[นิยายแปล] บุตรีขุนนาง VS สตรีศักดิ์สิทธิ์ 5

Now you are reading [นิยายแปล] บุตรีขุนนาง VS สตรีศักดิ์สิทธิ์ Chapter 5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตั้งแต่นั้น นอกจากการสอบใหญ่แล้วฉันกับแอนก็แข่งกันทุกครั้งที่มีการฝึกปฏิบัติง่ายๆ ในคาบเรียน

ถ้ามีคลาสปรุงยาเวทมนตร์ ก็จะแข่งกันว่าของใครคุณภาพดีกว่า

ถ้ามีคลาสอัญเชิญภูต ก็จะแข่งกันว่าภูตของใครแข็งแกร่งกว่า

ถึงจะแข่งกับเธอมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ ณ ตอนนี้ ฉันยังไม่ชนะเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ที่เธอบอกว่ามีไฟ เหมือนจะไม่ได้ล้อเล่นซะทีเดียว แอนที่เอาจริงนั้นไม่เปิดช่องว่างแม้แต่น้อย แม้ฉันจะเตรียมตัวมาดีขนาดไหน แอนก็มักจะทำได้ดีกว่าเสมอ

ฉันเองก็ไม่ได้คิดจะแข่งเล่นๆ ทุกครั้งคะแนนจึงไม่ต่างกันมากนัก แต่ฉันรู้สึกได้ว่าความต่างเพียงเล็กน้อยนั่น มันใหญ่หลวงจนไม่มีทางหักล้างได้

แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้และไม่ผ่อนแรงเลย ฉันแข่งขันอย่างสุดกำลังทุกครั้ง ด้วยหวังว่าคราวหน้าจะต้องชนะแน่นอน

ผลคือในใบประกาศผลสอบวัดระดับที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว ชื่อของฉันกับแอนจะอยู่ติดกันเสมอ ―― อันดับ 1 แอน ซัมเมอร์ส และอันดับ 2 ลอร่า แอชลีย์

ชื่อที่เรียงกันแบบนี้ก็เหมือนกัน สำหรับคนในสถาบันนี้ ทุกคนคงจะชินตากันหมดแล้ว

ถ้าสถาบันนี้ใช้การแข่งขันระหว่างนักเรียนเป็นเหตุผลในการทำให้เด็กเก่งขึ้นแล้วละก็ ตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จที่สุดคงจะเป็นพวกฉันนี่แหละ

แม้ระหว่างฉันกับแอนจะคะแนนไม่ต่างกันมาก แต่นักเรียนที่อยู่ต่ำกว่าฉันนั้นคะแนนต่างกันมากโข

ซึ่งพวกอาจารย์ก็พึงพอใจกับผลลัพธ์นี้ดี ก็มีเด็กฉลาดล้ำอยู่ถึงสองคนเชียวนะ

ทุกคนชมแอนอย่างไม่ขาดสาย จากนั้นก็ชมฉันด้วย

ฉันไม่คิดว่าพวกเขาชมฉันเพราะคะแนนของฉันตามหลังแอน หรือชมเพื่อให้กำลังใจฉันหรอกนะ

ฉันรับรู้ได้ว่าพวกเขาคิดว่าฉันเองก็ยอดเยี่ยมจากใจจริง

แต่ฉันกลับคิดว่านี่มันไม่ตลกเลย

ฉันชนะเด็กคนนั้นแค่ครั้งแรกครั้งเดียว ตั้งแต่เด็กคนนั้นเอาจริงฉันก็ไม่เคยชนะอีกเธออีกเลย

ถ้าจะชื่นชมฉัน ก็ช่วยทำตอนที่ฉันชนะเธอสิ

แต่ไม่สิ ตอนนี้ฉันเริ่มจะคิดว่าคนอื่นจะสรรเสริญหรือไม่ก็ช่างแล้วละ

แม้แต่คำชมเชยจากคนรอบข้างอย่างครอบครัว เพื่อนฝูง รวมถึงอาจารย์ที่เอ่ยกับฉัน ก่อนหน้านี้ฉันเคยดีใจนักหนายามได้ยิน

ตอนนี้ คำเหล่านั้นไม่อาจเติมเต็มฉันได้อีกแล้ว

เมื่อเทียบกับการพิชิตเด็กคนนั้นและถูกเด็กคนนั้นยอมรับ แค่เพียงคนเดียว ――

 

「ฉันชนะอีกแล้วสินะคะ องค์หญิงลอร่าตัวน้อย?」

「เชิญเลย ทำตามใจชอบได้เลยค่ะ」 ฉันพูดอย่างท้อใจ

แอนยิ้มให้กับคำพูดของฉัน จากนั้นจึงจับมือฉัน 「ค่ะ งั้นไม่เกรงใจนะคะ」

แน่นอนว่าข้อตกลงที่ว่า ผู้แพ้ต้องทำตามคำขอของผู้ชนะ ยังคงดำเนินมาตลอด

สิ่งที่แอนเลือกทำก็เหมือนเดิม กอดฉันบ้าง ให้ฉันนั่งตักของตัวเองแล้วลูบผมฉันบ้าง หรือกลับกันก็นอนหนุนตักฉันแล้วปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปอย่างนั้น

มีแต่เรื่องที่ทำความเข้าใจไม่ได้ทั้งนั้น

อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน แอนลูบมือฉันด้วยสองมือราวกับโอบอุ้มมือฉันอยู่ และจ้องตาฉันอย่างรักใคร่

เพราะฉันเป็นคนเสนอข้อตกลงนี้เองจึงต้องยอมรับอย่างว่าง่าย

หลังจากนี้ไปจะโดนทำอะไรบ้าง ―― ฉันเตรียมใจเอาไว้แล้วแหละ

ณ ตอนนี้ อย่างมากก็แค่ถูกสัมผัสไปทั้งตัว เธอไม่ได้ทำให้ฉันเจ็บตัว ฉันจึงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ

ตรงกันข้าม ทุกครั้งแอนจะสัมผัสฉันอย่างอ่อนโยน ทำให้รู้สึกสบายใจแปลกๆ สัมผัสละมุนนั่นทำให้รู้สึกล่องลอย และฉันก็ไม่ได้เกลียดมัน

เพราะงั้น ฉันจึงถามไปโดยไม่คิดอะไรเหมือนกับคุยเรื่องทั่วๆ ไปว่า 「คุณนี่ มีรสนิยมแบบนั้นเหรอคะ?」

ฉันรู้สึกผ่านสองมือที่ถูกกุมอยู่ว่าร่างกายเธอสะดุ้งเล็กน้อยกับคำถามนั่น

ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าเธอจะตอบประชดประชันด้วยท่าทางเย้ยหยันอย่างทุกที แต่แอนกลับคลายมือที่จับอยู่แล้วหลบตาอย่างขายหน้า

「จะเรียกว่าเป็นรสนิยมก็ไม่เชิงนัก ――」 แอนทิ้งประโยคให้จบอยู่ตรงนั้น เธอยังคงก้มหน้าหลบตาอยู่อย่างนั้น สักพักจึงเริ่มเปิดปากเหมือนตัดสินใจได้แล้ว  「ฉันชอบได้แต่ผู้หญิงน่ะค่ะ เรื่องนี้ น่าจะเป็นตั้งแต่เกิด」 คิดไปเองรึเปล่านะ รู้สึกเหมือนเสียงเธอสั่นๆ 「ขยะแขยงรึเปล่าคะ?」

น้ำเสียงเหมือนถอดใจ คนที่ปกติเธอจะวางท่าเป็นตัวของตัวเอง ตอนนี้กลับมีน้ำเสียงอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแบบที่จินตนาการไม่ออก ฉันรู้สึกได้ถึงความกังวลใจจากนัยน์ตาคู่นั้น

ก็รู้อยู่แหละว่ามีคนที่มีแนวคิดแบบนั้นอยู่ ในหมู่ขุนนางเองก็ได้ยินว่ามีคนที่ทำตัวอิสระไม่อยู่ใต้กฎเกณฑ์ บางคนก็เล่นกับคนรับใช้หรือโสเภณีเพศเดียวกันเพื่อความบันเทิง ส่วนใหญ่จะแค่เล่นกับไฟ แต่ได้ยินว่าบางคนก็เผลอคิดจริงจังเลยก็มี

ในหมู่ขุนนางขี้นินทา คนที่ชี้หน้าต่อว่าและล้อเลียนคนพวกนั้นก็มีไม่น้อย

แต่ว่าฉัน ――

「ไม่หรอกค่ะ」 ตัดสินใจบอกความรู้สึกไปตามตรง 「ของแค่นั้นไม่ทำให้ความยอมรับในตัวคุณสั่นคลอนหรอกค่ะ ไม่ว่าคุณจะมีแนวคิดทางเพศแบบไหน ดิฉันก็จะเคารพในตัวคุณ และคบหาสมาคมกับคุณด้วยความนับถืออยู่ดีค่ะ」

ฉันบีบมือแอนที่สัมผัสฉันอย่างไร้เรี่ยวแรง ทำแบบนี้จะสื่อไปถึงรึเปล่านะ แต่อย่างน้อยก็อยากให้เธอรู้ว่าความรู้สึกนี้เป็นของจริง

ฉันไม่อยากเห็นสีหน้าแบบนี้ของเด็กคนนี้ อยากให้เธอปั้นหน้าขรึมตามปกติ หรือจะหยามคนอื่นนิดๆ ก็ช่าง เป็นตัวของตัวเองแบบนั้นก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ

ฉันใส่แรงลงไปในมือที่จับอยู่

หลังจากนั้น แอนก็ไม่พูดอะไรไปครู่นึง เธอเพียงแค่จ้องหน้าฉันสักพัก 「เกินคาดเลยค่ะ นึกว่าจะโดนบอกว่าความรักเป็นเรื่องของชายหญิง อะไรแบบนี้ซะอีก」

พูดเสร็จก็เสริมต่อแบบแกล้งๆ 「ก็ท่านลอร่าดูจะหัวแข็งจะตาย」

「นั่นน่ะ ไม่ต้องพูดก็ได้นะคะ」 ฉันถอนหายใจให้คำพูดเจ็บแสบนั่นแล้วพูดต่อ 「ฉันแค่คิดว่าพวกเราไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นมนุษย์ เพราะงั้นจะมีความรักโดยไม่พุ่งเป้าไปที่การสืบพันธุ์ก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การสืบพันธุ์ เรื่องเพศก็ไม่เกี่ยวข้องใช่มั้ยล่ะคะ」

แอนเบิกตาให้กับคำพูดของฉันเหมือนจะประหลาดใจ จากนั้นก็ก้มหน้าพูดเสียงอ่อย 「ถึงจะบอกว่า ฉันรักท่านลอร่า ก็ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?」

「ดิฉันตอบรับความรู้สึกนั้นไม่ได้หรอกนะคะ」

「ไม่เป็นไรค่ะ ตราบใดที่ไม่ปฏิเสธ」

「งั้นก็เชิญคิดแบบนั้นไปเถอะค่ะ」 ฉันอมยิ้มแล้วลูบแก้มแอน 「คุณจะหลงใหล ลอร่า แอชลีย์ ผู้สูงสง่าและงดงามอ่อนช้อยคนนี้ ก็ไม่แปลกหรอกนะคะ」

แอนคลี่ยิ้มสบายใจ 「ขอบคุณค่ะ」

มือที่แตะอยู่ตรงแก้มถูกมือของแอนแนบทับอีกที มือของฉันถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของแอนทำให้อุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้น

จนถึงตอนนี้ เด็กคนนี้คงจะถูกกล่าวหาว่าร้ายโดยไม่มีเหตุผล หรือถูกมองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นละมั้ง

เพราะการคนึงหาเพศเดียวกัน ด้วยเรื่องแค่นั้น อาจจะเป็นสาเหตุให้เธอเกลียดผู้คนก็ได้

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็อยากจะช่วยเข้าอกเข้าใจเธอแม้สักนิดก็ยังดี ฉันอาจจะวางท่าเป็นคนดีไปอย่างนั้นก็ได้ แต่อย่างน้อยแค่ฉันคนเดียวก็ยังดี ――

ระหว่างที่กำลังคิดแบบนั้นก็ถูกกอดแน่นอย่างกะทันหัน

「ว้าย」 เผลอส่งเสียงพิลึกโดยไม่รู้ตัว 「จะ จะทำอะไรน่ะคะ?」

「ท่านลอร่าน่ารักน่ะค่ะ เลยเผลอ」

「ถึงฉันจะไม่ปฏิเสธแนวคิดของคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะคิดเหมือนกันนะคะ?」 ฉันพูดเหมือนกลบเกลื่อน

「รู้อยู่แล้วค่ะ」 รู้สึกได้ว่าความสดใสในน้ำเสียงของแอนกลับมาแล้ว 「เพราะงั้น ขออีกนิด ―― แค่นิดเดียว」

 

คืนนั้น แม้จะเปิดหนังสืออ้างอิงตามปกติ แต่ในหัวกลับคิดเรื่องอื่น

―― ฉันถูกแอนบอกรัก

ตอนนั้นฉันคิดว่าไม่อยากให้เด็กคนนั้นทำหน้าแบบนั้น คิดเพียงแค่นั้น แต่ไม่ได้ลงลึกอะไรมาก

―― ความรัก

ถึงจะมีความรู้อยู่บ้าง แต่ยังไม่เคยประสบว่ามันเป็นยังไงกันแน่  ถึงตอนเด็กๆ จะเคยพูดไปอย่างไร้เดียงสาว่า 「จะแต่งงานกับท่านพ่อ」 แต่ก็ไม่ได้คิดหรอกว่านั่นคือความรัก

แอนจะต้องรักฉันจากใจจริงแน่ๆ แต่มันเป็นความรู้สึกแบบไหนกัน ฉันเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้

เรื่องที่พูดกับเธอ ฉันก็พูดออกมาด้วยใจจริง

ถึงปกติแล้ว จุดหมายของความรักคือการแต่งงานมีลูก แต่ฉันรู้สึกว่าเพียงแค่นั้นยังไม่ใช่ความรัก

ฉันคิดว่าการพุ่งเป้าไปที่การมีลูกเพื่อผูกสัมพันธ์ระหว่างผู้คนไม่ใช่ทุกอย่าง เพราะพวกเราไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นมนุษย์ เพราะเป็นมนุษย์นี่แหละ จะรักใครชอบใครก็ไม่แปลกสักหน่อย

ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ที่เธอรู้สึกแบบนั้นกับฉัน ต่อให้เป็นเพศเดียวกันก็เถอะ การถูกใครสักคนชื่นชอบมันก็เติมเต็มคุณค่าในตนเองดีนี่ และการถูกยอมรับในฐานะเพศหญิงมันก็น่าดีใจจริงๆ

ถึงจะเป็นการสกินชิปเกินพอดีเหมือนทุกครั้ง ถ้าเป็นผู้หญิงด้วยกัน ―― ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นแอน ―― ฉันคิดว่ามันก็ไม่แย่นักนะ

แต่จะตอบแทนความรู้สึกนั้นได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แม้แต่ความรู้สึกของตัวเองฉันยังไม่รู้เลย เพราะงั้นฉันจึงไม่อยากให้ความหวังโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

แอนเป็นเพื่อนที่ดี เป็นคู่แข่งที่ดี ―― แล้วก็ จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงจะมีจุดที่ไม่ชอบไม่น้อย แต่ความนับถือและชื่นชมเธออย่างลับๆ นั้นมีมากกว่า

แต่นั้นไม่ใช่ความเสน่หา ―― คิดว่านะ

 

ถ้าความรักคือการอยากลองสัมผัสหรือโอบกอดแบบที่แอนทำกับฉัน ฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับแอน

แม้จะไม่ได้รังเกียจที่ถูกแอนสัมผัส แต่ฉันก็ไม่คิดอยากทำแบบนั้นกับเธอ

ถ้าเป็นความรักระหว่างชายหญิงคงจะเข้าใจง่ายกว่านี้มั้ง สมมติว่าแอนเป็นผู้ชาย ฉันคงตัดสินได้อย่างชัดเจนเลยละ

เพราะแอนกับฉันเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ ด้วยความคลุมเคลือระหว่างมิตรภาพและความหลงใหล จึงไม่อาจตัดสินได้ด้วยตัวเอง

 

ทั้งทฤษฎีความเป็นไปได้ จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ วรรณคดีโบราณ ศิลปะ และปรัชญา ―― จนถึงตอนนี้ฉันอ่านหนังสือมาแล้วมากมาย  

ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองสามารถตอบปัญหาส่วนใหญ่ได้ในทันที แต่กลับรู้สึกว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ไม่อาจตอบความรู้สึกของตัวเองได้เลย

ทั้งที่มีความรู้กลับไม่อาจเข้าใจสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดได้

ฉันถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว ในหัวคิดอะไรวุ่นวายไปหมด ขืนยังคิดแบบนี้ต่อไปคงจะแย่ลงเรื่อยๆ

ฉันก้มสายตาลง เห็นหนังสืออ้างอิงที่คาอยู่ที่มือ จากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่ากำลังอ่านหนังสืออยู่ ยังต้องอ่านอีกเยอะเลยกว่าจะถึงจุดที่ตั้งเป้าไว้ของวันนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด