จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? 2 พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา

Now you are reading จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? Chapter 2 พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา”

มันเป็นวันหลังจากที่ผมช่วยเหลือพี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอจากโจรที่บุกเข้ามา อย่างไรก็ตาม… เรื่องราวดังกล่าวถูกพูดต่อกันและแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของพวกเธอเลยแม้แต่น้อย

[เหตุเกิดแถวๆ บ้านนายเลยนี่นา]

[ไม่เป็นไรจริงๆ งั้นหรอ!?]

พอผมมาถึงโรงเรียน เพื่อนๆ ของผมก็พากันตรงดิ่งมาเพื่อยิงคำถามใส่ เอาเถอะ… ถึงปกติจะเอาแต่เล่นเที่ยวเล่นอย่างกับพวกงี่เงาก็ตาม แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงผม

[ชั้นเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่พวกชินโจซังปลอดภัย ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วละ]

[ก็นั่นสินะ]

เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ผมควบคุมตัวชายร่างใหญ่เอาไว้และปกป้องครอบครัวของชินโจซัง ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วทั้งพี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอจะปลอดภัยดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุทันทีหลังจากที่เราได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจเพียงไม่นาน แต่แล้วพวกเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นหมวกฟักทองที่ผมกำลังสวมอยู่

[นี่มัน…เรื่องอะไรกันเนี่ย!?]

ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน ภาพที่เห็นคือชายที่สวมหมวกฟักทองน่าสงสัยกำลังควบคุมตัวโจรอยู่ …อย่างกับเป็นการล้อกันเล่นอะไรสักอย่าง ถึงมันจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าล้อเล่นสักเท่าไหร่ก็ตาม

ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะเคยถูกจับกุมมาก่อน และมีประวัติก่ออาชญากรรมมากมาย ตอนแรกพวกตำรวจก็ยังคงสงสัยผมอยู่เหมือนกัน ถึงอย่างนั้น… พี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอก็ออกหน้ารับแทน และอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับตำรวจได้ฟัง

[คนๆ นี้คือผู้มีพระคุณของพวกเรา! ไม่ใช่คนน่าสงสัยเลยสักนิด!]

เป็นเรื่องปกติที่ตำรวจจะสงสัยผู้ชายแปลกๆ ที่จับโจรในขณะสวมหมวดฟักทอง แต่หลังจากได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมด คุณตำรวจคนนั้นก็กล่าวขอโทษออกมาจากใจจริง แม้จะใช้เวลานานไปสักหน่อย แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็จบลงได้ด้วยดี ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับบ้านแล้ว ทันใดนั้น…

[เอ่อ ช่วยบอกชื่อได้รึเปล่าคะ…!?]

[คุณเป็นใครงั้นหรอ…!?]

[ช่วยถอดหมวกออกหน่อยได้มั้ย…!?]

ในตอนนั้น พวกเขาทั้งสามคนดูเหมือนจะอยากรู้ว่าผมคือใคร พี่น้องชินโจ รวมถึงแม่ของพวกเธอยื่นมือออกมาหาผม แสดงท่าทีราวกลับว่าไม่อยากให้ผมจากไป ถึงอย่างนั้นผมก็เดินจากพวกเธอมาโดยไม่หันหลังกลับ

…ก็นะ ผมจะพูดได้ยังไง!? มันเป็นภาระที่หนักสำหรับผมที่จะยอมรับความรู้สึกที่สื่อออกมาจากดวงตาของพวกเธอ

[ดูเหมือนวันนี้ทั้งสองคนก็มาโรงเรียนตามปกติ เป็นคนที่เข้มแข็งจริงๆ เลยนะ]

ถึงจะเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้น แต่พี่น้องชินโจก็ยังคงมาโรงเรียนตามปกติ และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนร่วมชั้นทุกคน

[เอาเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว]

ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นฮีโร่ ผมไม่ได้คิดว่าพวกเธอติดหนี้บุญคุณผม และก็ไม่อยากได้อะไรตอบแทน มีเพียงเรื่องที่ผมสามารถช่วยพวกเธอเอาไว้ได้เท่านั้น ที่มีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับผม

[งั้นไปกินข้าวกันเถอะ!]

[อืมม]

ช่วงพักกลางวัน ผมไปกินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนๆ พ่อของผมเสียตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก แม่เองก็จากไปเพราะโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่ผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เพราะงั้นถ้าจะพูดให้ถูกแทนที่จะเรียกว่าข้าวกล่องกลางวัน แต่มันเป็นอาหารกลางวันในโรงอาหารของโรงเรียนมากกว่า

[ทานแล้วนะครับ]

ผมพนมมือให้กับอาหารชุดหมูย่างขิงที่อยู่ตรงหน้า แต่ก่อนที่ผมจะได้เอามันเข้าปาก โรงอาหารก็ถูกปกคลุมไปด้วยความวุ่นวายเล็กน้อย

[เห้ย พวกเจ้าหญิงดูเหมือนจะมากินข้าวที่โรงอาหารด้วยละ]

[ยังคงได้รับความนิยมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน]

หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกัน ผมก็หันความสนใจไปที่ทางเข้า ตรงนั้นมีพี่น้องชินโจและเพื่อนๆ ของพวกเธอยืนอยู่ ความงามที่หาใดเปรียบ รวมถึงสไตล์ที่โดดเด่น แค่สองสิ่งนี้ก็ทำให้พวกเธอดึงดูดความสนใจจากรอบข้าง และตกเป็นเป้าสายตามากมาย

จะว่าไปแล้ว ค่อนข้างหายากเหมือนกันนะที่พวกเธอสองคนมาใช้บริการโรงอาหารของโรงเรียนแบบนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ พวกเธอเพิ่งผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมา การเตรียมข้ามกล่องอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากสักหน่อย

[เป็นดอกฟ้าที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเราจริงๆ เลย]

[อืมม แค่ได้เห็นจากระยะไกล แค่นี้ก็มีความสุขเกินพอแล้ว]

อย่างว่า… ขนาดผมเองก็ยังคิดเลยว่า พวกเธอสองคนนั้นเป็นคนสวยจริงๆ

ก่อนอื่นเลยก็พี่สาว ชินโจ อริสะซัง ผมยาวสลวยของเธอถูกมัดไว้ด้านข้าง การจ้องมองสุดเย็นชาทำให้เธอดูเป็นสาวสวยสุดเท่น่าหลงไหล ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยยิ้ม จนมีข่าวลือว่า… ถ้าหากมีใครได้เห็นรอยยิ้มของเธอละก็ คุณจะโชคดีไปตลอดวัน

อีกคนคือน้องสาว ชินโจ ไอนะซัง เธอดูเหมือนจะมีบุคลิกที่สดใสตรงกันข้ามกับพี่สาวคนละขั้ว ผมสีน้ำตาลสว่างห้อยลงมาประบ่าแสดงออกถึงความน่ารัก และที่แตกต่างจากอาริสะซังมากที่สุดน่าจะเป็นตรงที่เธอมักจะยิ้มอยู่ตลอดเวลานี่แหละ

ถึงอย่างนั้น… สิ่งที่พวกเธอทั้งคู่มีเหมือนกันนั่นก็คือ สไตล์ที่รุนแรง

[ตรงนี้มั้ย!?]

[นั่นสินะ]

ในตอนที่ผมกำลังนึกถึงเรื่องของพวกเธอทั้งสองคน พวกเธอก็นั่งลงอยู่ใกล้ๆ เพื่อนของผมทั้งสองคนขยับถาดอาหารเพื่อรักษาระยะห่าง ว่าแล้วเชียว สองคนนั่นดูเหมือนจะมีพลังทำลายล้างอยู่พอสมควร

[…?]

ในตอนนั้นเองผมก็สบตาเข้ากับไอนะซัง ทันทีที่ดวงตาประสานกันเธอก็เบือนหน้าหนีทันที สุดท้ายแล้วผมก็เป็นแค่คนๆ นึงที่เธอไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

แตกต่างจากดวงตาสีน้ำเงินไพลินขอนพี่สาวเธอ ดวงตาของเธอมีสีแดงเข้มเหมือนกับทับทิม… มันเป็นความงามที่ตัดกันในหลายๆ ด้าน

[แต่ว่าไม่เป็นไรจริงๆ งั้นหรอ!? อย่างน้อยวันนี้น่าจะหยุดพักดีกว่านะ]

[ไม่ต้องห่วง สบายมาก ต้องขอบคุณคนๆ นั้นจริงๆ ที่ช่วยพวกเราเอาไว้]

[นั่นสินะ คงจะดีกว่านี้ถ้าหากเขายอมบอกชื่อให้รู้ แบบนั้นคงจะวิเศษสุดๆ ไปเลย]

แน่นอนว่าสิ่งที่พบเจอนั้นคงทำให้พวกเธอหวาดกลัว แต่ถ้าสามารถพูดคุยกับเพื่อนๆ ด้วยรอยยิ้มแบบนั้นได้ก็คงไม่มีอะไรต้องกังวล

[นี่ พวกเรามานั่งฟังแบบนี้คงไม่ค่อยดีมั้ง?]

[นั่นสินะ รีบกินรีบไปกันเถอะ]

เหมือนเพื่อนของผมจะทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ใกล้ๆ กับชินโจซัง ผมเห็นด้วยจากใจกับสิ่งที่พวกเขาพูดออกมา ผมรีบกินข้าวจนเสร็จจากนั้นก็ลุกออกจากโรงอาหารทันที

[อ่าา ประหม่าสุดๆ ไปเลย]

[ก็จริงนะ แต่ว่า… กะแล้วเชียวทั้งคู่สวยสุดๆ ไปเลยเนอะ]

ไม่ใช่แค่ความงามเท่านั้น แต่รู้สึกว่าพวกเธอมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คนอื่นหลงไหล เธอไม่เพียงแค่ดูดี แต่ยังคงมีบุคลิกที่ดีด้วย… ถึงอย่างนั้นผมกลับได้ยินข่าวลือที่แปลกประหลาดมา ข่าวลือที่ว่าอาริสะซัง ที่เป็นพี่สาวเกลียดผู้ชายเข้าไส้ ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร

[ฮายาโตะ นายซื้อชุดอะไรมางั้นหรอ!?]

[ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก ก็แค่ไลท์เซเบอร์กับหมวกฟักทอง]

[…เห่ยสุดๆ]

[…ไม่มีศิลปะเอาซะเลย]

[หนวกหูน่า]

ผมไม่อยากซื้อของที่มันฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น… ถึงผมจะได้รับเงินมาพอสมควร แต่ก็ไม่อยากใช้มันไปกับสิ่งของพวกนี้ หลังจากไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนในช่วงบ่าย พวกเราก็ยังคงคุยแต่เรื่องนี้กันตลอด

[….???]

จู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงสายตาแหลมคม ราวกับว่ามีใครกำลังจ้องมองจากด้านหลัง แต่ทันทีที่ผมหันกลับไป กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

….คิดไปเองงั้นหรอ!?

[ฮายาโตะ]

[มีอะไรรึเปล่า!?]

[โทษที ไม่มีอะไร]

พอถูกส่งเสียงเรียก ผมก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
.
.
[หายากนะที่เธอไปเข้าห้องน้ำระหว่างกินข้าวเนี่ย]

[ฟุฟุ ขอโทษคะพี่ ชั้นปวดท้องนิดหน่อย…]

[ชั้นยังกินไม่เสร็จ หยุดพูดเลยนะ ดีนะที่ไม่มีคนอื่นได้ยิน]

[ขอโทษคร่าา♪]

น้องสาวที่พึ่งกลับมากล่าวขอโทษด้วยท่าทางไร้เดียงสา

มันไม่เหมาะที่จะพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างกินข้าว แต่หากมองว่ามันเป็นส่วนน่ารักๆ ของน้องสาวตัวน้อยของคุณ มันก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ

จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่สามารถเอาเรื่องของชายสวมหมวกฟักทองที่ช่วยเราไว้ออกไปจากหัวได้ หากไม่มีเขาแล้วละก็รับรองเลยว่าโจรคนนั้นจะต้องได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาต้องการอย่างแน่นอน

[…เห้ออ]

เมื่อฉันคิดถึงคนๆ นั้น ฉันก็รู้สึกเจ็บในอก ฉันอยากเห็นหน้าเขา อยากรู้ชื่อของเขา ถึงอย่างนั้นเขากลับตอบคำถามของตำรวจโดยที่ไม่บอกอะไรกับฉันเลยแม้แต่น้อย ฉัน น้องสาว และแม่ อยากจะบอกขอบคุณเขาจริงๆ… ถึงอย่างนั้น เขากลับจากไปในทันที

[…เห้ออ]

ดูเหมือนว่าน้องสาวของฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กำลังรู้สึกเหมือนกัน

ชายผู้ซึ่งช่วยเราไว้ ผู้ซึ่งวางมือบนบ่าและปลอบโยนพวกเรา ฉันอยากจะรับความรู้สึกทั้งหมดของเขาเอาไว้ด้วยร่างกายนี้ เขาไม่เหมือนผู้ชายคนไหนที่ฉันเคยพบมาก่อน อยากได้รับความรักจากคนๆ นั้น มีเพียงสิ่งนี้ที่ดังก้องอยู่ในใจ

[หรือว่าเธอตกหลุมรักคนที่ช่วยเธอเอาไว้อย่างงั้นหรอ!?]

ฉันส่ายหัวให้กับคำถามของเพื่อน

จะบอกว่าตกหลุมรัก… ก็คงจะไม่ผิดซะทีเดียว แต่ฉันก็ไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์แบบนั้น บางที… ฉันอยากจะเชื่อมต่อ อยากจะเชื่อมต่อและผูกมัดกับเขาคนนั้นตลอดไป

[…ทาส ชั้นอยากเป็นทาส]

ใช่แล้ว สิ่งที่ฉันต้องการก็คือการถูกกดขี่จนถึงจิตวิญญาณ และผูกมัดกับเขาคนนั้นตลอดไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? 2 พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา

Now you are reading จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? Chapter 2 พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา”

มันเป็นวันหลังจากที่ผมช่วยเหลือพี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอจากโจรที่บุกเข้ามา อย่างไรก็ตาม… เรื่องราวดังกล่าวถูกพูดต่อกันและแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของพวกเธอเลยแม้แต่น้อย

[เหตุเกิดแถวๆ บ้านนายเลยนี่นา]

[ไม่เป็นไรจริงๆ งั้นหรอ!?]

พอผมมาถึงโรงเรียน เพื่อนๆ ของผมก็พากันตรงดิ่งมาเพื่อยิงคำถามใส่ เอาเถอะ… ถึงปกติจะเอาแต่เล่นเที่ยวเล่นอย่างกับพวกงี่เงาก็ตาม แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงผม

[ชั้นเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่พวกชินโจซังปลอดภัย ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วละ]

[ก็นั่นสินะ]

เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ผมควบคุมตัวชายร่างใหญ่เอาไว้และปกป้องครอบครัวของชินโจซัง ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วทั้งพี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอจะปลอดภัยดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุทันทีหลังจากที่เราได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจเพียงไม่นาน แต่แล้วพวกเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นหมวกฟักทองที่ผมกำลังสวมอยู่

[นี่มัน…เรื่องอะไรกันเนี่ย!?]

ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน ภาพที่เห็นคือชายที่สวมหมวกฟักทองน่าสงสัยกำลังควบคุมตัวโจรอยู่ …อย่างกับเป็นการล้อกันเล่นอะไรสักอย่าง ถึงมันจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าล้อเล่นสักเท่าไหร่ก็ตาม

ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะเคยถูกจับกุมมาก่อน และมีประวัติก่ออาชญากรรมมากมาย ตอนแรกพวกตำรวจก็ยังคงสงสัยผมอยู่เหมือนกัน ถึงอย่างนั้น… พี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอก็ออกหน้ารับแทน และอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับตำรวจได้ฟัง

[คนๆ นี้คือผู้มีพระคุณของพวกเรา! ไม่ใช่คนน่าสงสัยเลยสักนิด!]

เป็นเรื่องปกติที่ตำรวจจะสงสัยผู้ชายแปลกๆ ที่จับโจรในขณะสวมหมวดฟักทอง แต่หลังจากได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมด คุณตำรวจคนนั้นก็กล่าวขอโทษออกมาจากใจจริง แม้จะใช้เวลานานไปสักหน่อย แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็จบลงได้ด้วยดี ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับบ้านแล้ว ทันใดนั้น…

[เอ่อ ช่วยบอกชื่อได้รึเปล่าคะ…!?]

[คุณเป็นใครงั้นหรอ…!?]

[ช่วยถอดหมวกออกหน่อยได้มั้ย…!?]

ในตอนนั้น พวกเขาทั้งสามคนดูเหมือนจะอยากรู้ว่าผมคือใคร พี่น้องชินโจ รวมถึงแม่ของพวกเธอยื่นมือออกมาหาผม แสดงท่าทีราวกลับว่าไม่อยากให้ผมจากไป ถึงอย่างนั้นผมก็เดินจากพวกเธอมาโดยไม่หันหลังกลับ

…ก็นะ ผมจะพูดได้ยังไง!? มันเป็นภาระที่หนักสำหรับผมที่จะยอมรับความรู้สึกที่สื่อออกมาจากดวงตาของพวกเธอ

[ดูเหมือนวันนี้ทั้งสองคนก็มาโรงเรียนตามปกติ เป็นคนที่เข้มแข็งจริงๆ เลยนะ]

ถึงจะเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้น แต่พี่น้องชินโจก็ยังคงมาโรงเรียนตามปกติ และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนร่วมชั้นทุกคน

[เอาเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว]

ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นฮีโร่ ผมไม่ได้คิดว่าพวกเธอติดหนี้บุญคุณผม และก็ไม่อยากได้อะไรตอบแทน มีเพียงเรื่องที่ผมสามารถช่วยพวกเธอเอาไว้ได้เท่านั้น ที่มีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับผม

[งั้นไปกินข้าวกันเถอะ!]

[อืมม]

ช่วงพักกลางวัน ผมไปกินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนๆ พ่อของผมเสียตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก แม่เองก็จากไปเพราะโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่ผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เพราะงั้นถ้าจะพูดให้ถูกแทนที่จะเรียกว่าข้าวกล่องกลางวัน แต่มันเป็นอาหารกลางวันในโรงอาหารของโรงเรียนมากกว่า

[ทานแล้วนะครับ]

ผมพนมมือให้กับอาหารชุดหมูย่างขิงที่อยู่ตรงหน้า แต่ก่อนที่ผมจะได้เอามันเข้าปาก โรงอาหารก็ถูกปกคลุมไปด้วยความวุ่นวายเล็กน้อย

[เห้ย พวกเจ้าหญิงดูเหมือนจะมากินข้าวที่โรงอาหารด้วยละ]

[ยังคงได้รับความนิยมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน]

หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกัน ผมก็หันความสนใจไปที่ทางเข้า ตรงนั้นมีพี่น้องชินโจและเพื่อนๆ ของพวกเธอยืนอยู่ ความงามที่หาใดเปรียบ รวมถึงสไตล์ที่โดดเด่น แค่สองสิ่งนี้ก็ทำให้พวกเธอดึงดูดความสนใจจากรอบข้าง และตกเป็นเป้าสายตามากมาย

จะว่าไปแล้ว ค่อนข้างหายากเหมือนกันนะที่พวกเธอสองคนมาใช้บริการโรงอาหารของโรงเรียนแบบนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ พวกเธอเพิ่งผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมา การเตรียมข้ามกล่องอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากสักหน่อย

[เป็นดอกฟ้าที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเราจริงๆ เลย]

[อืมม แค่ได้เห็นจากระยะไกล แค่นี้ก็มีความสุขเกินพอแล้ว]

อย่างว่า… ขนาดผมเองก็ยังคิดเลยว่า พวกเธอสองคนนั้นเป็นคนสวยจริงๆ

ก่อนอื่นเลยก็พี่สาว ชินโจ อริสะซัง ผมยาวสลวยของเธอถูกมัดไว้ด้านข้าง การจ้องมองสุดเย็นชาทำให้เธอดูเป็นสาวสวยสุดเท่น่าหลงไหล ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยยิ้ม จนมีข่าวลือว่า… ถ้าหากมีใครได้เห็นรอยยิ้มของเธอละก็ คุณจะโชคดีไปตลอดวัน

อีกคนคือน้องสาว ชินโจ ไอนะซัง เธอดูเหมือนจะมีบุคลิกที่สดใสตรงกันข้ามกับพี่สาวคนละขั้ว ผมสีน้ำตาลสว่างห้อยลงมาประบ่าแสดงออกถึงความน่ารัก และที่แตกต่างจากอาริสะซังมากที่สุดน่าจะเป็นตรงที่เธอมักจะยิ้มอยู่ตลอดเวลานี่แหละ

ถึงอย่างนั้น… สิ่งที่พวกเธอทั้งคู่มีเหมือนกันนั่นก็คือ สไตล์ที่รุนแรง

[ตรงนี้มั้ย!?]

[นั่นสินะ]

ในตอนที่ผมกำลังนึกถึงเรื่องของพวกเธอทั้งสองคน พวกเธอก็นั่งลงอยู่ใกล้ๆ เพื่อนของผมทั้งสองคนขยับถาดอาหารเพื่อรักษาระยะห่าง ว่าแล้วเชียว สองคนนั่นดูเหมือนจะมีพลังทำลายล้างอยู่พอสมควร

[…?]

ในตอนนั้นเองผมก็สบตาเข้ากับไอนะซัง ทันทีที่ดวงตาประสานกันเธอก็เบือนหน้าหนีทันที สุดท้ายแล้วผมก็เป็นแค่คนๆ นึงที่เธอไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

แตกต่างจากดวงตาสีน้ำเงินไพลินขอนพี่สาวเธอ ดวงตาของเธอมีสีแดงเข้มเหมือนกับทับทิม… มันเป็นความงามที่ตัดกันในหลายๆ ด้าน

[แต่ว่าไม่เป็นไรจริงๆ งั้นหรอ!? อย่างน้อยวันนี้น่าจะหยุดพักดีกว่านะ]

[ไม่ต้องห่วง สบายมาก ต้องขอบคุณคนๆ นั้นจริงๆ ที่ช่วยพวกเราเอาไว้]

[นั่นสินะ คงจะดีกว่านี้ถ้าหากเขายอมบอกชื่อให้รู้ แบบนั้นคงจะวิเศษสุดๆ ไปเลย]

แน่นอนว่าสิ่งที่พบเจอนั้นคงทำให้พวกเธอหวาดกลัว แต่ถ้าสามารถพูดคุยกับเพื่อนๆ ด้วยรอยยิ้มแบบนั้นได้ก็คงไม่มีอะไรต้องกังวล

[นี่ พวกเรามานั่งฟังแบบนี้คงไม่ค่อยดีมั้ง?]

[นั่นสินะ รีบกินรีบไปกันเถอะ]

เหมือนเพื่อนของผมจะทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ใกล้ๆ กับชินโจซัง ผมเห็นด้วยจากใจกับสิ่งที่พวกเขาพูดออกมา ผมรีบกินข้าวจนเสร็จจากนั้นก็ลุกออกจากโรงอาหารทันที

[อ่าา ประหม่าสุดๆ ไปเลย]

[ก็จริงนะ แต่ว่า… กะแล้วเชียวทั้งคู่สวยสุดๆ ไปเลยเนอะ]

ไม่ใช่แค่ความงามเท่านั้น แต่รู้สึกว่าพวกเธอมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คนอื่นหลงไหล เธอไม่เพียงแค่ดูดี แต่ยังคงมีบุคลิกที่ดีด้วย… ถึงอย่างนั้นผมกลับได้ยินข่าวลือที่แปลกประหลาดมา ข่าวลือที่ว่าอาริสะซัง ที่เป็นพี่สาวเกลียดผู้ชายเข้าไส้ ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร

[ฮายาโตะ นายซื้อชุดอะไรมางั้นหรอ!?]

[ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก ก็แค่ไลท์เซเบอร์กับหมวกฟักทอง]

[…เห่ยสุดๆ]

[…ไม่มีศิลปะเอาซะเลย]

[หนวกหูน่า]

ผมไม่อยากซื้อของที่มันฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น… ถึงผมจะได้รับเงินมาพอสมควร แต่ก็ไม่อยากใช้มันไปกับสิ่งของพวกนี้ หลังจากไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนในช่วงบ่าย พวกเราก็ยังคงคุยแต่เรื่องนี้กันตลอด

[….???]

จู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงสายตาแหลมคม ราวกับว่ามีใครกำลังจ้องมองจากด้านหลัง แต่ทันทีที่ผมหันกลับไป กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

….คิดไปเองงั้นหรอ!?

[ฮายาโตะ]

[มีอะไรรึเปล่า!?]

[โทษที ไม่มีอะไร]

พอถูกส่งเสียงเรียก ผมก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
.
.
[หายากนะที่เธอไปเข้าห้องน้ำระหว่างกินข้าวเนี่ย]

[ฟุฟุ ขอโทษคะพี่ ชั้นปวดท้องนิดหน่อย…]

[ชั้นยังกินไม่เสร็จ หยุดพูดเลยนะ ดีนะที่ไม่มีคนอื่นได้ยิน]

[ขอโทษคร่าา♪]

น้องสาวที่พึ่งกลับมากล่าวขอโทษด้วยท่าทางไร้เดียงสา

มันไม่เหมาะที่จะพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างกินข้าว แต่หากมองว่ามันเป็นส่วนน่ารักๆ ของน้องสาวตัวน้อยของคุณ มันก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ

จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่สามารถเอาเรื่องของชายสวมหมวกฟักทองที่ช่วยเราไว้ออกไปจากหัวได้ หากไม่มีเขาแล้วละก็รับรองเลยว่าโจรคนนั้นจะต้องได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาต้องการอย่างแน่นอน

[…เห้ออ]

เมื่อฉันคิดถึงคนๆ นั้น ฉันก็รู้สึกเจ็บในอก ฉันอยากเห็นหน้าเขา อยากรู้ชื่อของเขา ถึงอย่างนั้นเขากลับตอบคำถามของตำรวจโดยที่ไม่บอกอะไรกับฉันเลยแม้แต่น้อย ฉัน น้องสาว และแม่ อยากจะบอกขอบคุณเขาจริงๆ… ถึงอย่างนั้น เขากลับจากไปในทันที

[…เห้ออ]

ดูเหมือนว่าน้องสาวของฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กำลังรู้สึกเหมือนกัน

ชายผู้ซึ่งช่วยเราไว้ ผู้ซึ่งวางมือบนบ่าและปลอบโยนพวกเรา ฉันอยากจะรับความรู้สึกทั้งหมดของเขาเอาไว้ด้วยร่างกายนี้ เขาไม่เหมือนผู้ชายคนไหนที่ฉันเคยพบมาก่อน อยากได้รับความรักจากคนๆ นั้น มีเพียงสิ่งนี้ที่ดังก้องอยู่ในใจ

[หรือว่าเธอตกหลุมรักคนที่ช่วยเธอเอาไว้อย่างงั้นหรอ!?]

ฉันส่ายหัวให้กับคำถามของเพื่อน

จะบอกว่าตกหลุมรัก… ก็คงจะไม่ผิดซะทีเดียว แต่ฉันก็ไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์แบบนั้น บางที… ฉันอยากจะเชื่อมต่อ อยากจะเชื่อมต่อและผูกมัดกับเขาคนนั้นตลอดไป

[…ทาส ชั้นอยากเป็นทาส]

ใช่แล้ว สิ่งที่ฉันต้องการก็คือการถูกกดขี่จนถึงจิตวิญญาณ และผูกมัดกับเขาคนนั้นตลอดไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? 2 พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา

Now you are reading จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมช่วยสองพี่น้องสาวสวยที่เกลียดผู้ชายโดยไม่บอกแม้แต่ชื่อ!? Chapter 2 พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พอถอดหมวกฟักทองออกก็แค่คนธรรมดา”

มันเป็นวันหลังจากที่ผมช่วยเหลือพี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอจากโจรที่บุกเข้ามา อย่างไรก็ตาม… เรื่องราวดังกล่าวถูกพูดต่อกันและแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของพวกเธอเลยแม้แต่น้อย

[เหตุเกิดแถวๆ บ้านนายเลยนี่นา]

[ไม่เป็นไรจริงๆ งั้นหรอ!?]

พอผมมาถึงโรงเรียน เพื่อนๆ ของผมก็พากันตรงดิ่งมาเพื่อยิงคำถามใส่ เอาเถอะ… ถึงปกติจะเอาแต่เล่นเที่ยวเล่นอย่างกับพวกงี่เงาก็ตาม แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงผม

[ชั้นเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่พวกชินโจซังปลอดภัย ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วละ]

[ก็นั่นสินะ]

เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ผมควบคุมตัวชายร่างใหญ่เอาไว้และปกป้องครอบครัวของชินโจซัง ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วทั้งพี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอจะปลอดภัยดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุทันทีหลังจากที่เราได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจเพียงไม่นาน แต่แล้วพวกเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นหมวกฟักทองที่ผมกำลังสวมอยู่

[นี่มัน…เรื่องอะไรกันเนี่ย!?]

ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน ภาพที่เห็นคือชายที่สวมหมวกฟักทองน่าสงสัยกำลังควบคุมตัวโจรอยู่ …อย่างกับเป็นการล้อกันเล่นอะไรสักอย่าง ถึงมันจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าล้อเล่นสักเท่าไหร่ก็ตาม

ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะเคยถูกจับกุมมาก่อน และมีประวัติก่ออาชญากรรมมากมาย ตอนแรกพวกตำรวจก็ยังคงสงสัยผมอยู่เหมือนกัน ถึงอย่างนั้น… พี่น้องชินโจ และแม่ของพวกเธอก็ออกหน้ารับแทน และอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับตำรวจได้ฟัง

[คนๆ นี้คือผู้มีพระคุณของพวกเรา! ไม่ใช่คนน่าสงสัยเลยสักนิด!]

เป็นเรื่องปกติที่ตำรวจจะสงสัยผู้ชายแปลกๆ ที่จับโจรในขณะสวมหมวดฟักทอง แต่หลังจากได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมด คุณตำรวจคนนั้นก็กล่าวขอโทษออกมาจากใจจริง แม้จะใช้เวลานานไปสักหน่อย แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็จบลงได้ด้วยดี ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับบ้านแล้ว ทันใดนั้น…

[เอ่อ ช่วยบอกชื่อได้รึเปล่าคะ…!?]

[คุณเป็นใครงั้นหรอ…!?]

[ช่วยถอดหมวกออกหน่อยได้มั้ย…!?]

ในตอนนั้น พวกเขาทั้งสามคนดูเหมือนจะอยากรู้ว่าผมคือใคร พี่น้องชินโจ รวมถึงแม่ของพวกเธอยื่นมือออกมาหาผม แสดงท่าทีราวกลับว่าไม่อยากให้ผมจากไป ถึงอย่างนั้นผมก็เดินจากพวกเธอมาโดยไม่หันหลังกลับ

…ก็นะ ผมจะพูดได้ยังไง!? มันเป็นภาระที่หนักสำหรับผมที่จะยอมรับความรู้สึกที่สื่อออกมาจากดวงตาของพวกเธอ

[ดูเหมือนวันนี้ทั้งสองคนก็มาโรงเรียนตามปกติ เป็นคนที่เข้มแข็งจริงๆ เลยนะ]

ถึงจะเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้น แต่พี่น้องชินโจก็ยังคงมาโรงเรียนตามปกติ และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนร่วมชั้นทุกคน

[เอาเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว]

ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นฮีโร่ ผมไม่ได้คิดว่าพวกเธอติดหนี้บุญคุณผม และก็ไม่อยากได้อะไรตอบแทน มีเพียงเรื่องที่ผมสามารถช่วยพวกเธอเอาไว้ได้เท่านั้น ที่มีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับผม

[งั้นไปกินข้าวกันเถอะ!]

[อืมม]

ช่วงพักกลางวัน ผมไปกินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนๆ พ่อของผมเสียตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก แม่เองก็จากไปเพราะโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่ผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เพราะงั้นถ้าจะพูดให้ถูกแทนที่จะเรียกว่าข้าวกล่องกลางวัน แต่มันเป็นอาหารกลางวันในโรงอาหารของโรงเรียนมากกว่า

[ทานแล้วนะครับ]

ผมพนมมือให้กับอาหารชุดหมูย่างขิงที่อยู่ตรงหน้า แต่ก่อนที่ผมจะได้เอามันเข้าปาก โรงอาหารก็ถูกปกคลุมไปด้วยความวุ่นวายเล็กน้อย

[เห้ย พวกเจ้าหญิงดูเหมือนจะมากินข้าวที่โรงอาหารด้วยละ]

[ยังคงได้รับความนิยมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน]

หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกัน ผมก็หันความสนใจไปที่ทางเข้า ตรงนั้นมีพี่น้องชินโจและเพื่อนๆ ของพวกเธอยืนอยู่ ความงามที่หาใดเปรียบ รวมถึงสไตล์ที่โดดเด่น แค่สองสิ่งนี้ก็ทำให้พวกเธอดึงดูดความสนใจจากรอบข้าง และตกเป็นเป้าสายตามากมาย

จะว่าไปแล้ว ค่อนข้างหายากเหมือนกันนะที่พวกเธอสองคนมาใช้บริการโรงอาหารของโรงเรียนแบบนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ พวกเธอเพิ่งผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมา การเตรียมข้ามกล่องอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากสักหน่อย

[เป็นดอกฟ้าที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเราจริงๆ เลย]

[อืมม แค่ได้เห็นจากระยะไกล แค่นี้ก็มีความสุขเกินพอแล้ว]

อย่างว่า… ขนาดผมเองก็ยังคิดเลยว่า พวกเธอสองคนนั้นเป็นคนสวยจริงๆ

ก่อนอื่นเลยก็พี่สาว ชินโจ อริสะซัง ผมยาวสลวยของเธอถูกมัดไว้ด้านข้าง การจ้องมองสุดเย็นชาทำให้เธอดูเป็นสาวสวยสุดเท่น่าหลงไหล ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยยิ้ม จนมีข่าวลือว่า… ถ้าหากมีใครได้เห็นรอยยิ้มของเธอละก็ คุณจะโชคดีไปตลอดวัน

อีกคนคือน้องสาว ชินโจ ไอนะซัง เธอดูเหมือนจะมีบุคลิกที่สดใสตรงกันข้ามกับพี่สาวคนละขั้ว ผมสีน้ำตาลสว่างห้อยลงมาประบ่าแสดงออกถึงความน่ารัก และที่แตกต่างจากอาริสะซังมากที่สุดน่าจะเป็นตรงที่เธอมักจะยิ้มอยู่ตลอดเวลานี่แหละ

ถึงอย่างนั้น… สิ่งที่พวกเธอทั้งคู่มีเหมือนกันนั่นก็คือ สไตล์ที่รุนแรง

[ตรงนี้มั้ย!?]

[นั่นสินะ]

ในตอนที่ผมกำลังนึกถึงเรื่องของพวกเธอทั้งสองคน พวกเธอก็นั่งลงอยู่ใกล้ๆ เพื่อนของผมทั้งสองคนขยับถาดอาหารเพื่อรักษาระยะห่าง ว่าแล้วเชียว สองคนนั่นดูเหมือนจะมีพลังทำลายล้างอยู่พอสมควร

[…?]

ในตอนนั้นเองผมก็สบตาเข้ากับไอนะซัง ทันทีที่ดวงตาประสานกันเธอก็เบือนหน้าหนีทันที สุดท้ายแล้วผมก็เป็นแค่คนๆ นึงที่เธอไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

แตกต่างจากดวงตาสีน้ำเงินไพลินขอนพี่สาวเธอ ดวงตาของเธอมีสีแดงเข้มเหมือนกับทับทิม… มันเป็นความงามที่ตัดกันในหลายๆ ด้าน

[แต่ว่าไม่เป็นไรจริงๆ งั้นหรอ!? อย่างน้อยวันนี้น่าจะหยุดพักดีกว่านะ]

[ไม่ต้องห่วง สบายมาก ต้องขอบคุณคนๆ นั้นจริงๆ ที่ช่วยพวกเราเอาไว้]

[นั่นสินะ คงจะดีกว่านี้ถ้าหากเขายอมบอกชื่อให้รู้ แบบนั้นคงจะวิเศษสุดๆ ไปเลย]

แน่นอนว่าสิ่งที่พบเจอนั้นคงทำให้พวกเธอหวาดกลัว แต่ถ้าสามารถพูดคุยกับเพื่อนๆ ด้วยรอยยิ้มแบบนั้นได้ก็คงไม่มีอะไรต้องกังวล

[นี่ พวกเรามานั่งฟังแบบนี้คงไม่ค่อยดีมั้ง?]

[นั่นสินะ รีบกินรีบไปกันเถอะ]

เหมือนเพื่อนของผมจะทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ใกล้ๆ กับชินโจซัง ผมเห็นด้วยจากใจกับสิ่งที่พวกเขาพูดออกมา ผมรีบกินข้าวจนเสร็จจากนั้นก็ลุกออกจากโรงอาหารทันที

[อ่าา ประหม่าสุดๆ ไปเลย]

[ก็จริงนะ แต่ว่า… กะแล้วเชียวทั้งคู่สวยสุดๆ ไปเลยเนอะ]

ไม่ใช่แค่ความงามเท่านั้น แต่รู้สึกว่าพวกเธอมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คนอื่นหลงไหล เธอไม่เพียงแค่ดูดี แต่ยังคงมีบุคลิกที่ดีด้วย… ถึงอย่างนั้นผมกลับได้ยินข่าวลือที่แปลกประหลาดมา ข่าวลือที่ว่าอาริสะซัง ที่เป็นพี่สาวเกลียดผู้ชายเข้าไส้ ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร

[ฮายาโตะ นายซื้อชุดอะไรมางั้นหรอ!?]

[ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก ก็แค่ไลท์เซเบอร์กับหมวกฟักทอง]

[…เห่ยสุดๆ]

[…ไม่มีศิลปะเอาซะเลย]

[หนวกหูน่า]

ผมไม่อยากซื้อของที่มันฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น… ถึงผมจะได้รับเงินมาพอสมควร แต่ก็ไม่อยากใช้มันไปกับสิ่งของพวกนี้ หลังจากไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนในช่วงบ่าย พวกเราก็ยังคงคุยแต่เรื่องนี้กันตลอด

[….???]

จู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงสายตาแหลมคม ราวกับว่ามีใครกำลังจ้องมองจากด้านหลัง แต่ทันทีที่ผมหันกลับไป กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

….คิดไปเองงั้นหรอ!?

[ฮายาโตะ]

[มีอะไรรึเปล่า!?]

[โทษที ไม่มีอะไร]

พอถูกส่งเสียงเรียก ผมก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
.
.
[หายากนะที่เธอไปเข้าห้องน้ำระหว่างกินข้าวเนี่ย]

[ฟุฟุ ขอโทษคะพี่ ชั้นปวดท้องนิดหน่อย…]

[ชั้นยังกินไม่เสร็จ หยุดพูดเลยนะ ดีนะที่ไม่มีคนอื่นได้ยิน]

[ขอโทษคร่าา♪]

น้องสาวที่พึ่งกลับมากล่าวขอโทษด้วยท่าทางไร้เดียงสา

มันไม่เหมาะที่จะพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างกินข้าว แต่หากมองว่ามันเป็นส่วนน่ารักๆ ของน้องสาวตัวน้อยของคุณ มันก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ

จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่สามารถเอาเรื่องของชายสวมหมวกฟักทองที่ช่วยเราไว้ออกไปจากหัวได้ หากไม่มีเขาแล้วละก็รับรองเลยว่าโจรคนนั้นจะต้องได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาต้องการอย่างแน่นอน

[…เห้ออ]

เมื่อฉันคิดถึงคนๆ นั้น ฉันก็รู้สึกเจ็บในอก ฉันอยากเห็นหน้าเขา อยากรู้ชื่อของเขา ถึงอย่างนั้นเขากลับตอบคำถามของตำรวจโดยที่ไม่บอกอะไรกับฉันเลยแม้แต่น้อย ฉัน น้องสาว และแม่ อยากจะบอกขอบคุณเขาจริงๆ… ถึงอย่างนั้น เขากลับจากไปในทันที

[…เห้ออ]

ดูเหมือนว่าน้องสาวของฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กำลังรู้สึกเหมือนกัน

ชายผู้ซึ่งช่วยเราไว้ ผู้ซึ่งวางมือบนบ่าและปลอบโยนพวกเรา ฉันอยากจะรับความรู้สึกทั้งหมดของเขาเอาไว้ด้วยร่างกายนี้ เขาไม่เหมือนผู้ชายคนไหนที่ฉันเคยพบมาก่อน อยากได้รับความรักจากคนๆ นั้น มีเพียงสิ่งนี้ที่ดังก้องอยู่ในใจ

[หรือว่าเธอตกหลุมรักคนที่ช่วยเธอเอาไว้อย่างงั้นหรอ!?]

ฉันส่ายหัวให้กับคำถามของเพื่อน

จะบอกว่าตกหลุมรัก… ก็คงจะไม่ผิดซะทีเดียว แต่ฉันก็ไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์แบบนั้น บางที… ฉันอยากจะเชื่อมต่อ อยากจะเชื่อมต่อและผูกมัดกับเขาคนนั้นตลอดไป

[…ทาส ชั้นอยากเป็นทาส]

ใช่แล้ว สิ่งที่ฉันต้องการก็คือการถูกกดขี่จนถึงจิตวิญญาณ และผูกมัดกับเขาคนนั้นตลอดไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+