กผู้ชายที่สารภาพรักกับเธอก่อนหน้านี้ได้ อย่างไรก็ตามไอนะเองก็สามารถเข้าใจความรู้สึกของอาริสะได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะไอนะเองก็เกลียดเด็กผู้ชายเข้าไส้เหมือนกัน

[ชั้นเองก็ถูกสารภาพรักบ่อย มันก็น่าขยะแขยงจริงๆ นั่นแหละ]

[ใช่แล้ว ผู้ชายมันก็แค่สิ่งมีชีวิตที่ป่าเถื่อน หยาบคายและเลวทราม]

[ใช่ๆ ยกเว้นคุณพ่อละนะ นอกนั้นไม่มีค่าพอที่จะต้องไปยุ่งด้วยเลยสักนิด]

[นั่นนะสิ ชั้นเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไอนะนี่ไม่ชอบผู้ชายหนักกว่าชั้นอีกไม่ใช่หรอ? แค่บังเอิญมือสัมผัสกันก็รู้สึกรังเกียจแล้วไม่ใช่หรอ? เธอนะ]

[ก็มันรู้สึกขยะแขยงนี่นา]

ไอนะ สาวร่าเริงที่มักจะมีรอยยิ้มสดใดบนใบหน้าของเธอเสมอ ใครจะรู้ว่ามีใบหน้าอื่นถูกซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้นของเธอ มีเพียงอาริสะ และแม่ของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

[จะว่าไปไอนะ เธอจำชื่อเด็กผู้ชายในห้องไม่ได้เลยสักคนใช่มั้ย!?]

[ก็มันไม่เห็นจำเป็นเลยนี่นา]

ถึงจะจำนามสกุลได้บ้างแต่ชื่อนั้นฉันจำไม่ได้เลย และถึงแม้จะได้ยินแต่เธอก็ไม่อยากจะใส่ใจ จึงทำให้เธอลืมมันไปในทันทีอีกเช่นกัน

[ช่างมันแล้วกัน… วันนี้หมดเวลาไปกับเรื่องไร้สาระซะได้ รีบๆ กลับบ้านกันเถอะ]

[อืมม♪]

ไอนะเดินตามอาริสะไปยังประตูทางเข้า

แต่ผ่านไปได้ครึ่งทางไอนะก็หยุดกะทันหัน เธอจ้องมองไปที่นิ้วมือของตัวเอง มันเป็นปลายนิ้วที่เธอกดลงบนริมฝีปากของฮายาโตะก่อนหน้านี้

[​…แผล็บ]

เธอเอานิ้วเข้าไปในปากตัวเองด้วยเหตุผลบางอย่าง ขยับลิ้นของเธอไปมาราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินไปกับมัน เธอยังคงเลียมันต่อไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข และคอยระมัดระวังไม่ให้อาริสะเห็น

[…ถ้าทำแบบนี้แล้วท้องได้ คงจะดีสุดๆ ไปเลย อ่าาา ฮายาโตะคุง]

เสียงกระซิบอันแผ่วเบา… ลอยหายไปกับสายลม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? 3 ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

Now you are reading จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? Chapter 3 ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่มีหมวกฟักทอง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ถ้าบอกว่าน่าเบื่อเพราะอาจารย์สอนหนังสือละก็คงจะไม่ค่อยดีนัก คาบเรียนช่วงบ่ายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในที่สุดก็ถึงเวลาหลังเลิกเรียน

หลังจากเก็บของเสร็จ เพื่อนของผมก็ออกปากชวนให้ไปเล่นที่ไหนสักที่ อย่างเช่นพวกร้านคาราโอเกะ

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่วันนี้ผมคงต้องขอปฏิเสธ หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์สุดตึงเครียดมา วันนี้ผมอยากค่อยๆ ใช้เวลาสำหรับการพักผ่อน

[งั้นหรอ]

[เข้าใจแล้ว ก็ชวนไปงั้นแหละ ไม่ต้องคิดมากหรอก]

เรื่องนั้นผมรู้ดี

ผมเป็นหนึ่งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น ไม่ว่าผมจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อย่างไร แต่ที่แน่นอนก็คือมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นใกล้ๆ ตัวผม บางทีพวกนั้นคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้ผมหายเครียดละมั้ง ผมดีใจนะที่พวกเขาใส่ใจผมขนาดนี้ และมีก็มีความสุขจริงๆ ที่พวกเราได้มาเป็นเพื่อนกัน

ผมวางแผนที่จะใช้เวลาในช่วงฮาโลวีนที่บ้านของเพื่อนตอนสุดสัปดาห์นี้ และสัญญากันไว้ว่าจะเล่นให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น

[เอ่อ ถึงจะยังไม่เข้าน่าหนาว แต่อากาศก็เริ่มจะหนาวแล้ว ผมว่าผมซื้ออะไรอุ่นๆ จากร้านสะดวกซื้อสักหน่อยดีกว่า… หืมม!?]

ผมคิดจะซื้อกาแฟร้อนสักแก้วจากร้านสะดวกซื้อ ในตอนนั้นเองผมก็เห็นอาริสะซังกำลังเดินไปกับนักเรียนชายคนหนึ่งต่อหน้าต่อตา

ชายหญิงสองคน ช่วงเวลาหลังเลิกเรียน เดินขึ้นไปทางดาดฟ้า ผมเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีคีย์เวิร์ดสามคำนี้อยู่ด้วยกัน

[ทั้งๆ ที่พึ่งเจอเรื่องแย่ๆ มาแท้ๆ ขอโทษทีนะที่รบกวน…]

นักเรียนชายที่อยู่กับอาริสะซัง เขาคือหนุ่มหล่อและเป็นเอสของชมรมฟุตบอล บางทีคงจะเรียนอยู่ห้องเดียวกับพี่น้องชินโจละมั้ง

…ให้ตายเถอะ ขนาดเธอพึ่งเจอเรื่องแบบนั้นมาเมื่อวานแท้ๆ ยังจะเรียกเธอมาสารภาพรักอีกงั้นหรอ!? แอบตามไปมันอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

[…ก็นะ บางทีสิ่งนี้เองก็อาจจะมีอะไรเชื่อมต่อกันอยู่ก็ได้]

ผมค่อยๆ แอบตามพวกเขาไปโดยที่ไม่ให้รู้ตัว อย่างที่คิดเอาไว้ที่หมายก็คือดาดฟ้า หนุ่มหล่อหันหน้าเข้าหาอิริสะซังด้วยสีหน้าจริงจังราวกับว่าเขาเตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมแล้ว

ด้านหลังประตูเหล็กสนิมเขรอะที่อ้าออกได้เพียงนิดเดียว เพื่อไม่ให้มีเรื่องอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นอีก ผมตัดสินใจเฝ้าดูการสารภาพรักดังกล่าว

[อาริสะซัง… จะช่วยคบกับชั้นได้มั้ย!?]

ไงละ… กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นการสารภาพรัก

โดยรวมแล้วผมคิดว่าหนุ่มหล่อคนนั้นคงจะต้องเป็นที่นิยมอยู่พอสมควร ผมคิดว่าคงจะมีสาวๆ สักสองสามคนแหละที่กำลังแอบชอบเขาอยู่ ถึงอย่างนั้น… คำตอบที่พ่อหนุ่มหล่อคนนั้นได้รับกลับมามันกลับฟังดูเหมือนเป็นคำตอบแบบขอไปที

[ขอโทษทีนะ พอดีชั้นมีคนที่แอบชอบแล้วคงจะคบกับคุณไม่ได้หรอก]

[…เอ๊ะ!!]

ถึงแม้เขาจะเป็นที่นิยมสักแค่ไหน แต่มันคงจะเอามาใช้อ้างอิงไม่ได้กับพี่น้องชินโจ หืมม!? เดี๋ยวก่อนนะ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าอาริสะซังจะตอบแบบนั้น ใครกันที่ปล่อยข่าวลือว่าเธอเกลียดผู้ชาย… เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?

[หรือมันเป็นเหตุผลที่สะดวกเวลาจะใช้ปฏิเสธละมั้ง?]

[ไม่ พี่สาวชั้นเกลียดผู้ชายเข้าไส้ของแท้เลยละ]

เรื่องจริงงั้นหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ… แต่เดี๋ยวก่อน!! นั่นมันเสียงใคร!? ผมค่อยๆ หันกลับไปมองด้านหลัง ตรงนั้นมีสาวสวยอีกคนที่ให้ความรู้สึกโดดเด่นพอๆ กับอาริสะซัง กำลังยืนอยู่

ใช่!! เธอคือชินโจ ไอนะ เธอยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับผมที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีแดงเข้มของเธอ

[…เอ๊ะ!?]

[เงียบๆ หน่อย ขืนส่งเสียงดังเดี๋ยวพวกนั้นก็รู้ตัวกันพอดี]

ไอนะซังวางนิ้วของเธอลงบนปากของผมเบาๆ ผมรู้สึกสับสนกับการกระทำนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณมันจริงๆ ที่ทำให้ผมไม่เผลอส่งเสียงอะไรแปลกๆ ออกไป

[ก็พี่ชั้นบอกว่าจะรีบกลับมานี่นา ในฐานะน้องสาวก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!? แต่ก็นะ… แบบนี้คงรู้ผลแล้วละ]

เด็กหนุ่มหยุดนิ่งราวกับคนไร้ชีพจร พอพูดแบบนั้นเสร็จไอนะซังก็ส่งเสียงหัวเราะ จากนั้นก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง

[แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่หรอ!?]

[…เอ่~]

การแอบดูความสัมพันธ์ของคนอื่นถือเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด ผมรู้สึกลังเลที่จะพูดนิดหน่อย แต่เพราะไอนะซังยังคงทำหน้ายิ้มแย้มเหมือนเช่นเคย เพราะแบบนั้นผมจึงตัดสินใจบอกความจริงกับเธอว่าผมมาทำอะไรที่นี่

[เมื่อวานพึ่งจะเกิดเรื่องแบบนั้นไปใช่มั้ยล่ะ ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นวันนี้กลับถูกเรียกออกมาสารภาพรักอีก ชั้นแค่คิดว่ามันจะเป็นอะไรมั้ย? ก็แค่นั้นแหละ]

[อย่างนี้นี่เอง เธอนี่เป็นคนอ่อนโยนจังเลยนะ]

[…จะพูดเองก็ยังไงอยู่ แต่เชื่อกันง่ายๆ แบบนี้มันจะดีหรอ!?]

[เธอสามารถเชื่อใจได้ ไม่รู้สิแต่ชั้นรู้สึกแบบนั้น มันก็ดีกว่ามานั่งสงสัยกันไม่ใช่หรอ!?]

[นั่นมัน… ก็จริงนะ]

ดูเหมือนว่าระหว่างที่ผมกับไอนะซังกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น สถานการณ์ทางฝั่งนั้นจะคืบหน้าไปพอสมควร

[ชั้นรู้สึกแย่มากที่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน! มันทำให้ชั้นเจ็บปวดเมื่อรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ! เพราะงั้นแหละช่วยคบกับชั้นได้มั้ย!? เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีกชั้นอยากจะปกป้องเธอ!]

โห่วว หมอนั่นมันหล่อไปจนถึงจิตวิญญาณเลยงั้นหรอ

ผมสังสัยว่าอาริสะซังจะพูดอะไรเพื่อตอบสนองต่อรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มผู้สิ้นหวังคนนั้น เมื่อผมชะเง้อมองเธอผ่านช่องว่างของประตูที่เปิดออกเพียงเล็กน้อย ไอนะซังที่อยู่ข้างหลังผมก็ดันเข้ามาราวกับว่าเธอต้องการที่จะมองมันเช่นกัน

[เอ๊ะ!?]

ร่างกายของเราแนบชิด เธอกดผมด้วยเนินเขาที่แสนจะเย้ายวนคู่นั้น สัมผัสที่นุ่มละมุนราวกับว่ามันกำลังโอบกอดแผ่นหลังของผมเอาไว้ยังไงอย่างงั้นแหละ

[ไม่ว่าหมอนั่นจะพูดอะไร พี่ชั้นก็ไม่มีทางตอบรับอยู่แล้ว ต่อให้หมอนั่นตายตรงนี้ พี่ก็คงจะชี้นิ้วสมน้ำหน้าแล้วหัวเราะเยาะอย่างสะใจเท่านั้นแหละ]

[…คือว่า ชินโจซัง]

[หืมม มีอะไรงั้นหรอ!? หรืออายเพราะโดนหน้าอกของชั้น]

เด็กคนนี้พูดจาตรงสุดๆ ไปเลยแฮะ หน้าอกทั้งสองข้างถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิ๊ตและคาร์ดิแกน ทันทีมันสัมผัสกับแผ่นหลังผมมันก็ค่อยๆ เสียรูปไป ถึงผมจะไม่ได้สัมผัสมันด้วยมือคู่นี้ก็ตาม แต่ความรู้สึกนุ่มละมุนว่าหน้าอกกำลังเสียทรวดทรงนั้นมันถูกส่งผ่านมาหาผมได้อย่างชัดเจน

[จะรู้สึกขอบคุณมาก ถ้าชินโจซังถอยออกไปสักหน่อย]

[โธ่… ทำแบบนั้นชั้นก็มองไม่เห็นนะสิ]

แค่มายืนข้างหน้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอ…?

ผมเดาว่าเธอคงแกล้งผมเล่นนิดหน่อย เธอถอยออกจากผม หัวเราะคิกคัก พร้อมกับขอโทษ หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อ

[ชั้นกับพี่สาวนามสกุลเหมือนกัน ช่วยเรียกชั้นด้วยชื่อได้มั้ย!? เป็นการแลกเปลี่ยนชั้นก็จะเรียกเธอด้วยชื่อเหมือนกัน]

ผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพียงแต่ผมไม่อยากจะมานั่งคิดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะแฝงไปด้วยนัยยะอะไรบางอย่าง แต่ไอนะซังกลับยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่สุดแสนบริสุทธิ์ ถึงมันจะมีบางอย่างแอบแฝง แต่ผมก็อดที่จะเชื่อไม่ได้จริงๆ เชื่อในรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์นั้น

[อ เอ่อ… งั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ไอนะซัง]

[ไม่ต้องเติมซังก็ได้]

[เรื่องนั้นมัน…]

[เอาเถอะ ตอนนี้เอาเป็นแบบนี้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยว่ากันใหม่]

พอเรียกเธอด้วยชื่อแบบนี้ เหมือนกับผมได้ก้าวสู่หนทางของความเป็นเพื่อนแล้วเลย

ทั้งๆ ที่นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกัน ความจริงแล้วผมไม่สนิทพอที่จะเป็นเพื่อนกับไอนะซังเลยด้วยซ้ำ การที่เราได้มาคุยกันแบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้ มันคงจะเกิดจากความบังเอิญอะไรหลายๆ อย่าง

[ถ้างั้นชั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ฮายาโตะคุง]

[อ่า..หืมม!?]

[มีอะไรงั้นหรอ!?]

[เปล่า… แค่สงสัยว่าไอนะซังรู้จักชื่อของชั้นด้วยงั้นหรอ!?]

ผมรู้จักไอนะซังเพราะเธอเป็นพี่น้องที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในโรงเรียน ในทางกลับกันผมเป็นแค่นักเรียนธรรมดา เป็นเพียงตัวประกอบตัวนึง นั่นทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจที่เธอรู้จักชื่อของผม

[ถึงเราจะอยู่คนละห้องกันแต่ก็อยู่ปีเดียวกันไม่ใช่หรอ!? จะรู้ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยหนิ]

[…อ่าา โทษที ไม่ค่อยมีคนรู้ชื่อของชั้นเท่าไหร่ แถมชั้นเองก็จำชื่อของคนอื่นไม่ค่อยได้ด้วย]

[อะฮ่าๆ งั้นหรอ งั้นหลังจากนี้ ก็ค่อยๆ จำไปแล้วกันนะเนอะ?]

เป็นคำพูดที่ฟังดูสมเหตุสมผล ผมพยักหน้ารับ

ขณะที่ผมกำลังพูดคุยกับไอนะซัง ผมก็เสียสมาธิไปจากเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นบนดาดฟ้า

[จะพูดอีกกี่ครั้ง ชั้นก็คบกับนายไม่ได้]

[อ… อืมเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะที่อุส่ามา]

แย่แล้ว เขากำลังเดินมาทางนี้

ตอนที่ผมคิดว่าจะต้องหาที่ซ่อนตัว จู่ๆ ไอนะซังก็ดึงมาเข้าไปหา เนื่องจากมันเป็นเพียงจุดบอดเดียวที่ประตูเปิดอยู่เลยมองไม่เห็น ผมจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

[…]

[…ใกล้งจังเลยนะ♪]

ในระยะที่ใบหน้าเราทั้งคู่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าหนี และเว้นระยะห่างออกจากเธอ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไอนะซังก็เปิดปากของเธออีกครั้ง ในขณะที่หันหน้าไปทางประตูทางออกที่ทอดไปสู่ดาดฟ้า

[ดูเหมือนการสารภาพรักที่ไร้สาระนี่จะจบแล้ว ถ้างั้นชั้นขอไปหาพี่ของชั้นก่อนนะ ขอบคุณที่คอยดูแลนะฮายาโตะคุง]

[ไม่ได้คอยดูแลสักหน่อย.. แต่ว่าเข้าใจแล้ว ชั้นเองก็จะกลับบ้านเหมือนกัน]

[อืมม ไว้เจอกันนะ♪]

ไอนะซังกางแขนแล้วรีบแจ้นไปหาอาริสะซัง

ผมมองดูมัน พร้อมกับขอให้ไม่มีเรื่องอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นอีก ถึงอย่างนั้นกลิ่นหอม และสัมผัสนุ่มนวลก่อนหน้านี้มันยังคงตราตรึง มันช่างให้ความรู้สึกถึงชีวิตม.ปลายอะไรขนาดนั้น

[…อ่าาา ขยะแขยง! หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง หยะแหยง!!!!!]

[โธ่ หยาบคายจังเลยนะพี่คะ]

ไอนะส่งรอยยิ้มมีเลศนัยให้กับอาริสะซึ่งไม่สามารถซ่อนความรังเกียจของเธอที่มีต่อเด็กผู้ชายที่สารภาพรักกับเธอก่อนหน้านี้ได้ อย่างไรก็ตามไอนะเองก็สามารถเข้าใจความรู้สึกของอาริสะได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะไอนะเองก็เกลียดเด็กผู้ชายเข้าไส้เหมือนกัน

[ชั้นเองก็ถูกสารภาพรักบ่อย มันก็น่าขยะแขยงจริงๆ นั่นแหละ]

[ใช่แล้ว ผู้ชายมันก็แค่สิ่งมีชีวิตที่ป่าเถื่อน หยาบคายและเลวทราม]

[ใช่ๆ ยกเว้นคุณพ่อละนะ นอกนั้นไม่มีค่าพอที่จะต้องไปยุ่งด้วยเลยสักนิด]

[นั่นนะสิ ชั้นเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ไอนะนี่ไม่ชอบผู้ชายหนักกว่าชั้นอีกไม่ใช่หรอ? แค่บังเอิญมือสัมผัสกันก็รู้สึกรังเกียจแล้วไม่ใช่หรอ? เธอนะ]

[ก็มันรู้สึกขยะแขยงนี่นา]

ไอนะ สาวร่าเริงที่มักจะมีรอยยิ้มสดใดบนใบหน้าของเธอเสมอ ใครจะรู้ว่ามีใบหน้าอื่นถูกซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้นของเธอ มีเพียงอาริสะ และแม่ของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

[จะว่าไปไอนะ เธอจำชื่อเด็กผู้ชายในห้องไม่ได้เลยสักคนใช่มั้ย!?]

[ก็มันไม่เห็นจำเป็นเลยนี่นา]

ถึงจะจำนามสกุลได้บ้างแต่ชื่อนั้นฉันจำไม่ได้เลย และถึงแม้จะได้ยินแต่เธอก็ไม่อยากจะใส่ใจ จึงทำให้เธอลืมมันไปในทันทีอีกเช่นกัน

[ช่างมันแล้วกัน… วันนี้หมดเวลาไปกับเรื่องไร้สาระซะได้ รีบๆ กลับบ้านกันเถอะ]

[อืมม♪]

ไอนะเดินตามอาริสะไปยังประตูทางเข้า

แต่ผ่านไปได้ครึ่งทางไอนะก็หยุดกะทันหัน เธอจ้องมองไปที่นิ้วมือของตัวเอง มันเป็นปลายนิ้วที่เธอกดลงบนริมฝีปากของฮายาโตะก่อนหน้านี้

[​…แผล็บ]

เธอเอานิ้วเข้าไปในปากตัวเองด้วยเหตุผลบางอย่าง ขยับลิ้นของเธอไปมาราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินไปกับมัน เธอยังคงเลียมันต่อไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข และคอยระมัดระวังไม่ให้อาริสะเห็น

[…ถ้าทำแบบนี้แล้วท้องได้ คงจะดีสุดๆ ไปเลย อ่าาา ฮายาโตะคุง]

เสียงกระซิบอันแผ่วเบา… ลอยหายไปกับสายลม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+