ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi 159 การรุกรานของอาณาจักรมอลต์ ③ ยึดบัลลังก์กลับคืน

Now you are reading ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi Chapter 159 การรุกรานของอาณาจักรมอลต์ ③ ยึดบัลลังก์กลับคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

159 การรุกรานของอาณาจักรมอลต์ ③ ยึดบัลลังก์กลับคืน

ตอนสปอนเซอร์ โดยท่าน Nitipong

22 – 28 นาที

—————————————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

「เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว」

ข้ามพรมแดนสู่อาณาจักรมอลต์ กองทัพของเราเดินหน้าไปข้างหน้า ระวังไม่ให้ไล่ทันกับศัตรูที่หนี ระหว่างที่พวกเขาโจมตีเราอย่างเป็นระยะๆ เพิ่มเติมจากนั้น พวกเขาใส่พิษในบ่อน้ำ และนำอาหารไป

「งั้นพวกเขาก็เลียนแบบนายอ่ะดิ?」

「ได้โปรดอย่าเอาผมไปร่วมกลุ่มกับเขาเลย」

ทริสตันพึมพำ

ผมเดาว่านั่นจริง พวกเขาไม่ได้เลือกภูมิประเทศที่ถูกต้อง เพื่อทำการโจมตีเป็นระยะๆ หน่วยเล็กๆพยายามที่จะแอบมาเข้าสู้กับเราในพื้นราบเปิด ที่เรายังมองเห็นวิวได้อย่างไม่มีอะไรขัดขวาง นั่นหมายถึงพวกเขาแค่จะโดยไล่ไปซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยทหารม้าธนู และดิ้นอยู่ในความเจ็บปวด

มากกว่านั้น เรากระจายหน่วยทหารม้าไปทั่วกองกำหลังหลักของเรา ให้เฝ้าระวังไว้ ดังนั้นพวกเขามาและติดกับดักแทน และถูกซุ่มโจมตีบ่อยครั้งมากกว่า มันไม่ได้มีผลใดๆกับการเดินทัพของเรา และศัตรูแค่ลดจำนวนของพวกเขาลง

「ถ้างั้นบ่อน้ำและอาหารก็ด้วย……」

เอาอาหารไปมันไม่เป็นไร แต่พวกมันเอาจริงที่จะชิงมันไปจากชาวบ้านที่ยังอยู่ที่นั่นและทำให้พวกเขาหิวโหย ผลของมัน ชาวบ้านมาขอให้เราช่วย และแม้แต่บอกเราว่าบ่อน้ำตรงที่ไม่มีคนอยู่นั่นเป็นที่ไหน เราขนอาหารมาด้วยตัวเราเองตั้งแต่แรกแล้ว เสบียงที่ขนมาโดยเหล่าทหารขนส่งควรจะเพียงพอที่จะสนับสนุนเราหนึ่งหรือสองสัปดาห์ เพราะคิดว่านี่จะเป็นการเดินทางที่ยาว

「ถ้างั้นมีน้ำสะอาดอยู่ตรงนี้เหรอ?」

「ช่ายยยย……มีทะเลสาบสะอาดๆอยู่อีกฝั่งของเนินเขา……โอ้ววว! อ-อย่าหยุด ได้โปรด! ผู้หญิง…….จากเมื่อสิบปีก่อน……ผู้หญิงกลับมาแล้วววว!!」

「หนูจะหมายถึงว่าหนูแห้งมาตั้งสิบปีเหรอเนี่ย? สำหรับผู้หญิงดีๆ มันเสียดายของนะ อย่างงั้น นี่เป็นไง?」

「ฮฮฮฮฮฮฮฮิ้–! มันหนาาาาาา! นมหนู……หัวนมหนู หยิกม้านนนน!」

「ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารักดีนะ」

ในการแลกเปลี่ยนสำหรับการเย่อเธอ และฉีดเมล็ดพันธุ์เข้าไปในเธอ ม่ายคนนี้ผู้ที่เสียผัวไปสิบปีก่อนบอกผมไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมอยากจะรู้ ตำแหน่งของบ่อน้ำคือชิ้นข้อมูลที่สำคัญ แต่มีอย่างอื่นที่ผมสงสัยมากกว่า

「อย่างที่คาด พวกเขาไม่ได้เกลียดเซเลสติน่า」

「ใช่ มันควรจะได้」

ไมล่าออกความคิดเห็นระหว่างที่พยักหน้า

เมือง และแม้แต่หมู่บ้านทำนา ไม่ได้เกลียดเซเลสติน่าเป็นพิเศษ อาณาจักรมอลต์เป็นประเทศเกษตรกรรมที่มั่นคง ที่ไม่มีการเกณฑ์ทหารหรือการเปลี่ยนภาษีบ่อยครั้ง ทำให้พลเมืองไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับราชา

สิ่งต่างๆเหมือนพิธีสวมมงกุฎของราชินีหญิงน้อย การให้ตำแหน่งที่วุ่นวายไม่มีเหตุผล และการเมืองที่ไม่ค่อยจะคิดมาก ไม่ได้มีผลกับชีวิตของพลเมืองโดยตรงจริงจัง เพราะพวกเขามีวิถีชีวิตของพวกเขาเอง และไม่มีผลด้านลบลงมา เลยไม่มีเหตุผลที่ที่จะเกลียดราชินี ที่ดุจดั่งตะวันดวงน้อยแสนน่ารัก การกบฏที่ก่อขึ้นโดยขุนนางและทหารที่ไม่มีความสุขกับประเทศ ไม่ได้ดูเหมือนจะมีอะไรไปข้องแวะกับผู้คนคน

「ในความเป็นจริงการเกณฑ์เมื่อเร็วๆนี้ ดูเหมือนนจะก่อให้เกิดความไม่พอใจมาก พวกเขามีความประทับใจที่ห่วยแตกที่สุด กับพี่น้องเหล่านั้น และชายคนนั้นที่ชื่อบรูตัส ก็ไม่ได้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการเดินทางครั้งนี้ด้วย」

「ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ งั้นเราควรดำเนินการตามแผนมั้ย?」

「ใช่ พวกเค้าน่าจะวิ่งหนีตลอดทางไปจนถึงเมืองหลวง เบียโดมันมีกำแพงค่อนข้างแน่นหนาด้วย……」

ผมชำเลืองมองปืนใหญ่ละเครื่องดีดหินที่ถูกลากไปด้วยรถเกวียน พวกมันถูกใช้ในสงครามมากราโด แต่ตอนนี้ที่สงครามจบแล้ว และระเบียบฟื้นตัวแล้ว กองทหารที่ 1 และ 2 ปล่อยให้เรายืมอาวุธตีเมืองจำนวนมากมา

「พี่เดาว่าพวกเราคงไม่ต้องใช้มันนะ」

อาวุธตีเมืองของพวกเขาไว้แค่ข่มขู่ มากกว่าเป็นไพ่ตาย ไพ่ตายของเราคือไปงีบในตอนบ่ายที่รถม้า หลังจากที่กินขนมเสร็จ

「งั้น เราจะมุ่งหน้าไป ระหว่างที่รักษาระยะให้ไกล……พูดตรงๆ ความเร็วของพวกเขามันเต่าคลาน จนทหารเราคิดว่าพวกเขามาเที่ยวกันอยู่」

「กระนั้น มันเร็วกว่าเมื่อตอนที่พวกเขามา ใช่มั้ย ทริสตัน?」

「ครับ มันมากกว่าสองเท่าของความเร็วเดินทัพเริ่มต้นของพวกเขา พวกเขาน่าจะพยายามวิ่งหนีอย่างสิ้นหวัง」

「สิ้นหวังปานนั้น……อย่างงั้นเหรอ? ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วว่าการฝึกสำคัญแค่ไหน ว่าแต่ลอร์ดฮาร์ดเลตต์?」

「มีอะไรเหรอ?」

「พี่มีแผนจะทำอะไรกับผู้หญิงที่เท้าของพี่」

「พี่สงสัยเหมือนกันว่าพี่ควรทำอะไรดี」

「อ๊านนน…….ฮาร์ดเลตต์ซามะขา เอาหนูไปกับพี่ด้วย หนูจะเป็นคนรักของพี่ หรือทาสของพี่ อะไรก็ได้ค่า~」

แม่ม่ายเกาะขาของผม ดูแล้วว่าน่าจะหลงผมหลังจากที่เราทำมันด้วยกันครั้งเดียว เธอประชิตัวเองเข้ากับผมเป็นกาว อ้อนวอนขอให้ผมเก็บเธอไว้ข้างผม โดยพูดว่าเธอจะทำอะไรก็ได้ที่ผมขอ เห็นว่าเธอไม่มีครอบครัวเหลือที่นี่แล้ว

「ถ้างั้นขึ้นรถเกวียนของเหล่าทหารขนส่ง พี่จะพาหนูกลับไปในฐานะผู้หญิงของพี่ หลังจากที่สู้กันเสร็จ」

ความสุขล้นปรี่ เธอกอดผมและลดกางเกงของผม เพื่อที่เธอจะบริการผมด้วยปากของเธอได้ แต่ซีเลียโยนเธอออกไป

「ยังไซะ มีแค่ระยะทางสั้นๆที่เหลือ…….จนกว่าจะไปถึงเมืองหลวง」

—————————————————————

【–มุมมอง บุคคลที่สาม/มอลต์–】

อาณาจักรมอลต์ เมืองหลวง: เบียโด

「ไอ้ปอดแหหหหหหกกกกกก!!」

พาโบลเตะเก้าอี้ล้ม และชักดาบและน็อควัตถุบนชั้นวางของตก หลังจากนั้น เขาพยายามจะคว่ำโต๊ะ และเพราะเขาไม่แข็งแรงพอ เขาไปน็อคเมดร่วงแทน

「เอาทหารจำนวนมากกว่าสองเท่ามาแม่งขึ้โกง! ไอ้ปอดแหกเอ้ย! นิสัยแบบนี้ชาติทหารควรจะไม่มีโว้ยสัตว์!!」

「ใครกันแน่วะ……」

พาโบลหันกลับไป คิด ว่าใครที่มาเย้ยหยันเขา นั้นจะเป็นฮิลาริโอ แต่เขาเห็นแค่ทหาร

「มันเป็นใครวะสัตว์……」

ทุกคนอยู่ในความเงียบ แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าใคร แต่พวกเขาไม่ได้หลบตาในความกลัว เหมือนที่พวกเขาเคยทำมาตลอดในอดีต ตาของพวกเขาทั้งหมด เพ่งมาอยู่ที่พาโบล

「อะไรวะสัตว์……มึงคิกกันว่ากูรับผิดชอบที่เราแพ้หรือไรเหรอไงวะไอเหี้ย!?」

ไม่มีใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเขา แต่พวกเขาทั้งหมดจ้องพาโบลต่อไป ตาของพวกเขา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า “ใช่ มันความผิดมึงนั่นแหละ”

「พระองค์สั่งการถอยทัพที่รวดเร็ว เพราะการสั่งการนั่น ทำไมมันถึงมีการเสียกำลังพลน้อยทั้งศัตรูละมิตร」

หนึ่งในทหารพูดขึ้นมา

「มึงพูดเหี้ยอะไรวะ!?」

พาโบลจับผู้ชายที่คอเสื้อ จะต่อยเขา แต่เมื่อเห็นสายตาของทหารที่ไม่ไหวหวั่น พาโบลปล่อยเขา

ถ้ามันเป็นแค่ความพ่ายแพ้ธรรมดา อาจจะไม่มีบรรยากาศแบบนี้อยู่ แต่ ฮิลาริโอวิ่งหนีทันที เมื่อเขาเห็นการต่อสู้เริ่มขึ้นใหม่ และตัดสินใจว่ากองทัพของพวกเขาเอง น่าจะรับความพ่ายแพ้ จากการปรากฏมาของศัตรูจำนวนที่มากกว่าสองเท่า ก่อให้พาโบลเกิดการยอมแพ้ต่อความวิตกกังวลของเขา และสั่งการจากข้างหลังระหว่างวิ่งหนีไปกับคนใกล้ชิด

ตั้งแแต่ทีแรก ทหารถูกจับมารวมกัน โดยไม่มีความต้องการอยากทำสงครามเลย และพบแต่เวลาที่ยากลำบาก มาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นกำลังใจของพวกเขา ไม่เคยจะพัฒนาขึ้นเลย ตอนนี้เมื่อผู้บัญชาการสูงสูดหนีไป ด้วยภาพของจำนวน ของกองกำลังศัตรู ทหารรักษาแถวไว้อีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว และทั้งกองทัพ พังทลายในทันที และมันแค่เหมือนภาพจากละครสู้รบเมื่อศัตรูแพ้พ่าย

ผู้บัญชาการอื่นไม่ได้มีแผนอะไรด้วย และพวกเขาเข้าใจว่ามันอยู่กับแค่เพียงความเมตตาขอกองทัพโกลโดเนีย ซึ่งพวกเขากึ่งๆได้อนุญาตให้พวกเขากลับบ้านกันมาแบบมีชีวิต ตั้งแต่ทีแรก พวกทหารไม่เคยได้มีเหตุผลใดๆที่ต้องเคารพพาโบลเลย นอกจากที่เขาเป็นราชวงศ์ แต่ ตอนนี้ ความขยะแขยงและความผิดหวังของพวกเขาเปลี่ยนไปสู่ความโกรธ และ เกลียด

「กองทัพโกลลโดเนียล้อมเมืองหลวงอย่างช้าๆ! เครื่องดีดหิดมากมายถูกตั้งพร้อม」

เสียงคนเฝ้าระวังดังก้อง ตรงกลางความเงียบงัน

「เครื่องดีดหิน!? ไอ้มารนั่น มันมีเจตนาจะแผาแม่งทั้งเมืองเอ๋อไงวะสัตว์!? ใครก็ได้เสนอความคิดดีๆมาทีสิวะสัตว์ ไม่งั้นเมืองหลวงจะไหม้เป็นจุลนะเว้ยเฮ้ย!」

「……」

พาโบลถูกตอบกลับมาด้วยความเงียบ บางทีเพราะทหารคนอื่นๆ ไม่มีอะไรที่จะไปพูดกับไอ้โง่สุดขลาดเขลา หรือไม่พวกเขาก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรใดๆอื่นอยู่ในใจเลย

「ยอมแพ้เหอะ พระองค์」

ทุกคนหันไปเพื่อมองเสียงที่เขาคุ้นเคย คนที่ยืนอยู่ที่นั่นคือบรูตัส ผู้ที่เดินด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมาเป็นมิตรกันกับไม้ค้ำยัน

「โออ้ บรูตัส! ถ้าเป็นมึง สถานการณ์นี้แม่งพลิกได้เว้ยสัตว์……เดี๋ยวนะ อะไรที่มึงเพิ่งพูดมาเมื่อกี้?」

「มายอมแพ้เถอะ พระองค์ มันเป็นทางเดียวเท่านั้น ที่เมืองนี้และพระองค์  ที่จะรอดชีวิต」

「ไร้สาระน่ะไอเหี้ย! กูจะไปทำบางอย่างที่น่าขายขี้หน้า เหมือนยอมแพ้ได้ไงวะสัตว์!? และไอเหี้ยนั่นพยายามจะยึดตำแหน่งบัลลังก์ของกูอยู่ด้วย หมายถึงราชวงศ์ของมอลต์จะสูญพันธุ์นะเว้ยสัตว์」

รอยยิ้มน้อยๆขึ้นมาบนใบหน้าของไม่กี่คน มันเป็นการเย้ยหยันสู่เขา ผู้ที่บอกจะเอาบัลลังก์ โดยไม่ได้คู่ควรกับมัน แต่บรูตัสยังอยากสนทนาต่อ เขาเลยไม่ได้ปฏิเสธอะไรที่เพิ่งพูดมา

「พระองค์ครับ สถานการณ์มันเป็นหนึ่งถานการณ์ ที่ว่ามันดีกว่าแล้วครับ ถ้าเขาจะเอาบังลังก์จากพระองค์ไป หรือ ถ้าเมืองหลวงไหม้เป็นซากซะ เราไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้และหวังพึ่งความเมตตาของเค้าอย่างเดียว」

「ไม่มีทางเว้ย ไม่มีทางไอสัตว์! เรายังมีทหารอยู่ตั้ง 8000 ที่ยังคงอยู่กะเราเว้ยสัตว์ ไม่ใช่มึงเอ๋อบอกูในอดีดไงว่า นั่นน่ะ มากกว่าจำนวนกองกำลังที่จำเป็นสำหรับป้องกันปราสาทตั้งสามเท่าแล้ว!? เมืองนี้ยังไหวเว้ยไอสัตว์!」

「นั่นคือเมื่อกองกำลังของท่านเต็มไปด้วยกำลังใจต่อสู้ ฝั่งของเรามันเป็นไปแล้วที่……」

ความกลัวการซุ่มโจมตีที่ต่อเนือง การขาดอาหาร และน้ำที่ปนเปื้อน……แล้วยังมีความพ่ายพ้ มันค่อนข้างจะน่าสงสัย ว่าทหารที่หนี สามารถจะปกป้องเมืองได้หรือ ด้วยแค่หนึ่งในสามของจำนวนกำลังของศัตรู

「มึงออกมาจากคำสอนของมึงอย่างสะดวกเลยนะไอสัตว์……พอแล้ว กูจะประหารมึงตอนนี้แหละไอสัตว์! ไอเหี้ยยามเว้ย มาเอาไอเหี้ยนี่ไปที่กิโยติน……」

พาโบลตะโกน แต่ไม่มีใครขยับ มันไม่มีใครรู้ ว่าอะไรที่ต้องยอมให้ไปเมื่อยอมแพ้ แต่อย่างน้อยที่สุด ไม่มีใครต่อตานการที่หัวของพาโบล จะรวมอยู่ในนั้นด้วย

มันเป็น ณ ตอนนั้นเอง ทหารใกล้กำแพงปราสาทเริ่มเอะอะ ทุกคนกลืนน้ำลาย  คิดเสียว่า การโจมตีของศัตรู ในที่สุดก็ตกมาถึงพวกเขาแล้ว แต่บางอย่างแปลกไป

พวกเขาทุกคนรีบไปข้างนอก

 「…….ทุกคนจ๊ะ หนูไม่อยากจะสู้ไปมากกว่านี้อีกแแล้ว! หนูไมอยากให้ประชาชนหรือทหารตายแล้วจ้ะ! หนูขอเถอะค่ะ ได้โปรดยอมแพ้เถอะนะจ๊ะ!!」   

ทหารแข็งป็นหินกับเสียงที่คุ้นเคย หน้าปราสาท สาวน้อยคนนหนึ่งยืนอยู่ พร้อมร่างน้อยๆ ตะโกนพร้อมน้ำตาไหลอาบหน้า —————————————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

แคมป์โกลโดเนีย

 「หนูสัญญาว่าเมืองจะไม่ถูกเผา และไม่มีใครจะตายจ้ะ แม้หนู จะไม่มีพลังที่จะทำอะไรเลย หนูจะสัญญา นั่นทำไม ได้โปรด……ได้โปรด……แงงงงงงงงงง้!」   

ถูกอารมณ์เอาชนะ เซเลสติน่าระเบิดน้ำตา ตอนแรก ผมคิดว่ามันจะอันตรายสำหรับเธอ แต่สิ่งที่เธออยากจะทำมากๆ จริงๆแล้วตรงกับความต้องการของผม คือจะเลี่ยงการหลั่งเลือดใดๆ ผมเลยปล่อยให้เธอทำตามใจ

ผมคิดว่ามันจะดูข่มขู่เกินไป ถ้าผมไปยืนข้างเธอ ดังนั้นผมวางเธอลงระยะสั้นๆจากผมเล็กน้อย  เพื่อที่ผมจะพุ่งเข้าไปปกป้องเธอได้ เมื่อเวลามาถึง แต่ไม่ได้ดูเหมือนจะมีพลธนูแม้แต่คนเดียว ที่พร้อมธนู

 「มันเป็นสัญญาจากฉันด้วย ถ้าพวกนายเชื่อฟังและเปิดประตูเมือง ฉันจะทำอะไรแบบผ่อนปรน พอเหอะ อย่าทำให้เด็กคนนี้ร้องไห้ต่อเลย」   

ทหารกระซิบใส่กัน ครุ่นคิด ระหว่างเทียบเด็กสาวน้อยๆกับเครื่องดีดหิน และทหารที่ยืนตรงๆอยู่ข้างหลังเธอ จริงๆแล้วอะไรแบบนี้นี่อาจจะได้ผล

 「อีหน้าหนังหี้—!! อีทรยศศศศศศศ!」   

การตะโกนของพาโบล ทำลายบรรยากาศปัจจุบัน ขณะที่เขาง้างและดึงสายธนู เล็งตรงมาที่เซเลสติน่า ลูกธนูที่เขาปล่อย ตรงมาสู่เซเลสติน่าอย่างแม่นยำ บางที มันเรื่องบังเอิญ ลูกธนู เข้าหาเด็กสาวที่มองอย่างว่างเปล่าพร้อมน้ำตา ในดวงตาที่เปิดกว้าง หัวศรสัมผัสหน้าผากจิ๋วของเด็กสาว……จากนั้น หยุดอยู่กับที่

 「เกือบไม่ทัน」   

ลูกธนู ที่จับอยู่ในมือผม หยุดมันเมื่อมันแตะหน้าผากของเลสติน่าก่อนที่มันจะสร้างความเสียหายใดๆ

 「พระนางงงง!」   

โมนิก้าพุ่งไปและกอดเซเลสติน่า ระหว่างที่จ้องผม

 「อ๊าา……หน้าบาดเจ็บมั้ยคะ!? ไม่มีอะไรเลยนี่……ขอบคุณความดีงาม โมนิก้าจะตายถ้าบางอย่าเกิดขึ้นกับพระนางนะคะ!! ลอรด์ฮาร์ดเลตต์! ทั้งหมดนี้ มันเพราะนายพาท่านมาในที่อันตรายแบบเน้! อาา พระนางคะ มันน่ากลัว ใช่มั้ยคะ? ป่ะ ปะกินขนมกันนะ และงีบตอนบ่ายตรงนั้นเองนะคะ โมนิก้าจะเล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังเมื่อหนูตื่นค่ะ หนูจะได้ลืมสิ่งที่ไม่น่าพอใจทั้งหมดนี้ยังไงล่ะคะ」   

โมนิก้าห่อหุ้มเด็กสาวทันที-! มันก็เพราะเธอทำกับน้องเขาแบบนี้แหละ น้องเขาเลยไม่เข้าใจวิถีของโลกนี้

มันดูเหมือนบางอย่างเกิดขึ้น ข้างบนกำแพง

 「อุว้า! มึงทำอะไรน่ะ หยุดนะ!」   

 「ไอหน้นหี้! กูถึงขีดจำกัดกะมึงแล้ว!」 「ใครที่แม่งยิงลูกธนูใส่น้องเขาได้ คือไอ้เหี้ยขยะปลายเล็บตีน!」 「มัดแม่งเลยโว้ย!!」         

พวกทหารกระโจนใส่พาโบลหลังจากที่เขายิงธนู และกดทั้งเขาทั้งธนูลง

 「มันจบแล้วล่ะครับ ถูกซัดจยกมือไม่ขึ้น ละปิดฉากด้วยการยิงลูกธนูใส่เด็กสาวที่อ้อนวอนขอสันติภาพ」   

เมื่อเห็นว่าอันตรายไม่มีแล้ว ทริสตันก้าวมาข้างหน้า

 「อื้ม」   

ราชวงศ์ถูกพุ่งใส่และมัด มันชัดเจนว่าการกบฏจากทหาร และการกบฎมันลามไปเหมือนไฟป่าในทุ่งหญาแห้ง

 「ประตูเมืองเปิดแล้ว」   

เมื่อมองที่ที่ไม่มีคนเอะอะ ไม่มีทหารสักคน ที่ต่อต้านกับการเปิดประตูเมือง ประตูเปิดออกช้าๆ และเราถูกต้อนรับเข้าไป

 「เซเลสติน่า พระนาง บาดเจ็บมั้ยครับ」   

 「หนูไม่เป็นไรจ๊ะ」   

 「เรา……อะไรที่เราควรจะพูดดีล่ะ…….」   

 「หนูก็ผิดด้วยจ้ะ ไม่ต้องคิดมากหรอกจ๊ะ」   

 

 「งั้นเราจะไปตายเพื่อขอโทษ-!」      

 「หยุดนะจ้ะ-! เจ้าจะทำให้หนูร้องไห้!」         

ผมให้เซเลสติน่าขี่หลัง ระหว่างที่ผมอยู่บนหลังม้า และเมื่อเราเดินไปทั่ว ทุกคนเริ่มเรียกออกมาหาเธอ ชวาร์ซสูงกว่าม้าส่วนใหญ่แล้ว แต่อยู่บนไหล่ผมอีกด้วย หมายถึง คนและทหารของประเทศ ควรจะเห็นเซเลสติน่าได้

การตอบสนองของพวกเขาดี สำหรับส่วนใหญ่ และคุณจะไม่คิดว่าเธอเป็นราชาเก่าผู้ที่โดนไล่ออกไป ในทางกลับกัน พาโบลถูกมัดด้วยเชือก และถูกลากไป ผมคิดอย่างมั่นใจ ว่าเขาจะสาปแช่งเรา แต่เขาต้องกลัวทหารที่กบฏใส่เขา เขาขาวเป็นกระดาษ และไม่พูดสักคำ ยังไงซะ เขาจะต้องยอมแพ้ และยอมรับ ความดีงามทั้งหลายที่หยุดทุกสรรพสิ่ง  ของบทกวีนี้

ไปเป็นเพื่อนกับเซเลสติน่าข้างในวัง องครักษ์จรรวรรดิมาหาเรา พวกเขาจัดหอก และปกป้องเราโดยการเรียงแถวรอบๆเรา

 「กระซิก……ขอบ……คุณ」   

 「ท่านไม่แม้แต่จะโทษเราสำหรับความไม่ภักดี คำขอบคุณมันไม่จำเป็นเลยครับ」   

องครักษ์จักรรวรรดิเริ่มน้ำตาแตก เมื่อพวกเขาเห็นเซเลสติน่ายิ้มในน้ำตา ผมไม่คิดว่าพวกเขาเหมาะที่จะเป็นองครักษ์ แต่นั่นอาจจะดีกว่า ที่มอลต์จะเป็นแบบนี้แหละ พวกเขา ไม่เคยจะเหมาะที่จะเป็นประเทศที่ไปสู้สงครามตั้งแต่เริ่มต้น

เราเดินผ่านวัง จนในที่สุดก็มาถึงหน้าบัลลังก์ บรูตัสและฮิลาริโออยู่ที่นั่น คุกเข่า ที่การมาถึงของเธอ ผมนำเซเลสติน่า ผู้ที่ดูเหมือนอยากจะพูดบางสิ่ง พาเธอไปสู่บัลลังก์

 「โฮฮฮ……」   

 「ตอนนี้ ตามสบายและนั่งเถอะนะ」   

พร้อมการคะยั้นคะยอของผม เซเลสติน่า นั่งตัวเธอลงกับบัลลังก์

 「พระนางเซเลสติน่า! บันไซ!」   

บางคนที่ปรากฏว่าเป็นรัฐมนตรี ยกแขนขึ้น

 「ฮูเร่ให้การกลับมาของพระนาง!」      

 「อาณาจักรมอลต์จงเจริญ!」 「ราชินีจงเจริญ!」      

เสียงของการสรรเสริญเซเลสติน่า เริ่มภายในวัง แต่ในท้ายที่สุด ลามไปทั้งเมือง โอบล้อมเราด้วยเสียงเชียร์ที่ดัง จากทั่วทั้งเบียโด

 「แต่มากกว่าครึ่งมันการแสดงนะ」   

ไม่ว่ากรณีไหน มีทหารมากกว่า 20,000 แม้ว่าจะแค่เราที่นี่ มันมากกว่าจำนวนประชากรของพลเมืองเบียโด ดังนั้นมันง่ายพอที่จะนำพวกเขาไปสู่การทำอะไรบางอย่าง แต่ผมจะไม่พูดอะไร   

 「ออกจากที่นี่กันจ้ะ」   

เซเลสติน่ายืนขึ้น ละดึงมือของผม พาผมไปข้างนอก ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กัน ที่เธอได้รับทุกอย่างให้อยู่ใต้การควบคุม แต่มือน้อยๆของเธอพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะดึงผม คนธรรมดาละทหารทั่วไป มารวมกันในพลาซ่าหน้าวัง

 「ทุกคน ฟังหนูจ้ะ」   

เสียงเชียร์ที่ดังเงียบลง เพื่อจะสามารถได้ยินเสียงของเธอ

 「หนู เป็นราชามาก่อนด้วย……แต่หนูไม่ดี เพราะนั่น พ่อและ…….ปู่หนูด้วยจ่ะ……」   

บางคนสามารถได้ยินว่าตะโกน “ผมขอโทษ” หรือ “เรามันโง่ค่ะ”

 「มันไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้า มันเพราะหนูนะโง่ และเป็นเด็กจ่ะ」   

“ท่านดีกว่าไอ้พาโบลครับ” “ความน่ารักคือความยุติธรรมครับ!” – ความประทับในเธอนั้นดีจริงๆ เหมือนที่คาดไว้

 「หนูไม่เกลียดพวกเจ้า ท้้งทหาร และประชาชน-! หนูไม่เกลียด หนูขอโทษค่ะ ที่ให้พวกเจ้า เข้ามาเกี่ยวข้อง กับการทะเลาะกัน ของครอบครัวราชวงศ์นะจ๊ะ!」   

เซเลสติน่าคำนับหัวเธอ ลึกๆ พลเมืองและทหาร ส่งเสียงที่แยกไม่ออกว่าจะเชียร์หรือจะตะโกน มันไม่เคยได้ยิน ที่ราชาจะมาลดหัวให้กับคนธรรมดา แต่พวกเขาควรจะเข้าใจไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง ถ้า มันเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆคนนี้

 「ยกหัวเถอะค่ะ พระนาง!」 「เราไม่ได้แค้นพระนางเลยซักนิดครับ」 「ราชินีผู้ใจดีจงรุ่งโรจน์ยิ่งๆขึ้นไป」 「ความเจริญรุ่งเรืองสู่อาณาจักรมอลต์ในอนาคต」 「เด็กสาวน่ารัก ฮ่าาฮ่าา」         

 「จากตอนนี้ไป หนู จะยืมพลังของพี่ชายคนใหม่ของหนู……พี่ฮาร์ดเลตต์โดโนะ……และจะทำงานให้หนักๆนะจ๊ะ!!」

 「โอออออออออ้–!」   

หัวใจของผู้คน ที่ปรกติแล้วได้มาผ่านจากความเจริญรุ่งเรืองและกุศล ถูกได้มาด้วยแค่คำพูดและท่าทางในเวลานี้ คุณภาพ ไม่ใช่บางอย่างที่ได้มาผ่านการทำงานหนักอย่างเดียว ช่างเป็นเด็กสาวที่ไม่ธรรมดา แล้วผมก็จะจำไอเหี้ยคนสุดท้ายขององครักษ์จักรวรรดิที่ตะโกนด้วย เขาอาจจะไปทำอะไรบางอย่างเละเทะในอนาคต

และดังนั้น เหตุการกับอาณาจัรกมอลต์สรุปลง ด้วยเซเลสติน่ากลับคืนไปสู่บัลลังก์ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างสะอาดเกลี้ยงแล้ว

คุกเข่าต่อหน้าเราในการมัดเชือกคือ พาโบล ฮิลาริโอ และบรูตัส และผู้บัญชาการคนอื่นๆที่ร่วมการกบฏ ถ้ามันขึ้นอยู่กับเซเลสติน่าที่เมตตา ทุกคนจะถูกละเว้นโทษ ผม จำเป็นต้องเล่นเป็นตัวร้าย แทนที่น้องเขา

—————————————————————   

เรื่องราวด้านข้าง: แผนกต้อนรับคน ก่อนหน้านี้เล็กน้อย

 「ลอร์ดศักดินาซาม้าาา!」   

ไม่นานหลังจากทำลายกองทัพที่รุกรานของอาณาจักรมอลต์สิ้นซาก ผมได้ยินเสียงผู้หญิงอายุน้อยๆ เมื่อผมตั้งแคมป์ หันกลับไป ผมพบลูกสาวของชาวนาบางคน ที่ลี้ภัยจากสงคราม

ผมหยุดคนคุ้มกันจากการพยายามจะหยุดเธอ ผู้หญิงอายุน้อย ท่วมท้นไปด้วยน้ำตาของความสุข ขณะที่เธอเข้าหาผม

ผู้หญิงที่กระโดดที่อกผมอายุประมาณ 15-16

 「มันน่ากลัวมากเลยอ่ะพี่! หนูนะวิ่งเข้ามาในป่าเลยนะ…….และศัตรูมันผ่านตรงหน้าลูกตาหนูพอดีเดี๊ยะเลย……จากนั้น ลอร์ดศักดินาซามะ ในที่สุดก็มา」   

ผมลูบหัวเธอ เพื่อจะปลอบโยนเธอ เพราะเธอมไม่หยุดร้องไห้ ผมยกคางเธอขึ้นและจูบเธอ แล้วผมก็จิ้มลิ้นของผมเข้าไปในปากเธอ และวนมันไปทั่วซักพัก และหว่างที่จับนมของเธอ

 「อ้าา……ลอร์ดศักดินาซามะ?」   

 「ขอโทษ พี่ชอบลืมตัวกับสาวน่ารักๆน่ะ……หือ?」      

 「น่ารักเหยอ? เอ่ะเฮะเฮะ……มันแค่เหมือนขาวลือเลยอ้ะ」   

 「อ่ะเฮ่ม」   

หันไปหลังจากที่ผมได้ยินเสียงบางคนเคลียร์คอ ผมเห็นคู่รักวัยกลางคนและเด็กสองคน — อย่างนั้นพวกเค้าเป็นพ่อแม่และน้อง ด้วย “อะร้าร้า” แม่ยิ้ม แต่มันดูเหมือนพ่อไม่รู้จะคิดกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี

 「มันไม่สำคัญเหรอ?」   

 「ไม่ ทุกคนในครอบครัวปลอดภัย……แต่พวกเค้าเผาบ้านเราอ้ะ」   

 「เมื่อสงครามจบ พี่จะให้มันถูกสร้างใหม่นะ จนกว่าจะถึงตอนนั้น พยามทนกับเต็นท์ไปก่อนนะหนูนะ」   

โอ้ นั่นแหละ บางอย่างมันพอทำได้ ตราบใดที่พวกเาไม่ตาย ยังไงมันก็แค่เพิ่มงานของอดอล์ฟอยูดี

 「งั้น …..เกี่ยวกับลูกสาวหนู……」   

 「มุ ขอโทษที」   

มือผมไปจับนมเธอของมันเองและเล้าโลมเธออย่างอ่อนโยน สีหน้าของผู้หญิงละลายและเริ่มคราง

พวกเธออยากจะกลับไปบ้าน แต่สาวกอดเอวผมและไม่ออกจากข้างผมเลย

 「ค-แค่อีกนิดนะ……ถ้าพี่ชอบ เราไปคุยกกันในเต็นท์ลอร์ดศักดินาซามะได้นะ……」   

 「เด-เดนิส? ลูกพูดอะไรน่ะ?」   

มันชัดเจนว่ามันชวนทำกิจกรรมยามค่ำคืน แม่ก้าวมาข้างหน้าตอบกับพ่อที่สับสน

 「มันไม่เป็นไร ตามสบายแล้วคุยกันให้สนุกนะคืนนี้」   

 「ฮ-เฮ้!」   

 「เธอมั่นใจเหรอ?」   

 「เดนิส 16 แล้วลูกเขาเลยอยู่ในอายุที่ลูกเค้าอยู่กับผู้ชายได้ หนูได้ยินมาว่าลอร์ดศักดินาซามะ ค่อนข้างจะเชี่ยวชาญในการรับมือผู้หญิง มันเลยไม่มีคนที่ดีกว่าที่เธอจะอยู่ด้วยได้แล้ว」   

 「แต่…..」   

 「ขอบคุณนะคะหม่ามี๊! ไปกันเถอะ ลอร์ดศักดินาซามะ」   

แม่ส่งลูกและอวยพรให้เธอมีโชคโดยการโบกไม้โบกมือ ระหว่างที่พ่อเต็มไปด้วยความสงสัย อย่างไรซะ ถ้าพวกเธอเอาเธอมาให้ผมแล้วล่ะก็ ผมจะรับอย่างยินดี

 「ว้ายย! หน้ามว้าาาากกก!!」   

โดยไม่ได้ทำอะไรแปลกไปกว่าปรกติ ผมแทงเธออย่างช้าๆในท่ามิชชันนารีด้วยไม้เนื้อของผม และเดนิสดิ้นไปรอบๆ แต่ผมกดเธอไว้ค่อนข้างดี ดังนั้นสาวบางๆอย่างเธอ หนีจากเอ็นผมไม่ได้

 「ถ้าหนูดิ้น มันจะเจ็บเอานะ มา พี่จะจูบหนูนะ」   

 「นื้อออ-! นึนน……นือ……」   

เราจูบกันหลายครั้งแล้ววันนี้ แต่มันทำให้เธอใจเย็นลง เพราะผมได้ทำงานลูบไล้เธออย่างทั่วถึง ข้างในเธอค่อนข้างเปียก แต่รูของเธอยังดูเล็กเกินไป

 「ลอร์ดศักดินาซามะ……พี่ใหญ่ป๊าาายย」   

 「โทษทีละกัน」   

ผมดันสะโพกไปข้างหน้าเล็กน้อย ระหว่างที่พูดคำนั้น ปลายของเอ็นของผม ดันเข้ากับที่กั้นนุ่ม มันน่าจะป็นข้อพิสูจน์ความซิงของเธอ

 「หนูจะไม่เสียหายนะ?」   

 「มันจะไม่เป็นไรหนู รูผู้หญิงน่ะ สร้างมาเพื่อการนี้」   

 「เค หนูจะทิ้งไว้ให้กะลอร์ดศักดินาซามะ ถ้าเป็นไปได้ เมื่อหนูเสียมัน ในหูหนู……」   

ผมกอดทั้งตัวของเดนิสและดันสะโพกของผมออกไปตลอดทางข้างหน้า จากนั้นผมพาริมฝีปากของผมไปสู่หูของเธอ

 「พี่รักหนู เดนิส」   

 「อ๊าาา-! มันเจ็บ! แต่……หนูมีความสุขจัง!!」   

มีเสียงฉีกขาดเมื่อเธอเสียซิง ตามมาเป็นมิตรกันด้วยเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวด แต่สาวดูมีความสุข มันดูเหมือนผู้หญิงพบว่ามันทนไม่ได้ เมื่อคุณกระซิบคำแห่งความรักในหูพวกเธอ

 「ท้องหนูปูดอ่าาา! พี่ล้อเล่นใช่ม้ย……กระปู๋พี่มันขึ้นมาถึงที่นี่เยย!?」   

 「นั่นใช่แล้ว พี่จะทิ้งเมล็ดพันธุ์ตรงสู่มดลูกหนูที่นี่แหละ」   

 

 「รูหนูจะพัง……ลอร์ดศักดินาซามะขา…….ข้างในหนูจะฆ่าหนูแย้ววว」      

 「มันไม่มีอะไรน่า ผู้หญิงน่ะคลอดเด็กออกมาจากที่นี่ มันดีกว่าที่จะบานนิดนึง」   

ผมคลานลิ้นของผมไปกับคอของเธอ และกัดเบาๆ

 「ฮฮฮฮฮฮฮฮิ้! มันคันๆเสียวๆ…….」      

 「ให้ตัวหนูรู้สึกคันๆเสียวๆนั่นแหละดี ความสุขของผู้หญิงรอหนูอยู่ถ้าหนูทำ」   

กลางคืนนั้นยาวนาน มามีความสุขกับตัวเราเองเถอะ

—————————————————————

เช้าวันต่อมา

 「สวัสดีตอนเช้า หม่ามี๊ ป่าปี๊」   

 「อะร้า…….เดนิส บรรยากาศเกี่ยวกับลูกเปลี่ยนไปนะ」   

 「อุฟุฟุ แม่ว่างั้นมั้ย? หนูก็เป็นผู้ใหญ่แล้วน้า~」   

 「ม-มันเจ็บมั้ย? เขาแรงกับหนูมั้ย!? แล้วรูหนูยังอยู่ดีปาว……」   

 「ป่าปี๊ ป๊าถามมากไปละ」   

เดนิสและแม่เธอดูเหมือนจะคิดดีกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่พ่อของเดนิสมองต่อไปด้วยสายตาเป็นศัตรูนิดหน่อย ถ้าคุณคิดถึงมันล้ว มันธรรมชาติเพราะผมไปหลับนอนกับลูกสาวของเขาเมื่อคืน

ผมนำแผ่นกระดาษสีขาวออกมาและเขียนบางอย่างบนมัน

 「เมื่อหนูสร้างบ้านหนูใหม่ แสดงนี่ให้พวกเขาดู」   

เพื่อตอบแทนความซิงของเธอ ผมจะอนุญาตบ้านที่หรูหรากว่าสักนิด ให้มีห้องมากกว่าที่ถูกสร้างให้พวกเธอ ผมได้ยินเสียงของแม่และลูกคุยกันข้าหลังพ่อ

 「ถ้างั้น……มันเป็นไง? สิ่งที่ชื่อเสียงโด่งดัของลอร์ดศักดินาซามะ」   

 「โหมี๊ มันใหญ่กว่าแขน และมันยาวเท่านี่」   

 「โกหกแล้ว ไม่มีทางเลยที่มันจะหนาและใหญ่ปานนั้น……」   

 「จริงๆมี๊ แล้วไม่ต้องพูดถึงเลยนะมันแข็งโป๊กและหัวมันบวมเป่งเลย」   

 「น่าทึ่ง……แค่เหมือนข่าวลือเลยอ่ะ……มันเจ็บป่ะลูก?」   

 「มันเจ็บ แต่เมื่อพี่เขาน่ะเล่นกะนมและจิ๊หนูนะ  มันเสียวมากๆเลย……เพราะทั้งหมด หนูอ่ะละลายไปเลยแหละ」   

 「เขาก็ลูบไล้เก่งอีกแหน่ะ……」   

 「การน้ำแตกสุดท้ายเค้านะน่าทึ่งโพดมัน ‘บิ๊ววว บิ๊ววว’ มันทำให้ท้องหนูนะบวมฉึ่งขึ้นมาเบิ้มเลย」   

 「เขามีเอ็นที่ใหญ่จนไม่น่าเชื่อ และฝีมือเขาก็น่าถึง และเขามีน้ำเงี่ยนเต็มลำเรืออีกเหรอ……? อาา แม่อยากจะอายุเท่าหนูจังอ้ะ」   

 「มี๊พูดอะไรน่ะ? หม่ามี๊มีป่าปี๊ ใช่มั้ย!? …..พูดถึงแล้ว ของปี๊ใหญ่แค่ไหนเหรอ?」   

 「……ประมาณนี่ แม้ว่าเค้าจะเงี่ยนจริงจังมันก็เท่านี้」   

 「จิ๋วมากอ่ะ! มันอย่างงั้นจริงๆเหรอมี๊!」   

 「มันไม่ได้แค่เล็กขนาดนั้นจริงๆหรอก! มันแค่ของลอร์ดศักดินาซามะมันน่าทึ่งมากเกินไปน่ะ ดังนั้น อย่าใช้ของลอร์ดเขาเป็นมาตรฐาน เมื่อเดนิสจะหาผัวทีหลังนะ เค๊? ด้วยขนาดของเขาและจำนวนเมล็ดพันธุ์ของเขา มันก็เหมือนกะหนูไปนอนกับออร์คแล้วแหละ」   

 「ที่รัก? เดนิส?」   

ความเสียใจของพ่อนั้นลึก

—————————————————————

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 22 ปี ฤดูใบไม้ร่วง เวลาสงคราม

ผู้บัญชาการกองทหารที่สาม

ทีมลูกน้อง: 22,850

กองทัพส่วนตัว: 7880 (หน่วยที่ถูกพามาเพื่อต่อสู้เท่านั้น)

ทหารราบ: 2480, ทหารม้า: 500. พลธนู: 700, ช่าง: 300, ทหารม้าธนู: 3900 ปืนใหญ่: 7

กองทัพของอาณาจักร – 1 เหล่า: 14,970

ลูกน้องกองทัพ:

ซีเลีย (ผู้ช่วย), ไมล่า (รองผู้บัญชาการสูงสุด), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการ), ลูน่า (ผู้บัญชาการของทหารม้าธนู), ปี๊บ, ทริสตัน (ฟฟฟี้), กิโด้ (รักษาตัว)

ตำแหน่งปัจจุบัน: เบียโด

ความสำเร็จ: ยึดท่าแรนเดล, กวาดล้างกองทัพมากราโด, ชนะการต่อสู้ตัวต่อตัวกับแรดกัลฟ์, ยืดเมืองหลวงโอโดรอส (ร่วม), เอาชนะกองทัพอาณาจักรมอลต์ที่พูดกันว่าทรงพลัง

—————————————————————   

วายุ: ซึ้ง

1 / 2

(ๅ / 2) 59 / 84

ขอบคุณสำหรับเงิน 500 บาท

วายุ: ต่อจากนี้ แก้ ไวยากรณ์ คำทัพศัพท์ ตัดคำสร้อย,หางเสียงออกจากบทบรรยา เหล่านี่ สุดกำลังสติปัญญา ขอบคุณที่อ่านครับ

ประกาศ: *วิ่งมาจุดพลุ*

*วิ่งมาตัดริบบิ้น*

*ตรื่ดดดดด*

สวัสดีครับเนื่องจากมีคนสปอนเซอร์และขอมา ผมจึงทำ ต่อจากนี้ไป ถนนสู่อาณาจักร จะเพิ่มเป็นวัน พุธและเสาร์ และวันนี้จะมี 2 ตอนครับ อาจจะยืด การแปลไปเป็นเดือน 5 (น่าจะมากกว่านั้น) แต่ถ้าใครอยากรู้จำนวนตอนเต็มส่งข้อความมาหาผม ที่ Facebook ได้ครับ ผมสปอยแค่นิดหน่อยว่า เราจะอยู่กันยาว ขอบคุณครับ

 แปลโดย: wayuwayu

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

วายุ แซ่จิว

กสิกรไทย

ถ้าท่านชอบและอยากอ่านเพิ่ม ได้โปรดโดเนทสนับสนุนผู้แปลด้วยนะครับ สปอนเซอร์ตอนให้อัพโหลดเพิ่มทันที แจ้งได้ทาง Facebook : “wayuwayu แปล” ครับ ออกความคิดเห็นที่ Dek-D และ Tunwalai จะมีแจ้งเตือนครับ   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด