[นิยายแปล] บุตรีขุนนาง VS สตรีศักดิ์สิทธิ์ 6

Now you are reading [นิยายแปล] บุตรีขุนนาง VS สตรีศักดิ์สิทธิ์ Chapter 6 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

「จะว่าไป ฉันได้ยินข่าวลือมาน่ะค่ะ」 แมรี่พูดหลังจากเกริ่นแบบนั้น 「ดูเหมือนพักนี้ ท่านลอร่าจะสนิทสนมกับคุณซัมเมอร์สอย่างลับๆ สินะคะ」

แม้จะติดใจเล็กน้อยกับคำว่า อย่างลับๆ แต่ฉันก็พยักหน้า 「ค่ะ ถ้าดิฉันไม่หลงตัวเองจนเกินไป ก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะคะ」

「แหม」 แคทพูดแล้วหัวเราะคิกๆ 「ตอนที่เพิ่งเข้าเรียนใหม่ๆ ยังร้องไห้ที่โดนแย่งที่หนึ่งอยู่เลยแท้ๆ」

「ไม่ได้ร้องซักหน่อยค่ะ!」 เผลอตวาดเสียงดัง แต่ก็ถอนหายใจเบาๆ พยายามสงบจิตสงบใจในทันที 「―― เธอเป็นเด็กที่เก่งมาก ถ้าได้อยู่ด้วยก็น่าจะเป็นตัวกระตุ้นที่ดีน่ะค่ะ ในฐานะเพื่อนและคู่แข่ง เราก็ส่งเสริมกันและกันดี」

「ฉันเองก็อยากลองคุยด้วยบ้างจัง!」 แมรี่ยกมือ

「นั่นสินะคะ ถ้าไม่ติดอะไร ฉันอยากเชิญเธอมางานน้ำชาและพูดคุยทำความรู้จักจังเลยค่ะ」 เม็กพูด

ส่วนอีกสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดนั้น

「เรื่องนั้น――」 ฉันจบประโยคที่ตรงนั้น เผลอคิดไปว่าไม่อยากอย่างบอกไม่ถูก จึงไม่สามารถต่อประโยคได้ในทันที

ทิ้งช่วงไประยะนึง พอใจเย็นขึ้นแล้วก็รู้สึกว่าการแนะนำเธอให้เพื่อนๆ รู้จักก็ไม่เห็นเป็นปัญหาตรงไหนนี่นา คิดได้แล้วจึงพูดต่อ 「เข้าใจแล้วค่ะ เธอออกจะ แบบว่า ―― อาจจะรู้กันอยู่แล้ว ―― ไม่ชอบพบปะคนอื่น เพราะงั้นอาจจะปฏิเสธก็ได้ ยังไงจะลองนัดให้แล้วกันค่ะ」

ถึงฉันจะตอบอย่างร่วมมือต่อหน้าทุกคน แต่ตรงไหนสักแห่งในใจดันเผลอคิดไปว่าถ้าโดนปฏิเสธก็คงดี

ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะคิดว่า แอนน่ะ อยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ดีอยู่แล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะคิดแบบนั้นเลยแท้ๆ

ขณะที่กำลังมองพวกแมรี่ซึ่งส่งเสียงออกมาอย่างดี๊ด๊าว่าจะตั้งตารอ ฉันก็นึกถึงสีหน้าของเด็กคนนั้น สีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่มีความสนใจในตัวคนอื่นเลยแม้แต่น้อยซึ่งถูกซ่อนไว้ใต้ใบหน้าเบื่อหน่ายนั่น ฉันลองคิดภาพแอนเจอเด็กพวกนี้แล้วหัวเราะออกมา แต่ก็จินตนาการไม่ออกเลย แต่ถึงจะจินตนาการไม่ออก ―― พักหลังมานี้ สีหน้าที่เธอแสดงออกมาให้ฉันเห็นก็ดูจะสนุกอยู่บ้าง เธอเองก็อาจจะเปลี่ยนไปนิดนึงแล้วก็ได้ แต่ว่า ถ้าเธอแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาให้เด็กคนอื่นเห็น ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บในอกแปลบๆ

สมมติว่าแอนมีเพื่อนเยอะขึ้นก็น่าจะเป็นเรื่องดีแท้ๆ

ฉันรู้ดีเลยแหละว่าเรื่องแค่นั้นไม่ทำให้เด็กคนนั้นผลการเรียนแย่ลงหรอก ถ้าอย่างนั้น ทำไมล่ะ ―― พอคิดดูก็ได้คำตอบในทันใด ฉันชอบที่ได้ใช้เวลาร่วมกับแอนสองคน ถ้าแอนมีเพื่อนใหม่ เวลาเหล่านั้นก็จะลดน้อยลงไม่ใช่เหรอ ฉันกังวลว่าอย่างนั้น และฉันก็ไม่อยากให้เธอแสดงสีหน้าที่เธอแสดงกับฉันให้คนอื่นเห็น

อย่าบอกนะว่าฉันเผลอคิดอยากครอบครองเพื่อนเอาไว้คนเดียว รู้สึกเหมือนมีหมอกบางๆ ในอก เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะใจแคบถึงขนาดนั้น

 

พอได้อยู่กับแอนสองคน เรื่องงานน้ำชาที่คุยกับพวกแมรี่วันก่อนก็ติดอยู่ในใจมาตลอด ฉันพยายามหาโอกาสว่าจะเข้าเรื่องนี้ยังไงดีตลอดเวลา

พอได้สบตาก็เผลอหลบตาในทันที ไม่ใช่ว่าฉันลังเลว่าจะชวนไปงานน้ำชาดีรึเปล่าหรอกนะ ถึงจะโดนปฏิเสธ ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเด็กคนนี้จะอยากเข้าร่วมตั้งแต่แรกแล้วแหละ เดิมทีฉันก็ไม่ได้กระตือรือร้นอยากชวนนัก

แต่พอลองคิดดู นอกจากการพบกันโดยไม่ได้นัดแนะที่สวนด้านหลังในเวลาว่างแบบนี้ ฉันก็ไม่เคยอยู่กับเธอสองคนเลย

เราไม่เคยไปมาหาสู่ที่ห้องของกันและกันในหอพัก หรือออกไปข้างนอกในวันหยุดแบบเพื่อนคนอื่นๆ

พอคิดอย่างนั้นก็รู้สึกเหงาอยู่หน่อยๆ

วันหยุดลองชวนเธอออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็อาจจะไม่เลวเหมือนกัน ถึงปกติจะเอาแต่อ่านหนังสือแต่ก็น่าจะชอบดูละครอยู่บ้างละมั้ง หรือไม่ก็ไปชมบรรเลงดนตรีหรือตระเวนช็อปปิ้งก็ไม่เลว ไม่สิ เด็กคนนี้อาจจะชอบใช้เวลาอยู่ในห้องมากกว่าออกไปข้างนอกก็ได้ ถึงความคิดนี้จะไม่เลวนัก แต่ถ้าทำเหมือนเดิมตลอดเวลาก็ออกจะน่าเบื่อไปหน่อย

ฉันวางแผนนั่นนี่ในหัว แล้วก็นึกได้ว่ากำลังหลุดจากเป้าหมายเดิม ตอนนี้ต้องคุยเรื่องงานน้ำชาสิ

「จะว่าไป」ฉันทำเป็นว่าเพิ่งนึกออกอย่างจงใจ แล้วพูดเข้าเรื่อง 「เพื่อนของดิฉัน อยากชวนคุณมางานน้ำชาน่ะค่ะ」

「งานน้ำชา?」 แอนเว้นช่วงจังหวะหนึ่งแล้วจึงเอียงคอสงสัย 「ถ้าอากัปกริยาของฉันไม่ถูกใจคนอื่น จะถูกว่าร้ายรึเปล่าคะ」

「เด็กพวกนั้นไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ พวกเธอแค่อยากทำความรู้จักคุณอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นเพื่อนเก่าที่คบกับดิฉันมานานแล้ว เพราะงั้นอย่ากังวลเรื่องนั้นเลยค่ะ」 พูดจบก็คิดว่ายังไงก็คงโดนปฏิเสธ ฉันจึงพูดตัดบททันที 「แน่นอนว่าถ้าคุณไม่อยากก็ปฏิเสธได้นะคะ」

แต่ตรงกันข้ามเลย แอนแสดงท่าทางเหมือนคิดไม่ตก สักพักก็คลี่ยิ้มออกมา 「ได้สิคะ」 ชวนให้สงสัยว่าฟังผิดไปรึเปล่า

「ลมอะไรพัดมาล่ะคะเนี่ย?」

「ถ้าเป็นคำชวนจากเพื่อนของท่านลอร่า จะปล่อยให้เสียโอกาสได้ยังไงกัน」

คงจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างทางจิตใจของเด็กคนนี้ คนที่แต่ก่อนไม่เคยคิดจะข้องแวะกับคนอื่นนอกจากฉัน

แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ฉันกลับรู้สึกดีใจไม่ค่อยออก

「ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ดีแล้วค่ะ」 ฉันพึมพำขณะที่ยังรู้สึกค้างคาใจ

ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินรึเปล่า รอยยิ้มของแอนจึงดูน่าสงสัยขึ้นหนึ่งระดับ 「―― วิชาพื้นฐานการอัญเชิญคาบหน้า มีฝึกปฏิบัติสินะคะ」

 

วันต่อๆ มา พวกเราจัดงานน้ำชาเล็กๆ ในหมู่เพื่อนฝูงตามที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้

พอบอกไปว่าแอนจะมา ทั้งแมรี่ แคท และเม็กก็ดีใจกันมาก จนแทบจะจัดงานกันทันที ―― ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงมารวมตัวกันที่ห้องของฉัน

―― ฉันนั่งอยู่บนตักแอน ขณะเดียวกันก็ถูกลูบผมจากข้างหลัง

 

「ถึงจะได้ยินมาว่าสนิทกันดี แต่เหมือนจะยิ่งกว่าที่เขาลือกันอีกนะคะ」 แมรี่พูดด้วยสีหน้าเหมือนเห็นอะไรที่ชวนให้ยิ้ม

พอได้ยินดังนั้น แอนก็สางผมฉันด้วยนิ้วอีกครั้ง 「ค่ะ ท่านลอร่าสร้างความบันเทิงให้ฉันอยู่เสมอเลยละค่ะ」

ที่ฉันต้องยอมทนกับสถานการณ์แบบนี้มันมีเหตุผลอยู่นะ

เพราะแอนท้าแข่งตอนฝึกปฏิบัติในวิชาพื้นฐานการอัญเชิญวันก่อน แน่นอนว่าฉันรับคำท้าทันที และคนที่อัญเชิญธาตุได้ดีกว่าคือแอน

แต่แอนกลับไม่ทำให้ฉันตกเป็นเบี้ยล่างในทันทีเหมือนทุกครั้ง 「เอาไว้ค่อยสนุกกันทีหลังแล้วกันนะคะ」 ―― เธอพูดเช่นนั้นพลางยิ้มอย่างไม่หวาดหวั่นคล้ายมีแผนอะไรบางอย่าง

และในที่สุด ก่อนเริ่มงานน้ำชาในวันนี้ เธอก็สั่งฉันมาจนได้ว่า ―― ระหว่างงานน้ำชา ถึงจะโดนทำอะไรก็ขอให้สงบเสงี่ยมเข้าไว้

แน่นอนว่าตอนแรกฉันถึงกับระวังตัวแจ คิดไปว่าเธอตั้งใจจะทำให้ฉันขายหน้าต่อหน้าทุกคนรึเปล่า

แต่เนื่องจากจะละเลยสิ่งที่ตัวเองเป็นคนเสนอเองไม่ได้ ฉันจึงภาวนาว่าขอให้เธอไม่ทำเรื่องโหดร้ายมากนัก และตัดสินใจว่าจะยอมรับแต่โดยดี

เท่าที่คบหากันมาจนถึงตอนนี้ฉันก็พอจะรู้อยู่แหละ ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยินดีเมื่อมีคนมาตกหลุมพรางที่ตนขุดไว้

แต่ถึงฉันจะตัดสินไปก็คงถูกแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งนึงจะเป็นยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน ――  

ผลก็คือ เธอกำลังทำสิ่งที่ปกติทำตอนอยู่ด้วยกันแค่สองคนต่อหน้าทุกคนแบบนี้

แอนสางผมของฉันด้วยนิ้วของตัวเอง แล้วหลุดหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข

 

พวกแมรี่กะพริบตารัวๆ มองแอนที่เป็นแบบนั้นด้วยสีหน้าราวกับเห็นภาพหลอน

ก็ช่วยไม่ได้แหละนะ ปกติเธอมักจะทำสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่ตลอดเวลา คงจะแปลกใจที่แอนหัวเราะแบบนี้ละมั้ง

ขนาดฉันเองยังแปลกใจเลย เพราะไม่นึกว่าเด็กคนนี้จะแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น

แต่ยังไงก็เถอะ จะปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้ ที่พวกเรามารวมตัวกันในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพราะจะมาเล่นตลกแบบนี้ให้ทุกคนเห็นสักหน่อย

พอฉันกระแอมไอ อะแฮ่ม อย่างจงใจ แอนก็ย้ายมือที่วางอยู่บนหัวของฉันมาหยุดตรงหน้าท้อง นั่นเป็นเหตุให้ฉันสูดลมหายใจเข้าเบาๆ 「อย่าใส่ใจกับสภาพนี้ของดิฉันเลยค่ะ」 พยายามปั้นยิ้มสบายๆ เท่าที่ทำได้ 「ที่สำคัญ แอบกับทั้งสามคนเพิ่งจะเจอกันเป็นครั้งแรกสินะ ขอแนะนำตัวนะคะ ――」

จากนั้นฉันก็แนะนำแมรี่ แคท เม็กให้เธอรู้จัก ถัดมาจึงแนะนำแอนให้ทุกคนรู้จัก

พอแนะนำเสร็จ แขนที่วนอยู่แถวๆ หน้าท้องของฉันก็กอดรัดแรงขึ้นหนึ่งระดับ

「ถึงครั้งนี้จะชวนอย่างกะทันหันไปซักหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่มานะคะ」 แคทพูด เม็กเองก็พยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน

「แต่ฉันดีใจนะ ที่ได้ใกล้ชิดคุณแอนแบบนี้」

「ใช่ๆ รู้มั้ยว่าในหมู่นักเรียนหญิง คุณก็แอบดังอยู่นะคะ」 แมรี่พูดอย่างมีความสุข

「ถึงผลการเรียนเป็นเลิศจนเป็นที่หนึ่งของชั้นปีแต่กลับไม่ยโสโอหัง นอกเหนือจากคาบเรียนแล้วก็ไม่แสดงตัวเลย นั่นก็ดูลึกลับดี แถมรูปลักษณ์ภายนอกก็ดูดีกว่าเด็กผู้ชายพวกนั้นเป็นไหนๆ」

แคทกับเม็กเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ฉันหันไปขมวดตามองแอนด้วยหางตา

―― ยังไงก็ไม่ชอบเด็กคนนี้จริงๆ นั่นแหละ

ทั้งผลการเรียนเป็นเลิศ ทั้งที่หนึ่งของชั้นปี เดิมทีมันน่าจะเป็นคำศัพท์ที่ถูกเตรียมไว้ให้ฉันแท้ๆ

แถมไอ้ที่ว่าแอบดังแบบลับๆ หรือดูดีกว่าผู้ชายเป็นไหนๆ คำชมพวกนั้นฉันก็ไม่ชอบ

เรื่องพวกนั้น ถึงไม่ต้องพูด ฉันก็รู้ซึ้งดีอยู่แล้วแท้ๆ

แม้จะเบาใจเล็กน้อยที่เธอไม่แสดงสีหน้าดีใจหรือเจตนาลึกๆ ออกมาอย่างชัดเจน และยังคงยิ้มเหมือนลำบากใจ

「ถ้าทุกคนคิดแบบนั้น ก็ช่างเป็นเกียรติเหลือเกินค่ะ」 แอนพูดแบบมารยาทจ๋าแล้วปั้นยิ้มออกมา 「แต่ฉันคงจะตอบรับความคาดหวังไม่ได้หรอกนะคะ」

จากนั้น เธอก็ยกมือของฉันขึ้นมา ทาบริมฝีปากลงไปเบาๆ แล้วจึงพูดต่อ 「เพราะฉันมอบความรักทั้งหมดให้ท่านลอร่าไปแล้ว」

นึกว่าตัวเองจะหยุดหายใจไปซะแล้ว ก็จริงอยู่ที่ตอนนั้นฉันบอกไปว่า จะบอกรักฉันก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าให้ดูเวล่ำเวลาด้วย

「คะ คุณ ช่วยเพลาๆ เรื่องพวกนั้นด้วย――」 ฉันพยายามดันตัวลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่มือที่ยังคงโอบอยู่ตรงช่วงเอวนั่นไม่ยอมปล่อยให้ฉันหนี

―― ไม่ ได้ ค่ะ

แอนขยับปากพูดเบาๆ ให้ฉันได้ยินแค่คนเดียว

ลมหายใจรดต้นคอ ระยะห่างระหว่างฉันกับแอนใกล้ชิดขึ้นกว่าเดิมจนรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจผ่านหน้าอกนุ่มที่แนบอยู่กลางหลัง จนฉันนึกว่าอุณหภูมิที่ไหลรวมเข้ามาในตัวฉันเป็นภาพลวงตารึเปล่า

「ว้ายตายแล้ว!」 ได้ยินเสียงอุทานด้วยความดีอกดีใจ 「ทั้งสองคน สนิทกันถึงขั้นนั้นเลยเหรอคะ?」

แมรี่โพสท่าราวกับพนมมือยินดี ส่วนอีกสองคนก็มองมาทางนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนได้ยินเรื่องดีๆ เข้าแล้ว

「ไม่ใช่นะคะ!」

เหมือนจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ฉันพยายามจะรีบแก้ไข แต่แอนยิ้มอย่างลึกซึ้งแล้วลูบผมฉันอีกครั้ง

「น่าเศร้าใจเหลือเกิน ที่ยังเป็นแค่รักข้างเดียว」 เธอเน้นคำว่า ยัง

เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นอีกหน หลังจากนี้คงจะถูกล้อด้วยเรื่องนี้ไปอีกนานละมั้ง แต่ก็เป็นปฏิกริยาที่ดีกว่าโดนบอกว่าขยะแขยงเยอะละนะ

เด็กพวกนี้คงจะไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากว่านี่เป็นประเด็นที่เฮฮาเฉยๆ ไม่เกี่ยวว่าแอนจะจริงจังรึเปล่า หรือเพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ตาม และฉันก็ค่อนข้างเบาใจกับเรื่องนี้

 

หลังจากนั้นงานน้ำชาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น และจบลงอย่างเหมาะสม

ระหว่างนั้น ฉันถูกแอนโอบเอวไว้ตลอดเวลา บางครั้งก็ถูกสัมผัสเกินพอดีราวกับจะทำให้ทุกคนเห็น

หลังจากที่ทุกคนกลับไป ฉันก็ขมวดตามองแอนแล้วพูดขึ้น 「คิดอะไรของคุณน่ะคะ? ถึงได้ทำแบบนั้นต่อหน้าทุกคน」

จริงๆ ก็พอจะเดาได้แหละ บางทีที่เด็กคนนี้คงจะอยากแสดงให้คนอื่นเห็น อาจจะเป็นเพราะเคยเห็นฉันกับพวกแมรี่ทำตัวสนิทสนมกันตรงไหนสักแห่ง

ฉันเห็นความเย็นชาเล็กน้อยบนใบหน้าปั้นยิ้มยามที่แนะนำตัวในตอนแรก แม้เธอจะชอบแสดงท่าทีที่เดาทางยากและทำตัวเหมือนมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ก็อาจจะขี้หึงหวงเกินคาดก็ได้

ถ้าแอนไปสนิทสนมกับเด็กคนอื่น ฉันคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน

แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็เถอะ ถ้าคนอื่นเข้าใจผิดว่าเรามีความสัมพันธ์แบบนั้นจริงๆ ล่ะจะทำยังไง

「ไม่ชอบเหรอคะ? เสียงกระซิบบอกรักน่ะ」 แอนพูดเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ

หัวใจเต้นระรัวจนตัวเองยังรู้สึกได้ ช่างเป็นเด็กที่ไม่ดีต่อหัวใจเลยจริงๆ บอกรักออกมาง่ายๆ ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนรักกันแท้ๆ

หยาบโลน ไม่มีน้ำหนัก

ทั้งที่พ่นคำแบบนั้นออกมาแท้ๆ แต่กลับรู้สึกว่ามันสมกับเป็นเธอเอามากๆ นั่นทำให้ฉันรู้สึกสับสน

「กะ ก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะคะ ――」 ฉันพูดอย่างงึมงำ 「―― แต่ช่วยคิดถึงกาลเทศะด้วยค่ะ!」

แอนยิ้มกว้างยิ่งขึ้น 「งั้นจะทำเฉพาะเวลาอยู่ด้วยกันสองคนนะคะ」

「ช่วยทำอย่างนั้นด้วยค่ะ」 พอพูดแบบนั้นไปก็คิดใหม่ทันที

ฉันแพ้แอน และชินกับการถูกเอ็นดูอยู่ฝ่ายเดียวเกินไป เลยเผลอยอมรับแต่โดยดีไปซะแล้ว

「ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นค่ะ」 ฉันส่ายหัวแล้วพูดพร้อมกับถอนหายใจ

「น่าเสียดายจังค่ะ」 แอนพูดเหมือนไม่ได้มาจากใจ

ถึงอย่างนั้นก็ยังตรึงฉันด้วยสายตาอ่อนโยนที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด